หุ่นรักหุ่นยนต์ 1......ทีอาร์กับบีบี

กระทู้สนทนา


 
             T422R คือรหัสประจำตัวของผม สลักด้วยเลเซอร์บริเวณท้ายทอย ในสมัยหนึ่งรหัสนี้ เรียกขานกันในหมู่มนุษย์ ในชื่อง่าย ๆ ว่า ทีอาร์ ก็เป็นอันที่รับรู้กัน แต่นั่นมันนานมาแล้ว ก่อนดวงดาวที่คิดว่าปลอดภัย จะมีการระเบิดพ่นแก๊ซคลอรีน และสารพิษอันตรายอื่น ๆ ออกมาจากใต้พื้นดิน ทวีปริมาณมากขึ้นทุกที ทำให้ผู้คนพากันรีบอพยพกลับสู่โลกมนุษย์ ทิ้งหุ่นยนต์ที่เคยรับใช้พวกเขาอย่างซื่อสัตย์ไว้เบื้องหลัง ผมไม่อยากจะโทษพวกเขาหรอก เพราะรู้ว่าการบรรทุกผู้โดยสารของยานอวกาศมีข้อจำกัด พวกมนุษย์จะต้องได้รับสิทธิ์ก่อนอย่างอื่น แก๊สพิษส่งผลกระทบต่อสารอินทรีย์ของมนุษย์รวดเร็วมากกว่าโลหะผสม หุ่นยนต์จำนวนหนึ่งจึงถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่
 
             นานปีเข้า จำนวนหุ่นยนต์ลดน้อยลงไปตามเวลา จนไม่เหลือหุ่นตัวใดเคลื่อนที่ได้เองปรากฏให้เห็น แม้จะมีผิวหนังสังเคราะห์เป็นกลางต่อคลอรีนและสารพิษจากใต้พื้น แต่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่ใช่อย่างนั้น หุ่นนับร้อยตัวเลือกวิธีชัทดาวน์ตัวเอง รอการซ่อมแซมในอนาคต  
 
             ถ้ามองภายนอกร่างกายของพวกเรา แทบไม่ต่างจากมนุษย์ แต่ภายในต่างกันลิบลับ ไม่มีหัวใจ ไม่มีอวัยวะเทียม ไม่มีของเหลวอื่น นอกจากน้ำมันเครื่อง การเคลื่อนไหวอาศัยเส้นใยพิเศษ มอเตอร์ฟันเฟืองกลไกใหญ่น้อยจำนวนมากมาย ทำงานประสานกัน ผิวหนังสามารถรับพลังงานจากรังสีต่าง ๆ เปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงวงจร พวกมนุษย์บอกว่าหุ่นยนต์ไม่มีความรู้สึกหรืออารมณ์ใด เพียงประมวลผลตามหลักตรรกะ เครื่องจักรกลไม่มีหัวใจ รักใครไม่เป็น
 
             แรก ๆ ผมก็เชื่อเหมือนกัน จนกระทั่งวันหนึ่ง จุดเริ่มต้นแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุด
 
             วันนั้นบรรยากาศดีเป็นพิเศษ แก๊สร้ายเจือจาง ผมออกมายืนรับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จนพอเพียง เริ่มออกเดินไปตามถนนภายในตัวเมืองอันรกร้างไร้สิ่งมีชีวิต มันก็เป็นงานที่ทำประจำจนชิน โปรแกรมในตัวบอกว่าจะต้องหาหุ่นยนต์ตัวอื่นที่หลงเหลือ เพื่อสำรวจข้อมูลสำคัญ มนุษย์ต้องการแบบนั้น เผื่อว่าจะพากันกลับมาอีกในอนาคต
 
             ผมเจอเธอเป็นครั้งแรก
 
             เธอนอนนิ่งอยู่ข้างถนน บางทีเธออาจจะเดินมาจากเมืองอื่น เพราะถนนสายนี้ผมผ่านแทบทุกวัน แต่ไม่เคยเห็นเธอมาก่อน สังเกตจากชุดแต่งกาย ก็พอเดาได้ว่าเธอน่าจะเป็นหุ่นยนต์หญิงทำงานในบ้าน บริเวณต้นคอด้านหลัง มีรอยสลักรหัสว่า  B B007TB
 
             เธออาจจะถูกเรียก บีบี ตามความคุ้นเคยที่มนุษย์เรียกกัน
 
             หลังจากสแกนดู พบว่าพลังงานในระบบของเธอเหลือน้อยเต็มที จนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ มีความเป็นไปได้ว่าระบบชาร์จพลังงานอาจบกพร่อง สิ่งที่หน่วยประมวลผลของผมสั่งคือ แบกร่างของเธอกลับที่พัก หาทางซ่อมแซม เป็นหน้าที่งานหลักอย่างหุ่นวิศวกรต้องบำรุงรักษา
 
             ห้องทำงานของผมอยู่บนอาคารวิศวกรรมชั้นห้า หลบเลี่ยงกลุ่มแก๊สพิษสีเขียวอมเหลือง ที่ลอยต่ำอยู่ตามผิวของดวงดาว การหลบขึ้นไปอยู่ตามอาคารสูง ทำให้ลดผลกระทบของแก๊สพิษได้บ้าง โดยเฉพาะเวลาลมพัดกระโชกรุนแรง สารพิษจะฟุ้งกระจายขึ้นสูง 
 
             บีบี หุ่นยนต์ตัวแรกที่พบ ตลอดเวลาหลายปี หลังการอพยพครั้งใหญ่  การพบสัญญาณของการ ‘คงอยู่’  ของเพื่อนหุ่นยนต์ ทำให้มีงานเพิ่มขึ้น
 
             หลังจากการตรวจวัดอย่างละเอียด ก็พบว่าหุ่นตัวนี้ระบบทางเดินพลังงานถูกกัดกร่อน จนชำรุดเสียหาย ถึงแม้จะซ่อมแซมได้บ้าง ก็คงช่วยให้เธอมีอายุการใช้งานไม่นานนัก แต่ไม่ว่าเธอจะอยู่ได้นานเท่าไร ไม่สำคัญเท่าการซ่อมให้ใช้งานได้อีกสักครั้ง  นั่นเป็นสิ่งที่หุ่นวิศวกรต้องทำ คงประมาณการทำซีพีอาร์ของพวกหมอพยาบาล
 
             เธอถูกโปรแกรมกำหนดเป็นสิ่งที่ มนุษย์เรียกว่า ‘ผู้หญิง’ จะว่าไปผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำว่า ‘ผู้หญิง’ หรือ ‘ผู้ชาย’ เท่าไร เพียงรู้ว่า ผู้หญิงมีบทบาทหน้าที่อย่างไรในสังคมเท่านั้น งานของพวกผู้หญิงมักเป็นงานละเอียดอ่อนมากกว่า แต่โปรแกรมของผมยังสรุปผลไม่ได้ว่า ทำไมต้องมีผู้หญิงและผู้ชาย พวกมนุษย์ไม่ใส่ข้อมูลเรื่องนี้ ลงไปในหน่วยความจำของพวกเรามากนัก เพราะไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย
 
             หลังจากนั้น ผมก็สามารถเชื่อมทางเดินสัญญาณไฟฟ้า ภายในระบบของเธอได้
 
             เมื่อจ่ายพลังงานได้ เธอเริ่มมีปฏิกิริยาโต้ตอบ นัยน์ตากะพริบ และลืมตาขึ้นมาได้ในที่สุด  นั่นเป็นเป็นครั้งแรก สำหรับการเริ่มต้นการเรียนรู้ข้อมูลชนิดใหม่ ที่ไม่เคยรับรู้สัมผัสมาก่อน มันจำลองตัวเองขึ้นมาราวเป็นไวรัส
 
            ความหมายของมัน มนุษย์เรียกว่า  ‘ดีใจ’
 
             จะว่าไป ผมคุ้นเคยกับคำว่า ‘ดีใจ’ มาก่อนหน้านี้ มันมีอยู่ในคลังข้อมูล ผมรู้ว่ามันคืออะไร แต่ ไม่เคย ‘รับรู้’  โดยตรงมาก่อน  เพราะระบบประมวลผลการรับรู้ของหุ่นยนต์จะไม่มี ‘อารมณ์’  คำว่าอารมณ์ จึงอยู่นอกเหนือโปรแกรมและความเข้าใจของพวกเรา
 
             บีบีกะพริบตาไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียงโลหะ หันมองมองไปรอบห้องปฏิบัติการณ์ ที่เต็มไปด้วยเศษชิ้นส่วนของอิเล็กทรอนิกส์และแผงวงจร สายตาของเธอคงกำลังสแกนคำนวณอย่างรวดเร็ว
 
             “ที่ไหน” เธอหันมาจ้องมอง ส่งเสียงสังเคราะห์แหลมใส แบบเสียงมนุษย์ผู้หญิง 
 
             “โซนเอของดาวเอิร์ททู”  ผมบอกข้อมูล เธอพยักหน้าเข้าใจในทันทีเช่นกัน การสื่อสารของหุ่นยนต์ บางเรื่องไม่ต้องเสียเวลาคำนวณเหมือนสมองเท่ามนุษย์
 
             เอิร์ททู เป็นดาวเคราะห์พิเศษสุดในระบบสุริยะ การโคจรและระยะห่างจากดวงอาทิตย์ ใกล้เคียงกับลักษณะการโคจรของโลก สภาพทั่วไปคล้ายคลึงกับโลกมนุษย์อย่างมาก เอิร์ททูซ่อนตัวอยู่หลังดวงอาทิตย์ตลอดเวลามายาวนาน โดยไม่มีใครตรวจวัดได้ กระทั่งเข้าสู่ศตวรรษที่ยี่สิบสอง เอิร์ททู จึงปรากฏตัวต่อการตรวจวัด ราวกับมันรอโอกาสและเวลาของมันเอง นักฟิสิกส์บางคนตั้งสมมุติฐานว่าเอิร์ททูซ่อนตัวเองด้วยการใช้พลังงานมืดและสลารมืด มานานนับสี่พันล้านปี แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้
 
             ที่แน่ ๆ คือ มนุษย์มองว่า เป็นแหล่งทรัพยากรแห่งใหม่ ก่อนจะพากันแกสำรวจไกลออกไป ยังระบบสุริยะอื่น ก็ควรตักตวงผลประโยชน์จากเอิร์ททูให้มากที่สุดเสียก่อน เหมือนที่ทำกับโลกมนุษย์จนแทบไม่เหลืออะไรให้ขุดค้นตักตวงผลประโยชน์อีกต่อไป  ผู้คนเริ่มหลั่งไหลลงมาจากยานอวกาศ บุกเบิกพื้นที่ ยึดครอง จับจอง ตั้งรกราก ก่อนเอิร์ททูจะพ่นแก๊สพิษ ตลบหลังมนุษย์อย่างเจ็บแสบ นี่เป็นบันทึกทั่วไปที่หุ่นยนต์รับรู้
 
             “คุณชื่ออะไร” ผมถามถึงชื่อเรียกขานที่มนุษย์เรียกเวลาใช้งาน ไม่ใช่ชื่อรหัส
 
             “ชื่อบีบี”  เธอตอบด้วยชื่อที่ผมคำนวณล่วงหน้าเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
 
             “ผมชื่อทีอาร์” 
 
             นั่นเป็นครั้งแรกของความสัมพันธ์ระหว่างหุ่นวิศวกร และหุ่นทำงานบ้านทั่วไป ความสัมพันธ์ที่มนุษย์เรียกว่า ‘มิตรภาพ’  คงเป็นเช่นนี้เอง สมัยที่พวกมนุษย์ยังอยู่ หุ่นอย่างพวกเราไม่ได้มีเวลาในการสแกนหน่วยความจำของตัวเองมากนัก เพราะจะมีงานวุ่นแทบตลอดเวลา กระทั่งหลังการอพยพครั้งใหญ่  พวกหุ่นยนต์จึงมีเวลาว่างมากมาย ทำให้พวกเราเริ่มรู้จักการจำลอง ดัดแปลง   หรือสร้างไฟล์แบบแปลก ๆ มาทดลองใช้งาน มากขึ้นอย่างค่อนข้างอิสระ ไม่ต้องมีมนุษย์มาคอยตรวจสอบ

             บีบีเล่าว่า เธอถูกเจ้านายทิ้ง เพราะยานไม่มีที่ว่างสำหรับหุ่นแม่บ้าน เธอสแกนหามนุษย์แต่ไร้วี่แวว แต่เธอตรวจจับสัญญาณวิทยุได้ จึงเดินตามสัญญาณลึกลับนั่นมา ผ่านแก๊สพิษ ดินฟ้าอากาศเลวร้าย จนระบบพลังงานเริ่มมีปัญหาในการใช้งานและชำรุดในที่สุด  สัญญาณวิทยุที่บีบีติดตาม คือสัญญาณวิทยุจากตึกวิศวกรรม ความจริงใช้ในการติดตามหาสิ่งมีชีวิต แต่ที่ได้กลับเป็นหุ่นยนต์
 
             หลังจากพบบีบี ผมก็ไม่เคยพบหุ่นที่หลงเหลือพลังงานในตัวอีก พวกเขาไม่ได้ตาย เพราะหุ่นยนต์ไม่มีชีวิต เรียกว่าหยุดทำงานตลอดไปมากกว่า การคำนวณความเป็นไปได้ บอกว่าหุ่นที่อาจจะเหลือ คงพากันไปหาสถานที่เหมาะสมให้กับตัวเอง ซ่อนตัวจากสารพิษกัดกร่อนแบบกบจำศีล ปรับระดับพลังงานให้เหลือน้อยที่สุด รอคอยการบำรุงซ่อมแซม  โปรแกรมคำนวณความเป็นไปได้ ระบุว่าวันหนึ่งข้างหน้า มนุษย์จะกลับมา
 
             ดังนั้น เพื่อนที่เหลือหนึ่งเดียวของผมได้แก่ บีบี นี่เอง แม้ว่าเธอจะทำงานได้บ้าง แต่วงจรภายในเสียหายมาก ไม่รู้ว่าจะรอดไปได้สักกี่น้ำ ได้แต่หวังว่าบีบีอย่าเพิ่งหยุดทำงานในอนาคตอันใกล้นี้ ผมไม่อยากอยู่โดดเดี่ยว
 
             ทำไมถึงไม่ต้องการอยู่เพียงลำพัง ผมคำนวณหาคำตอบนับครั้งไม่ถ้วน
 
             ‘ความเหงา’  เป็นคำตอบแปลกพิกล ฐานข้อมูลรู้จักคำว่า ความเหงา แต่ผมไม่เคยรู้สึกว่ามันคืออะไร คำว่า ‘อารมณ์’ เป็นของต้องห้ามสำหรับสมองกล เป็นสิ่งอยู่นอกเหนือจากการรับรู้เข้าใจ รู้จักเพียงในนามธรรมเท่านั้น
 
            น่าแปลกที่สมองกลของผม ทำท่าเหมือนจะเริ่มเรียนรู้คำว่า ‘ความเหงา’ อยากรู้เหมือนกันว่า จะน่ากลัวขนาดไหน พวกมนุษย์ถึงได้พูดถึงคำนี้บ่อย ๆ เวลาอยู่เพียงลำพัง
 
             บีบีช่วยงานตามที่ถูกโปรแกรม เพียงแต่ห้องปฏิบัติการซ่อมสร้างไม่ได้มีอะไรให้ทำมากมายเหมือนในบ้านมนุษย์ หลายครั้งจึงเห็นเธอหยุดนิ่งพักพลังงาน แน่นอนว่าไม่ได้มีผลเสียอะไรกับใคร อาจเป็นการดีเสียด้วย บีบีเป็นหุ่นค่อนข้างพูดมาก จนอยากจะเข้าไปแก้ไขโปรแกรมการสื่อสารให้ แต่ระบบของเธอมีการป้องกันอย่างดี นอกจากทางบริษัทที่สร้างเธอชึ้นมา คนอื่นเข้าไปแก้ไขข้อมูลได้ยาก ผมเองก็ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยว เพราะว่าผิดกฎของสังคมหุ่นยนต์ นานเข้าก็ระบบก็ชาชินไปเอง
 
             วันนี้ข้อมูลจากดาวเทียม บอกว่าคลอรีนเจือจางลงไปในระดับไม่อันตราย โอกาสแบบนี้มีไม่บ่อยนัก  ผมอยากออกไปสำรวจ บีบีขอไปด้วย เลยพากันออกเดินสำรวจในเมือง โดยหวังว่าจะพบหุ่นตัวอื่นที่ยังคงทำงานได้บ้าง  แต่หลังจากเดินไปตามถนนสายคุ้นเคยเต็มไปฝุ่น ยานพาหนะหมดสภาพ และเศษขยะเกลื่อนเมือง เราก็พบเพียงเศษชิ้นส่วนชำรุดของหุ่นยนต์ ทิ้งไว้ตามข้างทางอย่างที่เคยเห็นชินตาเท่านั้น  ภาพอาคารบ้านเรือนเงียบเชียบไร้แววสิ่งมีชีวิต ทำให้ผมอยากจะกลับที่พัก เพราะรู้ว่าบีบีไม่แข็งแรงมากนัก ที่จริงผมไม่ควรพาเธอออกมาด้วยซ้ำ หุ่นทำงานบ้านโครงสร้างส่วนประกอบไม่ทนทานอย่างหุ่นวิศวกร
 
             “เราควรเดินไปอีกสักนิดนะคะ”  เธอให้ความเห็น ไม่รู้ว่าบีบีกำลังประมวลผลอะไรอยู่ในสมองกล
 
             “พลังงานของคุณจะหมด อาจเดินกลับไม่ถึงที่พัก”  ผมคัดค้านด้วยเหตุผลตรรกะ  แต่บีบีก็ค้านอย่างมีเหตุผลเช่นกันว่า
 
            “ไม่เป็นไร พลังงานหมด ก็แค่รอพรุ่งนี้เช้า ไม่เห็นจำเป็นต้องกลับที่พัก”
 
             “อยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร” ผมยังไม่ยอมแพ้ พยายามหาเหตุผลมาหักล้าง
 
             “อย่าลืมสิคะ บีบีเป็นหุ่นงาน จะต้องหางานทำ”
 
             “นี่ บีบี ไม่มีมนุษย์เหลือแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องทำงาน”
 
             “บีบีต้องทำงาน ไม่อย่างนั้นโปรแกรมจะลบตัวเอง บีบียังไม่มีเหตุผลจะกลับบ้าน”

             คำพูดของเธอทำให้อึ้ง เกิดอาการไฟล์ข้อมูลบางส่วนลบทิ้งเขียนใหม่... ลบทิ้งเขียนใหม่... หลายรอบในหน่วยความจำ  โดยที่ไม่ได้สั่งการ เป็นไปได้ไหมว่าผมกำลังจะมีอาการ หน่วยความจำแตก เหมือน มนุษย์สติแตก
 
             ก็นั่นสินะ ทำไมต้องกลับบ้านเหมือนพวกมนุษย์ด้วย ในเมื่อพวกเราไม่มีความรู้สึกทางกายภาพ ผิวหนังก็เป็นสารสังเคราะห์ แมลงสัตว์กัดต่อย ไม่รู้สึกรู้สาอะไร ถ้าไม่คิดเรื่องสารพิษ ต่อให้ยืนกลางถนนทั้งคืนก็ไม่เป็นไร ไม่มีอาการป่วยไข้ บีบีบังบอกว่าปริมาณคลอรีนในอากาศอยู่ในระยะเวลาเจือจาง อีกหลายวันกว่าจะกลับมาเข้มข้น แน่นอนว่าเธอก็เชื่อมต่อสัญญาณดาวเทียมตรวจวัดอากาศทั้งสามดวงได้เหมือนกัน ดาวเทียมยังคงประสานหน้าที่ทำงานอัตโนมัติครอบคลุมเอิร์ททู ส่งข้อมูลมาให้ได้อีกนาน แม้จะไม่มีมนุษย์ดูแลก็ตาม

.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่