รีวิว Trip บนเรือสำราญชื่อดัง 🏖🏖🏖
🚢"Diamond Princess" 🚢
จากเพจ น้ำใจไปไหน
http://www.facebook.com/namjaipainai
.
รอบเกาะ ญี่ปุ่น🇯🇵+เกาหลี🇰🇷10 วัน 9คืน
ในงบเพียง 20000+ ต่อท่าน 😲😲😲
(เฉพาะเรือไม่รวมเครื่องบิน ฯลฯ)
.
อาหารบนเรือก็เป็นบุฟเฟ่ต์ฟรีทุกมื้อ!!! 🍽
เรียกว่าคุ้มกว่านอนโรงแรมแน่นอน 🛌
.
แถมเป็นบรรยากาศการเที่ยวแบบที่หลายๆคนไม่เคยลอง 🌅
.
รีวิวนี้ลงรายละเอียดทุกอย่างเท่าที่รู้ (และจำได้) 🤐
ข้อดีข้อเสียและควรเตรียมตัวยังไง
ช่วงเวลาที่ไปคือ September 2019
อาจจะมีตกหลนอะไรไปบ้างลองถามดูได้นะจ๊ะ
.
กดตามรูปไปได้เลยจ้า 👉🏻👉🏻👉🏻👉🏻👉🏻
.
#cruise #diamondprincess #เที่ยวญี่ปุ่น #่japan #เรือสำราญ #รีวิว #เที่ยว
ข้อมูลเบื้องต้นของเจ้าเรือยักษ์ Diamond Princess
เป็นเรือของกลุ่ม Princess Cruises สัญชาติอังกฤษเริ่มออกทะเลมาตั้งแต่ มีนาคม 2004
หลักๆแล้ววิ่งอยู่ในแถบเอเชียในหน้าร้อน และไปฝั่งออสเตรเลียในหน้าหนาว
รับจำนวนผู้โดยสารได้มากถึง 2600 คน และมีลูกเรือทำงานอยู่ประมาณ 1000 คน มีจำนวนชั้นถึง 16 ชั้น (ไม่รวมดาดฟ้าอีกหลายขั้น) ถือว่าเป็นเรือใหญ่อันดับต้นๆ ที่วิ่งอยู่ ในเอเชียเลยละ
ในรูปเรือจอดอยู่ในอ่าว Toba แล้วทอดสมอไว้ เพราะเมืองนี้ไม่มีท่าใหญ่ให้จอก
แน่นอนว่าพื้นที่ในห้องพักของเรือประเภทนี้จะมีขนาดเล็ก แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใช้เวลาในห้องมากมายนัก เพราะสิ่งอำนวจความสะอาดสะดวกแหละความสนุก กิจกรรมต่างๆนั้นอยู่ในพื้นที่กว้างขวางในสวนกลาง เช่นอย่างในภาพคือดาดฟ้ากลางเรือที่ จะมี จอ LED. ยักษ์ที่จะฉายหนัง concert การ์ตูน หรือแม้แต่กีฬาสดให้ผู้โดยสารมานั่งดูริมสระว่ายน้ำแบบ Open Air กันแบบนี้เลย
ในส่วนของห้องพักด้านนอกราคาจะแพงกว่าพอสมควร เพราะมีระเบียงส่วนตัวอย่างที่เห็น แต่เวลาออกทะเลก็ลมแรงมาก คิดว่าไม่น่าจะนั่งชิวๆกันได้เท่าไหร่
ส่วนที่เราเลือกพักจะเป็นห้องแบบประหยัดด้านใน ไม่มีหน้าต่างไม่มีระเบียง อย่างที่บอก เราก็ใช้มันหลักๆแค่สำหรับนอนเท่านั้นแหละ เวลาที่ยังคึกก็ออกไปหากิจกรรมข้างนอกหรือไปนั่งริมระเบียงส่วนกลางเอา มากับปู่ย่าและหลานไม่ได้ต้องการความ โรแมนติกอะไรมากมาย แต่ถ้ามากับภรรยาก็ไม่แน่ อิอิอิ
มาถึงส่วนที่คนคงอยากรู้เยอะ ยาวหน่อยน้า
คือเรื่องการจองและราคา ต้องแจ้งไว้ก่อนเลยว่าคุณย่าของน้ำใจเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด เราก็สอบถามวิธีและข้อมูลมาให้พอประมาณ
คือปกติครอบครัวเราทำธุรกิจส่วนตัว พฤติกรรมการเที่ยวจึงไม่ต้องลาใครล่วงหน้า อย่างทริปนี้เราจองล่วงหน้าไม่ถึงเดือนเท่านั้น เพราะคุณย่าจะคอยเปิดดู Promotion ตามเว็ป Cruise ต่างๆบ่อยมาก (ไปบ่อย) ลองถามแกดู แกบอกมาว่าไม่ใช่ว่าจองก่อนถูกกว่านะ ต้องเปิดดูเว็ป Cruise หลายๆเว็ป เปิดไปเรื่อยๆ บางทีเจอเรือว่างวันใกล้ๆ จะจัดโปรแบบถูกมาเพื่อเติมเต็มก็มี
คือให้เปิดดูเว็ป Agency ของทุกประเทศเลย โปรไม่เหมือนกัน ห้องว่างไม่เหมือนกัน แต่ตอนที่ไปเราก็ได้เจอผู้ใหญ่คนไทยสองท่าน ก็เล่าว่าสนิทกับ Agency ที่ไทย เวลามีอันไหนถูกเมื่อไหร่เค้าจะรีบแจ้ง และก็มาหลายครั้งแล้ว ซึ่งในเราทริปนี้เจอ คนไทย 6 คน เป็นลูกค้า 4 และเป็นพนักงาน 2 คน แต่เห็นว่ามีพนักงานไทยถึง 9 คนด้วยกัน
ตามใบราคาที่เห็นคือ 2 คนแรกเป็นลูกค้าหลัก ราคาแบบเต็มราคา 620 USD อีกสองคนคิดเป็นเหมือนเตียงเสริมซึ่งถูกกว่าเกิน 50% ซึ่งถ้าหาร 4 ตกคนละไม่ถึง 20000 บาทด้วยซ้ำครับ ห้องอาจจะเล็กหน่อย แต่ได้นอนคนละเตียงเลยไม่ต้องกลัวเบียดกัน ราคานี้รวมอาหารทุกมื้อแบบบุฟเฟต์และ Dining ก็ได้ รายละเอียดเรื่องอาหารตามอ่านไปเรื่อยๆนะครับ และอย่างที่พูดตลอดคือ อยากออกไปนั่งชิวตรงไหนในเรือก็ได้ตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว การจะมีห้องใหญ่หรือมีระเบียงนั้นไม่ค่อยจำเป็นเลย นอกจากคู่รักจะมา Honeymoon ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง
note*** นอกราคานี้แล้ว ยังจะมี Service Charge ที่ต้องจ่ายต่อคนตอนลงท่าสุดท้าย ผมจำไม่ค่อยได้ ลืมถ่ายไว้ รู้สึกจะอีกวันละ 18 เหรียญ เหมือนเป็น Tip ให้พนักงานที่ดูแลห้องและโต๊ะอาหารให้เราครับ
ตอนขึ้นเรือเราใช้พาสพอร์ตเช็คอิน ตรวจสอบสัมภาระ เพื่อความปลอดภัยเหมือนขึ้นเครื่องบินนั้นละ และจะได้การ์ดมาหนึ่งใบ(ในรูป) การ์ดนี้จะใช้กับทุกอย่างบนเรือเหมือนเข้าสวนสนุกนั้นละครับ ของที่ต้องจ่ายบนเรือก็มีบริการหลายอย่าง เช่นบาร์เครื่องดืม ร้านอาหารพิเศษ นวดถ่ายรูป ซึ่งผมเองไม่ได้ไปใช่บริการตรงนั้นเลยนอกจากบาร์ครับ ทุกอย่างลงบัญชีจ่ายตอนลงเรือหรือจะเคลียร์เรื่อยๆก็ได้ครับ
ส่วนตารางเวลาก็อย่างที่เห็น วันนึงจะมีเวลาเที่ยวค่อนข้างจำกัด ถ้าคนตื่นสายแบบผมก็ไปไม่ได้ไกลหรอกครับ ชิวๆเอามากกว่า แต่สำหรับคนอยากเที่ยวจริงจังแนะนำซื้อทัวร์ไปเลยครับ ทางเรือจะมีขายอยู่ และในตาราง จะมีวันที่เรียกว่า At Sea คือวันนั้นเรือไม่จอดครับ แต่ไม่ต้องกลัวเบื่อ บนเรือจัดกิจกรรมมากมายเลย มีหลายทีหลายวันรับรองไม่เบื่อแน่นอนครับ จะไปกินบุฟเฟต์ทั้งวันยังได้ ดูหนัง ว่ายน้ำ ชิวได้หมด
ไปต่อกันเลยครับ
ในส่วนของเรือ ภายนอกจะดูอลังการมากครับ ดาดฟ้าขึ้นไปสูงเหมือนตึก 16-17 ชั้นเลย จะมีพื้นที่ให้เดินขึ้นไปชมวิวสูงๆได้อีก 2 ชั้นแต่ลมจะแรงมาก รูปแรกถ่ายจากดาดฟ้าท้ายเรือไปยังหัวเรือ มีโลโก้ยักษ์อยู่บริเวเครื่องยนต์และท่อไอเสีย เวลาเรือวิ่งอยู่ท้ายเรือควันค่อนข้างเยอะหายใจแล้วไอเลย รูปสองเป็นระเบียงห้องสำหรับสำหรับนั่งชิว ซึ่งห้องที่เราพักไม่มี สังเกตุได้ว่ามีฉากกั้นไม่เห็นกันแน่ๆ จูจี๋กันสบายเลย 555 อีกรูปนึงจะเป็นเรือเล็กไว้สำหรับอพยหรือใช้สำหรับขึ้นฝั่งที่มีท่าเรือเล็ก รูปสุดท้ายนั้น น้ำใจไปยืนเทียบข้างๆให้ดูความใหญ่โตของมันครับ
ในส่วนของที่ชิว จะมีหลายที่มาก แต่หลายสระว่ายน้ำไม่อนุญาตให้เด็กๆเล่นเพื่อความสงบของแขกคนอื่น
รูปแรกเป็นระเบียงของชั้น 7-9 (ถ้าจำไม่ผิด)
คือส่วน indoor กลางในเรือจะเป็นพวก คาเฟ่ บาร์ และจุดบริการต่างๆ ถ้าออกมาข้างๆ จะเป็นระบียงให้นั่งชมวิวออกไปด้านนอกตัวเรือ
รูปที่สองเป็นสระผู้ใหญ่มีบาร์หรูอยู่ทางด้านหัวเรือ ตอนกลางคืนจะสวยโรแมนติกมาก
รูปที่สามและสี่เป็น จากุตชี่และสระว่ายน้ำท้ายเรือ สวยมากและมีบาร์บริการเหมือนกัน แต่เวลาเรือออกวิ่งมาอยู่ท้ายเรือนี้ไม่นิยม เพราะมีไอเสียให้ดมฟรี ไม่ค่อยชิวเท่าไหร่
สี่รูปนี้คือส่วนที่นิยมที่สุดของเรือแล้ว คือส่วนที่เป็นจอยักษ์มีสระว่ายน้ำ มีบาร์มีเก้าอี้นั่งมากมาย ตอนกลางคืนจะฉายหนังจนดึก ตอนกลางวันจะเป็นพวกคอนเสิร์ต สารคดี
.
ส่วนนี้จะเชื่อมไปถึงห้องอาหารบุฟเฟต์ทั้งสองฝั่ง ซึ่งสามารถไปเอาอาหารมานั่งชิวตรงนี้ได้ และเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเรือแล้ว
รวมถึงตอนเรือจอดหรือออกจากฝั่ง ผู้โดยสารจะมารวมตัวตรงนี้เพื่อล่ำลา คนที่มาส่งเราจากแต่ละเมืองจนลับตา
อากาศดี แต่บางจังหวะลมแรงจะอยู่ไม่ได้ก็มี
มาดูภายในเรือกันคร่าวๆ
ตกแต่งหรูหราแต่ไสตล์คลาสสิคไม่ค่อย modern เท่าไหร่ อย่างว่าลูกค้า 70% เป็นผู้มีอายุแล้วทั้งนั้น
รูปแรกเป็น Hall ส่วนกลางคือส่วนที่เอาไว้รับแขกเข้ามาปุก็เจอเลย สูงขึ้น 3 ชั้น มีลิฟต์แก้ว ส่วนนี้จะมี คาเฟ่ บาร์ information การเงิน และมีเวทีเล็กๆ สำหรับดนตรีมาเล่นขับกล่อมแขก
รูปที่สองเป็นหนึ่งในหลายๆ คาเฟ่บาร์ในเรือ ซึ่งจริงจะมานั่งชิวเฉยๆไม่สั่งอะไรก็ได้ พื้นที่แบบนี้มีเยอะ มานั่งได้ไม่ค่อยเต็มนอกจากจะมีกิจกรรมอะไร หรือตอนรอลงจากเรือแค่นั้น
ส่วนรูปที่ 3 อย่างที่เห็นเป็น Theater ซึ่งมีทั้งละคร มายากกล กายกรรม ร้องเพลง ดนตรีร็อค เกมส์โชว์ สลับกันไปมาทุกคืนครับ ผมเข้าแค่หนเดียว เพราะส่วนใหญ่คนจะเต็มถ้าไม่รีบไปก่อนเวลา
รูปสดท้ายเป็นทางเดินที่เป็นส่วนร้านค้าและ แกลเลอรีครับ จะมีรูปแขวนขาย ประมูล ทั้งงานอาร์ต รูปถ่ายของแขก ร้านขายกล้อง Leica Go Pro รวมถึงร้านเสื้อผ้าเครื่องประดับเล็กๆ ราคากลางๆนะครับไม่ได้แบบโขกสับกันมากมาย
ภาพาเพิ่มเติมของ Hall ใหญ่ส่วนกลางสองภาพครับ
อีกสองรูปคือส่วนที่เป็นบันไดและลิฟต์ รู้สึกจะมีสามจุดหัวเรือ กลางเรือและท้ายเรือ ลิฟต์ไม่ค่อยมีปัญหามาช้าหรือคนเยอะนอกจากตอนลงเรือ เพราะมีลิฟต์ค่อนข้างเยอะ
รูปสุดท้ายคือทางเดินไปห้องพัก ซึ่งจะมีแบบนี้สองฝั่งซ้ายขวาเลย เดินยาวๆจากหัวเรือจนถึงท้ายเรือ ค่อนข้างแคบ แต่มีที่จับตลอดทาง เพราะเวลาเรือโคลงบางทีโคลงแรงมากจริงๆ ระหว่างทางจะมีห้องซักผ้าบริการแบบหยอดเหรียญเป็นระยะๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องอยู่ยาวๆ เพราะฉะนั้นเราเอาเสื้อผ้าไปพอดีๆก็พอ
ในส่วนของกิจกรรมเอามาให้ดูเป็นตัวอย่างเล็กน้อยครับ
รูปแรกเป็นสระว่ายน้ำในร่ม น้ำไม่ได้อุ่นนะครับ เย็นเลย แต่รอบๆจะมี Hot Tub ให้ลงไปแช่ได้ Hot Tub คนจะเยอะแต่สระว่ายน้ำจะไม่ค่อยมีคนเล่นเท่าไหร่ครับ สระนี้มาบ่อยเพราะเด็กเล่นได้ รอบๆจะมีโต๊ะนั่งมีบาร์ มีโต๊ะปิงปอง หมากรุก
ส่วนดาดฟ้าหลังเรือจะมีสนามบาส และมีโกลหนูให้เล่นบอลด้วย แต่อย่างที่บอกส่วนท้ายเรือถ้าตอนเรือวิ่งจะลมแรงและเหม็นไอเสียมาก ไม่ค่อยมีคนไปเล่นเหมือนกันครับ แบบในรูปคือมีกิจกรรมแข่งฟุตบอล ชนะก็ได้รางวัลตากทางเรือไป เป็นกระเป๋าที่ระลึกอะไรก็ว่าไป
ในส่วนของดนตรีจะมีวงเล็กเล่นอยู่ที่ ฮอลส่วนกลาง ให้คนนั่งคาเฟ่และบาร์ฟัง บนดาดฟ้าตรงสระว่ายน้ำใหญ่กลางเรือ บางทีก็มีวงดนตรีแบบฟูลแบนมาเล่นครับ คึกครื้นดี
รอบๆเรือก็จะมีจุดเล่นอะไรเล็กๆน้อยๆตลอดอย่างในรูปสุดท้ายเป็นตารางหมากรุกยักอยู่ส่วนท้ายเรือครับ
มาถึงส่วนสำคัญคือห้องอาหารแบบ บุฟเฟต์
ที่เปิดตั้งแต่เช้ามือจนถึงประมาณ 5 ทุ่ม จะเข้ามากินตอนไหนได้ตลอด เข้าวันละ 10 หนก็ได้ไม่มีปัญหา อาหารจะเปลี่ยนทุกวัน แล้วแต่ธีมวันนั้นๆเลย
ถ้ามาช่วงเวลาทานข้าวคนก็จะเยอะๆหน่อยแต่ที่ไม่เต็มหรอกครับ แค่เดินไปโต๊ะที่ไกลหน่อย น้ำดื่มที่ให้บริการมีเป็น กาแฟร้อน ชาเย็น และน้ำเปล่า ถ้าเป็น น้ำส้มจะมีให้แค่ช่วงเช้าเท่านั้นครับ โค๊กหรือเครื่องดื่มอื่นสั่งได้แต่เสียเงินเพิ่ม นั่งโต๊ะริมก็จะได้ชมวิวไปด้วยแต่ถ้าวันไหนเรือโยกแรงๆ ขอไม่มองหน้าต่างดีกว่าครับ จะอ๊วก
ในส่วนของเมนูอาหารหลักๆเลยจะมีขนมปัง ผลไม้ สลัดที่เหมือนกันทุกวัน เมนูอื่นจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เป็นของโอเคๆ ไม่ได้ไฮโซอะไรมากครับ บุฟเฟต์อารมณ์โรงแรมราคากลางๆ แต่ไม่จำกัดเวลาและเข้าออกกี่ครั้งก็ได้ มาหลายวันระวังน้ำหนักขึ้นเอาง่ายๆเลยนะ
ต่อมาเป็นห้องอาหารแบบ Dining
เปิดทั้งเช้าและเย็น เที่ยงไม่มี อันนี้คือรวมในราคาอยู่แล้วครับ จะอาหารมาเสริฟเป็นคอร์สแบบมีคนบริการแบบ ฟูลเซอร์วิส ต้องใส่กางเกงขายาวและรองเท้าสวมเข้าเท่านั้น
ตรงนี้โชคดีเค้าจัดพี่คนไทยมาบริการให้ครับ ชื่อพี่เอก บริการดีมาก ถ้าพี่ได้อ่านอยากบอกว่า น้ำใจยังพูดถึงพี่ถึงตอนนี้เลย อยากกลับไปเจอมากๆ
อาหารตรงนี้ก็ดีกว่าตรงบุฟเฟต์หน่อยแต่ก็ไม่ได้สุดยอดมากมายครับ เรื่องอาหารรวมๆผมว่าโอเค คุ้มค่าคุ้มราคา แต่ถ้าอยากกินเสต็กดีๆ ซูชิดีๆ ในเรือมีร้านครับ แต่เสียเงินเพิ่ม ไม่ได้ลองเลยครับ งกมาก ฮาๆ
[CR] รีวิว Trip เรือสำราญชื่อดัง "Diamond Princess" รอบญี่ปุ่นเกาหลี งบ 20000 บาทต่อคน
🚢"Diamond Princess" 🚢
จากเพจ น้ำใจไปไหน http://www.facebook.com/namjaipainai
.
รอบเกาะ ญี่ปุ่น🇯🇵+เกาหลี🇰🇷10 วัน 9คืน
ในงบเพียง 20000+ ต่อท่าน 😲😲😲
(เฉพาะเรือไม่รวมเครื่องบิน ฯลฯ)
.
อาหารบนเรือก็เป็นบุฟเฟ่ต์ฟรีทุกมื้อ!!! 🍽
เรียกว่าคุ้มกว่านอนโรงแรมแน่นอน 🛌
.
แถมเป็นบรรยากาศการเที่ยวแบบที่หลายๆคนไม่เคยลอง 🌅
.
รีวิวนี้ลงรายละเอียดทุกอย่างเท่าที่รู้ (และจำได้) 🤐
ข้อดีข้อเสียและควรเตรียมตัวยังไง
ช่วงเวลาที่ไปคือ September 2019
อาจจะมีตกหลนอะไรไปบ้างลองถามดูได้นะจ๊ะ
.
กดตามรูปไปได้เลยจ้า 👉🏻👉🏻👉🏻👉🏻👉🏻
.
#cruise #diamondprincess #เที่ยวญี่ปุ่น #่japan #เรือสำราญ #รีวิว #เที่ยว
ข้อมูลเบื้องต้นของเจ้าเรือยักษ์ Diamond Princess
เป็นเรือของกลุ่ม Princess Cruises สัญชาติอังกฤษเริ่มออกทะเลมาตั้งแต่ มีนาคม 2004
หลักๆแล้ววิ่งอยู่ในแถบเอเชียในหน้าร้อน และไปฝั่งออสเตรเลียในหน้าหนาว
รับจำนวนผู้โดยสารได้มากถึง 2600 คน และมีลูกเรือทำงานอยู่ประมาณ 1000 คน มีจำนวนชั้นถึง 16 ชั้น (ไม่รวมดาดฟ้าอีกหลายขั้น) ถือว่าเป็นเรือใหญ่อันดับต้นๆ ที่วิ่งอยู่ ในเอเชียเลยละ
ในรูปเรือจอดอยู่ในอ่าว Toba แล้วทอดสมอไว้ เพราะเมืองนี้ไม่มีท่าใหญ่ให้จอก
แน่นอนว่าพื้นที่ในห้องพักของเรือประเภทนี้จะมีขนาดเล็ก แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใช้เวลาในห้องมากมายนัก เพราะสิ่งอำนวจความสะอาดสะดวกแหละความสนุก กิจกรรมต่างๆนั้นอยู่ในพื้นที่กว้างขวางในสวนกลาง เช่นอย่างในภาพคือดาดฟ้ากลางเรือที่ จะมี จอ LED. ยักษ์ที่จะฉายหนัง concert การ์ตูน หรือแม้แต่กีฬาสดให้ผู้โดยสารมานั่งดูริมสระว่ายน้ำแบบ Open Air กันแบบนี้เลย
ในส่วนของห้องพักด้านนอกราคาจะแพงกว่าพอสมควร เพราะมีระเบียงส่วนตัวอย่างที่เห็น แต่เวลาออกทะเลก็ลมแรงมาก คิดว่าไม่น่าจะนั่งชิวๆกันได้เท่าไหร่
ส่วนที่เราเลือกพักจะเป็นห้องแบบประหยัดด้านใน ไม่มีหน้าต่างไม่มีระเบียง อย่างที่บอก เราก็ใช้มันหลักๆแค่สำหรับนอนเท่านั้นแหละ เวลาที่ยังคึกก็ออกไปหากิจกรรมข้างนอกหรือไปนั่งริมระเบียงส่วนกลางเอา มากับปู่ย่าและหลานไม่ได้ต้องการความ โรแมนติกอะไรมากมาย แต่ถ้ามากับภรรยาก็ไม่แน่ อิอิอิ
มาถึงส่วนที่คนคงอยากรู้เยอะ ยาวหน่อยน้า
คือเรื่องการจองและราคา ต้องแจ้งไว้ก่อนเลยว่าคุณย่าของน้ำใจเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด เราก็สอบถามวิธีและข้อมูลมาให้พอประมาณ
คือปกติครอบครัวเราทำธุรกิจส่วนตัว พฤติกรรมการเที่ยวจึงไม่ต้องลาใครล่วงหน้า อย่างทริปนี้เราจองล่วงหน้าไม่ถึงเดือนเท่านั้น เพราะคุณย่าจะคอยเปิดดู Promotion ตามเว็ป Cruise ต่างๆบ่อยมาก (ไปบ่อย) ลองถามแกดู แกบอกมาว่าไม่ใช่ว่าจองก่อนถูกกว่านะ ต้องเปิดดูเว็ป Cruise หลายๆเว็ป เปิดไปเรื่อยๆ บางทีเจอเรือว่างวันใกล้ๆ จะจัดโปรแบบถูกมาเพื่อเติมเต็มก็มี
คือให้เปิดดูเว็ป Agency ของทุกประเทศเลย โปรไม่เหมือนกัน ห้องว่างไม่เหมือนกัน แต่ตอนที่ไปเราก็ได้เจอผู้ใหญ่คนไทยสองท่าน ก็เล่าว่าสนิทกับ Agency ที่ไทย เวลามีอันไหนถูกเมื่อไหร่เค้าจะรีบแจ้ง และก็มาหลายครั้งแล้ว ซึ่งในเราทริปนี้เจอ คนไทย 6 คน เป็นลูกค้า 4 และเป็นพนักงาน 2 คน แต่เห็นว่ามีพนักงานไทยถึง 9 คนด้วยกัน
ตามใบราคาที่เห็นคือ 2 คนแรกเป็นลูกค้าหลัก ราคาแบบเต็มราคา 620 USD อีกสองคนคิดเป็นเหมือนเตียงเสริมซึ่งถูกกว่าเกิน 50% ซึ่งถ้าหาร 4 ตกคนละไม่ถึง 20000 บาทด้วยซ้ำครับ ห้องอาจจะเล็กหน่อย แต่ได้นอนคนละเตียงเลยไม่ต้องกลัวเบียดกัน ราคานี้รวมอาหารทุกมื้อแบบบุฟเฟต์และ Dining ก็ได้ รายละเอียดเรื่องอาหารตามอ่านไปเรื่อยๆนะครับ และอย่างที่พูดตลอดคือ อยากออกไปนั่งชิวตรงไหนในเรือก็ได้ตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว การจะมีห้องใหญ่หรือมีระเบียงนั้นไม่ค่อยจำเป็นเลย นอกจากคู่รักจะมา Honeymoon ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง
note*** นอกราคานี้แล้ว ยังจะมี Service Charge ที่ต้องจ่ายต่อคนตอนลงท่าสุดท้าย ผมจำไม่ค่อยได้ ลืมถ่ายไว้ รู้สึกจะอีกวันละ 18 เหรียญ เหมือนเป็น Tip ให้พนักงานที่ดูแลห้องและโต๊ะอาหารให้เราครับ
ตอนขึ้นเรือเราใช้พาสพอร์ตเช็คอิน ตรวจสอบสัมภาระ เพื่อความปลอดภัยเหมือนขึ้นเครื่องบินนั้นละ และจะได้การ์ดมาหนึ่งใบ(ในรูป) การ์ดนี้จะใช้กับทุกอย่างบนเรือเหมือนเข้าสวนสนุกนั้นละครับ ของที่ต้องจ่ายบนเรือก็มีบริการหลายอย่าง เช่นบาร์เครื่องดืม ร้านอาหารพิเศษ นวดถ่ายรูป ซึ่งผมเองไม่ได้ไปใช่บริการตรงนั้นเลยนอกจากบาร์ครับ ทุกอย่างลงบัญชีจ่ายตอนลงเรือหรือจะเคลียร์เรื่อยๆก็ได้ครับ
ส่วนตารางเวลาก็อย่างที่เห็น วันนึงจะมีเวลาเที่ยวค่อนข้างจำกัด ถ้าคนตื่นสายแบบผมก็ไปไม่ได้ไกลหรอกครับ ชิวๆเอามากกว่า แต่สำหรับคนอยากเที่ยวจริงจังแนะนำซื้อทัวร์ไปเลยครับ ทางเรือจะมีขายอยู่ และในตาราง จะมีวันที่เรียกว่า At Sea คือวันนั้นเรือไม่จอดครับ แต่ไม่ต้องกลัวเบื่อ บนเรือจัดกิจกรรมมากมายเลย มีหลายทีหลายวันรับรองไม่เบื่อแน่นอนครับ จะไปกินบุฟเฟต์ทั้งวันยังได้ ดูหนัง ว่ายน้ำ ชิวได้หมด
ไปต่อกันเลยครับ
ในส่วนของเรือ ภายนอกจะดูอลังการมากครับ ดาดฟ้าขึ้นไปสูงเหมือนตึก 16-17 ชั้นเลย จะมีพื้นที่ให้เดินขึ้นไปชมวิวสูงๆได้อีก 2 ชั้นแต่ลมจะแรงมาก รูปแรกถ่ายจากดาดฟ้าท้ายเรือไปยังหัวเรือ มีโลโก้ยักษ์อยู่บริเวเครื่องยนต์และท่อไอเสีย เวลาเรือวิ่งอยู่ท้ายเรือควันค่อนข้างเยอะหายใจแล้วไอเลย รูปสองเป็นระเบียงห้องสำหรับสำหรับนั่งชิว ซึ่งห้องที่เราพักไม่มี สังเกตุได้ว่ามีฉากกั้นไม่เห็นกันแน่ๆ จูจี๋กันสบายเลย 555 อีกรูปนึงจะเป็นเรือเล็กไว้สำหรับอพยหรือใช้สำหรับขึ้นฝั่งที่มีท่าเรือเล็ก รูปสุดท้ายนั้น น้ำใจไปยืนเทียบข้างๆให้ดูความใหญ่โตของมันครับ
ในส่วนของที่ชิว จะมีหลายที่มาก แต่หลายสระว่ายน้ำไม่อนุญาตให้เด็กๆเล่นเพื่อความสงบของแขกคนอื่น
รูปแรกเป็นระเบียงของชั้น 7-9 (ถ้าจำไม่ผิด)
คือส่วน indoor กลางในเรือจะเป็นพวก คาเฟ่ บาร์ และจุดบริการต่างๆ ถ้าออกมาข้างๆ จะเป็นระบียงให้นั่งชมวิวออกไปด้านนอกตัวเรือ
รูปที่สองเป็นสระผู้ใหญ่มีบาร์หรูอยู่ทางด้านหัวเรือ ตอนกลางคืนจะสวยโรแมนติกมาก
รูปที่สามและสี่เป็น จากุตชี่และสระว่ายน้ำท้ายเรือ สวยมากและมีบาร์บริการเหมือนกัน แต่เวลาเรือออกวิ่งมาอยู่ท้ายเรือนี้ไม่นิยม เพราะมีไอเสียให้ดมฟรี ไม่ค่อยชิวเท่าไหร่
สี่รูปนี้คือส่วนที่นิยมที่สุดของเรือแล้ว คือส่วนที่เป็นจอยักษ์มีสระว่ายน้ำ มีบาร์มีเก้าอี้นั่งมากมาย ตอนกลางคืนจะฉายหนังจนดึก ตอนกลางวันจะเป็นพวกคอนเสิร์ต สารคดี
.
ส่วนนี้จะเชื่อมไปถึงห้องอาหารบุฟเฟต์ทั้งสองฝั่ง ซึ่งสามารถไปเอาอาหารมานั่งชิวตรงนี้ได้ และเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเรือแล้ว
รวมถึงตอนเรือจอดหรือออกจากฝั่ง ผู้โดยสารจะมารวมตัวตรงนี้เพื่อล่ำลา คนที่มาส่งเราจากแต่ละเมืองจนลับตา
อากาศดี แต่บางจังหวะลมแรงจะอยู่ไม่ได้ก็มี
มาดูภายในเรือกันคร่าวๆ
ตกแต่งหรูหราแต่ไสตล์คลาสสิคไม่ค่อย modern เท่าไหร่ อย่างว่าลูกค้า 70% เป็นผู้มีอายุแล้วทั้งนั้น
รูปแรกเป็น Hall ส่วนกลางคือส่วนที่เอาไว้รับแขกเข้ามาปุก็เจอเลย สูงขึ้น 3 ชั้น มีลิฟต์แก้ว ส่วนนี้จะมี คาเฟ่ บาร์ information การเงิน และมีเวทีเล็กๆ สำหรับดนตรีมาเล่นขับกล่อมแขก
รูปที่สองเป็นหนึ่งในหลายๆ คาเฟ่บาร์ในเรือ ซึ่งจริงจะมานั่งชิวเฉยๆไม่สั่งอะไรก็ได้ พื้นที่แบบนี้มีเยอะ มานั่งได้ไม่ค่อยเต็มนอกจากจะมีกิจกรรมอะไร หรือตอนรอลงจากเรือแค่นั้น
ส่วนรูปที่ 3 อย่างที่เห็นเป็น Theater ซึ่งมีทั้งละคร มายากกล กายกรรม ร้องเพลง ดนตรีร็อค เกมส์โชว์ สลับกันไปมาทุกคืนครับ ผมเข้าแค่หนเดียว เพราะส่วนใหญ่คนจะเต็มถ้าไม่รีบไปก่อนเวลา
รูปสดท้ายเป็นทางเดินที่เป็นส่วนร้านค้าและ แกลเลอรีครับ จะมีรูปแขวนขาย ประมูล ทั้งงานอาร์ต รูปถ่ายของแขก ร้านขายกล้อง Leica Go Pro รวมถึงร้านเสื้อผ้าเครื่องประดับเล็กๆ ราคากลางๆนะครับไม่ได้แบบโขกสับกันมากมาย
ภาพาเพิ่มเติมของ Hall ใหญ่ส่วนกลางสองภาพครับ
อีกสองรูปคือส่วนที่เป็นบันไดและลิฟต์ รู้สึกจะมีสามจุดหัวเรือ กลางเรือและท้ายเรือ ลิฟต์ไม่ค่อยมีปัญหามาช้าหรือคนเยอะนอกจากตอนลงเรือ เพราะมีลิฟต์ค่อนข้างเยอะ
รูปสุดท้ายคือทางเดินไปห้องพัก ซึ่งจะมีแบบนี้สองฝั่งซ้ายขวาเลย เดินยาวๆจากหัวเรือจนถึงท้ายเรือ ค่อนข้างแคบ แต่มีที่จับตลอดทาง เพราะเวลาเรือโคลงบางทีโคลงแรงมากจริงๆ ระหว่างทางจะมีห้องซักผ้าบริการแบบหยอดเหรียญเป็นระยะๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องอยู่ยาวๆ เพราะฉะนั้นเราเอาเสื้อผ้าไปพอดีๆก็พอ
ในส่วนของกิจกรรมเอามาให้ดูเป็นตัวอย่างเล็กน้อยครับ
รูปแรกเป็นสระว่ายน้ำในร่ม น้ำไม่ได้อุ่นนะครับ เย็นเลย แต่รอบๆจะมี Hot Tub ให้ลงไปแช่ได้ Hot Tub คนจะเยอะแต่สระว่ายน้ำจะไม่ค่อยมีคนเล่นเท่าไหร่ครับ สระนี้มาบ่อยเพราะเด็กเล่นได้ รอบๆจะมีโต๊ะนั่งมีบาร์ มีโต๊ะปิงปอง หมากรุก
ส่วนดาดฟ้าหลังเรือจะมีสนามบาส และมีโกลหนูให้เล่นบอลด้วย แต่อย่างที่บอกส่วนท้ายเรือถ้าตอนเรือวิ่งจะลมแรงและเหม็นไอเสียมาก ไม่ค่อยมีคนไปเล่นเหมือนกันครับ แบบในรูปคือมีกิจกรรมแข่งฟุตบอล ชนะก็ได้รางวัลตากทางเรือไป เป็นกระเป๋าที่ระลึกอะไรก็ว่าไป
ในส่วนของดนตรีจะมีวงเล็กเล่นอยู่ที่ ฮอลส่วนกลาง ให้คนนั่งคาเฟ่และบาร์ฟัง บนดาดฟ้าตรงสระว่ายน้ำใหญ่กลางเรือ บางทีก็มีวงดนตรีแบบฟูลแบนมาเล่นครับ คึกครื้นดี
รอบๆเรือก็จะมีจุดเล่นอะไรเล็กๆน้อยๆตลอดอย่างในรูปสุดท้ายเป็นตารางหมากรุกยักอยู่ส่วนท้ายเรือครับ
มาถึงส่วนสำคัญคือห้องอาหารแบบ บุฟเฟต์
ที่เปิดตั้งแต่เช้ามือจนถึงประมาณ 5 ทุ่ม จะเข้ามากินตอนไหนได้ตลอด เข้าวันละ 10 หนก็ได้ไม่มีปัญหา อาหารจะเปลี่ยนทุกวัน แล้วแต่ธีมวันนั้นๆเลย
ถ้ามาช่วงเวลาทานข้าวคนก็จะเยอะๆหน่อยแต่ที่ไม่เต็มหรอกครับ แค่เดินไปโต๊ะที่ไกลหน่อย น้ำดื่มที่ให้บริการมีเป็น กาแฟร้อน ชาเย็น และน้ำเปล่า ถ้าเป็น น้ำส้มจะมีให้แค่ช่วงเช้าเท่านั้นครับ โค๊กหรือเครื่องดื่มอื่นสั่งได้แต่เสียเงินเพิ่ม นั่งโต๊ะริมก็จะได้ชมวิวไปด้วยแต่ถ้าวันไหนเรือโยกแรงๆ ขอไม่มองหน้าต่างดีกว่าครับ จะอ๊วก
ในส่วนของเมนูอาหารหลักๆเลยจะมีขนมปัง ผลไม้ สลัดที่เหมือนกันทุกวัน เมนูอื่นจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เป็นของโอเคๆ ไม่ได้ไฮโซอะไรมากครับ บุฟเฟต์อารมณ์โรงแรมราคากลางๆ แต่ไม่จำกัดเวลาและเข้าออกกี่ครั้งก็ได้ มาหลายวันระวังน้ำหนักขึ้นเอาง่ายๆเลยนะ
ต่อมาเป็นห้องอาหารแบบ Dining
เปิดทั้งเช้าและเย็น เที่ยงไม่มี อันนี้คือรวมในราคาอยู่แล้วครับ จะอาหารมาเสริฟเป็นคอร์สแบบมีคนบริการแบบ ฟูลเซอร์วิส ต้องใส่กางเกงขายาวและรองเท้าสวมเข้าเท่านั้น
ตรงนี้โชคดีเค้าจัดพี่คนไทยมาบริการให้ครับ ชื่อพี่เอก บริการดีมาก ถ้าพี่ได้อ่านอยากบอกว่า น้ำใจยังพูดถึงพี่ถึงตอนนี้เลย อยากกลับไปเจอมากๆ
อาหารตรงนี้ก็ดีกว่าตรงบุฟเฟต์หน่อยแต่ก็ไม่ได้สุดยอดมากมายครับ เรื่องอาหารรวมๆผมว่าโอเค คุ้มค่าคุ้มราคา แต่ถ้าอยากกินเสต็กดีๆ ซูชิดีๆ ในเรือมีร้านครับ แต่เสียเงินเพิ่ม ไม่ได้ลองเลยครับ งกมาก ฮาๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้