●● 11​ เรื่องควรรู้​... ก่อนที่จะฟังศาล​วินิจฉัย​คดียุบพรรคอนาคตใหม่รับเงินกู้ธนาธร ●●

●● 11​ เรื่องควรรู้​... ก่อนที่จะฟังศาล​วินิจฉัย​คดียุบพรรคอนาคตใหม่รับเงินกู้ธนาธร ●●

         ดร.เวทิน​ ชาติกุล ผอ.สถาบันทิศทางไทย  เผยแพร่ความเห็นเรื่อง

         "11​ เรื่องควรรู้​ ก่อนที่จะฟังศาล​วินิจฉัย​คดียุบพรรคอนาคตใหม่รับเงินกู้ธนาธร​"

         ผ่านเฟซบุ๊กเพจสถาบันทิศทางไทย-Thai Move Institute โดยมีรายละเอียดดังนี้...

1.​ ศาลรธน.จะวินิจฉัยตามคำร้องของ​ กกต.

    ศาลไม่ได้ตัดสินตามใจศาล​ แต่ตัดสินตามคำร้องของผู้ร้องซึ่งในที่นี้คือ​ กกต.​ โดยพิจารณาตามข้อเท็จจริง​
    และข้อกฎหมาย

2.​ คำร้องของ​ กกต.​ ร้องว่าอะไร?

    (11 ธ.ค. 62)​ กกต.มีมติพรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินจากธนาธร 191,200,000 บาท เป็นการกระทำอันเป็น
    การฝ่าฝืนมาตรา 72แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560

    จึงมีมติด้วยคะแนนเสียงข้างมาก ให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่
    ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย
    พรรคการเมือง พ.ศ. 2560

3.​ คำร้องของ​ กกต.​ แปลว่า?

3.1​ พรรคอนาคตใหม่​ กู้ยืมเงินจาก​ ธนาธร​ 191​ ล้าน
3.2​ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิด​ ม.72​ (ตาม​ พรป.ประกอบ​ รธน.​ ว่าด้วยพรรคการเมือง​ 2560)
3.3​ กกต.จึงยื่นคำร้องให้ยุบพรรคอนาคตใหม่​ ตาม​ มาตรา​ 92 วรรค​ 1​ (3) และ​ มาตรา​ 93

4.​ มาตรา​ 72​ เขียนไว้ว่าอย่างไร

     มาตรา 72

     ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด
    โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบ
    ด้วยกฎหมาย

5.​ มาตรา​ 72​ แปลว่า​

5.1​ บอกว่า​ พรรคการเมือง​ ห้ามรับ สิ่งต่อไปนี้​ (ไม่ได้บอกว่า​ใคร​จะให้กู้ได้หรือไม่ได้)​

5.2​ สิ่งที่ห้ามรับ​ ก็คือ​

5.2.1 เงินบริจาค​
5.2.2 ทรัพย์สิน
5.2.3 ประโยชน์อื่นใด

5.3​ โดยรู้ หรือ​ ควรรู้​ ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกม.​ หรือ​ มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย

6.​ ข้อเท็จจริงคือ

6.1 พรรคอนาคตใหม่รับเงิน​ ธนาธร​ มาแล้ว​ (โดยระบุว่าเป็นเงินกู้)​ ซึ่งข้อเท็จจริงนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้ว
      ​ ศาลจึงไม่สั่งให้มีการไต่สวนเพิ่มเติม​ จึงเหลือเพียงการพิจารณาว่า​มีความผิดตามข้อกฎหมายหรือไม่?

7.​ ข้อกฎหมายที่ศาลน่าจะวินิจฉัยคือ​

7.1 เงิน​ ธนาธร​ ที่พรรครับมา​ เข้าข่ายสิ่งที่ห้ามรับหรือไม่​ ตาม​ ม.72?

7.1.1 เงินที่พรรครับมาอยู่ในประเภทหนึ่งของรายได้พรรคการเมืองที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่​

7.1.2 ตามมาตรา​ 62​ นั้น​ เงินที่รับมานี้​ไม่อยู่ในประเภทหนึ่งของรายได้พรรคการเมืองที่กฎหมายกำหนด​
          (และตามกฎหมายมหาชน​ ต้องตีความตามตัวบท​ สิ่งที่ทำได้คือสิ่งที่กำหนดไว้​ เท่านั้น)​

7.1.3 เงินที่ไม่อยู่ในประเภทหนึ่งประเภทใดของรายได้พรรคตามกฎหมาย​ที่พรรคอนาคตใหม่รับมานี้ถือว่า​
          "ไม่ชอบด้วยกฎหมาย" ตามมาตรา​ 72​ หรือไม่?

7.2 เงินที่พรรครับมา​ รู้​ หรือ​ ควรรู้​ ว่า​ ได้มาโดยไม่ชอบด้วย กม.​ หรือ​ มีที่มาโดยผิดกม.หรือไม่?

7.2.1 มาตรา​ 66​ วรรคสอง​ "พรรคการเมืองจะรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดซึ่งมีมูลค่า
          เกินวรรคหนึ่งมิได้" = ห้ามพรรคการเมืองรับเงิน​จากบุคคลใดบุคคลหนึ่ง​เกิน​ 10​ ล้านบาท/ปี​

7.2.2 เงินที่พรรคอนาคตใหม่รับมาจากธนาธร​ 191​ ล้าน​ เกิน​ 10​ ล้านบาท/ปี

7.2.3 เงินที่รับมานี้จะถือว่า​"ไม่ชอบด้วยกฎหมาย" ตาม​ มาตรา​ 72​ หรือไม่? 
          (แม้จะอ้างว่าไม่ใช่เงินที่มีที่มาผิด​กฎหมายก็ตาม)​

8.​ ถ้าวินิจฉัยว่า​ ผิด​ จะวินิจฉัยต่อว่า​ มีโทษ​ยุบพรรคตามมาตรา​ 92 วรรค1​ (3) หรือไม่​

9.​ ความเป็นไปได้​ ก็คือ​

9.1 วินิจฉัยว่า​ ไม่ผิด​ และ​ ไม่ยุบพรรค
9.2 วินิจฉัยว่า​ ผิด​ และ​ ยุบพรรค
9.3 วินิจฉัยว่า​ ผิด​ แต่​ ไม่ยุบพรรค​ แต่อาจตัดสิทธิ์​กก.บห.ของพรรค

10.​ เอกสาร​หลุด​ ความเห็นทางกม.อื่น​ๆ​ ศาลจะฟังหรือไม่ฟังก็ได้
      ​ เพราะอำนาจการวินิจฉัยข้อกม.ของศาล​อยู่ที่ศาลอยู่แล้ว

11.​ ประเด็นของรูปคดีนี้ไม่ใช่​ ธนาธร​ "ให้พรรคกู้เงินได้" หรือไม่ได้? ผิดหรือไม่ผิด?
      (นั่นเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องไปว่ากันอีกคดี)​
   
      แต่คือ​ พรรคอนาคตใหม่​หรือกรรมการบริหารพรรค "รับเงิน" ของธนาธร​ (ไม่ว่าจะเรียกว่าเงินอะไรก็ตาม)​
      เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้​ จะมีความผิดหรือไม่? และมีความผิดขนาดไหน?

(หมายเหตุ)​

      คดีนี้​ใช้เวลาสืบเนื่องมายาวนานร่วม​ 9​ เดือน​ ตั้งแต่​ ศรีสุวรรณ​ ไปยื่น​ 21​ พ.ค.2562​ 
      กกต.มีมติ​ 11​ ธ.ค.​ 2562​ ยื่นศาล​ 13​ ธ.ค.​ 2562​ และศาลนัดอ่านคำวินิจฉัย​ 21​ ก.พ.​2563​

      ที่พรรคอนาคตใหม่​ ธนาธร​ จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร​ แสงกนกกุล บอกว่า​ "มีธง"
      ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงทำไมต้องปล่อยให้การพิจารณากินเวลายาวนานถึง​ 9​ เดือน​
      ซึ่ง​ กกต.ถูกวิจารณ์ว่าพยายามดึงเรื่องถ่วงเวลาให้ล่าช้าด้วยซ้ำ​
      จนมีนักกฎหมายหลายคนต้องออกมากระทุ้งผ่านโซเซียลมีเดีย​ เรื่องจึงเดินต่อได้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่