รร ไม่ผิด แต่ผิด ที่ จรรยาบรรณ มนุษยธรรม จิตใต้สำนึกในความเป็นครู ทำให้มองภาพรวมองค์กรแย่
เหตุเกิดวันที่ 13 ธค ปีที่แล้ว ณ เวลาหกโมงครึ่ง เด็กกลุ่มนึงเล่นกันเตะบอล เรากับพ่อ ผปค เด็ก ก็ยืนมองอยุ่ฝั่งตรงข้าม เด็กอีกคนเตะบอลเข้าไปติดตาข่าย และภูผา ก็ใช้มือ 2 มือ โหนโกลประตูบอล แล้วใช้เท้าเขี่ยบอลออกมา แต่โกลประตูซึ่งตั้งวางประดับ ไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวไว้ ทำให้โกลประตูทับมือภูผา จนเนื้อปลายเล็บฉีก เลือดไหล ลูกร้องด้วยความเจ็บเพราะประตูโกลเป็นเหล็ก รีบวิ่งไปหาลูก เดินผ่านหน้าห้องธุรการ ซึ่งหน้าห้องธุรการมีครูหลายคนนั่งอยุ่ เลยพูดไปว่า รบกวนเปิดห้องพยาบาลให้หน่อยค่ะ แล้วเดินพาลูกไปล้างมือ เดินกลับมายังนั่งที่เดิม ไม่พูดอะไร หรืออาจจะพูด จังหวะนั้นจำไม่ได้ ก็เลยไม่ได้สนใจ เดินไปเปิดประตูเอง แต่จังหวะที่เปิดเอง สายตาเหลือบไปเห็น ครูหลายคนจากนั่งหน้าห้องธุรการ เดินเข้าห้องธุรการกันหมด โดยที่ไม่มีครูคนไหนสนใจสักคน ภาพนั้นคืออะไร เปิดห้องพยาบาลมา อยากได้น้ำเกลือล้างแผลก่อน แต่ตู้ยามันล็อค เลยเดินไปห้องธุรการ บอกครูกลุ่มนั้นว่า ขอกุญแจตู้ยาได้ไหมคะ คำตอบคือ ไม่มีกุญแจค่ะคุณแม่ เลยอืมมม เคร จบ รีบบอกลูกเราป่ะไป รพ กัน คนที่เดินมาบอกว่าคุณแม่ ใช้บัตรประกันอุบัติเหตุน้องนะค่ะ อยุ่ในสมุดจดการบ้าน คือ ผปค เด็ก และคนที่ไปซื้อน้ำเกลือให้ลูกเราคือ ผปค เด็ก แต่ครูพวกนั้นคือ??? ไม่มีครูคนไหนสักคน เดินมาถามกันเลย ไม่มีเลย
นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ 13 ธค ปีที่แล้ว (2562) ไม่เคยโกรธโรงเรียน ไม่เคยโทษโรงเรียน เด็กเล่นกันมันเป็นอุบัติเหตุและเวลาหกโมงครึ่งแล้ว แต่....สิ่งที่ คาใจจนทุกวันนี้คือ ความเป็นครู จรรยาบรรณ มนุษยธรรม และ จิตใต้สำนึกอยู่ตรงไหน????
พอเปิดหลังปีใหม่มา พาลูกไป รพ เรื่อยๆ ล้างแผล เช็คแผล จนผ่าน รร แห่งหนึ่ง ซึ่งลูกบอกอยากเรียน นั่นแหละ คือจุดเริ่มความคิดที่จะย้าย และหาข้อมูลเอง จนได้ข้อมูล จนซื้อใบสมัคร......
แต่......เมื่อวันที่ 14 กพ เหตุการณ์ ที่ทำให้ได้คุยกับคนที่ใครๆ ก็เข้าใจว่า ใหญ่สุดใน รร กลับพูดถึงเหตุกานนี้ว่า
1. เหตุเกิด ณ เวลา หกโมงครึ่ง
2. เวลาที่ครูเวรจะอยุ่และรับผิดชอบคือแค่ห้าโมงครึ่ง
ฉะนั้น เวลาที่เกิดเหตุคือ หกโมงครึ่ง รร ไม่ผิดที่จะไม่รับผิดชอบหรือใส่ใจ
เอาง่ายๆ ภาษาชาวบ้าน คือ เวลานั้นไม่อยุ่ในความรับผิดชอบของ รร หรือครูคนไหน
นี่คือคำพูดแนวๆ นี้ ที่ออกมาจากปากของคนที่ทุกคนเข้าใจว่าใหญ่สุดใน รร
---------------------
มองในมุม ผปค และมองในมุม รร ใช่ รร ไม่ผิด ถ้ามองในเวลาการทำงาน รร ไม่ผิด แต่ถ้ามองในหลักจรรยาบรรณของความเป็นครู มองในหลักมนุษยธรรม มองในมุมจิตใต้สำนึก มองในมุมของบทบาทความเป็นครู นั่นคือ ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นแม่พิมพ์ของชาติเลย
-----------------------
พอได้ยินคำพูดแบบนี้ออกมาจากปากคนนั้น ที่ใครเข้าใจว่าใหญ่สุดใน รร นั่นคือ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ หาที่เรียนใหม่ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ซื้อใบสมัครในวันนั้น และ ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่า ย้าย และ พาไปสมัครสอบเลยคือ 15 กพ
คำพูดแบบนั้นออกมาจากปากคนที่ใครก็คิดว่าใหญ่สุด นั่นก็คือ ฝากให้ลูกเรียนต่อ ปูพื้นฐานที่นี่มันไม่มีประโยชน์ที่จะอยุ่ต่อกับไร้ซึ่งจรรยาบรรณแบบนี้ และจิตใต้สำนึกไม่มี
แต่ทั้งนี้ ครูดีๆหลายคนก็มี แต่ปลาเน่าตัวเดียว เน่าทั้งห้อง
เรื่องจรรยาบรรณของการเป็นครูที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในย่านสาทร/สีลม
เหตุเกิดวันที่ 13 ธค ปีที่แล้ว ณ เวลาหกโมงครึ่ง เด็กกลุ่มนึงเล่นกันเตะบอล เรากับพ่อ ผปค เด็ก ก็ยืนมองอยุ่ฝั่งตรงข้าม เด็กอีกคนเตะบอลเข้าไปติดตาข่าย และภูผา ก็ใช้มือ 2 มือ โหนโกลประตูบอล แล้วใช้เท้าเขี่ยบอลออกมา แต่โกลประตูซึ่งตั้งวางประดับ ไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวไว้ ทำให้โกลประตูทับมือภูผา จนเนื้อปลายเล็บฉีก เลือดไหล ลูกร้องด้วยความเจ็บเพราะประตูโกลเป็นเหล็ก รีบวิ่งไปหาลูก เดินผ่านหน้าห้องธุรการ ซึ่งหน้าห้องธุรการมีครูหลายคนนั่งอยุ่ เลยพูดไปว่า รบกวนเปิดห้องพยาบาลให้หน่อยค่ะ แล้วเดินพาลูกไปล้างมือ เดินกลับมายังนั่งที่เดิม ไม่พูดอะไร หรืออาจจะพูด จังหวะนั้นจำไม่ได้ ก็เลยไม่ได้สนใจ เดินไปเปิดประตูเอง แต่จังหวะที่เปิดเอง สายตาเหลือบไปเห็น ครูหลายคนจากนั่งหน้าห้องธุรการ เดินเข้าห้องธุรการกันหมด โดยที่ไม่มีครูคนไหนสนใจสักคน ภาพนั้นคืออะไร เปิดห้องพยาบาลมา อยากได้น้ำเกลือล้างแผลก่อน แต่ตู้ยามันล็อค เลยเดินไปห้องธุรการ บอกครูกลุ่มนั้นว่า ขอกุญแจตู้ยาได้ไหมคะ คำตอบคือ ไม่มีกุญแจค่ะคุณแม่ เลยอืมมม เคร จบ รีบบอกลูกเราป่ะไป รพ กัน คนที่เดินมาบอกว่าคุณแม่ ใช้บัตรประกันอุบัติเหตุน้องนะค่ะ อยุ่ในสมุดจดการบ้าน คือ ผปค เด็ก และคนที่ไปซื้อน้ำเกลือให้ลูกเราคือ ผปค เด็ก แต่ครูพวกนั้นคือ??? ไม่มีครูคนไหนสักคน เดินมาถามกันเลย ไม่มีเลย
นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ 13 ธค ปีที่แล้ว (2562) ไม่เคยโกรธโรงเรียน ไม่เคยโทษโรงเรียน เด็กเล่นกันมันเป็นอุบัติเหตุและเวลาหกโมงครึ่งแล้ว แต่....สิ่งที่ คาใจจนทุกวันนี้คือ ความเป็นครู จรรยาบรรณ มนุษยธรรม และ จิตใต้สำนึกอยู่ตรงไหน????
พอเปิดหลังปีใหม่มา พาลูกไป รพ เรื่อยๆ ล้างแผล เช็คแผล จนผ่าน รร แห่งหนึ่ง ซึ่งลูกบอกอยากเรียน นั่นแหละ คือจุดเริ่มความคิดที่จะย้าย และหาข้อมูลเอง จนได้ข้อมูล จนซื้อใบสมัคร......
แต่......เมื่อวันที่ 14 กพ เหตุการณ์ ที่ทำให้ได้คุยกับคนที่ใครๆ ก็เข้าใจว่า ใหญ่สุดใน รร กลับพูดถึงเหตุกานนี้ว่า
1. เหตุเกิด ณ เวลา หกโมงครึ่ง
2. เวลาที่ครูเวรจะอยุ่และรับผิดชอบคือแค่ห้าโมงครึ่ง
ฉะนั้น เวลาที่เกิดเหตุคือ หกโมงครึ่ง รร ไม่ผิดที่จะไม่รับผิดชอบหรือใส่ใจ
เอาง่ายๆ ภาษาชาวบ้าน คือ เวลานั้นไม่อยุ่ในความรับผิดชอบของ รร หรือครูคนไหน
นี่คือคำพูดแนวๆ นี้ ที่ออกมาจากปากของคนที่ทุกคนเข้าใจว่าใหญ่สุดใน รร
---------------------
มองในมุม ผปค และมองในมุม รร ใช่ รร ไม่ผิด ถ้ามองในเวลาการทำงาน รร ไม่ผิด แต่ถ้ามองในหลักจรรยาบรรณของความเป็นครู มองในหลักมนุษยธรรม มองในมุมจิตใต้สำนึก มองในมุมของบทบาทความเป็นครู นั่นคือ ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นแม่พิมพ์ของชาติเลย
-----------------------
พอได้ยินคำพูดแบบนี้ออกมาจากปากคนนั้น ที่ใครเข้าใจว่าใหญ่สุดใน รร นั่นคือ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ หาที่เรียนใหม่ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ซื้อใบสมัครในวันนั้น และ ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่า ย้าย และ พาไปสมัครสอบเลยคือ 15 กพ
คำพูดแบบนั้นออกมาจากปากคนที่ใครก็คิดว่าใหญ่สุด นั่นก็คือ ฝากให้ลูกเรียนต่อ ปูพื้นฐานที่นี่มันไม่มีประโยชน์ที่จะอยุ่ต่อกับไร้ซึ่งจรรยาบรรณแบบนี้ และจิตใต้สำนึกไม่มี
แต่ทั้งนี้ ครูดีๆหลายคนก็มี แต่ปลาเน่าตัวเดียว เน่าทั้งห้อง