รีวิวทริปนี้ เป็นทริปสำหรับคนขี้เกียจค่ะ
ไม่ขี่มอไซด์(ขี่ไม่เป็น) ไม่แอดเวนเจอร์ เน้นพักผ่อน ชาร์ตแบตจากชีวิตที่วุ่นวายในกรุงเทพฯ
เริ่มต้นที่ขนส่งเอกมัย ไม่ได้นั่งเครื่องนะคะ ประหยัดงบ 5555
ขาไปเราต้องนั่งรถตู้ปกติ เพราะตื่นมาจองรถตู้แบบใหม่ที่มันกึ่งๆมินิบัสไม่ทัน
รถจะจองได้ล่วงหน้า 5 วัน อย่างจะไปวันที่ 10 วันที่ 5 แปดโมงก็รีบตื่นมาจอง เพราะรถมีแค่รอบละคัน
ข้อดีของรถตู้เล็กคือ วิ่งเร็ว ออกตีห้า เก้าโมงครึ่งถึงบขส ตราดละ
ข้อเสียคือ นั่งไม่สบาย ยิ่งเจอหันที่เบาะยกสูงไปอีก โห เมื่อยก้นมาก
ตอนขากลับเราจองรถตู้ใหญ่ทัน ก็จะนั่งสบายขึ้นมาหน่อย แต่ก็ใช้เวลาเดินทางนานขึ้น
พอถึงบขส ก็จะมีรถสองแถวมารับเราไปที่จุดรอเรือ จุดนี้เสียค่าสองแถวเพิ่มคนละ 40 บาท
แพคเกจค่าเรือ จะรวมเฉพาะสองแถวที่นั่งจากจุดรอ ไปยังท่าเรือ และจากท่าเรือไปที่รีสอร์ท
พักรีสอร์ทไหนแจ้งเค้าได้เลยค่ะ ส่งฟรีทั่วเกาะ
นั่งเรือนานมาก ประมาณชม.ครึ่ง ฝนก็ตก (ตกกลางทะเล บนเกาะไม่มีฝนนะคะ) เลยหลับอย่างเดียวเลยกลัวเมา
ใครขี้หนาวควรเตรียมเสื้อคลุมมา บนเรือมีแอร์ แถมพัดลมเป่าเต็มๆอีก
ไปถึงเกาะ นั่งรถสองแถวอีกประมาณ 20-30 นาทีได้ ระหว่างทางเป็นป่าาาา เขียวๆสดชื่น แต่กลิ่นไม่สดชื่นเลยอะ
ตอนเรานั่งสองแถวบนเกาะพยาม กลิ่นต้นไม้มันเฟรชมากกกก ทำไมที่นี่เหม็นๆน้ำมันไม่รู้ ทั้งๆที่รถก็ไม่ได้เยอะนะ
เราพักที่ Away Koh Kood สังเกตไม่ยากเลย บรรยากาศหน้ารีสอร์ท jungle มาก
อีกฝั่งของถนนจะเป็นร้านอาหารอีกร้านของรีสอร์ท ซึ่งคนจากร้านนี้แหละค่ะก็จะวิ่งมาต้อนรับก่อน เพราะล็อบบี้ต้องเดินเข้าไปอีกค่อนข้างไกล
เข้ามาในบริเวณรีสอร์ทก็จะได้ฟีลติดเกาะ จริงๆด้านหน้าแถวๆป้ายมีลูกบอล Wilson แบบในเรื่อง Cast Away ด้วยนะ
เอ้อ อยู่ไปก็ได้ฟีลนั้นจริงๆ 5555
บรรยากาศในรีสอร์ทค่ะ ทางเดินไม้ทอดยาวไปที่ล็อบบี้ และร้านอาหารสำหรับทานอาหารเช้า และ All day dining
Welcome drink น่าจะเป็นน้ำใบเตย รสชาติเหมือนวุ้น เย็นๆชื่นใจ
มาถึงห้องพัก ลืมถ่ายในห้องมา เพราะเหนื่อย ถึงเตียงก็เละเลย 5555
แต่ประทับใจโอ่งเล็กๆล้างเท้าด้านหน้ามาก แล้วน้ำในโอ่งเย็นเจี๊ยบบบบ ราดไปทีฟินมาก
ทางเข้าห้องพักแอบเล็กไปหน่อยนะ เข้าบ้านผิดทุกวัน ป้ายเลขบ้านมันอยู่ข้างในเลยมองไม่เห็น
ระเบียงหน้าห้องพัก เบาะนี้นั่งฟินมาก แล้วดูวิวจากระเบียง! เหมาะแก่การออกมานั่งรับลมทุกเช้า
คำเตือน: ม่านบางมากค่ะ ใครจะมาสวีวี้วี ตอนกลางคืนห้ามเปิดไฟในบ้านนะ เห็นหมด
ลืม เราพักห้อง oceanfront เป็นบังกะโลแถวหน้าเลย ห้องใหญ่ม๊าก นอนได้สูงสุด 4 คน เป็นเตียงควีนสองเตียง
ใครอยากได้วิวสวยๆ นอนห้องนี้เลยคุ้ม
มาถึงขอนวดก่อนเลย หลังจากเพลียร่างมาจากการเดินทางแสนยาวนาน
หมอนวดที่นี่มือหนักดี แต่ไม่เจ็บ เราเลือกนวดเท้า ตบขาทีปั๊กๆๆๆจนเพื่อนที่นวดไทยตกใจ 5555 ครึ่งหลังตอนนวดหัวนวดไหล่ให้ก็สบายย
แต่ศาลานวดที่นี่จะไม่ได้เป็นห้องแยกนะคะ เป็นเตียงวางเรียงเลย มีผ้าคลุมให้ ไม่ต้องเปลี่ยนชุดก็ได้ค่ะ
ไอเทมลับ ศาลานี้คือวิวหลักล้านนนนนนนน
จากรูปข้างบน สังเกตว่าจะมีศาลาริมน้ำเต็มไปหมด ไม่ต้องกลัวคนแย่ง มีพอนั่งแน่นอน
แต่ที่ฟินที่สุดคือศาลานี้ค่าาา จะอยู่เลยสะพานสำหรับจอดสปีดโบทไปนิดนึง ลมโกรก มีบีนแบ็คดูดวิญญาณ
เช้าวันที่สองหลังกินข้าวเช้าเสร็จเราก็มานอนตรงนี้จนถึงบ่าย 5555555 มันฟินจริงๆอะ ลืมโลกไปเลย
น้ำทะเลที่เกาะกูด เค้าว่ากันว่าเป็นมัลดีฟเมืองไทย
จริงไหมไม่รู้ เพราะไม่เคยไปมัลดีฟ แต่ที่เห็นนี่ก็คือสวยจริงๆ ใสเป็นประกาย กระทบแดดนี่วิ๊งระยับเลย
โซนหน้าบ้าน เราว่ามันได้ฟีลทะเลสาปหน่อยๆ เพราะมีส่วนที่พื้นเป็นทรายอยู่
ส่วนแนวโขดหินนี่ก็เห็นเป็นสีฟ้า น้ำเงินอมเขียวตัดกันชัดเจน เสียดายถ้าบินโดรนได้ภาพมุมสูงคงจะสวยกว่านี้มากๆ
มุมทานอาหารเช้า ก็วิวดี๊ดีซะเหลือเกิน
สำหรับไลน์บุฟเฟ่อาหารเช้าที่นี่ ทำได้ดีค่ะ มีสเตชั่นทอดเบคอนกรอบๆร้อนๆ ฟินสะใจ นี่กินไปเป็นโล
รวมถึงสเตชั่นไข่ทอดด้วย แล้วก็มีขนมปังปิ้ง โยเกิร์ต ซีเรียล เบเกอรี่อย่างสองอย่าง
สเตชั่นอาหารไทยวันแรกมีผัดไทย อร่อยมากกกกกค่า อุตส่าห์จะกินซ้ำวันที่สองแต่เค้าเปลี่ยนเป็นสปาเกตตี้ แง้
กุ้งก็คือแบบเดียวกับที่สั่ง A la carte เลย หาได้เป็นวิญญาณกุ้งแต่อย่างใด
ส่วนน้ำนอกจากชา กาแฟ นม น้ำส้ม น้ำมะม่วง ก็มี infused water ให้ด้วย สดชื่น ถูกใจมาก
ส่วนอาหารเย็นทั้งสองวัน เราก็ฝากท้องไว้กับร้านอาหารที่รีสอร์ตนี่แหละ
ราคาก็ตามสไตล์ติดเกาะ แรงอยู่ แต่จานทะเลเผาด้านล่างนี่โอเคเลย 300บาท ได้กุ้ง 6 ตัว กับปลาหมึกตัวใหญ่
ทีเด็ดอยู่ที่น้ำจิ้มซีฟู้ด นัวมากกกกก เหมือนแอบใส่ปลาร้าหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่มันนัวกว่าซีฟู้ดทั่วไป
แล้วก็ recommend หอยแมลงภู่อบชีส ข้างในมีกระเทียมกับมะเขือเทศสับ หอมอร่อยมากกก ติดใจสั่งมากินสองวันเลย
สำหรับกิจกรรมที่เกาะ ทางรีสอร์ทจะมีเรือคายัคให้พายเล่นฟรี เพราะรีสอร์ทจะไม่ติดหาด
ต้องพายคายัคข้ามส่วนที่เป็นน้ำลึกไปที่เนินหาดเล็กๆ ใกล้ๆแทน
แล้วก็มีแพคเกจดำน้ำ/ เที่ยวน้ำตก ซึ่งอย่างที่บอกว่าทริปนี้คือทริปขี้เกียจ เราเลยเลือกนั่งเรือไปน้ำตก เพราะขี้เกียจตื่นเช้าไปดำน้ำ
แต่ทางรีสอร์ทแจ้งว่าช่วงนี้จะไม่ค่อยมีน้ำ ไปถึงก็ตามคาด แห้งขอดเลย ถือว่านั่งเรือชมวิวเล่นละกัน
ระหว่างทางก็จะเป็นบรรยากาศของป่าโกงกาง และรีสอร์ทข้างเคียง ใครพายเรือเก่งๆก็พายคายัคมาแถวนี้ได้ค่ะ
เรานั่งเรือมาก็มีสวนไปหลายลำเลย แต่ใจไม่กล้าพอจริงๆ เห็นน้ำเห็นป่าแล้วนึกถึงจระเข้ 55555555
ความหวังที่จะกลับไปพายคายักเล่นบริเวณรีสอร์ทก็อด เพราะกลับไปแล้วหิว กว่าจะกินเสร็จก็มืด
เวลาสองวันผ่านไปเร็วมาก ขนาดไม่ได้ทำอะไรเลย 55555
เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่ามาคนเดียวจะเบื่อไหม หรือถ้าไม่ชอบกิจกรรมทางน้ำเลยจะทำอะไรดี กินๆนอนๆ ชมวิวก็ฟินแล้วค่ะ
ลากันไปด้วยภาพสะพาน signature ยามค่ำคืน
พบกันใหม่ทริปหน้าค่า
[CR] Lazy Holiday at Away Koh Kood พาไปพักร่างที่อะเวย์ เกาะกูด
ไม่ขี่มอไซด์(ขี่ไม่เป็น) ไม่แอดเวนเจอร์ เน้นพักผ่อน ชาร์ตแบตจากชีวิตที่วุ่นวายในกรุงเทพฯ
เริ่มต้นที่ขนส่งเอกมัย ไม่ได้นั่งเครื่องนะคะ ประหยัดงบ 5555
ขาไปเราต้องนั่งรถตู้ปกติ เพราะตื่นมาจองรถตู้แบบใหม่ที่มันกึ่งๆมินิบัสไม่ทัน
รถจะจองได้ล่วงหน้า 5 วัน อย่างจะไปวันที่ 10 วันที่ 5 แปดโมงก็รีบตื่นมาจอง เพราะรถมีแค่รอบละคัน
ข้อดีของรถตู้เล็กคือ วิ่งเร็ว ออกตีห้า เก้าโมงครึ่งถึงบขส ตราดละ
ข้อเสียคือ นั่งไม่สบาย ยิ่งเจอหันที่เบาะยกสูงไปอีก โห เมื่อยก้นมาก
ตอนขากลับเราจองรถตู้ใหญ่ทัน ก็จะนั่งสบายขึ้นมาหน่อย แต่ก็ใช้เวลาเดินทางนานขึ้น
พอถึงบขส ก็จะมีรถสองแถวมารับเราไปที่จุดรอเรือ จุดนี้เสียค่าสองแถวเพิ่มคนละ 40 บาท
แพคเกจค่าเรือ จะรวมเฉพาะสองแถวที่นั่งจากจุดรอ ไปยังท่าเรือ และจากท่าเรือไปที่รีสอร์ท
พักรีสอร์ทไหนแจ้งเค้าได้เลยค่ะ ส่งฟรีทั่วเกาะ
นั่งเรือนานมาก ประมาณชม.ครึ่ง ฝนก็ตก (ตกกลางทะเล บนเกาะไม่มีฝนนะคะ) เลยหลับอย่างเดียวเลยกลัวเมา
ใครขี้หนาวควรเตรียมเสื้อคลุมมา บนเรือมีแอร์ แถมพัดลมเป่าเต็มๆอีก
ไปถึงเกาะ นั่งรถสองแถวอีกประมาณ 20-30 นาทีได้ ระหว่างทางเป็นป่าาาา เขียวๆสดชื่น แต่กลิ่นไม่สดชื่นเลยอะ
ตอนเรานั่งสองแถวบนเกาะพยาม กลิ่นต้นไม้มันเฟรชมากกกก ทำไมที่นี่เหม็นๆน้ำมันไม่รู้ ทั้งๆที่รถก็ไม่ได้เยอะนะ
เราพักที่ Away Koh Kood สังเกตไม่ยากเลย บรรยากาศหน้ารีสอร์ท jungle มาก
อีกฝั่งของถนนจะเป็นร้านอาหารอีกร้านของรีสอร์ท ซึ่งคนจากร้านนี้แหละค่ะก็จะวิ่งมาต้อนรับก่อน เพราะล็อบบี้ต้องเดินเข้าไปอีกค่อนข้างไกล
เข้ามาในบริเวณรีสอร์ทก็จะได้ฟีลติดเกาะ จริงๆด้านหน้าแถวๆป้ายมีลูกบอล Wilson แบบในเรื่อง Cast Away ด้วยนะ
เอ้อ อยู่ไปก็ได้ฟีลนั้นจริงๆ 5555
บรรยากาศในรีสอร์ทค่ะ ทางเดินไม้ทอดยาวไปที่ล็อบบี้ และร้านอาหารสำหรับทานอาหารเช้า และ All day dining
Welcome drink น่าจะเป็นน้ำใบเตย รสชาติเหมือนวุ้น เย็นๆชื่นใจ
มาถึงห้องพัก ลืมถ่ายในห้องมา เพราะเหนื่อย ถึงเตียงก็เละเลย 5555
แต่ประทับใจโอ่งเล็กๆล้างเท้าด้านหน้ามาก แล้วน้ำในโอ่งเย็นเจี๊ยบบบบ ราดไปทีฟินมาก
ทางเข้าห้องพักแอบเล็กไปหน่อยนะ เข้าบ้านผิดทุกวัน ป้ายเลขบ้านมันอยู่ข้างในเลยมองไม่เห็น
ระเบียงหน้าห้องพัก เบาะนี้นั่งฟินมาก แล้วดูวิวจากระเบียง! เหมาะแก่การออกมานั่งรับลมทุกเช้า
คำเตือน: ม่านบางมากค่ะ ใครจะมาสวีวี้วี ตอนกลางคืนห้ามเปิดไฟในบ้านนะ เห็นหมด
ลืม เราพักห้อง oceanfront เป็นบังกะโลแถวหน้าเลย ห้องใหญ่ม๊าก นอนได้สูงสุด 4 คน เป็นเตียงควีนสองเตียง
ใครอยากได้วิวสวยๆ นอนห้องนี้เลยคุ้ม
มาถึงขอนวดก่อนเลย หลังจากเพลียร่างมาจากการเดินทางแสนยาวนาน
หมอนวดที่นี่มือหนักดี แต่ไม่เจ็บ เราเลือกนวดเท้า ตบขาทีปั๊กๆๆๆจนเพื่อนที่นวดไทยตกใจ 5555 ครึ่งหลังตอนนวดหัวนวดไหล่ให้ก็สบายย
แต่ศาลานวดที่นี่จะไม่ได้เป็นห้องแยกนะคะ เป็นเตียงวางเรียงเลย มีผ้าคลุมให้ ไม่ต้องเปลี่ยนชุดก็ได้ค่ะ
ไอเทมลับ ศาลานี้คือวิวหลักล้านนนนนนนน
จากรูปข้างบน สังเกตว่าจะมีศาลาริมน้ำเต็มไปหมด ไม่ต้องกลัวคนแย่ง มีพอนั่งแน่นอน
แต่ที่ฟินที่สุดคือศาลานี้ค่าาา จะอยู่เลยสะพานสำหรับจอดสปีดโบทไปนิดนึง ลมโกรก มีบีนแบ็คดูดวิญญาณ
เช้าวันที่สองหลังกินข้าวเช้าเสร็จเราก็มานอนตรงนี้จนถึงบ่าย 5555555 มันฟินจริงๆอะ ลืมโลกไปเลย
น้ำทะเลที่เกาะกูด เค้าว่ากันว่าเป็นมัลดีฟเมืองไทย
จริงไหมไม่รู้ เพราะไม่เคยไปมัลดีฟ แต่ที่เห็นนี่ก็คือสวยจริงๆ ใสเป็นประกาย กระทบแดดนี่วิ๊งระยับเลย
โซนหน้าบ้าน เราว่ามันได้ฟีลทะเลสาปหน่อยๆ เพราะมีส่วนที่พื้นเป็นทรายอยู่
ส่วนแนวโขดหินนี่ก็เห็นเป็นสีฟ้า น้ำเงินอมเขียวตัดกันชัดเจน เสียดายถ้าบินโดรนได้ภาพมุมสูงคงจะสวยกว่านี้มากๆ
มุมทานอาหารเช้า ก็วิวดี๊ดีซะเหลือเกิน
สำหรับไลน์บุฟเฟ่อาหารเช้าที่นี่ ทำได้ดีค่ะ มีสเตชั่นทอดเบคอนกรอบๆร้อนๆ ฟินสะใจ นี่กินไปเป็นโล
รวมถึงสเตชั่นไข่ทอดด้วย แล้วก็มีขนมปังปิ้ง โยเกิร์ต ซีเรียล เบเกอรี่อย่างสองอย่าง
สเตชั่นอาหารไทยวันแรกมีผัดไทย อร่อยมากกกกกค่า อุตส่าห์จะกินซ้ำวันที่สองแต่เค้าเปลี่ยนเป็นสปาเกตตี้ แง้
กุ้งก็คือแบบเดียวกับที่สั่ง A la carte เลย หาได้เป็นวิญญาณกุ้งแต่อย่างใด
ส่วนน้ำนอกจากชา กาแฟ นม น้ำส้ม น้ำมะม่วง ก็มี infused water ให้ด้วย สดชื่น ถูกใจมาก
ส่วนอาหารเย็นทั้งสองวัน เราก็ฝากท้องไว้กับร้านอาหารที่รีสอร์ตนี่แหละ
ราคาก็ตามสไตล์ติดเกาะ แรงอยู่ แต่จานทะเลเผาด้านล่างนี่โอเคเลย 300บาท ได้กุ้ง 6 ตัว กับปลาหมึกตัวใหญ่
ทีเด็ดอยู่ที่น้ำจิ้มซีฟู้ด นัวมากกกกก เหมือนแอบใส่ปลาร้าหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่มันนัวกว่าซีฟู้ดทั่วไป
แล้วก็ recommend หอยแมลงภู่อบชีส ข้างในมีกระเทียมกับมะเขือเทศสับ หอมอร่อยมากกก ติดใจสั่งมากินสองวันเลย
สำหรับกิจกรรมที่เกาะ ทางรีสอร์ทจะมีเรือคายัคให้พายเล่นฟรี เพราะรีสอร์ทจะไม่ติดหาด
ต้องพายคายัคข้ามส่วนที่เป็นน้ำลึกไปที่เนินหาดเล็กๆ ใกล้ๆแทน
แล้วก็มีแพคเกจดำน้ำ/ เที่ยวน้ำตก ซึ่งอย่างที่บอกว่าทริปนี้คือทริปขี้เกียจ เราเลยเลือกนั่งเรือไปน้ำตก เพราะขี้เกียจตื่นเช้าไปดำน้ำ
แต่ทางรีสอร์ทแจ้งว่าช่วงนี้จะไม่ค่อยมีน้ำ ไปถึงก็ตามคาด แห้งขอดเลย ถือว่านั่งเรือชมวิวเล่นละกัน
ระหว่างทางก็จะเป็นบรรยากาศของป่าโกงกาง และรีสอร์ทข้างเคียง ใครพายเรือเก่งๆก็พายคายัคมาแถวนี้ได้ค่ะ
เรานั่งเรือมาก็มีสวนไปหลายลำเลย แต่ใจไม่กล้าพอจริงๆ เห็นน้ำเห็นป่าแล้วนึกถึงจระเข้ 55555555
ความหวังที่จะกลับไปพายคายักเล่นบริเวณรีสอร์ทก็อด เพราะกลับไปแล้วหิว กว่าจะกินเสร็จก็มืด
เวลาสองวันผ่านไปเร็วมาก ขนาดไม่ได้ทำอะไรเลย 55555
เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่ามาคนเดียวจะเบื่อไหม หรือถ้าไม่ชอบกิจกรรมทางน้ำเลยจะทำอะไรดี กินๆนอนๆ ชมวิวก็ฟินแล้วค่ะ
ลากันไปด้วยภาพสะพาน signature ยามค่ำคืน
พบกันใหม่ทริปหน้าค่า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้