JJNY : พิชัยปล่อยคลิปเด็ด/30พรรคเล็กบุกกกต./ป่าไม้ลุยชี้ที่ดินปารีณา/4แบงก์หั่นดอกเบี้ยกู้ NPLพุ่ง/ธุรกิจฝืดหวั่นชักดาบ

พิชัยปล่อยคลิปเด็ด! 'รองนายกฯ คนดัง' เคยวิจารณ์เศรษฐกิจ รบ.ปู ชี้ สุดท้ายเข้าตัว
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3539336
 

 
“พิชัย” แนะ “บิ๊กตู่” สั่ง “สมคิด” เลิกแก้ตัวว่าเศรษฐกิจยังดี เผย คลิปที่สมคิดเคยวิจารณ์ไว้แต่ทำแย่เองหมด เย้ย หมดทางแก้ไขเศรษฐกิจแล้วจึงต้องพูดสะเปะสะปะ
 
วันนี้ (7 ก.พ.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน แสดงความคิดเห็นถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ พร้อมแนบคลิปเก่าของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่เคยวิจารณ์การบริหารงานด้านเศรษฐกิจของ รบ.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า 

หากจำกันได้ ตอนที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ โยนตำแหน่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตนได้เคยเตือนไว้แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ ถูกหลอกให้มาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพราะคนที่รู้เรื่องเศรษฐกิจดีจะต้องทราบว่าปี 2562 ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยต้องย่ำแย่แน่ ซึ่งก็ย่ำแย่จริงๆ เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เพียง 2.4% เท่านั้น ซึ่งถือว่าล้มเหลวอย่างมาก
 
แต่นายสมคิดกลับบอกว่าดีแล้ว พอใจแล้ว ทั้งๆที่ประชาชนลำบากกันมาก อีกทั้งยังเปรียบเทียบเศรษฐกิจไทยกับเศรษฐกิจของประเทศที่เจริญแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่านายสมคิดจบการศึกษามาแบบไหน โดยสิงคโปร์มีรายได้ประชาชาติต่อหัวต่อคนสูงกว่าไทยถึง 8 เท่า เยอรมันสูงกว่าไทย 6 เท่า หรือแม้แต่ มาเลเซียที่มีรายได้ประชาชาติต่อหัวต่อคนสูงกว่าไทยเกือบหนึ่งเท่า เศรษฐกิจมาเลเซียก็ยังขยายตัวที่ 4.6% ซึ่งขยายมากกว่าไทยมาก
 
ซึ่ง หากนายสมคิดไม่ทราบจริงๆ ก็ควรต้องไปเรียนหนังสือใหม่ นอกจากนายสมคิดแค่คิดจะแถและแก้ตัวแบบมั่วๆโดยคิดว่าคนไทยโง่ หรือ ไม่ฉลาดพอที่จะรู้เรื่องนี้ ขนาดนายกฯ ยังถูกหลอกให้มารับความล้มเหลวทางเศรษฐกิจแทนตัวเองได้ จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์รู้ตัวและบอกนายสมคิดให้เลิกหลอกประชาชนได้แล้ว เขารู้ทันนายสมคิดกันหมดแล้ว
 
อย่างไรก็ดี ก่อนที่ พลเอกประยุทธ์จะถอดใจ เพราะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแต่บริหารเศรษฐกิจล้มเหลวและอาจจะอยากส่งมอบตำแหน่งคืนให้นายสมคิดโดยได้ตั้งนายสมคิดคุม 5 กระทรวงแล้ว อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ ประชาชนได้ดูคลิปที่นายสมคิดแสดงปาฐกถาไว้เองในปลายปี 2556 ก่อนมีการรัฐประหาร ที่เป็นการโจมตีรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ดังลิ้งก์นี้
 
(ย้อนฟังปาฐกถา “จับชีพจรเศรษฐกิจไทย” ปลายปี 2556 "สมคิด" ชี้เศรษฐกิจไทยถดถอย จาก 4 เสาหลักทรุด)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ซึ่งคลิปเดิมที่มีการกระจายกันมาก แต่ถูกสั่งให้ลบออกไป อาจจะเพราะละอายใจว่าพูดอะไรไว้ แต่ตนได้ไปค้นหามาจนเจอ ในยุคดิจิตอลคงลบข้อมูลออกยากแล้ว เพราะเรื่องที่นายสมคิดวิจารณ์รัฐบาลเดิม นายสมคิดกลับทำได้แย่กว่าทุกด้าน เสาหลักเศรษฐกิจ ทรุดกว่าเดิมมาก ทั้ง ส่งออกที่ติดลบ การลงทุนที่หดหาย รายได้ประชาชนที่ลดลง และ การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่มีประสิทธิภาพมีแต่แจกเงิน
 
นอกจากนี้ นายสมคิดยังโจมตีเรื่อง การต่อสู้เอาชนะทางการเมือง การออกนโยบายหาเสียง ระยะสั้นที่ไม่มีประโยชน์ และยังพูดไว้เองว่าจะพึ่งการบริโภคภายในไม่ได้เพราะคนไทยรายได้น้อยแต่กลับพูดย้อนแย้งตัวเองตอนส่งออกแย่ว่าจะพึ่งบริโภคภายใน และ 5 ปีกว่าที่ผ่านมารายได้ประชาชนก็ไม่เพิ่มขึ้นแถมลดลงอีก
 
สิ่งที่นายสมคิดวิพากษ์วิจารณ์ไว้ นายสมคิดกลับทำเองทั้งหมด ซึ่งหากได้ชมคลิปนี้แล้วจะทราบทันทีเลยว่า นายสมคิดพูดกลับไปกลับมาได้ทุกอย่างเพียงเพื่อให้เอาตัวรอดไปวันๆเท่านั้น แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้แล้วจึงต้องพูดสะเปะสะปะ เศรษฐกิจไทยคงยากที่จะฟื้นแล้ว และ หวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ด้วย
 

 
แกนนำ30พรรคเล็ก บุกกกต.ถามคืบหน้า คำร้องค้าน "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ถึงไหนแล้ว?
https://www.matichon.co.th/politics/news_1952202
 
แกนนำกลุ่ม 30 พรรคเล็ก จี้กกต. หลังยื่นคำคัดค้านรับรอง “ไพบูลย์” เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ เนื่องจากการคำนวณเมื่อวันที่ 28 ม.ค. ไม่มีสถานะเป็น ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ 91(5)
 
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานคณะกรรมกานการเลือกตั้ง (กกต.) นายบุญยงค์ จันทร์แสง ประธานกลุ่มพรรคสหมิตร 30 พรรคการเมือง และหัวหน้าพรรคประชาไทย รวมทั้งหัวหน้าพรรคต่างๆ เดินทางมายื่นหนังสือต่อ กกต.เพื่อทวงถามความคืบหน้า เรื่องการคัดค้านการประกาศผลการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ หลังมีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากไม่มีความคืบหน้า มาให้กำลังใจ และถามความคืบหน้าว่า กกต.ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว พร้อมยืนยันว่าการคำนวนใหม่นายไพบูลย์ นิติตะวัน อยู่ในสถานะ ส.ส.ของพรรคไหน ระหว่างพรรคประชาชนปฎิรูป หรือพลังประชารัฐ
 
ด้านนายก้องภพ วังสุนทร หัวหน้าพรรคผึ้งหลวง รองประธานกลุ่มพรรคสหมิตร 30 พรรคการเมือง ไม่เห็นด้วยกับการที่นายไพบูลย์ ระบุว่าการคำนวณครั้งนี้จะคำนวณเฉพาะในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เกี่ยวกับพรรคอื่น เพราะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 ซึ่งบัญญัติไว้ว่าให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ตามลำดับหมายเลขในบัญชีรายชื่อ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองนั้นเป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง เป็น ส.ส.แสดงว่าในวันที่ กกต.คำนวณใหม่ นายไพบูลย์ ไม่ได้เป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคประชาชนปฏิรูปแล้ว เนื่องจากพรรคสิ้นสภาพ และนายไพบูลย์ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ซึ่งคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ต้องสังกัดพรรค การคำนวณใหม่นายไพบูลย์ต้องไม่ได้รับการจัดสรรเป็น ส.ส. จึงอยากให้ กกต. ทบทวน ว่าการคำนวณเมื่อวันที่ 28 มกราคมถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
 

 
กรมป่าไม้ลุยชี้แนวเขตที่ดิน”ปารีณา”12 ก.พ.-ยันหากอยู่ในอำนาจฟันทันที
https://www.tnnthailand.com/content/28313

กรมป่าไม้ และ ส.ป.ก.ลงตรวจชี้แนวเขต ปมปัญหาที่ดิน”เอ๋”ปารีณา ไกรคุปต์ 12 ก.พ.ยันหลังกฤษฎีกา ตีความ หากอยู่ในอำนาจของกรมป่าไม้ ก็พร้อมดำเนินคดีทันที
 
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีการถือครองที่ดินของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ หลังจากเวลาผ่านไปร่วม 1 เดือน ว่าที่ผ่านมาได้มีการประสานงานกันภายใน ซึ่งคาดว่าเร็วๆนี้ กฤษฎีกา คงจะมีการตีความการครอบครองที่ดินของ น.ส.ปารีณา ออกมาว่า จะอยู่ในอำนาจของสำนักสำนักงานการปฏิรูปที่ดินและเกษตรกรรมหรือ ส.ป.ก. และกรมป่าไม้
 
สำหรับในส่วนกรมป่าไม้ ได้สั่งการให้ มีการเตรียมพร้อมในการรวบรวมพยานหลักฐาน และในวันที่ 12 กุมภาพันธุ์ นี้ เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ และ ส.ป.ก.ก็จะลงพื้นที่ตามที่พนักงานสอบสวนแจ้งมาเพื่อทำการตรวจชี้แนวเขต ในการประกอบสำนวนคดี ในส่วนที่ดินของ น.ส.ปารีณา ตามที่นายวีระ สมความคิด และกรมป่าไม้ได้แจ้งความร้องทุกข์ ไว้กับพนักงานสอบสวน
 
อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมป่าไม้ ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ถือว่าล่าช้า และกรมป่าไม้ ก็จะดำเนินคดีทันที หากกฤษฎีกาตีความว่า อยู่ในอำนาจของกรมป่าไม้ 
 
สำหรับที่ดินเจ้าปัญหาของ น.ส.ปารีณา หลังจากตรวจสอบที่ดินเขาสนฟาร์มในพื้นที่ ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี พบว่ามีการรุกล้ำที่ป่าสวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี 30 ไร่ และอยู่ในแนวเขตตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 อีก 16 ไร่ รวมบุกรุกป่า 46 ไร่
 
โดยก่อนหน้านี้ อธิบดีกรมป่าไม้ ได้มอบหมายให้คณะทำงาน นำเรื่องเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส) เพื่อดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายต่อไปในความผิดรวม 4 พ.ร.บ. ประกอบด้วย
 
1. ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า เข้ายึดถือและครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตตามความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ต้องระวางโทษตามมาตรา 72
 
2. ยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถางทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต ตามความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ต้องระวางโทษตามมาตรา 31
 
3. เข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง เผาป่า ทำด้วยประการใด ให้เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดินในที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิครอบครอง หรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 
 
4. การกระทำผิดหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการทำลายหรือทำให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติ ตามความผิดตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 มาตรา 97
 
โดยมีความผิดใน 4 พ.ร.บ. คือ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ประมวลกฎหมายที่ดิน และ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 โดยจะมีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี ปรับ 2 ล้านบาท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่