ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19
เรือเริ่มเปลี่ยนจากไม้เป็นเหล็ก
และวิศวกรหลายคนก็คิดว่าถึงเวลาแล้ว
ที่จะทำการทดลองรูปแบบใหม่
John Elder นักต่อเรือชาวสก็อตได้สนับสนุนว่า
การสร้างเรือลำใหญ่มีขนาดกว้างขึ้น
จะทำให้บรรทุกปืนที่หนักกว่าและทรงพลังกว่า
การออกแบบเช่นนี้ต้องมีแบบร่างที่ชัดเจน
และต้องสอดล้องเหมาะสมกับพลังการแล่นเรือ
ที่แข่งขันความเร็วกับเรือปกติ/เรือรบทั่วไปได้
แนวคิดนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก
พลเรือตรี
Andrei Alexandrovich Popov ราชนาวีรัสเซีย
ได้นำแนวคิดนี้ไปใช้ในการสร้างเรือที่สุดยอด
เรือลำที่มีลักษณะแปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยสร้างขึ้นมา
โดยท่านได้เสนอให้สร้างเรือที่มีความยาวเท่ากัน
จะต้องไม่มีด้านตรง แต่ตัวเรือจะโค้งรอบตัว
หรืออีกนัยหนึ่งคือ เรือที่มีลำตัวกลมกลมและก้นแบน
เรือวงกลมกลายเป็นรูปร่างที่น่าทึ่ง
เพราะครอบคลุมพื้นที่ใช้งานได้สูงสุด
ภายใต้ข้อกำหนดว่าการใช้งานขั้นต่ำต้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้
มีการวิเคราะห์กันว่า การออกแบบเรือวงกลมของ Popov
จะทำให้มีการเคลื่อนที่ในน้ำได้ดีที่สุด
เพราะพื้นที่ใช้งานกว้างบรรทุกอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้เยอะ
ในขณะที่ต้องการเกราะน้อยที่สุด
เพราะตัวถังที่สั้นกว่า ลำตัวเรือไม่ยาวกว่าเรือรุ่นเก่า
การออกแบบเรือลำนี้ทำให้สามารถบรรจุปืนที่ใหญ่กว่าและหนักกว่า
ในขณะตัวเรือที่เป็นรูปวงกลมจึงหมุนรอบตัวได้
จะหันปากกระบอกปืนใหญ่เล็งยิงตรงจุดใดก็ได้
กระสุนปืนใหญ่จะยิงออกได้จากจุดศูนย์กลางของเรือ
และจะสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุดให้กับฝ่ายศัตรู
การออกแบบเช่นนี้จะทำให้กระดูกงูไม่กินน้ำลึกเกินไป
เพราะสร้างให้เรือท้องแบบ ไม่เรียวลึกแบบเรือทั่วไป
ทำให้เรือลาดตระเวนในเขตน้ำตื้นของ
แม่น้ำ Dnieper-Bug Estuary กับ Kerch Strait ได้
เรือรบลำนี้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 11 ฟุต (3.4 ม.)
และติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 11 นิ้ว (279 มม.)
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่เกินกว่า 4 ล้านรูเบิล
ระวางบรรทุกเรือ 2,100 ตันกรอส
แบบจำลองเรือ Novgorod ที่ Internationales Maritimes Museum Hamburg © Zandcee / Wikimedia Commons
.
ในปี 1870
ต้นแบบเรือจำลองถูกสร้างและทดสอบในทะเล Baltic ที่ St. Petersburg
เรือลำนี้เคลื่อนที่ได้ดีและผลการทดสอบก็ถือว่าประสบความสำเร็จ
ต้องตาต้องใจจอมพลราชนาวี
Grand Duke Konstantin Nikolayevich
มีการรายงานผลการทดสอบให้กับ
Tsar Alexander II
จึงมีรับสั่งให้เรียกเรือรบเหล็กวงกลมว่า popovka
เรือรบเหล็กขนาดจิ๋วตามชื่อของนักออกแบบ
ในขณะที่ Popov กับผู้ช่วยกำลังยุ่งกับการออกแบบและสร้างมิติต่าง ๆ ของเรือ
แต่จอมพลราชนาวีต้องการให้เรือ popovka มีขนาดใหญ่ที่สุด
และให้ออกแบบให้เรือรบมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 150 ฟุตและมีระวางบรรทุก 6,000 ตัน
เรือรบติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 11 นิ้ว 4 กระบอก
แต่การก่อสร้างบานปลายจนเกินกว่างบประมาณของโครงการ
Popov จึงต้องลดสเกลการก่อสร้างเรือรบให้มีขนาดเล็กลง
เหลือเรือขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 ฟุตและระวางบรรทุก 2,490 ตัน
เรือรบติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 11 นิ้ว 2 กระบอก
วางอยู่บนแท่นหมุนวงกลมคล้ายจานแผ่นเสียงที่กึ่งกลางของเรือรบ
ขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรไอน้ำ ใช้ใบพัดที่ท้ายเรือ 6 ตัว
เรือรบลำมีความเร็วประมาณ 6.5 นอต
เธอชื่อ Novgorod และเริ่มลงน้ำในปี 1873
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของตัวเรือรูปร่างวงกลม
ทำให้ลดความสามารถของหางเสือ
ในการหมุนเรือลงอย่างมาก
ต้องใช้เวลา 40 ถึง 45 นาที
ในการหมุนรอบตนเองได้ครบหนึ่งวง
.
ผลลัพธ์คือ ทำให้เรือรบแทบจะวิ่งในทะเลหลวงไม่ได้
และไม่สามารถต้านทานพายุที่รุนแรง
ลำตัวเรือทรงกลมยิ่งสร้างแรงต้านทาน
ผนวกกับท้องเรือแบนไม่เพรียวเหมือนเรือทั่วไป
ทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้ถ่านหินจำนวนมหาศาล
ทำให้แล่นฝีจักรเต็มที่ได้เพียง 480 ไมล์ทะเล (890 กม.)
จึงมีการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับหางเสือ
ด้วยการทำให้หางเสือล็อคอยู่กับที่
แต่ก็ต้องแลกกลับความเร็วที่ลดลงไปอีก
ลำเรือที่ผิดปกติของ Novgorod
ได้สร้างตำนานอย่างมากมาย
แต่คำบอกเล่าเรื่องที่น่าเชื่อถือที่สุดคือ
เรือนั้นมีแนวโน้มที่จะหมุนรอบตัวเอง
อย่างไม่สามารถควบคุมได้ทุกครั้ง
ที่มีการยิงปืนใหญ่แล้วเกิดแรงสะท้อนบนลำเรือ
แต่ข้อเท็จจริงที่มีคือ เรือแล่นได้ช้าและขาดความคล่องตัวในการรบ
เรือลำพี่สาว Novgorod กับเรือลำน้องสาว
Vitse-admiral Popov
ที่มีขนาดใหญ่กว่าเพียงเล็กน้อย
ได้ทำหน้าที่เป็นป้อมที่ลอยน้ำ เพื่อเฝ้าดูชายฝั่ง
แม้ว่าจะมีความพยายามขายให้กับชาติ Bulgaria
แต่เรือทั้งสองลำต่างไร้สภาพจนถูกขายเป็นเศษเหล็กในปี 1911
เรียบเรียง/ที่มา
http://bit.ly/2S9vZQv
http://bit.ly/2UwOYGx
ระหว่างสร้าง Novgorod © John Jordan
เรือ Novgorod ก่อนที่จะลงน้ำ © John Jordan
แบบจำลองเรือ Novgorod หลังปี 1875
แบบด้านบนของเรือ Novgorod
สภาพเดิมของเรือ Novgorod หลังจากเริ่มเดินเครื่องในทะเลในปี 1873
เรือ Novgorod เดินทางมาถึง Sevastopol ในปี 1873
.
เรื่องเล่าไร้สาระ
ทำไมเรือเป็นเพศหญิงและนิยมตั้งชื่อเรือเป็นชื่อผู้หญิง
อิทธิพลจากภาษาหลัก มาจากรากฐานตระกูลภาษาเดียวกัน
อินโดอารยัน อินโดยูโรเปียน หลัก ๆ ต้นตระกูลภาษา
คือ กรีก ละติน สันสฤต บาลี ก่อนแยกย่อยเป็นภาษาต่าง ๆ
จะมีเพศชายเพศหญิงในการเรียกชื่อคน สัตว์ สิ่งของ
เรือถูกกำหนดไว้แล้วให้เป็นเพศหญิง
จึงเกิดเป็นประเพณีตั้งชื่อเรือเป็นผู้หญิง
ร่วมกับข้อสันนิษฐานหลายประการ เช่น
ความเชื่อที่ว่าคนบนเรือสมัยก่อนส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย
และห่างบ้านเรือนมานาน ก็เลยตั้งชื่อเรือเป็นผู้หญิง
หรือเรียกเรือเป็นผู้หญิงเพื่อแทนความคิดถึงคนรัก เช่น แม่หรือภรรยา
และต้องการแสดงความเคารพต่อเรือเสมือนแม่บังเกิดเกล้า
หรือการแสดงความเคารพต่อเทพยดาที่สิงสถิตอยู่ในเรือ
เพื่อให้ช่วยคุ้มครองจากภยันตรายต่าง ๆ จากทะเลเมื่อเวลาที่ต้องออกเรือ
บางสมมติฐานก็เชื่อว่าเป็นเพราะเรือเป็นของใช้ที่มีราคาแพง
การบำรุงรักษาสูง ต้องดูแลอย่างทะนุถนอม ประดุจเดียวกับผู้หญิง
ของคนไทยการตั้งชื่อเรือไม่จำเป็นต้องชื่อผู้หญิง แล้วแต่ความชอบ
แต่ก็มีการเคารพแม่ย่านางเรือ ถ้าเรือลำเล็กมักจะอยู่ตรงหัวเรือ
ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปเดินหรือยืนเหยียบย่ำหัวเรือชาวประมง
บางรายก็นำแม่ย่านางเรือให้มาสิงสถิตย์ที่เครื่องเรือยนต์แทนไปเลยก็มี
แต่ถ้าชาวประมงเป็นมุสลิมจะไม่มีพิธีกรรมไหว้แม่ย่านางเรือ
.
ที่สงขลา ชาวประมงแถบอำเภอเมือง นอกจากไหว้แม่ย่านางเรือแล้ว
ส่วนหนึ่งจะบน
ทวดหัวเขาแดง กับ ทวดหุม ที่ตั้งอยู่สิงหนคร
ทวดทั้งสองอยู่ห่างกันราว 1 กิโลเมตรเศษ
มรหุ่มของสุลต่านสุไลมาน อดีตเจ้านครรัฐสงขลา
ที่แข็งข้อไม่ยอมส่งส่วยบรรณาการให้กรุงศรีอยุทธยา
ในยุคพระเจ้าปราสาททอง ปี 2173 ก่อนแพ้พระนารายณ์ ปี 2223
รวมระยะเวลาเป็นไท 50 ปี ซึ่งตอนนั้นท่านเสียชีวิตไปแล้ว ที่มา
http://bit.ly/39f3BCc
ท่านเป็นต้นสกุล ณ พัทลุง ศรียาภัย พิทักษ์คุมพล(อาศีส พิทักษ์คุมพล-จุฬาราชมนตรี)
การบนทวดทั้งสองท่าน มักจะบนขอให้จับปลาได้เยอะ ๆ ขอให้ปลอดภัยจากพิษภัยท้องทะเล
การแก้บนก็จุดปะทัดบนเรือเวลาเรือแล่นผ่านที่ตั้งทวดหัวเขาแดง
กับแล่นเรือเฉียดผ่าน มรหุ่มของท่านก็พอแล้ว
บนได้ทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม แต่ส่วนมากนิยมขอหวยมากกว่า
ถ้ามีโอกาสและวันเวลาว่างจึงจะไปสักการะที่ตั้งทวดทั้งสอง
ทวด คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านนับถือ มักจะมีรูปร่างสูงใหญ่ มีอายุยืนยาว ไม่ตายง่าย ๆ
ใช้ได้ทั้งคน รูปปั้น สัตว์ที่มีอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารย์ อยู่ยงคงกระพัน ยิงแทงไม่เข้า
เช่น หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ ทวดทองเฒ่าวัดเขาอ้อ ทวดนอนวัดจะทิ้งพระ
ทวดเสือ ทวดช้าง ทวดหมูป่า ทวดเต่า ทวดฟาน(เก้ง) ทวดบ้องหลา(งูจงอาง)
ส่วนของชาวประมงชาวจีนจะนับถือ
เจ้าแม่ทับทิม จุ้ยบ้วยเนี้ย
มรหุ่มสุลต่านสุไลมาน หรือ ทวดหุม
.
อย่างไรก็ตามประเพณีดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นข้อบังคับ
การตั้งชื่อเรือไม่จำเป็นว่าต้องเป็นผู้หญิงเสมอไป
โดยเฉพาะพวกเรือรบหรือเรือขนาดใหญ่
เช่น เรือบิสมาร์กของเยอรมัน เรือไททานิค
เรือ USS แกรนท์ ของสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
ส่วนของไทยมักจะตั้งชื่อตามพระนามกษัตริย์
จังหวัด ที่ตั้งฐานทัพเรือ ชื่อในวรรณคดีรามเกียรติ์
ที่มา
เรือรบของกองทัพเรือไทย
สรุปย่อ/ที่มา ©
http://bit.ly/2SdCHoZ
http://bit.ly/2uwX6vT
เรือรบวงกลมของรัสเซีย
เรือเริ่มเปลี่ยนจากไม้เป็นเหล็ก
และวิศวกรหลายคนก็คิดว่าถึงเวลาแล้ว
ที่จะทำการทดลองรูปแบบใหม่
John Elder นักต่อเรือชาวสก็อตได้สนับสนุนว่า
การสร้างเรือลำใหญ่มีขนาดกว้างขึ้น
จะทำให้บรรทุกปืนที่หนักกว่าและทรงพลังกว่า
การออกแบบเช่นนี้ต้องมีแบบร่างที่ชัดเจน
และต้องสอดล้องเหมาะสมกับพลังการแล่นเรือ
ที่แข่งขันความเร็วกับเรือปกติ/เรือรบทั่วไปได้
แนวคิดนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก
พลเรือตรี Andrei Alexandrovich Popov ราชนาวีรัสเซีย
ได้นำแนวคิดนี้ไปใช้ในการสร้างเรือที่สุดยอด
เรือลำที่มีลักษณะแปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยสร้างขึ้นมา
โดยท่านได้เสนอให้สร้างเรือที่มีความยาวเท่ากัน
จะต้องไม่มีด้านตรง แต่ตัวเรือจะโค้งรอบตัว
หรืออีกนัยหนึ่งคือ เรือที่มีลำตัวกลมกลมและก้นแบน
เรือวงกลมกลายเป็นรูปร่างที่น่าทึ่ง
เพราะครอบคลุมพื้นที่ใช้งานได้สูงสุด
ภายใต้ข้อกำหนดว่าการใช้งานขั้นต่ำต้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้
มีการวิเคราะห์กันว่า การออกแบบเรือวงกลมของ Popov
จะทำให้มีการเคลื่อนที่ในน้ำได้ดีที่สุด
เพราะพื้นที่ใช้งานกว้างบรรทุกอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้เยอะ
ในขณะที่ต้องการเกราะน้อยที่สุด
เพราะตัวถังที่สั้นกว่า ลำตัวเรือไม่ยาวกว่าเรือรุ่นเก่า
การออกแบบเรือลำนี้ทำให้สามารถบรรจุปืนที่ใหญ่กว่าและหนักกว่า
ในขณะตัวเรือที่เป็นรูปวงกลมจึงหมุนรอบตัวได้
จะหันปากกระบอกปืนใหญ่เล็งยิงตรงจุดใดก็ได้
กระสุนปืนใหญ่จะยิงออกได้จากจุดศูนย์กลางของเรือ
และจะสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุดให้กับฝ่ายศัตรู
การออกแบบเช่นนี้จะทำให้กระดูกงูไม่กินน้ำลึกเกินไป
เพราะสร้างให้เรือท้องแบบ ไม่เรียวลึกแบบเรือทั่วไป
ทำให้เรือลาดตระเวนในเขตน้ำตื้นของ
แม่น้ำ Dnieper-Bug Estuary กับ Kerch Strait ได้
เรือรบลำนี้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 11 ฟุต (3.4 ม.)
และติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 11 นิ้ว (279 มม.)
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่เกินกว่า 4 ล้านรูเบิล
ระวางบรรทุกเรือ 2,100 ตันกรอส
ต้นแบบเรือจำลองถูกสร้างและทดสอบในทะเล Baltic ที่ St. Petersburg
เรือลำนี้เคลื่อนที่ได้ดีและผลการทดสอบก็ถือว่าประสบความสำเร็จ
ต้องตาต้องใจจอมพลราชนาวี Grand Duke Konstantin Nikolayevich
มีการรายงานผลการทดสอบให้กับ Tsar Alexander II
จึงมีรับสั่งให้เรียกเรือรบเหล็กวงกลมว่า popovka
เรือรบเหล็กขนาดจิ๋วตามชื่อของนักออกแบบ
ในขณะที่ Popov กับผู้ช่วยกำลังยุ่งกับการออกแบบและสร้างมิติต่าง ๆ ของเรือ
แต่จอมพลราชนาวีต้องการให้เรือ popovka มีขนาดใหญ่ที่สุด
และให้ออกแบบให้เรือรบมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 150 ฟุตและมีระวางบรรทุก 6,000 ตัน
เรือรบติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 11 นิ้ว 4 กระบอก
แต่การก่อสร้างบานปลายจนเกินกว่างบประมาณของโครงการ
Popov จึงต้องลดสเกลการก่อสร้างเรือรบให้มีขนาดเล็กลง
เหลือเรือขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 ฟุตและระวางบรรทุก 2,490 ตัน
เรือรบติดอาวุธปืนใหญ่ขนาด 11 นิ้ว 2 กระบอก
วางอยู่บนแท่นหมุนวงกลมคล้ายจานแผ่นเสียงที่กึ่งกลางของเรือรบ
ขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรไอน้ำ ใช้ใบพัดที่ท้ายเรือ 6 ตัว
เรือรบลำมีความเร็วประมาณ 6.5 นอต
เธอชื่อ Novgorod และเริ่มลงน้ำในปี 1873
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของตัวเรือรูปร่างวงกลม
ทำให้ลดความสามารถของหางเสือ
ในการหมุนเรือลงอย่างมาก
ต้องใช้เวลา 40 ถึง 45 นาที
ในการหมุนรอบตนเองได้ครบหนึ่งวง
และไม่สามารถต้านทานพายุที่รุนแรง
ลำตัวเรือทรงกลมยิ่งสร้างแรงต้านทาน
ผนวกกับท้องเรือแบนไม่เพรียวเหมือนเรือทั่วไป
ทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้ถ่านหินจำนวนมหาศาล
ทำให้แล่นฝีจักรเต็มที่ได้เพียง 480 ไมล์ทะเล (890 กม.)
จึงมีการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับหางเสือ
ด้วยการทำให้หางเสือล็อคอยู่กับที่
แต่ก็ต้องแลกกลับความเร็วที่ลดลงไปอีก
ลำเรือที่ผิดปกติของ Novgorod
ได้สร้างตำนานอย่างมากมาย
แต่คำบอกเล่าเรื่องที่น่าเชื่อถือที่สุดคือ
เรือนั้นมีแนวโน้มที่จะหมุนรอบตัวเอง
อย่างไม่สามารถควบคุมได้ทุกครั้ง
ที่มีการยิงปืนใหญ่แล้วเกิดแรงสะท้อนบนลำเรือ
แต่ข้อเท็จจริงที่มีคือ เรือแล่นได้ช้าและขาดความคล่องตัวในการรบ
เรือลำพี่สาว Novgorod กับเรือลำน้องสาว Vitse-admiral Popov
ที่มีขนาดใหญ่กว่าเพียงเล็กน้อย
ได้ทำหน้าที่เป็นป้อมที่ลอยน้ำ เพื่อเฝ้าดูชายฝั่ง
แม้ว่าจะมีความพยายามขายให้กับชาติ Bulgaria
แต่เรือทั้งสองลำต่างไร้สภาพจนถูกขายเป็นเศษเหล็กในปี 1911
เรียบเรียง/ที่มา
http://bit.ly/2S9vZQv
http://bit.ly/2UwOYGx
อิทธิพลจากภาษาหลัก มาจากรากฐานตระกูลภาษาเดียวกัน
อินโดอารยัน อินโดยูโรเปียน หลัก ๆ ต้นตระกูลภาษา
คือ กรีก ละติน สันสฤต บาลี ก่อนแยกย่อยเป็นภาษาต่าง ๆ
จะมีเพศชายเพศหญิงในการเรียกชื่อคน สัตว์ สิ่งของ
เรือถูกกำหนดไว้แล้วให้เป็นเพศหญิง
จึงเกิดเป็นประเพณีตั้งชื่อเรือเป็นผู้หญิง
ร่วมกับข้อสันนิษฐานหลายประการ เช่น
ความเชื่อที่ว่าคนบนเรือสมัยก่อนส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย
และห่างบ้านเรือนมานาน ก็เลยตั้งชื่อเรือเป็นผู้หญิง
หรือเรียกเรือเป็นผู้หญิงเพื่อแทนความคิดถึงคนรัก เช่น แม่หรือภรรยา
และต้องการแสดงความเคารพต่อเรือเสมือนแม่บังเกิดเกล้า
หรือการแสดงความเคารพต่อเทพยดาที่สิงสถิตอยู่ในเรือ
เพื่อให้ช่วยคุ้มครองจากภยันตรายต่าง ๆ จากทะเลเมื่อเวลาที่ต้องออกเรือ
บางสมมติฐานก็เชื่อว่าเป็นเพราะเรือเป็นของใช้ที่มีราคาแพง
การบำรุงรักษาสูง ต้องดูแลอย่างทะนุถนอม ประดุจเดียวกับผู้หญิง
ของคนไทยการตั้งชื่อเรือไม่จำเป็นต้องชื่อผู้หญิง แล้วแต่ความชอบ
แต่ก็มีการเคารพแม่ย่านางเรือ ถ้าเรือลำเล็กมักจะอยู่ตรงหัวเรือ
ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปเดินหรือยืนเหยียบย่ำหัวเรือชาวประมง
บางรายก็นำแม่ย่านางเรือให้มาสิงสถิตย์ที่เครื่องเรือยนต์แทนไปเลยก็มี
แต่ถ้าชาวประมงเป็นมุสลิมจะไม่มีพิธีกรรมไหว้แม่ย่านางเรือ
ส่วนหนึ่งจะบน ทวดหัวเขาแดง กับ ทวดหุม ที่ตั้งอยู่สิงหนคร
ทวดทั้งสองอยู่ห่างกันราว 1 กิโลเมตรเศษ
มรหุ่มของสุลต่านสุไลมาน อดีตเจ้านครรัฐสงขลา
ที่แข็งข้อไม่ยอมส่งส่วยบรรณาการให้กรุงศรีอยุทธยา
ในยุคพระเจ้าปราสาททอง ปี 2173 ก่อนแพ้พระนารายณ์ ปี 2223
รวมระยะเวลาเป็นไท 50 ปี ซึ่งตอนนั้นท่านเสียชีวิตไปแล้ว ที่มา http://bit.ly/39f3BCc
ท่านเป็นต้นสกุล ณ พัทลุง ศรียาภัย พิทักษ์คุมพล(อาศีส พิทักษ์คุมพล-จุฬาราชมนตรี)
การบนทวดทั้งสองท่าน มักจะบนขอให้จับปลาได้เยอะ ๆ ขอให้ปลอดภัยจากพิษภัยท้องทะเล
การแก้บนก็จุดปะทัดบนเรือเวลาเรือแล่นผ่านที่ตั้งทวดหัวเขาแดง
กับแล่นเรือเฉียดผ่าน มรหุ่มของท่านก็พอแล้ว
บนได้ทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม แต่ส่วนมากนิยมขอหวยมากกว่า
ถ้ามีโอกาสและวันเวลาว่างจึงจะไปสักการะที่ตั้งทวดทั้งสอง
ทวด คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านนับถือ มักจะมีรูปร่างสูงใหญ่ มีอายุยืนยาว ไม่ตายง่าย ๆ
ใช้ได้ทั้งคน รูปปั้น สัตว์ที่มีอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารย์ อยู่ยงคงกระพัน ยิงแทงไม่เข้า
เช่น หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ ทวดทองเฒ่าวัดเขาอ้อ ทวดนอนวัดจะทิ้งพระ
ทวดเสือ ทวดช้าง ทวดหมูป่า ทวดเต่า ทวดฟาน(เก้ง) ทวดบ้องหลา(งูจงอาง)
ส่วนของชาวประมงชาวจีนจะนับถือ เจ้าแม่ทับทิม จุ้ยบ้วยเนี้ย
การตั้งชื่อเรือไม่จำเป็นว่าต้องเป็นผู้หญิงเสมอไป
โดยเฉพาะพวกเรือรบหรือเรือขนาดใหญ่
เช่น เรือบิสมาร์กของเยอรมัน เรือไททานิค
เรือ USS แกรนท์ ของสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
ส่วนของไทยมักจะตั้งชื่อตามพระนามกษัตริย์
จังหวัด ที่ตั้งฐานทัพเรือ ชื่อในวรรณคดีรามเกียรติ์
ที่มา เรือรบของกองทัพเรือไทย
สรุปย่อ/ที่มา ©
http://bit.ly/2SdCHoZ
http://bit.ly/2uwX6vT