สวัสดีค่ะ พี่ๆ เพื่อนๆ ทุกๆท่าน เราอยากจะมาแชร์ประสบการณ์บางอย่าง ที่เราได้เจอมาเมื่อไม่นานนี้ ให้ฟังกันค่ะ
เหตุการณ์นี้มันเริ่มต้นขึ้นจาก ที่ เราได้ย้ายมาประจำหน้าที่อยู่กับโรงพยาบาลศูนย์ในจังหวัดแห่งหนึ่ง
เราพึ่งจบมาใหม่ จึงยังอยู่ในช่วงเทรนงานกับพวกพี่ๆพยาบาลในแผนก
เราได้มาประจำอยู่ที่ชั้น4 แผนกอายุรกรรมพิเศษ คนไข้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยวัยชราติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย
แทบทุกเตียงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอัตโนมัติ บางรายก็รู้สึกตัว บางรายก็ยังคงนอนสงบนิ่งไม่รู้สึกตัว
สภาพในแผนกที่เราอยู่ จะเป็นห้องโถงใหญ่ มีเตียงเกือบสี่สิบเตียง จัดเป็นล็อคๆ
ทุกๆครั้งเมื่อถึงเวลาเยี่ยม
ภายในแผนกก็จะแลดูวุ่นวาย จ๊อกแจ๊ก จอแจ ไปกับญาติๆผู้ป่วยที่มาเยี่ยมกันอย่างแออัด
ค่ะ แม้ว่า งานเราแลดูจะเหนื่อย แต่สิ่งที่เราจะเล่าให้ฟัง มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องการทำงานของที่นี่หรอกค่ะ
งานพยาบาลเป็นงานเหนื่อยก็จริง แต่จากการเรียนรู้และฝึกฝนมาก็พอจะทำให้เรารับมือกับงานนี้ได้พอสมควร
หลังจากที่เรามาทำงานได้เกือบอาทิตย์ ทุกอย่างก็พอจะเข้าที่เข้าทางบ้างแล้ว
มีวันหนึ่ง ช่วงหัวค่ำ ซักทุ่มเศษๆ เราลงมาหาอะไรทาน เพราะวุ่นๆทั้งวันจนไม่ได้มีเวลาทานข้าว
เดินไปหน้าโรงบาล ก็ยังพอมีคนขายของกินอยู่บ้าง ก็เลยได้ ลูกชิ้นกับฮอตดอก มาประทังความหิว
เราถือถุงลูกชิ้นฮอตดอกเดินกลับไปที่ ตึกที่เราประจำอยู่ พอไปถึงใต้ตึก ก็มองหาที่เหมาะๆที่พอจะนั่งทานชิวๆได้บ้าง
เดินหาอยู่สักพักเราก็มาเจอ ทำเลด้านหลังตึก มันมีที่นั่งแบบเป็นหินอ่อนที่ติดอยู่กับเสาแล้วยาวไปชนกันกับเสาอีกต้น
เป็นแบบนี้ ยาวไปตามขอบทางเดิน ตลอดแนว
ตรงนั้นมีไฟเปิดอยู่ สองล๊อค เราเลือกที่จะไปนั่งตรงล๊อคที่สอง
พอนั่งลง แล้วหันหลังไปสำรวจ รอบตัว
ด้านหลังเราก็เป็นลานหญ้า ถัดจากลานหญ้านั้นไป เกือบๆสิบเมตร
ก็มีตึกอีกตึก ตั้งอยู่ แต่มันกลับเป็นตึกมืดๆไม่มีแสงไฟในตึก เหมือนกับว่าถูกปิดใช้งาน
ตรงลานหญ้าที่เราเห็นก็เลยมึดไปด้วย มีแค่แสงไฟจากตึกที่เราอยู่ ส่องออกไปพอให้เห็น เงาสลัว สลัวบ้าง
พอนั่งกินลูกชิ้นไป มองสำรวจรอบๆไป ก็ทำให้เราสังเกตเห็นว่า ถ้าเราเดินไปอีกสองล๊อคมันก็จะเป็นห้องน้ำอยู่ตรงสุดทาง
แล้วก็มีประตูห้องเก็บของ ปิดอยู่ตรงล็อคมืดๆ ก่อนถึงหน้าห้องน้ำ ตรงนั้นมันไม่มีแสงไฟ สงสัยหลอดจะเสีย
เรานั่งกินอยู่ตรงนั้นคนเดียว ได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงคนเดินอยู่ไกลๆ
พอหันไปดูก็เห็นเป็นพี่พยาบาลในตึก สองคนเดินมาด้วยกัน
พอสบตากับเรา เราก็เลย ร้องทักแกไป
เดี๋ยวหนูตามขึ้นไปค่ะพี่
แล้วเราก็เลยรีบกินให้เสร็จไวๆ พออิ่มแล้วจะเอาถุงไปทิ้ง
หันไปมองรอบๆ หาที่ทิ้งขยะ แล้วตาเราก็บังเอิญ หันไปเห็น
เงาดำๆ นั่งอยู่ตรงล็อคที่หลอดไฟขาด ตรงหน้าประตูเก็บของ
เราตกใจ นิดหนึ่ง
อ้าว มีคนมานั่งอยู่ตรงนั้น ตั้งแต่เมื่อไหร่
พอจ้องมองดูดีๆ ก็เริ่มมองเห็นเป็นผู้หญิงในชุดพยาบาล
นั่งก้มหน้าอยู่ นิ่งๆ
เราเลยค่อยๆ เดินไปดูให้แน่ใจ พอเดินเข้าไปใกล้ๆ
ก็เหมือนพยาบาลคนนั้นเงยหน้ามามองเราพอดี
เราก็เลยรีบยิ้มให้
มองดูแล้ว น่าจะรุ่นๆเดียวกันกับเรา
ก็ถามพยาบาลคนนั้นไปว่า
เป็นอะไรหรือเปล่าคะ มานั่งมืดๆ คนเดียว
แล้วพยาบาลคนนั้นก็ตอบมาว่า
เปล่าค่ะ มานั่งงีบ พักสายตาสักหน่อยน่ะค่ะ
เราก็เลยรีบขอโทษเขาไป
อุ๊ย โทษทีค่ะ เลยทำให้ตื่นเลย
แล้วเขาก็ถามเราว่า
ขึ้นวอร์ดตึกนี้หรือ
เราก็ตอบว่า ใช่ค่ะ
ตอนที่พยาบาลคนนั้น หันมาสบตากับเราในระยะหนึ่งช่วงตัว
เราเห็นแววตาเขาเหมือนคนร้องไห้ มีคราบน้ำตาแฉะเปียกตามขอบตา
มันทำให้เรามีเซ้นต์อะไรบางอย่าง
เขาคงแอบมาร้องไห้ตรงนี้แน่เลย
ส่งสัยอาจจะโดนพี่ๆเทรนงานหนักจนเครียด
ทำให้เราเลยไม่กล้า ถามอะไรเซ้าซี้
แต่สายตาเราก็แอบมองไปดูที่เสื้อพยาบาลคนนั้น แว๊บๆ
เห็นปักชื่อไว ว่า เอมนิการณ์ ทำให้เรารู้สึกสะดุดกับชื่อนั้นขึ้นมาเล็กน้อย
อืม ชื่อแปลกดี ไม่เคยได้ยินชื่อแบบนี้ที่ไหน
ก็เลยรีบขอตัว แล้วก็เดินตรงไปหน้าห้องน้ำ เอาถุงขยะไปทิ้งที่ถังขยะหน้าห้องน้ำ
แล้วก็เดินกลับออกมา พอเดินผ่านพยาบาลคนนั้น
เราก็หันไปมอง แล้วก็ยิ้มให้เขา
พยาบาลคนนั้นหันกลับมายิ้มตอบให้เรา อย่างอ่อนหวาน
พอขึ้นไปทำงาน ได้สักพักใหญ่ๆ
ทุกอย่างปกติ จนถึงช่วงจะออกเวร
อยู่ๆก็ได้ยินเสียง พี่พยาบาล สองคนกระซิบกระซาบกันไปมา ประมาณว่า
แกเตือนมันสิ
แกนั้นแหละบอก
แกนั้นแหละ
พอเราได้ยิน
เราก็เลย พยายามเข้าไปถามพี่พยาบาลสองคนนั่น
มีอะไรหรือพี่ หนูทำอะไรผิดหรือ บอกหนูได้นะ
แล้วพี่พยาบาลหนึ่งในสองก็พูดขึ้นว่า
อะ อะ เอ่อ
คราวหลังถ้าจะทานข้าว มาทานข้างบนก็ได้นะ
อย่าไปนั่งตรงนั้นเลย มันมืด
แล้วพี่พยาบาลอีกคนก็พูด แทรกขึ้นมาอีกเสียง
ใช่ๆ ตรงนั้นมันมืด ยุงก็เยอะ
มาทานด้วยกันข้างบนก็ได้
เราก็เลย หัวเราะ แล้วก็ขอบคุณพี่ๆเขาไป ที่อุตสาห์เป็นห่วง
ผ่านไปหลายวัน พอถึงเวลาพัก เราก็มักจะไปนั่งพักที่ด้านหลังตึกตรงนั้นบ่อยๆ
เพราะรู้สึกมันเงียบดี คนก็ไม่ค่อยผ่านไปผ่านมามากนัก
บางทีก็เอาอะไรไปอ่านเล่นฆ่าเวลา อยู่ตรงนั้นเงียบๆ
แล้ววันหนึ่ง ช่วงหัวค่ำ เรากำลังจะขึ้นเวร แต่ก็แอบเอาข้าวมานั่งทานอยู่ตรงที่เดิม ก่อนจะขึ้นวอร์ด
เรานั่งทานข้าวไปด้วย อ่านหนังสือเล่นไปด้วย สลับกันอยู่แบบนั้น
จนถึงช่วงที่กำลังจดจ่อกับการอ่านหนังสือไปเคี้ยวข้าวไป
อยู่ๆไฟตรงล็อคที่เรานั่งอยู่ มันก็กระพริบ กระพริบ แปล๊บๆ
ลมพัดมาเย็นวูบ
เรารีบเงยหน้าขึ้นไปมองที่หลอดไฟ เห็นมันกระพริบ กระพริบ เหมือนจะดับ
แล้วไฟตรงล็อคแรก ถัดจากที่เรานั่งมันดันดับไปเฉยเลย
พอหลอดตรงนั้นดับ ไฟตรงที่เรานั่ง มันก็หายกระพริบทันที
พอไฟกลับมาเป็นปกติ
เราก็เลยก้มหน้าลงมาอ่านหนังสือต่อ
อ่านไปได้สักพัก อยู่ๆเราก็รู้สึกเหมือน มีคนมานั่งอยู่ตรงล็อคแรก ที่ไฟมันพึ่งดับ
เราก็เลยหันไปมอง ทางล็อคแรก แต่เสาตึกมันบังอยู่ ทำให้มองไม่เห็น
เราก็เลย ยืดตัวไปข้างหน้า แล้วก็ชะโงกไปดู ว่ามีใครนั่งถัดไปจากเสาต้นนั้นไหม
แล้ว เราก็เห็นคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น เป็นผู้หญิงอยู่ในชุดพยาบาล กำลังก้มดูอะไรสักอย่างอยู่ในมือ เงียบๆ คนเดียว
เราเห็นว่าตรงนั้นมันมืด เราก็เลยทักคนคนนั้นไป
มานั่งตรงนี้ก็ได้นะคะ ตรงนั้นมันมืด
คนคนนั้นหันหน้ามามองเรา แล้วก็ยิ้มให้เรา
พอเห็นหน้า เราก็เลยจำได้ว่าเป็น พยาบาลคนนั้น ที่เราเคยเห็นเมื่อหลายวันก่อน
เสียงเขาตอบกลับมาว่า ไม่เป็นไรจ่ะ
แล้วก็นั่งมองอะไรอยู่ในมือต่อ
รอยยิ้มของเขา ทำให้เรารู้สึก ถูกโฉลกกับพยาบาลคนนี้ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
เลยขยับตัวไปใกล้ๆเสาที่กั้น ระหว่างเรากับพยาบาลคนนั้น
แล้วก็ชวนเขาคุยต่อ
เธอขึ้นวอร์ดตึกไหน ทำไมเราไม่เคยเห็นเธอเลย
พยาบาลคนนั้น ก็ บอกว่า
ตึกใหญ่ คนไข้รวม
เราก็นึกในใจ ตึกใหญ่มันห่างจากตึกนี้ไกลพอสมควร
ทำไมเขาถึงมานั่งพักตรงตึกนี้ แปลกจัง
แต่ก็คิดอีกทีในแง่ที่ว่าตรงนี้มันคงสงบดี เขาคงอยากมาพัก เพื่อหลบความวุ่นวายมั้ง
เราแนะนำตัวเองว่าชื่ออะไรไป แล้วก็พยายามชวนพยาบาลคนนั้นคุย เผื่อเขาจะได้มีอะไรชี้แนะเราบ้าง
คุยกันไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้มีประเด็นอะไรสำคัญนัก พอใกล้จถึงเวลาจะขึ้นเวร เราก็เลยขอตัวไปทำงานก่อน
วันหนึ่งทางแผนกให้เราไปช่วยดูน้องๆที่เป็นทีมพยาบาลอาสา อีกตึกหนึ่ง เลยทำให้เราได้เจอกับหมอหนุ่มคนหนึ่ง
เห็นทางคนในแผนกตรงนั้นเขาเรียกกันว่า หมอตี๋ หมอตี๋
เป็นหมอหน้าตาดีมาก จนบางทีเรา ก็แอบเผลอมองหน้าหมอเขาไปหลายครั้ง บางทีหมอก็หันมาสบตากับเราตอนที่เราแอบมอง
เพราะมัวแต่เคลิ้มจนหลบตาหมอไม่ทัน
เราไปทำงานที่ตึกตรงนั้นหลายวัน จนเริ่มสนิทกับหมอตี๋ หมอเขาก็มาชวนเราคุยเล่นเรื่อยเปื่อยบ้าง มาคุยเรื่องงานบ้าง ตามประสา
จนเราหมดหน้าที่ตรงนั้นแล้ว ต้องย้ายกลับไปที่ตึกเดิม
พอกลับมาทำงานที่ตึกเดิม ผ่านไปหลายวัน เราก็ไม่ได้คิดอะไร ด้วยความที่งานมันยุ่ง เราก็เลยลืมเรื่องหมอตี๋ไปเลย
แต่แล้ววันหนึ่ง พอเราไปทำงานก็เจอพี่พยาบาลเอาของมาให้
เราก็ งง ๆ เล็กน้อย ใครเอาอะไรมาให้เรา
พี่พยาบาลคนนั้นก็แซวเราทันที
ไปทำอะไรที่ตึกนั้น หมอเขาถึงตามมาถึงนี่
แล้วก็หัวเราะกัน
พี่พยาบาลแกก็บอกว่า
หมอตี๋ ไม่ได้มาตึกนี้นานแล้ว แปลกมากอยู่ๆก็เอาของมาฝากแผนกเรา
พอได้ฟัง เราก็ได้แต่ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร คงเป็นน้ำใจจากหมอที่เราไปช่วยงานที่ตึกนั้น
วันนั้นพอถึง ช่วงพัก สองทุ่มเศษๆ เราลงไปซื้อข้าวผัดใส่กล่อง มานั่งกินตรงที่ประจำ ใต้ตึก
พอวางขวดน้ำ นั่งลง ดึงข้าวกล่องออกมาจากถุง พอกำลังจะเปิดกล่องข้าว ช้อนพลาสติกมันก็หล่นลงพื้น
แล้วก็ปลิวออกไปข้างนอกตรงใกล้ๆสนามหญ้า เราก็เลยนั่งยองๆมองไปตรงใต้ช่องที่เรานั่ง
พอเห็นช้อนเราก็เลย เอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา พอกำลังจะลุกขึ้น
เราก็เห็น พยาบาลเอมนิการณ์ ยืนอยู่ข้างๆเสา ตรงล็อคแรก
พอเราเห็นหน้า เราก็รู้สึกดีใจ ที่วันนี้จะได้มีเพื่อนคุย
ก็เลยรีบลุกขึ้นแล้วก็บอกว่า
รอแป๊บนะ เดี๋ยวมา ฝากดูของให้ด้วย
ว่าแล้วเราก็รีบเอาช้อนไปล้างในห้องน้ำ
พอออกมาจากห้องน้ำ เดินมาถึงตรงกล่องข้าว
โอ้.. คุณพระช่วย
เราเห็นกล่องข้าวคว่ำอยู่ที่พื้น เม็ดข้าวกระจายเกลื่อนที่พื้นตรงนั้นเต็มไปหมด
เราตกใจมาก
ใครทำอะไรนี่
เรามองไปรอบตัว ไม่เห็น พยาบาลเอมนิการณ์ ไม่เห็นใครเลย
พอนั่งลงเก็บข้าวที่ตกกระจาย ในใจเราก็ได้แต่คิดไปมา
ทำไมเขาทำกับเราแบบนี้
โปรดติดตามตอนต่อไป
พยาบาลคนนั้น
เหตุการณ์นี้มันเริ่มต้นขึ้นจาก ที่ เราได้ย้ายมาประจำหน้าที่อยู่กับโรงพยาบาลศูนย์ในจังหวัดแห่งหนึ่ง
เราพึ่งจบมาใหม่ จึงยังอยู่ในช่วงเทรนงานกับพวกพี่ๆพยาบาลในแผนก
เราได้มาประจำอยู่ที่ชั้น4 แผนกอายุรกรรมพิเศษ คนไข้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยวัยชราติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย
แทบทุกเตียงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอัตโนมัติ บางรายก็รู้สึกตัว บางรายก็ยังคงนอนสงบนิ่งไม่รู้สึกตัว
สภาพในแผนกที่เราอยู่ จะเป็นห้องโถงใหญ่ มีเตียงเกือบสี่สิบเตียง จัดเป็นล็อคๆ
ทุกๆครั้งเมื่อถึงเวลาเยี่ยม
ภายในแผนกก็จะแลดูวุ่นวาย จ๊อกแจ๊ก จอแจ ไปกับญาติๆผู้ป่วยที่มาเยี่ยมกันอย่างแออัด
ค่ะ แม้ว่า งานเราแลดูจะเหนื่อย แต่สิ่งที่เราจะเล่าให้ฟัง มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องการทำงานของที่นี่หรอกค่ะ
งานพยาบาลเป็นงานเหนื่อยก็จริง แต่จากการเรียนรู้และฝึกฝนมาก็พอจะทำให้เรารับมือกับงานนี้ได้พอสมควร
หลังจากที่เรามาทำงานได้เกือบอาทิตย์ ทุกอย่างก็พอจะเข้าที่เข้าทางบ้างแล้ว
มีวันหนึ่ง ช่วงหัวค่ำ ซักทุ่มเศษๆ เราลงมาหาอะไรทาน เพราะวุ่นๆทั้งวันจนไม่ได้มีเวลาทานข้าว
เดินไปหน้าโรงบาล ก็ยังพอมีคนขายของกินอยู่บ้าง ก็เลยได้ ลูกชิ้นกับฮอตดอก มาประทังความหิว
เราถือถุงลูกชิ้นฮอตดอกเดินกลับไปที่ ตึกที่เราประจำอยู่ พอไปถึงใต้ตึก ก็มองหาที่เหมาะๆที่พอจะนั่งทานชิวๆได้บ้าง
เดินหาอยู่สักพักเราก็มาเจอ ทำเลด้านหลังตึก มันมีที่นั่งแบบเป็นหินอ่อนที่ติดอยู่กับเสาแล้วยาวไปชนกันกับเสาอีกต้น
เป็นแบบนี้ ยาวไปตามขอบทางเดิน ตลอดแนว
ตรงนั้นมีไฟเปิดอยู่ สองล๊อค เราเลือกที่จะไปนั่งตรงล๊อคที่สอง
พอนั่งลง แล้วหันหลังไปสำรวจ รอบตัว
ด้านหลังเราก็เป็นลานหญ้า ถัดจากลานหญ้านั้นไป เกือบๆสิบเมตร
ก็มีตึกอีกตึก ตั้งอยู่ แต่มันกลับเป็นตึกมืดๆไม่มีแสงไฟในตึก เหมือนกับว่าถูกปิดใช้งาน
ตรงลานหญ้าที่เราเห็นก็เลยมึดไปด้วย มีแค่แสงไฟจากตึกที่เราอยู่ ส่องออกไปพอให้เห็น เงาสลัว สลัวบ้าง
พอนั่งกินลูกชิ้นไป มองสำรวจรอบๆไป ก็ทำให้เราสังเกตเห็นว่า ถ้าเราเดินไปอีกสองล๊อคมันก็จะเป็นห้องน้ำอยู่ตรงสุดทาง
แล้วก็มีประตูห้องเก็บของ ปิดอยู่ตรงล็อคมืดๆ ก่อนถึงหน้าห้องน้ำ ตรงนั้นมันไม่มีแสงไฟ สงสัยหลอดจะเสีย
เรานั่งกินอยู่ตรงนั้นคนเดียว ได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงคนเดินอยู่ไกลๆ
พอหันไปดูก็เห็นเป็นพี่พยาบาลในตึก สองคนเดินมาด้วยกัน
พอสบตากับเรา เราก็เลย ร้องทักแกไป
เดี๋ยวหนูตามขึ้นไปค่ะพี่
แล้วเราก็เลยรีบกินให้เสร็จไวๆ พออิ่มแล้วจะเอาถุงไปทิ้ง
หันไปมองรอบๆ หาที่ทิ้งขยะ แล้วตาเราก็บังเอิญ หันไปเห็น
เงาดำๆ นั่งอยู่ตรงล็อคที่หลอดไฟขาด ตรงหน้าประตูเก็บของ
เราตกใจ นิดหนึ่ง
อ้าว มีคนมานั่งอยู่ตรงนั้น ตั้งแต่เมื่อไหร่
พอจ้องมองดูดีๆ ก็เริ่มมองเห็นเป็นผู้หญิงในชุดพยาบาล
นั่งก้มหน้าอยู่ นิ่งๆ
เราเลยค่อยๆ เดินไปดูให้แน่ใจ พอเดินเข้าไปใกล้ๆ
ก็เหมือนพยาบาลคนนั้นเงยหน้ามามองเราพอดี
เราก็เลยรีบยิ้มให้
มองดูแล้ว น่าจะรุ่นๆเดียวกันกับเรา
ก็ถามพยาบาลคนนั้นไปว่า
เป็นอะไรหรือเปล่าคะ มานั่งมืดๆ คนเดียว
แล้วพยาบาลคนนั้นก็ตอบมาว่า
เปล่าค่ะ มานั่งงีบ พักสายตาสักหน่อยน่ะค่ะ
เราก็เลยรีบขอโทษเขาไป
อุ๊ย โทษทีค่ะ เลยทำให้ตื่นเลย
แล้วเขาก็ถามเราว่า
ขึ้นวอร์ดตึกนี้หรือ
เราก็ตอบว่า ใช่ค่ะ
ตอนที่พยาบาลคนนั้น หันมาสบตากับเราในระยะหนึ่งช่วงตัว
เราเห็นแววตาเขาเหมือนคนร้องไห้ มีคราบน้ำตาแฉะเปียกตามขอบตา
มันทำให้เรามีเซ้นต์อะไรบางอย่าง
เขาคงแอบมาร้องไห้ตรงนี้แน่เลย
ส่งสัยอาจจะโดนพี่ๆเทรนงานหนักจนเครียด
ทำให้เราเลยไม่กล้า ถามอะไรเซ้าซี้
แต่สายตาเราก็แอบมองไปดูที่เสื้อพยาบาลคนนั้น แว๊บๆ
เห็นปักชื่อไว ว่า เอมนิการณ์ ทำให้เรารู้สึกสะดุดกับชื่อนั้นขึ้นมาเล็กน้อย
อืม ชื่อแปลกดี ไม่เคยได้ยินชื่อแบบนี้ที่ไหน
ก็เลยรีบขอตัว แล้วก็เดินตรงไปหน้าห้องน้ำ เอาถุงขยะไปทิ้งที่ถังขยะหน้าห้องน้ำ
แล้วก็เดินกลับออกมา พอเดินผ่านพยาบาลคนนั้น
เราก็หันไปมอง แล้วก็ยิ้มให้เขา
พยาบาลคนนั้นหันกลับมายิ้มตอบให้เรา อย่างอ่อนหวาน
พอขึ้นไปทำงาน ได้สักพักใหญ่ๆ
ทุกอย่างปกติ จนถึงช่วงจะออกเวร
อยู่ๆก็ได้ยินเสียง พี่พยาบาล สองคนกระซิบกระซาบกันไปมา ประมาณว่า
แกเตือนมันสิ
แกนั้นแหละบอก
แกนั้นแหละ
พอเราได้ยิน
เราก็เลย พยายามเข้าไปถามพี่พยาบาลสองคนนั่น
มีอะไรหรือพี่ หนูทำอะไรผิดหรือ บอกหนูได้นะ
แล้วพี่พยาบาลหนึ่งในสองก็พูดขึ้นว่า
อะ อะ เอ่อ
คราวหลังถ้าจะทานข้าว มาทานข้างบนก็ได้นะ
อย่าไปนั่งตรงนั้นเลย มันมืด
แล้วพี่พยาบาลอีกคนก็พูด แทรกขึ้นมาอีกเสียง
ใช่ๆ ตรงนั้นมันมืด ยุงก็เยอะ
มาทานด้วยกันข้างบนก็ได้
เราก็เลย หัวเราะ แล้วก็ขอบคุณพี่ๆเขาไป ที่อุตสาห์เป็นห่วง
ผ่านไปหลายวัน พอถึงเวลาพัก เราก็มักจะไปนั่งพักที่ด้านหลังตึกตรงนั้นบ่อยๆ
เพราะรู้สึกมันเงียบดี คนก็ไม่ค่อยผ่านไปผ่านมามากนัก
บางทีก็เอาอะไรไปอ่านเล่นฆ่าเวลา อยู่ตรงนั้นเงียบๆ
แล้ววันหนึ่ง ช่วงหัวค่ำ เรากำลังจะขึ้นเวร แต่ก็แอบเอาข้าวมานั่งทานอยู่ตรงที่เดิม ก่อนจะขึ้นวอร์ด
เรานั่งทานข้าวไปด้วย อ่านหนังสือเล่นไปด้วย สลับกันอยู่แบบนั้น
จนถึงช่วงที่กำลังจดจ่อกับการอ่านหนังสือไปเคี้ยวข้าวไป
อยู่ๆไฟตรงล็อคที่เรานั่งอยู่ มันก็กระพริบ กระพริบ แปล๊บๆ
ลมพัดมาเย็นวูบ
เรารีบเงยหน้าขึ้นไปมองที่หลอดไฟ เห็นมันกระพริบ กระพริบ เหมือนจะดับ
แล้วไฟตรงล็อคแรก ถัดจากที่เรานั่งมันดันดับไปเฉยเลย
พอหลอดตรงนั้นดับ ไฟตรงที่เรานั่ง มันก็หายกระพริบทันที
พอไฟกลับมาเป็นปกติ
เราก็เลยก้มหน้าลงมาอ่านหนังสือต่อ
อ่านไปได้สักพัก อยู่ๆเราก็รู้สึกเหมือน มีคนมานั่งอยู่ตรงล็อคแรก ที่ไฟมันพึ่งดับ
เราก็เลยหันไปมอง ทางล็อคแรก แต่เสาตึกมันบังอยู่ ทำให้มองไม่เห็น
เราก็เลย ยืดตัวไปข้างหน้า แล้วก็ชะโงกไปดู ว่ามีใครนั่งถัดไปจากเสาต้นนั้นไหม
แล้ว เราก็เห็นคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น เป็นผู้หญิงอยู่ในชุดพยาบาล กำลังก้มดูอะไรสักอย่างอยู่ในมือ เงียบๆ คนเดียว
เราเห็นว่าตรงนั้นมันมืด เราก็เลยทักคนคนนั้นไป
มานั่งตรงนี้ก็ได้นะคะ ตรงนั้นมันมืด
คนคนนั้นหันหน้ามามองเรา แล้วก็ยิ้มให้เรา
พอเห็นหน้า เราก็เลยจำได้ว่าเป็น พยาบาลคนนั้น ที่เราเคยเห็นเมื่อหลายวันก่อน
เสียงเขาตอบกลับมาว่า ไม่เป็นไรจ่ะ
แล้วก็นั่งมองอะไรอยู่ในมือต่อ
รอยยิ้มของเขา ทำให้เรารู้สึก ถูกโฉลกกับพยาบาลคนนี้ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
เลยขยับตัวไปใกล้ๆเสาที่กั้น ระหว่างเรากับพยาบาลคนนั้น
แล้วก็ชวนเขาคุยต่อ
เธอขึ้นวอร์ดตึกไหน ทำไมเราไม่เคยเห็นเธอเลย
พยาบาลคนนั้น ก็ บอกว่า
ตึกใหญ่ คนไข้รวม
เราก็นึกในใจ ตึกใหญ่มันห่างจากตึกนี้ไกลพอสมควร
ทำไมเขาถึงมานั่งพักตรงตึกนี้ แปลกจัง
แต่ก็คิดอีกทีในแง่ที่ว่าตรงนี้มันคงสงบดี เขาคงอยากมาพัก เพื่อหลบความวุ่นวายมั้ง
เราแนะนำตัวเองว่าชื่ออะไรไป แล้วก็พยายามชวนพยาบาลคนนั้นคุย เผื่อเขาจะได้มีอะไรชี้แนะเราบ้าง
คุยกันไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้มีประเด็นอะไรสำคัญนัก พอใกล้จถึงเวลาจะขึ้นเวร เราก็เลยขอตัวไปทำงานก่อน
วันหนึ่งทางแผนกให้เราไปช่วยดูน้องๆที่เป็นทีมพยาบาลอาสา อีกตึกหนึ่ง เลยทำให้เราได้เจอกับหมอหนุ่มคนหนึ่ง
เห็นทางคนในแผนกตรงนั้นเขาเรียกกันว่า หมอตี๋ หมอตี๋
เป็นหมอหน้าตาดีมาก จนบางทีเรา ก็แอบเผลอมองหน้าหมอเขาไปหลายครั้ง บางทีหมอก็หันมาสบตากับเราตอนที่เราแอบมอง
เพราะมัวแต่เคลิ้มจนหลบตาหมอไม่ทัน
เราไปทำงานที่ตึกตรงนั้นหลายวัน จนเริ่มสนิทกับหมอตี๋ หมอเขาก็มาชวนเราคุยเล่นเรื่อยเปื่อยบ้าง มาคุยเรื่องงานบ้าง ตามประสา
จนเราหมดหน้าที่ตรงนั้นแล้ว ต้องย้ายกลับไปที่ตึกเดิม
พอกลับมาทำงานที่ตึกเดิม ผ่านไปหลายวัน เราก็ไม่ได้คิดอะไร ด้วยความที่งานมันยุ่ง เราก็เลยลืมเรื่องหมอตี๋ไปเลย
แต่แล้ววันหนึ่ง พอเราไปทำงานก็เจอพี่พยาบาลเอาของมาให้
เราก็ งง ๆ เล็กน้อย ใครเอาอะไรมาให้เรา
พี่พยาบาลคนนั้นก็แซวเราทันที
ไปทำอะไรที่ตึกนั้น หมอเขาถึงตามมาถึงนี่
แล้วก็หัวเราะกัน
พี่พยาบาลแกก็บอกว่า
หมอตี๋ ไม่ได้มาตึกนี้นานแล้ว แปลกมากอยู่ๆก็เอาของมาฝากแผนกเรา
พอได้ฟัง เราก็ได้แต่ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร คงเป็นน้ำใจจากหมอที่เราไปช่วยงานที่ตึกนั้น
วันนั้นพอถึง ช่วงพัก สองทุ่มเศษๆ เราลงไปซื้อข้าวผัดใส่กล่อง มานั่งกินตรงที่ประจำ ใต้ตึก
พอวางขวดน้ำ นั่งลง ดึงข้าวกล่องออกมาจากถุง พอกำลังจะเปิดกล่องข้าว ช้อนพลาสติกมันก็หล่นลงพื้น
แล้วก็ปลิวออกไปข้างนอกตรงใกล้ๆสนามหญ้า เราก็เลยนั่งยองๆมองไปตรงใต้ช่องที่เรานั่ง
พอเห็นช้อนเราก็เลย เอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา พอกำลังจะลุกขึ้น
เราก็เห็น พยาบาลเอมนิการณ์ ยืนอยู่ข้างๆเสา ตรงล็อคแรก
พอเราเห็นหน้า เราก็รู้สึกดีใจ ที่วันนี้จะได้มีเพื่อนคุย
ก็เลยรีบลุกขึ้นแล้วก็บอกว่า
รอแป๊บนะ เดี๋ยวมา ฝากดูของให้ด้วย
ว่าแล้วเราก็รีบเอาช้อนไปล้างในห้องน้ำ
พอออกมาจากห้องน้ำ เดินมาถึงตรงกล่องข้าว
โอ้.. คุณพระช่วย
เราเห็นกล่องข้าวคว่ำอยู่ที่พื้น เม็ดข้าวกระจายเกลื่อนที่พื้นตรงนั้นเต็มไปหมด
เราตกใจมาก
ใครทำอะไรนี่
เรามองไปรอบตัว ไม่เห็น พยาบาลเอมนิการณ์ ไม่เห็นใครเลย
พอนั่งลงเก็บข้าวที่ตกกระจาย ในใจเราก็ได้แต่คิดไปมา
ทำไมเขาทำกับเราแบบนี้
โปรดติดตามตอนต่อไป