วันนี้ผมนำเรื่องของดนตรีมาพูดถึงกันบ้างเราไปอ่านกันเลยครับ เรื่องของดนตรีมีบทบาทหรือว่าอิทธิพลต่อสังคมมานานเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นสังคมแบบไหนก็ตาม ดนตรีหรือเพลงนั้นก็จะมีการแสดงออกถึงความเป็นมาของสังคมในแต่ละยุคสมัย หรือพูดกันสั้นๆ ก็คือดนตรีเป็นเหมือนกระจกสะท้อนของสังคมนั้นๆ นั่นเอง จึงไม่แปลกที่ดนตรีจะเข้ามามีบทบาทหรือว่าอิทธิพลต่อสังคมในทุกๆ แบบ แต่ไม่ว่าดนตรีจะเป็นการแสดงออกของสังคมที่แตกต่างกันเท่าไหร่ก็ตามส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถแบ่งแยกออกได้เลยก็คือ ดนตรีไม่มีการแบ่งแยกสังคม ชนชั้น หรือว่าเชื้อชาติ ทุกคนสามารถเข้าถึงความเป็นดนตรีได้ทุกเมื่อ
ด้วยความเป็นสากลของดนตรีนั้น ทำให้เกิดการแพร่กระจายเป็นวงกว้างได้ง่าย ถึงแม้ในยุคก่อนจะไม่มีสื่อโซเซียลก็ตาม แต่ดนตรีก็สามารถขยายวงกว้างไปได้ตามกระแสของแต่ละยุค และในยุคหนึ่งที่ต้องบอกว่าวงดนตรีจากเกาะอังกฤษนั้นได้รับความนิยมไปทั่วโลก และ The Who (เดอะฮู) ก็เป็นวงหนึ่งที่ได้โด่งดังไปทั่วโลก ลองมาทำความรู้จักกันว่าวงดนตรีเดอะฮู นั้นมีประวัติความเป็นมาอย่างไร
เดอะฮูเป็นวงดนตรีร็อกจากอังกฤษที่มีสไตล์ดนตรีเป็นของตัวเองทำให้เพลงเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว โดยที่วงนี้มีการก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1964 หรือ พ.ศ.2507 ถ้าบวกลบแล้วก็มีอายุถึง 56 ปี ด้วยความเป็นร็อครวมทั้งบทเพลงจึงทำให้เพลงมีอิทธิพลต่อวงการดนตรีในยุคนั้นมากไม่ว่าจะไปทางไหนก็ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักวงดนตรีร็อควงนี้ โดยเฉพาะการแสดงสดที่เป็นที่ติดอกติดใจของสาวกชาวร็อคอย่างมากมาย
ในยุคก่อตั้งนั้นมีสมาชิกสำคัญในวงประกอบด้วย พีท ทาวเซนด์ (กีตาร์), โรเจอร์ ดาลเทรย์ (ร้องนำ และเล่น ฮาร์โมนิกาไปด้วย), จอห์น เอนทวิสเทิล (เบส) และ คีธ มูน (กลอง) จากการก่อตั้งวงขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ.1964 โดยมีกำเนิดอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แต่เชื่อหรือไม่ว่าก่อนที่จะมาเป็นวงชื่อเดอะฮูนั้น วงนี้ได้มีการเปลี่ยนชื่อวงมาก่อนถึง 2 ชื่อแล้ว ซึ่งชื่อเดิมก็คือ The Detours จากนั้นได้มีการเปลี่ยนชื่อมาเป็น The High Numbers และได้เปลี่ยนชื่อวงมาเป็นชื่อเดอะฮู จนเป็นที่รู้จักกันดีมาถึงปัจจุบัน
ด้วยเอกลักษณ์การเล่นดนตรีร็อคที่มีความดุดันและจนทำให้ทุกคนคล้อยตามไปกับบทเพลง และการเข้าถึงความมันส์ในการเล่นดนตรีจนทำให้สุดท้ายแล้วสมาชิกในวงมีการทำลายเครื่องดนตรีเกิดขึ้น จนเป็นภาพที่จดจำของแฟนคลับไปในที่สุด โดยเฉพาะ พีท ทาวเซนด์ มือกีตาร์ของวง ที่โชว์ลีลาในการฟาดกีตาร์ได้อย่างดุเดือด และ มือกลองอย่าง คีธ มูน ที่ได้นำเอากลองกระเดื่องคู่มาใช้กับวงเป็นคนแรกๆ
ซึ่งในระยะแรกของการตั้งวงที่โด่งดังมาจากเพลงสัญลักษณ์วัยรุ่นในยุคนั้น คือเพลง My Generation (1965) ต่อมาในปี ค.ศ.1978 วงได้สูญเสียสมาชิกของวงคือ คีธ มูน ได้เสียชีวิตลงเพราะใช้สารเสพยาเสพติดเกินขนาด จึงทำให้วงต้องรับสมาชิกมือกลองใหม่ แล้วก็ได้มือกลองมาใหม่ ชื่อ เคนนี โจนส์ แต่ต่อมาอีก 3 ปี วงก็เกิดการเปลี่ยนอีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้เกิดมีปัญหาภายในวงขึ้นทำให้ต้องมีการแยกวงกันเกิดขึ้น และกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ซึ่งเป็นอย่างนี้อยู่หลายรอบ จนกระทั่ง ปี 2002 จอห์น เอนทวิสเทิล มือเบสของวงก็เสียชีวิตลงไปอีกคน เพราะเสพโคเคนเกินขนาด หลังจากนั้นพวกเขากลับมารวมตัวกันอีกครั้งในปี 2004 และครั้งนี้ได้การออกตระเวนแสดงสดไปทั่วโลกจนเป็นที่รู้จัก
อีกทั้งยังได้มือกลองอย่าง แซ๊ก สตาร์คกี้ มือกลองของวง oasis และเป็นลูกชายของ ริงโก้ สตาร์ท อดีตมือกลองของวง เดอะ บีทเทิลส์ มาเป็นมือกลองให้กับเดอะฮูอีกด้วยจนกระทั่งปัจจุบัน นอกจากอิทธิพลทางดนตรีแล้วเดอะฮูก็มีอิทธิพลในเรื่องของแฟชั่นการแต่งตัวในสตไล์แบบ Mod ซึ่งสามารถอ่านบทความได้ที่: สไตล์การแต่งตัวแบบ MOD คืออะไร แล้วเกิดมาได้อย่างไร
https://www.lambrettaallride.com/style-mod/
ได้รู้จักกับประวัติของวงกันไปพอสมควรแล้ว คราวนี้ลองมาดูผลงานที่ผ่านๆมากันหน่อยว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งอาจจะคุ้นหูของชาวร็อคบางคนมาแล้วก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น
My Generation (UK) / The Who Sings My Generation (US) – 3 December 1965
A Quick One (UK) / Happy Jack (US) – 9 December 1966
The Who Sell Out – 15 December 1967
Tommy – 23 May 1969
Live at Leeds – 16 May 1970 (Recorded 14 February 1970)
Who’s Next – 31 July 1971 (US) / 25 August 1971 (UK)
Quadrophenia – 19 October 1973
The Who by Numbers – 18 October 1975
Who Are You – 18 August 1978
Face Dances – 16 March 1981
It’s Hard – 4 September 1982
Endless Wire – 30 October 2006
และนี้คืออีกหนึ่งความสำเร็จของวงดนตรีร็อคจากเกาะอังกฤษที่ชื่อ The Who (เดอะฮู) ในอดีตที่ได้มาให้ได้รู้จักกันถึงความยิ่งใหญ่ของการแสดงสดที่ไม่เหมือนใครและสร้างความประทับใจจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จนกลายมาเป็นวงร็อคต้นแบบให้กับวงยุคใหม่ๆที่บางครั้งเราอาจจะได้เห็นลีลาการทำลายเครื่องดนตรีกันอยู่เรื่อยๆ ซึ่งนั้นก็เป็นอิทธิพลของวงดนตรีร็อคในระดับตำนาน ที่ได้มีการสืบทอดมาจากยุคนั้นจนมาสู่ยุคนี้ และทุกวันนี้ The Who (เดอะฮู) ก็ยังได้ถูกกล่าวขานและพูดถึงอยู่เสมอ ปัจจุบันสัญลักษณ์วงเดอะฮูได้กลายเป็นสัญลักษณ์ในกลุ่มสกู๊ตเตอร์หลายๆ แบรนด์หนึ่งในนั้นคือ
Lambretta
ข้อมูลจาก
https://www.lambrettaallride.com/the-who/
ที่มาของ The Who วงดนตรีผู้มีอิทธิพลอีกหนึ่งวงแห่งเกาะอังกฤษ
เดอะฮูเป็นวงดนตรีร็อกจากอังกฤษที่มีสไตล์ดนตรีเป็นของตัวเองทำให้เพลงเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว โดยที่วงนี้มีการก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1964 หรือ พ.ศ.2507 ถ้าบวกลบแล้วก็มีอายุถึง 56 ปี ด้วยความเป็นร็อครวมทั้งบทเพลงจึงทำให้เพลงมีอิทธิพลต่อวงการดนตรีในยุคนั้นมากไม่ว่าจะไปทางไหนก็ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักวงดนตรีร็อควงนี้ โดยเฉพาะการแสดงสดที่เป็นที่ติดอกติดใจของสาวกชาวร็อคอย่างมากมาย
ในยุคก่อตั้งนั้นมีสมาชิกสำคัญในวงประกอบด้วย พีท ทาวเซนด์ (กีตาร์), โรเจอร์ ดาลเทรย์ (ร้องนำ และเล่น ฮาร์โมนิกาไปด้วย), จอห์น เอนทวิสเทิล (เบส) และ คีธ มูน (กลอง) จากการก่อตั้งวงขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ.1964 โดยมีกำเนิดอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แต่เชื่อหรือไม่ว่าก่อนที่จะมาเป็นวงชื่อเดอะฮูนั้น วงนี้ได้มีการเปลี่ยนชื่อวงมาก่อนถึง 2 ชื่อแล้ว ซึ่งชื่อเดิมก็คือ The Detours จากนั้นได้มีการเปลี่ยนชื่อมาเป็น The High Numbers และได้เปลี่ยนชื่อวงมาเป็นชื่อเดอะฮู จนเป็นที่รู้จักกันดีมาถึงปัจจุบัน
ด้วยเอกลักษณ์การเล่นดนตรีร็อคที่มีความดุดันและจนทำให้ทุกคนคล้อยตามไปกับบทเพลง และการเข้าถึงความมันส์ในการเล่นดนตรีจนทำให้สุดท้ายแล้วสมาชิกในวงมีการทำลายเครื่องดนตรีเกิดขึ้น จนเป็นภาพที่จดจำของแฟนคลับไปในที่สุด โดยเฉพาะ พีท ทาวเซนด์ มือกีตาร์ของวง ที่โชว์ลีลาในการฟาดกีตาร์ได้อย่างดุเดือด และ มือกลองอย่าง คีธ มูน ที่ได้นำเอากลองกระเดื่องคู่มาใช้กับวงเป็นคนแรกๆ
ซึ่งในระยะแรกของการตั้งวงที่โด่งดังมาจากเพลงสัญลักษณ์วัยรุ่นในยุคนั้น คือเพลง My Generation (1965) ต่อมาในปี ค.ศ.1978 วงได้สูญเสียสมาชิกของวงคือ คีธ มูน ได้เสียชีวิตลงเพราะใช้สารเสพยาเสพติดเกินขนาด จึงทำให้วงต้องรับสมาชิกมือกลองใหม่ แล้วก็ได้มือกลองมาใหม่ ชื่อ เคนนี โจนส์ แต่ต่อมาอีก 3 ปี วงก็เกิดการเปลี่ยนอีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้เกิดมีปัญหาภายในวงขึ้นทำให้ต้องมีการแยกวงกันเกิดขึ้น และกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ซึ่งเป็นอย่างนี้อยู่หลายรอบ จนกระทั่ง ปี 2002 จอห์น เอนทวิสเทิล มือเบสของวงก็เสียชีวิตลงไปอีกคน เพราะเสพโคเคนเกินขนาด หลังจากนั้นพวกเขากลับมารวมตัวกันอีกครั้งในปี 2004 และครั้งนี้ได้การออกตระเวนแสดงสดไปทั่วโลกจนเป็นที่รู้จัก
อีกทั้งยังได้มือกลองอย่าง แซ๊ก สตาร์คกี้ มือกลองของวง oasis และเป็นลูกชายของ ริงโก้ สตาร์ท อดีตมือกลองของวง เดอะ บีทเทิลส์ มาเป็นมือกลองให้กับเดอะฮูอีกด้วยจนกระทั่งปัจจุบัน นอกจากอิทธิพลทางดนตรีแล้วเดอะฮูก็มีอิทธิพลในเรื่องของแฟชั่นการแต่งตัวในสตไล์แบบ Mod ซึ่งสามารถอ่านบทความได้ที่: สไตล์การแต่งตัวแบบ MOD คืออะไร แล้วเกิดมาได้อย่างไร https://www.lambrettaallride.com/style-mod/
ได้รู้จักกับประวัติของวงกันไปพอสมควรแล้ว คราวนี้ลองมาดูผลงานที่ผ่านๆมากันหน่อยว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งอาจจะคุ้นหูของชาวร็อคบางคนมาแล้วก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น
My Generation (UK) / The Who Sings My Generation (US) – 3 December 1965
A Quick One (UK) / Happy Jack (US) – 9 December 1966
The Who Sell Out – 15 December 1967
Tommy – 23 May 1969
Live at Leeds – 16 May 1970 (Recorded 14 February 1970)
Who’s Next – 31 July 1971 (US) / 25 August 1971 (UK)
Quadrophenia – 19 October 1973
The Who by Numbers – 18 October 1975
Who Are You – 18 August 1978
Face Dances – 16 March 1981
It’s Hard – 4 September 1982
Endless Wire – 30 October 2006
และนี้คืออีกหนึ่งความสำเร็จของวงดนตรีร็อคจากเกาะอังกฤษที่ชื่อ The Who (เดอะฮู) ในอดีตที่ได้มาให้ได้รู้จักกันถึงความยิ่งใหญ่ของการแสดงสดที่ไม่เหมือนใครและสร้างความประทับใจจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จนกลายมาเป็นวงร็อคต้นแบบให้กับวงยุคใหม่ๆที่บางครั้งเราอาจจะได้เห็นลีลาการทำลายเครื่องดนตรีกันอยู่เรื่อยๆ ซึ่งนั้นก็เป็นอิทธิพลของวงดนตรีร็อคในระดับตำนาน ที่ได้มีการสืบทอดมาจากยุคนั้นจนมาสู่ยุคนี้ และทุกวันนี้ The Who (เดอะฮู) ก็ยังได้ถูกกล่าวขานและพูดถึงอยู่เสมอ ปัจจุบันสัญลักษณ์วงเดอะฮูได้กลายเป็นสัญลักษณ์ในกลุ่มสกู๊ตเตอร์หลายๆ แบรนด์หนึ่งในนั้นคือ Lambretta
ข้อมูลจาก https://www.lambrettaallride.com/the-who/