เราเข้าใจว่าหลายคนอาจตั้งแง่กับคนปล่อยกู้นอกระบบแบบเรา เราเองก็เคยเป็นหนึ่งในคนที่ไม่ชอบธุรกิจนี้เหมือนกัน
แต่ช่วงชีวิตนึงมันเปลี่ยนความคิดเรา เราทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน รายได้ดี ทำให้เราเก็บเงินได้เยอะ ทีนี้พอมีเงิน เราก็เริ่มมีญาติๆ เพื่อนๆ ชอบมายืมเงินเรา ไม่รู้ทำไม แล้วไม่รู้ใครจะเข้าใจเราไหมว่ามันปฏิเสธยากมากเลย เราไม่อยากผิดใจกับใคร แล้วก็ไม่อยากดูเป็นคนแล้งน้ำใจเพราะทุกคนก็ดีกับเรา
แรกๆเราก็ให้ยืมไปโดนอาศัยความเชื่อใจ ตอนจบทุกคนคงเดาได้ว่าจะเป็นยังไง เราตามเงินคืนยากมากเลย ได้คืนบ้างไม่ได้บ้าง โอเค ถึงเขาไม่ได้หนีไปไหน แต่เราก็เสียความรู้สึก เงินที่มีเราก็ต้องคอยบริหารภายในของเรา ถ้าได้ไม่ตรง คนนี้คืนบ้างไม่คืนบ้าง เราก็แย่
เราเลยเริ่มให้ยืม โดยการปล่อยกู้กับคนใกล้ชิดหรือคนรู้จักก่อน จากคนรู้จัก เพื่อน ญาติ ก็เริ่มบอกกันปากต่อปาก ทำให้มีคนมาขอกู้กับเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่เราจะดูเวลามีคนมาขอกู้มีอยู่3ข้อคือ
1. เขาเป็นใคร มาจากไหน เพื่อนของเพื่อนฝั่งไหน ไว้ใจได้ไหมพอจะให้กู้ยาวๆได้ไหม
2. รายได้ต่อเดือนของเขามีเท่าไหร่ พอจะส่งได้เท่าไหร่ต่อเดือนที่จะไม่ทำให้เขาลำบากเกินไป เราก็จะพิจารณาว่ามันจะเกินตัวเค้าหรือเปล่า กับยอดที่อยากจะกู้ เพราะเราว่าคงไม่มีใครอยากกดดันจากการบีบตัวเองเพื่อเอาเงินมาคืนหรอก เอาให้มันพอดีๆมีเงินกินใช้กันดีกว่า
3. ในกรณีที่ต้องการกู้จำนวนมากๆ
เราจะรับเป็นจำนองที่ดิน คอนโด บ้าน พวกอสังหาแทน หรือจะขายฝากเลยก็ได้แล้วแต่เลย แต่เราจะไม่รับคนค้ำประกันเพราะเราก็ไม่อยากให้หนี้ที่เกิดขึ้นนี้ต้องไปลำบากสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นต่อ แล้วการเปลี่ยนคนตามมันก็ค่อนข้างยุ่งยาก เราเลยตัดปัญหาตรงนี้ไป
เรามีลูกหนี้คนนึงพี่เขาเปิดธุรกิจส่วนตัวอยากได้เงินหมุนแต่เครดิตไม่ดี เขาเลยเอาที่ดินมาจำนอง กำหนดว่าจะคืนเงินภายใน2ปีและได้ที่ดินคืนไป
แต่พอครบ2ปี พี่เขายังหมุนเงินไม่ทัน เราก็ให้พี่เขาต่อไปได้เรื่อยๆ เพราะพี่เขาส่งดีไม่เคยหลุด ไม่เคยขาดการติดต่อ เราไว้ใจว่าพี่เขาไม่ชิ่งเราแน่นอน และเราก็บอกลูกหนี้เราทุกคนเสมอว่าที่ดินเราไม่ได้อยากได้ ถ้าไม่ขาดส่ง มีวินัยการเงินกับเรามาตลอด มีเงินมาเอาคืนเมื่อไหร่ก็ค่อยมาไถ่คืนก็ได้ เรารอได้
ทุกวันนี้พี่เขาก็แนะนำเพื่อนต่อจนเรามีคนมากู้เพิ่มเรื่อยๆ เราไม่ได้มองว่ามันคือธุรกิจปล่อยกูเ แต่มองว่ามันคือการช่วยเหลือกันแบบแฟร์ๆมากกว่า
สุดท้ายนี้ การปล่อยกู้มันก็เป็นแค่หนึ่งในการหมุนเงินบริหารเงินที่เราทำ เราไม่ได้บอกว่ามันดีหรือไม่ดี แค่มันเป็นโอกาสที่เข้ามาในชีวิตเราบ่อยกว่าโอกาสประเภทอื่น
เรามองว่า โอเคการปล่อยกู้มันเสี่ยง คุ้มบ้างไม่คุ้มบ้าง เงินจมไปก็มี แต่มันก็คือการบริหารเงินทางหนึ่งนอกเหนือจากงาน ธุรกิจอื่นและการลงทุนอื่นที่เราทำ
ปล. สำหรับใครที่สนใจทำตาม เราแนะนำสำคัญที่สุดคือการคัดคนที่จะมาเป็นลูกหนี้เรา ถ้าพิจารณาข้อ1กับข้อ2ไม่ขาดไม่เคลียร์ เรื่องปวดหัวจะตามมาอีกเยอะเลยล่ะ ดังนั้น เราขอให้ระวัง2จุดนี้ที่สุด
หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับใครก็ตามที่สนใจในเรื่องของการปล่อยกู้นะครับ
จุดเริ่มต้นการปล่อยกู้ จากประสบการณ์เกือบ10ปี
แต่ช่วงชีวิตนึงมันเปลี่ยนความคิดเรา เราทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน รายได้ดี ทำให้เราเก็บเงินได้เยอะ ทีนี้พอมีเงิน เราก็เริ่มมีญาติๆ เพื่อนๆ ชอบมายืมเงินเรา ไม่รู้ทำไม แล้วไม่รู้ใครจะเข้าใจเราไหมว่ามันปฏิเสธยากมากเลย เราไม่อยากผิดใจกับใคร แล้วก็ไม่อยากดูเป็นคนแล้งน้ำใจเพราะทุกคนก็ดีกับเรา
แรกๆเราก็ให้ยืมไปโดนอาศัยความเชื่อใจ ตอนจบทุกคนคงเดาได้ว่าจะเป็นยังไง เราตามเงินคืนยากมากเลย ได้คืนบ้างไม่ได้บ้าง โอเค ถึงเขาไม่ได้หนีไปไหน แต่เราก็เสียความรู้สึก เงินที่มีเราก็ต้องคอยบริหารภายในของเรา ถ้าได้ไม่ตรง คนนี้คืนบ้างไม่คืนบ้าง เราก็แย่
เราเลยเริ่มให้ยืม โดยการปล่อยกู้กับคนใกล้ชิดหรือคนรู้จักก่อน จากคนรู้จัก เพื่อน ญาติ ก็เริ่มบอกกันปากต่อปาก ทำให้มีคนมาขอกู้กับเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่เราจะดูเวลามีคนมาขอกู้มีอยู่3ข้อคือ
1. เขาเป็นใคร มาจากไหน เพื่อนของเพื่อนฝั่งไหน ไว้ใจได้ไหมพอจะให้กู้ยาวๆได้ไหม
2. รายได้ต่อเดือนของเขามีเท่าไหร่ พอจะส่งได้เท่าไหร่ต่อเดือนที่จะไม่ทำให้เขาลำบากเกินไป เราก็จะพิจารณาว่ามันจะเกินตัวเค้าหรือเปล่า กับยอดที่อยากจะกู้ เพราะเราว่าคงไม่มีใครอยากกดดันจากการบีบตัวเองเพื่อเอาเงินมาคืนหรอก เอาให้มันพอดีๆมีเงินกินใช้กันดีกว่า
3. ในกรณีที่ต้องการกู้จำนวนมากๆ
เราจะรับเป็นจำนองที่ดิน คอนโด บ้าน พวกอสังหาแทน หรือจะขายฝากเลยก็ได้แล้วแต่เลย แต่เราจะไม่รับคนค้ำประกันเพราะเราก็ไม่อยากให้หนี้ที่เกิดขึ้นนี้ต้องไปลำบากสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นต่อ แล้วการเปลี่ยนคนตามมันก็ค่อนข้างยุ่งยาก เราเลยตัดปัญหาตรงนี้ไป
เรามีลูกหนี้คนนึงพี่เขาเปิดธุรกิจส่วนตัวอยากได้เงินหมุนแต่เครดิตไม่ดี เขาเลยเอาที่ดินมาจำนอง กำหนดว่าจะคืนเงินภายใน2ปีและได้ที่ดินคืนไป
แต่พอครบ2ปี พี่เขายังหมุนเงินไม่ทัน เราก็ให้พี่เขาต่อไปได้เรื่อยๆ เพราะพี่เขาส่งดีไม่เคยหลุด ไม่เคยขาดการติดต่อ เราไว้ใจว่าพี่เขาไม่ชิ่งเราแน่นอน และเราก็บอกลูกหนี้เราทุกคนเสมอว่าที่ดินเราไม่ได้อยากได้ ถ้าไม่ขาดส่ง มีวินัยการเงินกับเรามาตลอด มีเงินมาเอาคืนเมื่อไหร่ก็ค่อยมาไถ่คืนก็ได้ เรารอได้
ทุกวันนี้พี่เขาก็แนะนำเพื่อนต่อจนเรามีคนมากู้เพิ่มเรื่อยๆ เราไม่ได้มองว่ามันคือธุรกิจปล่อยกูเ แต่มองว่ามันคือการช่วยเหลือกันแบบแฟร์ๆมากกว่า
สุดท้ายนี้ การปล่อยกู้มันก็เป็นแค่หนึ่งในการหมุนเงินบริหารเงินที่เราทำ เราไม่ได้บอกว่ามันดีหรือไม่ดี แค่มันเป็นโอกาสที่เข้ามาในชีวิตเราบ่อยกว่าโอกาสประเภทอื่น
เรามองว่า โอเคการปล่อยกู้มันเสี่ยง คุ้มบ้างไม่คุ้มบ้าง เงินจมไปก็มี แต่มันก็คือการบริหารเงินทางหนึ่งนอกเหนือจากงาน ธุรกิจอื่นและการลงทุนอื่นที่เราทำ
ปล. สำหรับใครที่สนใจทำตาม เราแนะนำสำคัญที่สุดคือการคัดคนที่จะมาเป็นลูกหนี้เรา ถ้าพิจารณาข้อ1กับข้อ2ไม่ขาดไม่เคลียร์ เรื่องปวดหัวจะตามมาอีกเยอะเลยล่ะ ดังนั้น เราขอให้ระวัง2จุดนี้ที่สุด
หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับใครก็ตามที่สนใจในเรื่องของการปล่อยกู้นะครับ