[SR] [SR] ทริปเที่ยวคาเฟ่ใกล้บ้าน (ซอยโชคชัยร่วมมิตร) กับ กล้องแคนนอน EOS M200

แม้จะไม่ได้เป็นชาวโชคชัยร่วมมิตร หรือชาววิภาวดี ซอย 16 มาโดยกำเนิด แต่การที่ได้มาพักอาศัยอยู่ที่นี่หลายปี ก็ทำให้ฉันผูกพัน และหลงรักซอยนี้ไม่น้อยเลยล่ะ แม้จะมีหลายทีที่อยากลองย้ายไปอยู่ย่านอื่น แต่แค่คิดก็ใจหายแล้ว คงเศร้าถ้าเดินไปไม่กิน... ข้าวหมูแดงร้านสนทศ, ก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตกร้านเพิ่มพูน, ผัดไทเจ๊ณีย์, บะหมี่กวางตุ้ง(เบตง), ขนมจีบร้านเล็กซาลาเปา, ขนมไทยอร่อยๆ จากร้านแม่สมบูรณ์ (บงกช) ไหนจะอีกตั้งหลายคาเฟ่โปรด กาแฟ ชา ขนม และอีกสารพัด บางร้านก็เดินแว้บไปหย่อนใจได้ภายใน 5 นาที (แต่งตัวยังนานกว่าเลยเหอะ!!) สุดท้ายก็เลยอยู่ยาวมากว่า 10 ปี และมีรถกระป๋อง (รถซูบารุคันเล็กๆ นั่งได้ประมาณ 6 คน) เป็นรถโดยสารคู่ใจ

และด้วยความที่ในซอยโชคชัยร่วมมิตรมีของ(อร่อย)ดีซ่อนอยู่เยอะ ไม่ว่าจะร้านเก๋าๆ ที่เป็นแลนด์มาร์กคู่ซอย หรือคาเฟ่เก๋ๆ แวะชิมและชิลล์ได้ 7 วันไม่ซ้ำร้าน นี่จึงเป็นที่มาของการชวน “มิตร” มาร่วมทริปคาเฟ่ใกล้บ้าน(ฉัน) 

ฉัน : จันทร์หน้าว่างมั้ย?…อยากชวนมาทริปคาเฟ่ในซอยโชคชัยร่วมมิตร
เพื่อนรุ่นน้อง : ได้...นั่นซอยบ้านพี่เลยนี่!!
ฉัน : ถูกต้องที่สุด เดี๋ยวพาไปทุกร้านที่พี่ชอบ เคลียร์ท้องให้ว่างด้วย


อ้อ! เกือบลืมแนะนำอีกสมาชิกร่วมทริปคาเฟ่ใกล้บ้าน นั่นก็คือ กล้องแคนนอน EOS M200 กล้องมิลเลอร์เลสน้องใหม่ของแคนนอน เอาจริงๆ ชีวิตฉันก็ผูกพันกับกล้องแคนนอนไม่น้อยไปกว่าซอยโชคชัยร่วมมิตร สมัยที่ขยันแบกกล้องถ่ายรูปและขยันเที่ยว กล้อง DSLR  ที่ฉันใช้คือแคนนอนรุ่น EOS 350D และ EOS 550D มาระยะหลังความขยันแบกน้อยลง เลยหันไปพึ่งพากล้องมือถือแทน การได้กลับมาจับกล้องแคนนอนอีกครั้ง จึงเหมือนเป็นการได้พบกับมิตรรักที่ห่างหายกันไป 

จากที่ลองเข้าศึกษาความดีงามเบื้องต้นของแคนนอน EOS M200 อย่างแรกเลย ตัวเล็ก (เล็กกว่าฝ่ามือฉันไปอี๊ก และยังเล็กกว่ามือถือที่ใช้อยู่อีกจ้า) น้ำหนักเบา (เบาที่สุดในตระกูล EOS **อัพเดท ณ เดือนม.ค. 2020) ถ่ายง่าย ปุ่มไม่เยอะแยะจนปวดหัว พับหน้าจอได้ 180 องศา และมีหน้าจอทัชสกรีน จิ้มแตะตั้งค่า หรือแตะถ่ายได้เลย ที่สำคัญน้องเขาโดดเด่นเรื่องการถ่ายพอร์ตเทรต มีทั้งโหมดหน้าเนียน ถ่ายพอร์ตเทรตหน้าชัดหลังเธอ เอ้ย! หลังเบลอ มี Eye Detection AF ทำให้กล้องสามารถจับโฟกัสหน้าได้แม่นยำ และมี Auto Focus ถึง 143 จุด หลบอยู่มุมไหนของภาพก็ไม่ต้องห่วง ให้ข้อมูลคร่าวๆ กันประมาณนี้ก่อน แต่แคนนอน EOS M200 จะทำให้ทริปคาเฟ่ใกล้บ้านของฉันบันเทิงได้สักแค่ไหน และจะอยู่ด้วยกันจนจบทริปมั้ยน้าาาาา

Woolloomooloo café & bar (wlml)
น้อย...แต่มาก อร่อยมาก คิวท์มาก และถ่ายรูปเพลินมากๆ

เริ่มกันที่คาเฟ่น้องใหม่ในซอย Woolloomooloo cafe & bar คาเฟ่โทนมินิมอลสไตล์เกาหลีแท้ๆ ขนาดเจ้าของร้านยังเป็นชาวเกาหลีเลย คาเฟ่นี้ห่างจาก MRT สถานีรัชดาภิเษกประมาณ 350 เมตร ถ้าไม่สู้เดินก็นั่งรถกระป๋องมาได้จากปากซอยรัชดา 19 ได้ (ราคา 8 บาท / คน) 
ร้านตั้งอยู่ในตึกแถว 3 ชั้น จุดสังเกตคือจะมีกรอบประตูและกระจกเป็นสีชมพูอ่อน และมีผ้าม่านโปร่งสีขาวเป็นเลเยอร์ซอฟท์ๆ อยู่ข้างหลัง อยู่เยื้องกับร้านมุกอาหารเวียดนาม 

เมื่อก้าวเข้าไปในร้านเหมือนเราได้หลุดจากความวุ่นวาย เข้าไปในพื้นที่แสนโล่งโปร่งสบายใจ แต่...ยังไม่สบายท้องเท่าไร เพราะว่าฉันและเพื่อนพกความหิวมากันพอสมควร

เราทั้งคู่ต่างพุ่งตรงไปที่เคาน์เตอร์สั่งขนมและเครื่องดื่ม ขณะก้มลงดูเมนูพนักงานของร้านเห็นอาการลังเลเลือกไม่ได้กันเสียที ก็เข้ามาช่วยแนะนำเมนูเด่นของร้าน อย่าง einspänner กาแฟสไตล์เวียนนา ที่เพิ่มความพิเศษด้วยครีมวานิลลาหอมนุ่มด้านบน มีทั้งร้อนและเย็น honey milk tea ชาเออร์เกรย์นมน้ำผึ้งแสนหอมละมุน หรือเพิ่มความหอมสดชื่นกับเมนู strawberry latte สำหรับใครที่ต้องการความสดชื่น ที่นี่ก็มีเครื่องดื่มโซดาและสมูทตี้อยู่หลายตัว อาทิ yuzu, fine apple, ultimate tropical เป็นต้น หลังจากจบเครื่องดื่มของแต่ละคนไปแล้ว ก็มาสู่ช่วงเลือกขนมหวานกันต่อ แต่ละชิ้นถูกอบมาใหม่ๆ ในตอนเช้า ต่างหน้าตาน่าเอ็นดูชักชวนให้เราสั่งไปชิม เลือกจิ้มกันไม่ถูกเลยทีเดียว (อยากกินทั้งหมดดดด)

ร้าน wlml มี 2 ชั้น (ชั้นบนสุดเป็นห้องพัก) มุมประจำของฉันอยู่ที่ชั้น 2 หรือจะเรียกว่าชั้นลอยก็ได้ นอกจากค่อนข้างเป็นส่วนตัว เงียบสงบ ยิ่งถ้ามาในจังหวะที่ไม่มีโต๊ะอื่นเลย ประหนึ่งได้นั่งจิบกาแฟกินขนมในบ้าน และที่สำคัญมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะ(มาก)
ระหว่างรอเครื่องดื่มและขนม ก็คว้ากล้องออกมาเก็บบรรยากาศชั้น 2 ไปพลางๆ ภาพข้างบนถ่ายผ่านกระจกอีกที ข้างบนนี้แสงค่อนข้างน้อย แต่ก็เป็นข้อดีที่เราสามารถสนุกจะถ่ายแบบ under (แสงน้อยให้ภาพดูโทนเข้มๆ) หรือ over (แสงสว่างให้ภาพดูสว่างๆ ใสๆ ขึ้น)
ใครว่ามา 2 คนจะมีรูปถ่ายด้วยกันไม่ได้ แถมไม่ต้องวิ่งให้เหนื่อย เปิด Wi-Fi (ที่กล้อง) ตั้งกล้อง เปิดแอพ Canon Camera Connect แล้วกดชัตเตอร์ที่มือถือได้เลย แถมยังเล็งองศา ดูคอมโพสได้จากในจอมือถือได้เลย 
ในกล้อง EOS M200 เขาก็มีขนาดภาพถ่าย 1:1 หรือภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้วย พร้อมโพสต์ลงใน IG ได้ทันที 
[ f/5 l 1/1000s l ISO 800 ] 
คราวนี้มาลองถ่ายด้วยโหมด Food กันบ้าง ไม่ต้องเสียเวลาปรับตั้งค่าอะไร แค่จัดวางคอมโพสให้น่ากินเท่านั้น ที่เหลือให้กล้องจัดการ ได้กินขนมตอนที่ยังสดใหม่ ไม่แห้งหรือเย็นชืด

เลือกกันมาแต่เมนูโทนสีขาว ให้เข้ากับโทนของร้านที่มีความมินิมอล ทว่าซุกซ่อนรายละเอียดไว้ในทุกมุม ไม่ว่าจะสีเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะเก้าอี้ที่เป็นโทนสีน้ำตาลอมแดง  ดอกไม้ที่สดใหม่ให้ความสดชื่นทั้งบนโต๊ะ รวมไปถึงมุมอื่นๆ ในร้าน 

หรือแม้แต่ที่รองแก้วของร้าน เขาก็หยิบเอาหน้ากระดาษจากพ็อกเก็ตบุ๊คส์เก่ามาใช้ประโยชน์ อีกสิ่งที่ชอบมากคือมีกำแพงฉายโปรเจคเตอร์เพิ่มชีวิตชีวา อาจจะไม่ใช่มุมที่ทุกคนมองไปแล้วเห็นได้เลย แต่มันทำให้คนที่มองเห็นแล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก 

จริงๆ ก็อยากจะสั่งอาหารมาเหมือนกัน เพราะที่ wlml เขามีทั้งเมนูพาสต้า ซุป แซนด์วิช แต่เดี๋ยวจะอิ่มจนชิมไม่ครบทุกร้านที่ตั้งใจไว้ ทริปนี้เลยขอทดไว้ก่อนนะ

ชื่อภาพ: ความเผลอที่ไม่เผลอ เอ๊ะ หรือว่าเผลอ ;P
หลังจากพกความสงสัยมานานว่าชื่อร้านหมายถึงอะไร ค้นในกูเกิ้ลก็ได้รู้ว่า woolloomooloo (วูลูมูลู) เป็นชื่อของท่าเรือและย่านริมอ่าวฝั่งตะวันออกของเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย 

Woolloomooloo cafe 
ที่ตั้ง: 145 ซ.วิภาวดี 16 อยู่ระหว่างซอย 16/39 กับ ซอย 16/41 (MRT รัชดาภิเษก ทางออก 1 หรือ 2)
เปิด: 8:00-18:00 น. (ปิดวันอังคาร)
GPS: https://g.page/wlmlbkk?share

Laliette Cake Café
ละเลียด ละเมียด ละมุมละไม ร้านโปรดในดวงใจของสายเค้ก

จากร้านแรกเดินไปไม่ถึงร้อยเมตร ก็ถึงคาเฟ่ร้านที่ 2 ของทริปนี้แล้ว ใกล้จนเพื่อนรุ่นน้องตกใจว่าถึงแล้วจริงๆ เหรอ 
Laliette Cake Cafe (เค้กละเลียด) คาเฟ่พี่ใหญ่ในซอยโชคชัยร่วมมิตร เปิดมาตั้งแต่ปี 2005 (ปีนี้ก็เข้าสู่ขวบที่ 15 แล้ว) ฉันผลักประตูเพื่อเข้าร้าน พร้อมกับมีเสียงกระดิ่งดังกรุ้งกริ้งต้อนรับ 

ขอบอกเลยว่านี่ไม่ใช่แค่ร้านเค้กที่อร่อยที่สุดในซอยนี้ หากแต่ยังเป็นร้านเค้กที่อร่อยเป็นอันดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้ ยิ่งสาวกช็อคโกแลต ถ้าได้มาลิ้มลองร็อกกี้โร้ด หรือ ช็อคโกแลตเค้กลาวา เป็นต้องติดใจอย่างแน่นอน แต่ละชิ้นผ่าน QC ความใส่ใจทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ แล้วนำมาอบและตกแต่งอย่างพิถีพิถัน ซึ่งเราสามารถรับรู้สึกความเอาใจใส่และการทำด้วยความรักตั้งแต่คำแรกที่ได้ชิม (จริงๆ)

ที่มาของความอร่อยทั้งหมดนี้มาจากคุณเจี๊ยบ เชฟขนมของร้านละเลียด เธอหลงรักในรสชาติของเค้กจนไปร่ำเรียนที่เลอ กอร์ดอง เบลอ เพื่อจะได้ทำความรู้จักและจะได้ถ่ายทอดให้ออกมาได้อร่อยอย่างมีมิติสัมผัสที่สุด มีความสุขกับการได้เห็นเค้กหลากรสชาติ อวดชิ้นสวยรออยู่ในตู้เค้ก คุ้กกี้ก็เป็นอีกเมนู recommend ของร้าน หลายรสตั้งเรียงอย่างเป็นหมวดหมู่อยู่ข้างๆ ตู้เค้กนั่นล่ะ

ไม่ใช่แค่หน้าร้านที่มีต้นไม้เขียวสดชื่นรอต้อนรับ ในร้านก็มีต้นไม้สีเขียวหลายพันธุ์ตั้งแซมไว้ตามมุมต่างๆ ด้วย 
Let’s snap...ระหว่างรอชาจีน กุ้ยฮวา กับช็อคโกแลตเค้กลาวา (จิบชาร้อนหอมๆ กับขนมหวานเข้ากันที่สุดดดด) ฆ่าเวลาถ่ายรูปทำคอนเทนต์กันดีกว่า

[ f/6.3 l 1/50s l ISO 6400 l EF-M15-45mm] 
คราวนี้มาลองโหมด Portrait สักหน่อย กดปุ่ม Q (Quick control) ตั้งค่า Drive mode เป็น Continuous shooting และช่วยเพื่อนให้โพสได้มั่นใจยิ่งขึ้น ด้วยการพับหน้าจอขึ้น ภาพที่ได้ก็เลยสนุกสนานประมาณนี้

Self portrait ตามธรรมเนียมของทริปนี้ พร้อมปรับผิวให้นวลเนียนขึ้นด้วย Smooth skin ที่เลเวล 1 (มีให้เลือก 4 ระดับ) พร้อมกับมีท่าเท้าคางในสไตล์ของตัวเอง (ฮ่าาาาาา)

ขนมน่ากินหาง่าย ขนมที่อร่อย(ฟินขั้นสุด)น่ะ...หายาก ช็อคโกแลตกลมๆ นี้ ซ่อนลาวาอันเข้มข้นไว้อยู่ข้างในด้วยนะ
จ้วงแรกที่ตักไปก็เจอะกับลาวาที่ค่อยๆ ไหลลงสู่จาน เพื่อให้เห็นภาพยิ่งขึ้น กดบันทึกด้วยโหมด Marco 
ชื่อสินค้า:   canon EOS M200
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างแต่ได้รับผลประโยชน์อย่างอื่น เช่น บัตรกำนัล ค่าเดินทางตามจริง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่