เรือรบวงกลมของรัสเซีย


ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 
เรือเริ่มเปลี่ยนจากไม้เป็นเหล็ก
และวิศวกรหลายคนก็คิดว่าถึงเวลาแล้ว
ที่จะทำการทดลองรูปแบบใหม่
John Elder นักต่อเรือชาวสก็อตได้สนับสนุนว่า
การสร้างเรือลำใหญ่มีขนาดกว้างขึ้น
จะทำให้บรรทุกปืนที่หนักกว่าและทรงพลังกว่า
การออกแบบเช่นนี้ต้องมีแบบร่างที่ชัดเจน
และต้องสอดล้องเหมาะสมกับพลังการแล่นเรือ
ที่แข่งขันความเร็วกับเรือปกติ/เรือรบทั่วไปได้ 

แนวคิดนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก
พลเรือตรี Andrei Alexandrovich Popov  ราชนาวีรัสเซีย
ได้นำแนวคิดนี้ไปใช้ในการสร้างเรือที่สุดยอด
เรือลำที่มีลักษณะแปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยสร้างขึ้นมา
โดยท่านได้เสนอให้สร้างเรือที่มีความยาวเท่ากัน
จะต้องไม่มีด้านตรง แต่ตัวเรือจะโค้งรอบตัว
หรืออีกนัยหนึ่งคือ เรือที่มีลำตัวกลมกลมและก้นแบน
เรือวงกลมกลายเป็นรูปร่างที่น่าทึ่ง
เพราะครอบคลุมพื้นที่ใช้งานได้สูงสุด
ภายใต้ข้อกำหนดว่าการใช้งานขั้นต่ำต้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้

มีการวิเคราะห์กันว่า การออกแบบเรือวงกลมของ Popov
จะทำให้มีการเคลื่อนที่ในน้ำได้ดีที่สุด
เพราะพื้นที่ใช้งานกว้างบรรทุกอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้เยอะ 
ในขณะที่ต้องการเกราะน้อยที่สุด
เพราะตัวถังที่สั้นกว่า ลำตัวเรือไม่ยาวกว่าเรือรุ่นเก่า
การออกแบบเรือลำนี้ทำให้สามารถบรรจุปืนที่ใหญ่กว่าและหนักกว่า
ในขณะตัวเรือที่เป็นรูปวงกลมจึงหมุนรอบตัวได้
จะหันปากกระบอกปืนใหญ่เล็งยิงตรงจุดใดก็ได้
กระสุนปืนใหญ่จะยิงออกได้จากจุดศูนย์กลางของเรือ
และจะสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุดให้กับฝ่ายศัตรู
การออกแบบเช่นนี้จะทำให้กระดูกงูไม่กินน้ำลึกเกินไป
เพราะสร้างให้เรือท้องแบบ ไม่เรียวลึกแบบเรือทั่วไป
ทำให้เรือลาดตระเวนในเขตน้ำตื้นของ
แม่น้ำ  Dnieper-Bug Estuary กับ Kerch Strait ได้

เรือรบลำนี้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 11 ฟุต (3.4 ม.)
และติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 11 นิ้ว (279 มม.)
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่เกินกว่า 4 ล้านรูเบิล
ระวางบรรทุกเรือ 2,100 ตันกรอส 



แบบจำลองเรือ  Novgorod ที่ Internationales Maritimes Museum Hamburg ©  Zandcee / Wikimedia Commons
.
ในปี 1870
ต้นแบบเรือจำลองถูกสร้างและทดสอบในทะเล Baltic ที่ St. Petersburg 
เรือลำนี้เคลื่อนที่ได้ดีและผลการทดสอบก็ถือว่าประสบความสำเร็จ 
ต้องตาต้องใจจอมพลราชนาวี Grand Duke Konstantin Nikolayevich 
มีการรายงานผลการทดสอบให้กับ Tsar Alexander II
จึงมีรับสั่งให้เรียกเรือรบเหล็กวงกลมว่า popovka
เรือรบเหล็กขนาดจิ๋วตามชื่อของนักออกแบบ

ในขณะที่ Popov กับผู้ช่วยกำลังยุ่งกับการออกแบบและสร้างมิติต่าง ๆ ของเรือ
แต่จอมพลราชนาวีต้องการให้เรือ popovka มีขนาดใหญ่ที่สุด
และให้ออกแบบให้เรือรบมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 150 ฟุตและมีระวางบรรทุก 6,000 ตัน
เรือรบติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 11 นิ้ว 4 กระบอก
แต่การก่อสร้างบานปลายจนเกินกว่างบประมาณของโครงการ

Popov จึงต้องลดสเกลการก่อสร้างเรือรบให้มีขนาดเล็กลง
เหลือเรือขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 ฟุตและระวางบรรทุก 2,490 ตัน
เรือรบติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 11 นิ้ว 2 กระบอก
วางอยู่บนแท่นหมุนวงกลมคล้ายจานแผ่นเสียงที่กึ่งกลางของเรือรบ
ขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรไอน้ำ  ใช้ใบพัดที่ท้ายเรือ 6 ตัว
เรือรบลำมีความเร็วประมาณ 6.5 นอต
เธอชื่อ Novgorod และเริ่มลงน้ำในปี 1873

ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของตัวเรือรูปร่างวงกลม
ทำให้ลดความสามารถของหางเสือ
ในการหมุนเรือลงอย่างมาก
ต้องใช้เวลา 40 ถึง 45 นาที
ในการหมุนรอบตนเองได้ครบหนึ่งวง

.
ผลลัพธ์คือ ทำให้เรือรบแทบจะวิ่งในทะเลหลวงไม่ได้
และไม่สามารถต้านทานพายุที่รุนแรง
ลำตัวเรือทรงกลมยิ่งสร้างแรงต้านทาน
ผนวกกับท้องเรือแบนไม่เพรียวเหมือนเรือทั่วไป
ทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้ถ่านหินจำนวนมหาศาล
ทำให้แล่นฝีจักรเต็มที่ได้เพียง 480 ไมล์ทะเล (890 กม.) 
จึงมีการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับหางเสือ
ด้วยการทำให้หางเสือล็อคอยู่กับที่
แต่ก็ต้องแลกกลับความเร็วที่ลดลงไปอีก

ลำเรือที่ผิดปกติของ Novgorod
ได้สร้างตำนานอย่างมากมาย
แต่คำบอกเล่าเรื่องที่น่าเชื่อถือที่สุดคือ
เรือนั้นมีแนวโน้มที่จะหมุนรอบตัวเอง
อย่างไม่สามารถควบคุมได้ทุกครั้ง
ที่มีการยิงปืนใหญ่แล้วเกิดแรงสะท้อนบนลำเรือ

แต่ข้อเท็จจริงที่มีคือ เรือแล่นได้ช้าและขาดความคล่องตัวในการรบ
เรือลำพี่สาว Novgorod กับเรือลำน้องสาว  Vitse-admiral Popov
ที่มีขนาดใหญ่กว่าเพียงเล็กน้อย
ได้ทำหน้าที่เป็นป้อมที่ลอยน้ำ เพื่อเฝ้าดูชายฝั่ง
แม้ว่าจะมีความพยายามขายให้กับชาติ Bulgaria
แต่เรือทั้งสองลำต่างไร้สภาพจนถูกขายเป็นเศษเหล็กในปี 1911

เรียบเรียง/ที่มา
 
http://bit.ly/2S9vZQv
http://bit.ly/2UwOYGx


 
ระหว่างสร้าง Novgorod  ©  John Jordan

 
เรือ Novgorod ก่อนที่จะลงน้ำ ©  John Jordan

แบบจำลองเรือ Novgorod หลังปี 1875

แบบด้านบนของเรือ  Novgorod

สภาพเดิมของเรือ Novgorod หลังจากเริ่มเดินเครื่องในทะเลในปี 1873

เรือ Novgorod เดินทางมาถึง Sevastopol ในปี 1873





.

เรื่องเล่าไร้สาระ

ทำไมเรือเป็นเพศหญิงและนิยมตั้งชื่อเรือเป็นชื่อผู้หญิง

อิทธิพลจากภาษาหลัก มาจากรากฐานตระกูลภาษาเดียวกัน
อินโดอารยัน อินโดยูโรเปียน หลัก ๆ ต้นตระกูลภาษา
คือ กรีก ละติน สันสฤต บาลี ก่อนแยกย่อยเป็นภาษาต่าง ๆ
จะมีเพศชายเพศหญิงในการเรียกชื่อคน สัตว์ สิ่งของ
เรือถูกกำหนดไว้แล้วให้เป็นเพศหญิง
จึงเกิดเป็นประเพณีตั้งชื่อเรือเป็นผู้หญิง

ร่วมกับข้อสันนิษฐานหลายประการ เช่น
ความเชื่อที่ว่าคนบนเรือสมัยก่อนส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย
และห่างบ้านเรือนมานาน ก็เลยตั้งชื่อเรือเป็นผู้หญิง
หรือเรียกเรือเป็นผู้หญิงเพื่อแทนความคิดถึงคนรัก เช่น แม่หรือภรรยา
และต้องการแสดงความเคารพต่อเรือเสมือนแม่บังเกิดเกล้า
หรือการแสดงความเคารพต่อเทพยดาที่สิงสถิตอยู่ในเรือ
เพื่อให้ช่วยคุ้มครองจากภยันตรายต่าง ๆ จากทะเลเมื่อเวลาที่ต้องออกเรือ

บางสมมติฐานก็เชื่อว่าเป็นเพราะเรือเป็นของใช้ที่มีราคาแพง
การบำรุงรักษาสูง ต้องดูแลอย่างทะนุถนอม ประดุจเดียวกับผู้หญิง

ของคนไทยการตั้งชื่อเรือไม่จำเป็นต้องชื่อผู้หญิง แล้วแต่ความชอบ
แต่ก็มีการเคารพแม่ย่านางเรือ ถ้าเรือลำเล็กมักจะอยู่ตรงหัวเรือ
ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปเดินหรือยืนเหยียบย่ำหัวเรือชาวประมง
บางรายก็นำแม่ย่านางเรือให้มาสิงสถิตย์ที่เครื่องเรือยนต์แทนไปเลยก็มี
แต่ถ้าชาวประมงเป็นมุสลิมจะไม่มีพิธีกรรมไหว้แม่ย่านางเรือ

.
ที่สงขลา ชาวประมงแถบอำเภอเมือง นอกจากไหว้แม่ย่านางเรือแล้ว
ส่วนหนึ่งจะบน ทวดหัวเขาแดง กับ ทวดหุม ที่ตั้งอยู่สิงหนคร
ทวดทั้งสองอยู่ห่างกันราว 1 กิโลเมตรเศษ
มรหุ่มของสุลต่านสุไลมาน อดีตเจ้านครรัฐสงขลา
ที่แข็งข้อไม่ยอมส่งส่วยบรรณาการให้กรุงศรีอยุทธยา
ในยุคพระเจ้าปราสาททอง ปี 2173 ก่อนแพ้พระนารายณ์ ปี 2223
รวมระยะเวลาเป็นไท 50 ปี ซึ่งตอนนั้นท่านเสียชีวิตไปแล้ว ที่มา  http://bit.ly/39f3BCc
ท่านเป็นต้นสกุล ณ พัทลุง ศรียาภัย พิทักษ์คุมพล(อาศีส พิทักษ์คุมพล-จุฬาราชมนตรี)

การบนทวดทั้งสองท่าน มักจะบนขอให้จับปลาได้เยอะ ๆ  ขอให้ปลอดภัยจากพิษภัยท้องทะเล
การแก้บนก็จุดปะทัดบนเรือเวลาเรือแล่นผ่านที่ตั้งทวดหัวเขาแดง
กับแล่นเรือเฉียดผ่าน มรหุ่มของท่านก็พอแล้ว
บนได้ทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม แต่ส่วนมากนิยมขอหวยมากกว่า
ถ้ามีโอกาสและวันเวลาว่างจึงจะไปสักการะที่ตั้งทวดทั้งสอง

ทวด คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านนับถือ มักจะมีรูปร่างสูงใหญ่ มีอายุยืนยาว ไม่ตายง่าย ๆ
ใช้ได้ทั้งคน รูปปั้น สัตว์ที่มีอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารย์ อยู่ยงคงกระพัน ยิงแทงไม่เข้า
เช่น หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ ทวดทองเฒ่าวัดเขาอ้อ ทวดนอนวัดจะทิ้งพระ
ทวดเสือ ทวดช้าง ทวดหมูป่า ทวดเต่า ทวดฟาน(เก้ง) ทวดบ้องหลา(งูจงอาง) 

ส่วนของชาวประมงชาวจีนจะนับถือ เจ้าแม่ทับทิม จุ้ยบ้วยเนี้ย

มรหุ่มสุลต่านสุไลมาน หรือ ทวดหุม
.
อย่างไรก็ตามประเพณีดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นข้อบังคับ 
การตั้งชื่อเรือไม่จำเป็นว่าต้องเป็นผู้หญิงเสมอไป 
โดยเฉพาะพวกเรือรบหรือเรือขนาดใหญ่ 
เช่น เรือบิสมาร์กของเยอรมัน เรือไททานิค
เรือ USS แกรนท์ ของสหรัฐอเมริกา เป็นต้น

ส่วนของไทยมักจะตั้งชื่อตามพระนามกษัตริย์
จังหวัด ที่ตั้งฐานทัพเรือ ชื่อในวรรณคดีรามเกียรติ์
ที่มา เรือรบของกองทัพเรือไทย

สรุปย่อ/ที่มา © 

http://bit.ly/2SdCHoZ
http://bit.ly/2uwX6vT

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่