วันที่ศูนย์
https://ppantip.com/topic/39614924
วันที่1
https://ppantip.com/topic/39617170
วันที่2
เราเดินออกจากโรงแรม 9:00 แล้วเพราะเหนื่อยจากเมื่อวาน เดินมายังสถานีรถบัสเดินผ่านเข้าไปขึ้นรถได้เลย ไปจ่ายค่ารถบนรถ รอสักพักใหญ่ๆคนใกล้เต็มรถก็ออก เราต้องคาดเข็มขัดเหมือนเดิม ออกมาสักพักแวะรับคนตามทางจะมีคนขึ้นมาเก็บค่ารถคนละ10หยวน ที่นั่งเต็มแล้วก็ยังรับคนอีกจนมีคนยืน รถบัสเล็กใช้เวลาวิ่งประมาณ30นาที วิ่งไม่เร็วมากดูวิวตาทางสักพักก็มาถึงที่หมาย โชคดีที่ตั้งแต่เมื่อวาน เจอน้องผู้ชายน่าจะมากับแฟนพูดจีนได้และเรียกเราขึ้นรถบนอุทยาน วันนี้ก็ขึ้นรถมาสะพานกระจกเที่ยวเดียวกันอีก ตอนอยู่ที่สถานีเราเดินมาหน้ารถกะจะดูป้ายหน้ารถว่าไปไหนกันแน่ น้องก็กวักมือเรียกเลยชัวร์ละว่าคันนี้แน่นอนขึ้นไม่ผิด เปิดแผนที่มาด้วยว่าใกล้ถึงหรือยัง พอถึงคนจะลงเยอะ เราก็ลงตามคนอื่น
หลังจากลงรถแล้วรถก็ขับออกไปคือตรงนี้เหมือนไม่ใช่สุดสายของรถบัส เราเดินต่อขึ้นเนินไปด้านบนจะพบรถบัสจอดรออยู่ให้ขึ้นรถบัสไปเลย(เดินตามคนอื่นนั่นแหละ) รถไม่ระบุที่นั่ง ไม่เก็บค่ารถเพราะจะไปจอดด้านบนที่ขายตั๋วสะพานพระจก สักพักพอคนเกือบเต็มรถก็ออก พอลงรถก็เดินไปหาที่ขายตั๋ว แต่ที่นี่จะผ่านจุดสแกนกระเป๋าก่อนถึงเจอจุดขายตั๋ว ก่อนเข้าไปมีที่ฝากกระเป๋า กระเป๋าใบใหญ่ห้ามเอาเข้า ของหนักๆห้ามเอาเข้า ที่อ่านมาพวกพาวเวอร์แบงค์ก็ห้ามเช่นกัน วันนี้เราเลยเอาของมาน้อยมาก เมื่อดินเข้ามาเจอที่ขายตั๋วเรายื่นหนังสือเดินทางก็ได้ตั๋วกลับมาแต่ได้มาใบเดียว จากนั้นเดินเข้าไปจะได้รับถุงสวมเท้า อันนี้ไม่เสียเงิน ปกติแล้วที่อ่านมาสะพานกระจกจะจำกัดคนไม่ให้รับน้ำหนักเกินกำหนด แต่เรามาช่วงนี้คนน้อยมาก เดินออกมาก็เจอหมอกอีกแล้ว ยังพอเห็นสะพานกระจกแต่ไม่เห็นวิวด้านข้างหรือด้านล่าง คนที่กลัวความสูงอาจจะสบายหน่อยพอมองไม่เห็นด้านล่างก็หายหวาดเสียวไปได้เยอะ แต่ถ่ายรูปแล้วไม่เท่ห์ ไม่ติดวิว บนสะพานค่อนข้างเปียกหน่อยเพราะเหมือนเมื่อคืนมีฝนตกปรอยๆ เราพกเสื้อกันฝนมาด้วย พกมาตั้งแต่เข้าอุทยานเมื่อวาน แต่ข้อดีการมาเที่ยวช่วงนี้คือถ่ายรูปได้ง่าย แต่ละกลุ่มยืนห่างๆกันนั่งลงถ่ายให้เห็นกระจกหรือสะพาน(ที่มีหมอกหนาๆ)ง่ายหน่อย บางช่วงยืนห่างกันเกือบ20เมตร เดินถ่ายรูปกันพักนึงก็เดินข้ามมายังอีกฝั่งเรียบร้อย บางช่วงลมก็พัดหมอกไปเหลือจางๆ แป๊บเดียวก็กับมาใหม่
อ่านมาจาก tripadvisor ว่าสะพานกระจกเนี่ยไม่เท่าไหร่ แกรนด์แคนยอนดีกว่าเยอะ พอข้ามสะพานกระจกมาแล้วเราเลยจะเดินไปแกรนด์แคนยอนต่อ ถ้าทำเวลาได้ดีเราจะได้กลับไปเก็บภาพเขียน10ลี้ในอุทยาน หลังจากข้ามสะพานมาจะเจอทางแยก เราตัดสินใจเดินมาทางขวาเพราะมันเขียนว่า Glass Plank Criff หรือทางเดินกระจกริมผานั่นเอง เป็นทางเดินกระจกเรียบริมผาช่วงสั้นๆ คนกลัวความสูงก็มีเสียวแหละ ตรงจุดนี้ไม่ต้องมีอะไรสวมเท้าเดินผ่านได้เลย เดินไปเรื่อยๆเจอทางลงลิฟต์เราเลยตัดสินใจลงลิฟต์ไปก่อน ใช้แอปคุยกับคนขายตั๋วบอกว่าอันนี้เป็นลิฟต์ตัวบนคนละ30หยวน กะว่าลงตัวเดียวไม่อยากเดินย้อนกลับไปหาทางเดินลง ลงลิฟต์มาแป๊บนึง เดินออกมาจะเจอทางเข้าลิฟต์ตัวล่าง ตรงจุดนี้เราไม่ลงลิฟต์แล้วเห็นทางเดินลงเราก็เดินลงไป ที่หมายคือ Rainbow Square ทางเดินลงค่อนข้างแคบและชัน ต้องค่อยๆเดิน พอลงมาก่อนถึง Rainbow Square จะมี Skip way ให้เล่น เราตั้งใจมาเล่นอยู่แล้ว คนละ30หยวน ช่องขายตั๋วปิดแต่เราจ่ายเงินซื้อตรงทางเข้าได้เลย Skip way คือรางสไลด์นั่นเอง ซื้อตั๋วเสร็จเจ้าหน้าที่จะให้ถุงมือคนละคู่พร้อมผ้าไว้ผูกเอวและต้นขา2ข้างเพื่อเวลาสไลด์ลงไปเสื้อผ้าจะได้ไม่เสียหาย เตรียมตัวเรียบร้อย(ขอบอกว่าไม่มีคนเล่นเลย ไม่ต้องต่อคิว พอเราเข้ามาเล่นก็เหมือนมีวัยรุ่นจีนมาเล่นต่อเหมือนกัน) พนักงานจะให้สัญญาณเราก็ปล่อยตัวสไลด์ลงมาได้เลยถ้าเร็วไปก็ให้เอามือถือกับราวจับข้างๆไว้หรือจากที่เหยียดขาไว้ก็เอาส้นเท้าลงเพื่อเบรค ไหลลงมาแป๊บเดียวก็ลงมาถึง Rainbow square เลย จากจุดนี้เรามาอยู่ด้านล่างสุดแล้ว มองกลับไปยังมีลิฟต์อีกตัวนึงกำลังก่อสร้างอยู่ ต่อไปไม่ต้องเดินลงมาก็ได้ลงลิฟต์มา3ตัวถึงด้านล่างเลย(สงสัยลิฟต์ท่อนละ30หยวนรวมแล้วก็90หยวน สำหรับคนเดินลงไม่ไหวหรืออยากทำเวลาก็คงต้องยอมจ่าย) จากจุดนี้ยังต้องเดินไปอีกไกลพอสมควรเลย เดินเรียบคลองไปเรื่อยๆชมธรรมชาติไป นอกจากลิฟต์แล้วด้านบนสุดตรงลิฟต์ตัวแรกมีการก่อสร้างอยู่น่าจะเป็นกระเช้านั่งจากด้านบนลงมาอีกฝั่งหนึ่งด้านล่างเลย ไม่ต้องเดินเหมือนกัน ไม่รู้เสียเงินอีกเท่าไหร่
จาก Rainbow Square เดินไปเรื่อยๆจะเจอน้ำตกหรือน้ำที่ไหลลงมาอยู่บ้างบางจุดไหลเยอะลงหัว จะใส่เสื้อกันฝนหรือวิ่งผ่านก็ได้ สวยนะ สดชื่นกับธรรมชาติ มาถึงอีกจุดหนึ่งที่เราเล็งไว้คือ Rope Line หรือซิปไลน์นั่นเอง อันนี้เสียอีก30หยวน ก็สนุกดีนะครับ ซื้อตั๋วแล้วใส่ชุดสำหรับโหนสลิง ก่อนลงเจ้าหน้าที่จะทำท่าให้เราจับเชือกสองข้างแล้วดันไปข้างหน้าหลังสลับกับ ตอนนั้นยังไม่เข้าใจว่าให้ทำอะไร พอลงมาใกล้ถึงปลายทางเจ้าหน้าที่ด้านล่างทำมือแบบนั้นอีก เราเลยทำตาม อ๋อมันคือวิธีชะลอความเร็วนั่นเอง แต่ที่ปลายก็เบาะรับอยู่แล้ว แป๊บเดียวไปอีก 30 หยวน
ตอนนี้เดินอีกยาวๆ จะผ่านถ้ำ อ่านได้ว่าเป็นจุดที่มีซาลามันเดอร์ตามธรรมชาติ เพราะตามซุปเปอร์ในเมืองเราเจอซาลามันเดอร์เป็นชิ้นๆแพ็คในซอง แต่เราไม่ได้ซื้อ ไม่รู้จะกล้ากินหรือเปล่าด้วย เมื่อผ่านถ้ำเดินไปอีกหน่อยจะเจอท่าเรือ อันนี้คือสิ้นสุดทางเดินแล้ว บังคับให้นั่งเรือออกไป บนเรือจะมีชูชีพให้ ทุกคนต้องถือไว้แล้วเรือจะออก นั่งเรือไปอีกสัก 15 นาทีจะถึงท่าเรือ พอลงเรือให้เดินขึ้นไปด้านบนแล้วจะเจอร้านค้าต่างๆ แต่เรามาร้านปิดเกินครึ่งใครหวังจะมาหาอะไรกินตรงนี้ก็ยากหน่อย เดินออกมาเรื่อยๆจะออกมาตรงจุดที่เรานั่งรถฟรีขึ้นไปด้านบน ตรงนี้จะมีคนมาถามละว่าไปไหมจางเจียเจี้ยหรืออู่หลิงหยวนเป็นแท๊กซี่ป้ายดำ ตอนแรกก็ว่าจะไม่ขึ้น แต่ลงไปรอรถเมล์ก็ไม่รู้จะรอนานไหมต้องยืนไปหรือเปล่าเพราะไม่ใช่ต้นสายและจะโบกถูกคันไหม ทำการบ้านมาก็เยอะนึกว่ามันสุดสายของรถเมล์ ขึ้นตรงนี้กลับได้เลย ที่ไหนได้ไม่เหมือนที่คิด
ก็ตกลงขึ้นรถไป แท็กซี่เรียกคนละ20หยวน รถขับไม่เร็วแต่นั่งรวมไปกับคนอื่น เราบอกลงอู่หลิงหยวนโชคดีที่คนจีนในรถพูดอังกฤษได้ดี ช่วยบอกคนขับให้ว่าเราลงสถานีรถบัสอู่หลิงหยวน คนจีนสมัยใหม่พูดภาษาอังกฤษได้ดีเลยคนไหนพูดได้นี่สำเนียงจะดีเลยเท่าที่เคยสัมผัสมา ส่วนคนไม่ได้ก็ไม่พยายามพูดเลย คืออยากชมว่าการศึกษาเขาสอนให้พูดด้วยสำเนียงที่ค่อนข้างดีผิดกับการศึกษาสมัยผู้เขียนนะ
รถใช้เวลาขับประมาณ30 นาทีมาส่งที่สถานีรถบัสอู่หลิงหยวน ตอนนี้15:00แล้วเลยตัดสินใจไปจางเจียเจี้ยเลยดีกว่า ทำให้เราพลาดภาพเขียน10ลี้ เสียดายมากแต่เรายังมีที่อื่นให้ต้องไปอีก กลับโรงแรมที่เราเช็คเอาท์และเอาฝากกระเป๋าไว้เมื่อเช้า แน่นอนว่ามื้อกลางวันเรายังไม่ได้กินอะไรเลย แต่เราก็ตัดสินใจเดินไปสถานีรถบัสเลยดีกว่า เดี๋ยวไปว่ากันที่จางเจียเจี้ย
เหมือนเดิมคือซื้อตั๋ว โดยยื่นชื่อสถานที่ให้หรือบอกว่าจางเจียเจี้ย ทำมือ2ใบ ราคาคนละ13หยวน สแกนกระเป๋าเดินออกไปขึ้นรถ ตั๋วจะไม่ระบุที่นั่งขึ้นนั่งได้เลย คาดเข็มขัดนิรภัยเหมือนเดิม ทีนี้เราลืมคาด พอรถออกมากตรงประตูก็มีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาตรวจเหมือนเดิม เราถือสายคาดไว้เจ้าหน้าที่ก็ยืนตรงเรารอให้เราคาดให้ดูจึงลงจากรถไป เรียกว่าใครไม่คาดไม่ให้รถออก
นั่งรถประมาณ30 นาทีก็มาถึงจางเจียเจี้ย รถจะจอดให้ก่อนถึงสถานีรถบัส เราลงตรงนี้แล้วเดินต่อ ระหว่างเดินไปโรงแรมเจอร้านชา เราชอบชาที่จีนแบบใส่ธัญพืชและไม่เย็น จะอุ่นๆหน่อย หวานน้อย ร้านนี้ดูน่ากินคนไม่เยอะ หิวด้วยเลยเดินเข้าไปเป็นชามันม่วงหรือเผือกไม่แน่ใจใส่ธัญพืชและบัวลอย ไข่มุกไม่พอแล้วตอนนี้ไปไกลถึงบัวลอยแล้ว ร้านนี้อร่อยดีแต่แก้วเป็นแก้วกระดาษมองไม่เห็นด้านใน ถ่ายรูปมาอวดไม่ได้ ร้านนี้ไม่รับเหรียญ แต่จ่ายเป็นแบงค์1หยวนได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เดินกินมาเรื่อยๆถึงโรงแรม Rocky กำลังนั่งเล่นไพ่อยู่ตึกตรงข้าม เห็นเราก็เดินเข้ามาจัดแจงเอาคีย์การ์ดมาให้ ช่วยยกกระเป๋าขึ้นด้านบนชั้น3 เราก็ถือของเราไปด้วย โรงแรมไม่มีลิฟท์
Rocky สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ห้องอาจจะไม่ได้เลิศหรูมาก แต่ก็พักได้ ห้องน้ำไม่ได้เป็นแบบนั่งยองๆแล้ว ใช้วิธีง่ายๆเอาชักโครกมาวางทับบนเลยให้ช่องน้ำมันตรงกันแค่นั้นเอง ก็ดีแหละดีกว่านั่งยองๆแถมมีสายชำระด้วย รู้นิสัยนักท่องเที่ยวไทยจริงๆ โรงแรมไม่มีน้ำให้และในห้องไม่มีไดร์เป่า
นั่งพักจัดนั่นนี่โน่นเปลี่ยนเสื้อดาวน์มาลองของยูนิโคล่ดูบ้างว่ากันหนาวได้ดีไหม จากนั้นเราก็ลงไปจะไปเดินเที่ยวแหล่งช๊อปปิ้งกันและหาอะไรกิน
ลงมาก็ถาม Rocky ว่าอยากให้ซื้อตั๋วขึ้นเทียนเหมินซานให้หน่อย Rocky บอกว่าให้เราขึ้นกระเช้า เรารีบบอกว่าแผนเราคือเราจะขึ้นรถบัสแล้วลงด้วยกระเช้าเพราะเราเมารถง่ายคิดว่านั่งขาขึ้นดีกว่าขาลง Rocky บอกว่ารถบัสไม่วิ่งนะสภาพอากาศไม่ดี ตอนนี้มี new cable way ให้นั่งลงมาแทนนั่งรถบัส แบบนี้เข้าทางเราเลยกลัวเมารถอยู่แล้ว Rocky บอกเลยว่าถ้าจะไปเฟิ่งหวงให้ลงมาขึ้นรถเที่ยว 14:30 โดยให้ลงมาถึงจุดลงกระเช้าประมาณ13:00 สรุปเราให้ Rocky ซื้อตั๋วให้เรา เราเลยว่าจะขึ้นรถเมล์ไปถนนช๊อปปิ้ง Rocky บอกว่าขึ้นรถเมล์สาย5 ไปได้เลย เราเลยถามว่าสังเกตยังไงว่าคันไหน 1 หยวนคันไหน 2 หยวน Rocky บอกว่าถ้าเป็นรถปรับอากาศจะ 2 หยวน เราเปิดแผนที่ออกมายืนรอรถเมล์สักพักเราก็ได้ขึ้น รถเมล์จะข้ามแม่น้ำมาถึงแยกแล้วเลี้ยวซ้ายป้ายแรกก็ลงได้เลย มีคนลงเยอะใช้เวลาประมาณ 15 นาที
ลงรถเมล์แล้วจะมีแหล่งช๊อปปิ้งใต้ดินด้านล่างหรือจะเดินด้านบนก็ได้เหมือนเป็นใจกลางเมือง เราเดินลงด้านล่างได้ของกินนิดหน่อย เดินจนเมื่อยก็ตกลงกันว่าจะไปหาร้านข้าวกินแถวโรงแรม สินค้าพวกเสื้อผ้าเป็นแบบแฟชั่น ราคาไม่แพง แต่ที่เราอยากได้คือเสื้อดาวน์ กลัวว่าสินค้าแฟชั่นราคาไม่แพงน่าจะไม่ใช่ขนเป็ด เลยไม่ซื้อ
ยืนรอรถเมล์พักใหญ่ก็ไม่เห็นสาย5 ลองเปิดไป่ตู้แมพก็พบว่าสาย5หมดแล้ว เราตัดสินใจเรียกแท็กซี่เพราะไม่ไกลเท่าไหร่ แท๊กซี่ที่นี่เปิดมิเตอร์เริ่มต้นที่6หยวน ถึงโรงแรมเสียเงินไป9หยวน ก่อนขึ้นเราเปิดแผนที่และเลือกจุดสำคัญใกล้โรงแรมให้ดู จุดนั้นคือสถานีตำรวจ พอลงแท๊กซี่ก็เดินหาร้านข้าว มื้อนี้เราได้ข้าวผัดกับก๋วยเตี๋ยวเหมือนเดิม ค่าข้าวมื้อนี้45หยวน จากข้าวเราก็หาซื้อของกินไว้ตอนเช้า คงตื่นมากินกาแฟขนมปัง ไข่ต้ม แล้วพกนมขนมปังขึ้นไปกินบนเขาเพราะของขายมีน้อย กลับเข้าโรงแรมนอนหลับสนิท ก่อนนอนฝนตกด้วย ขอให้พรุ่งนี้อย่ามีฝนเลย
********* ตำแหน่งพิกัดไว้วางใน google map ว่าอะไรอยู่ตรงไหน ******************
เราใช้แผนที่ไป่ตู้ด้วยเวลาอยู่จีน เราปักหมุดไปก่อน จดจำตำแหน่งคร่าวๆไว้อยู่แล้วเวลาดูในแผนที่จะได้ง่าย แถมถามทางหรือขึ้นแท๊กซี่เอาให้ดูจะง่ายกว่ากูเกิ้ลแมพ
Wulingyuan Bus Station --> Zhangjiajie Glass Bridge & Grand Canyon --> Zhangjiajie Bus Station --> Zhangjiajie Yijiaqin Hotel --> Shopping Under Ground & Area
Glass Bridge 29.426996, 110.695096
Shopping Area 29.122405, 110.487916
หมอกไม่จาง.......ที่จางเจียเจี้ย วันที่2
วันที่1 https://ppantip.com/topic/39617170
วันที่2
เราเดินออกจากโรงแรม 9:00 แล้วเพราะเหนื่อยจากเมื่อวาน เดินมายังสถานีรถบัสเดินผ่านเข้าไปขึ้นรถได้เลย ไปจ่ายค่ารถบนรถ รอสักพักใหญ่ๆคนใกล้เต็มรถก็ออก เราต้องคาดเข็มขัดเหมือนเดิม ออกมาสักพักแวะรับคนตามทางจะมีคนขึ้นมาเก็บค่ารถคนละ10หยวน ที่นั่งเต็มแล้วก็ยังรับคนอีกจนมีคนยืน รถบัสเล็กใช้เวลาวิ่งประมาณ30นาที วิ่งไม่เร็วมากดูวิวตาทางสักพักก็มาถึงที่หมาย โชคดีที่ตั้งแต่เมื่อวาน เจอน้องผู้ชายน่าจะมากับแฟนพูดจีนได้และเรียกเราขึ้นรถบนอุทยาน วันนี้ก็ขึ้นรถมาสะพานกระจกเที่ยวเดียวกันอีก ตอนอยู่ที่สถานีเราเดินมาหน้ารถกะจะดูป้ายหน้ารถว่าไปไหนกันแน่ น้องก็กวักมือเรียกเลยชัวร์ละว่าคันนี้แน่นอนขึ้นไม่ผิด เปิดแผนที่มาด้วยว่าใกล้ถึงหรือยัง พอถึงคนจะลงเยอะ เราก็ลงตามคนอื่น
หลังจากลงรถแล้วรถก็ขับออกไปคือตรงนี้เหมือนไม่ใช่สุดสายของรถบัส เราเดินต่อขึ้นเนินไปด้านบนจะพบรถบัสจอดรออยู่ให้ขึ้นรถบัสไปเลย(เดินตามคนอื่นนั่นแหละ) รถไม่ระบุที่นั่ง ไม่เก็บค่ารถเพราะจะไปจอดด้านบนที่ขายตั๋วสะพานพระจก สักพักพอคนเกือบเต็มรถก็ออก พอลงรถก็เดินไปหาที่ขายตั๋ว แต่ที่นี่จะผ่านจุดสแกนกระเป๋าก่อนถึงเจอจุดขายตั๋ว ก่อนเข้าไปมีที่ฝากกระเป๋า กระเป๋าใบใหญ่ห้ามเอาเข้า ของหนักๆห้ามเอาเข้า ที่อ่านมาพวกพาวเวอร์แบงค์ก็ห้ามเช่นกัน วันนี้เราเลยเอาของมาน้อยมาก เมื่อดินเข้ามาเจอที่ขายตั๋วเรายื่นหนังสือเดินทางก็ได้ตั๋วกลับมาแต่ได้มาใบเดียว จากนั้นเดินเข้าไปจะได้รับถุงสวมเท้า อันนี้ไม่เสียเงิน ปกติแล้วที่อ่านมาสะพานกระจกจะจำกัดคนไม่ให้รับน้ำหนักเกินกำหนด แต่เรามาช่วงนี้คนน้อยมาก เดินออกมาก็เจอหมอกอีกแล้ว ยังพอเห็นสะพานกระจกแต่ไม่เห็นวิวด้านข้างหรือด้านล่าง คนที่กลัวความสูงอาจจะสบายหน่อยพอมองไม่เห็นด้านล่างก็หายหวาดเสียวไปได้เยอะ แต่ถ่ายรูปแล้วไม่เท่ห์ ไม่ติดวิว บนสะพานค่อนข้างเปียกหน่อยเพราะเหมือนเมื่อคืนมีฝนตกปรอยๆ เราพกเสื้อกันฝนมาด้วย พกมาตั้งแต่เข้าอุทยานเมื่อวาน แต่ข้อดีการมาเที่ยวช่วงนี้คือถ่ายรูปได้ง่าย แต่ละกลุ่มยืนห่างๆกันนั่งลงถ่ายให้เห็นกระจกหรือสะพาน(ที่มีหมอกหนาๆ)ง่ายหน่อย บางช่วงยืนห่างกันเกือบ20เมตร เดินถ่ายรูปกันพักนึงก็เดินข้ามมายังอีกฝั่งเรียบร้อย บางช่วงลมก็พัดหมอกไปเหลือจางๆ แป๊บเดียวก็กับมาใหม่
อ่านมาจาก tripadvisor ว่าสะพานกระจกเนี่ยไม่เท่าไหร่ แกรนด์แคนยอนดีกว่าเยอะ พอข้ามสะพานกระจกมาแล้วเราเลยจะเดินไปแกรนด์แคนยอนต่อ ถ้าทำเวลาได้ดีเราจะได้กลับไปเก็บภาพเขียน10ลี้ในอุทยาน หลังจากข้ามสะพานมาจะเจอทางแยก เราตัดสินใจเดินมาทางขวาเพราะมันเขียนว่า Glass Plank Criff หรือทางเดินกระจกริมผานั่นเอง เป็นทางเดินกระจกเรียบริมผาช่วงสั้นๆ คนกลัวความสูงก็มีเสียวแหละ ตรงจุดนี้ไม่ต้องมีอะไรสวมเท้าเดินผ่านได้เลย เดินไปเรื่อยๆเจอทางลงลิฟต์เราเลยตัดสินใจลงลิฟต์ไปก่อน ใช้แอปคุยกับคนขายตั๋วบอกว่าอันนี้เป็นลิฟต์ตัวบนคนละ30หยวน กะว่าลงตัวเดียวไม่อยากเดินย้อนกลับไปหาทางเดินลง ลงลิฟต์มาแป๊บนึง เดินออกมาจะเจอทางเข้าลิฟต์ตัวล่าง ตรงจุดนี้เราไม่ลงลิฟต์แล้วเห็นทางเดินลงเราก็เดินลงไป ที่หมายคือ Rainbow Square ทางเดินลงค่อนข้างแคบและชัน ต้องค่อยๆเดิน พอลงมาก่อนถึง Rainbow Square จะมี Skip way ให้เล่น เราตั้งใจมาเล่นอยู่แล้ว คนละ30หยวน ช่องขายตั๋วปิดแต่เราจ่ายเงินซื้อตรงทางเข้าได้เลย Skip way คือรางสไลด์นั่นเอง ซื้อตั๋วเสร็จเจ้าหน้าที่จะให้ถุงมือคนละคู่พร้อมผ้าไว้ผูกเอวและต้นขา2ข้างเพื่อเวลาสไลด์ลงไปเสื้อผ้าจะได้ไม่เสียหาย เตรียมตัวเรียบร้อย(ขอบอกว่าไม่มีคนเล่นเลย ไม่ต้องต่อคิว พอเราเข้ามาเล่นก็เหมือนมีวัยรุ่นจีนมาเล่นต่อเหมือนกัน) พนักงานจะให้สัญญาณเราก็ปล่อยตัวสไลด์ลงมาได้เลยถ้าเร็วไปก็ให้เอามือถือกับราวจับข้างๆไว้หรือจากที่เหยียดขาไว้ก็เอาส้นเท้าลงเพื่อเบรค ไหลลงมาแป๊บเดียวก็ลงมาถึง Rainbow square เลย จากจุดนี้เรามาอยู่ด้านล่างสุดแล้ว มองกลับไปยังมีลิฟต์อีกตัวนึงกำลังก่อสร้างอยู่ ต่อไปไม่ต้องเดินลงมาก็ได้ลงลิฟต์มา3ตัวถึงด้านล่างเลย(สงสัยลิฟต์ท่อนละ30หยวนรวมแล้วก็90หยวน สำหรับคนเดินลงไม่ไหวหรืออยากทำเวลาก็คงต้องยอมจ่าย) จากจุดนี้ยังต้องเดินไปอีกไกลพอสมควรเลย เดินเรียบคลองไปเรื่อยๆชมธรรมชาติไป นอกจากลิฟต์แล้วด้านบนสุดตรงลิฟต์ตัวแรกมีการก่อสร้างอยู่น่าจะเป็นกระเช้านั่งจากด้านบนลงมาอีกฝั่งหนึ่งด้านล่างเลย ไม่ต้องเดินเหมือนกัน ไม่รู้เสียเงินอีกเท่าไหร่
จาก Rainbow Square เดินไปเรื่อยๆจะเจอน้ำตกหรือน้ำที่ไหลลงมาอยู่บ้างบางจุดไหลเยอะลงหัว จะใส่เสื้อกันฝนหรือวิ่งผ่านก็ได้ สวยนะ สดชื่นกับธรรมชาติ มาถึงอีกจุดหนึ่งที่เราเล็งไว้คือ Rope Line หรือซิปไลน์นั่นเอง อันนี้เสียอีก30หยวน ก็สนุกดีนะครับ ซื้อตั๋วแล้วใส่ชุดสำหรับโหนสลิง ก่อนลงเจ้าหน้าที่จะทำท่าให้เราจับเชือกสองข้างแล้วดันไปข้างหน้าหลังสลับกับ ตอนนั้นยังไม่เข้าใจว่าให้ทำอะไร พอลงมาใกล้ถึงปลายทางเจ้าหน้าที่ด้านล่างทำมือแบบนั้นอีก เราเลยทำตาม อ๋อมันคือวิธีชะลอความเร็วนั่นเอง แต่ที่ปลายก็เบาะรับอยู่แล้ว แป๊บเดียวไปอีก 30 หยวน
ตอนนี้เดินอีกยาวๆ จะผ่านถ้ำ อ่านได้ว่าเป็นจุดที่มีซาลามันเดอร์ตามธรรมชาติ เพราะตามซุปเปอร์ในเมืองเราเจอซาลามันเดอร์เป็นชิ้นๆแพ็คในซอง แต่เราไม่ได้ซื้อ ไม่รู้จะกล้ากินหรือเปล่าด้วย เมื่อผ่านถ้ำเดินไปอีกหน่อยจะเจอท่าเรือ อันนี้คือสิ้นสุดทางเดินแล้ว บังคับให้นั่งเรือออกไป บนเรือจะมีชูชีพให้ ทุกคนต้องถือไว้แล้วเรือจะออก นั่งเรือไปอีกสัก 15 นาทีจะถึงท่าเรือ พอลงเรือให้เดินขึ้นไปด้านบนแล้วจะเจอร้านค้าต่างๆ แต่เรามาร้านปิดเกินครึ่งใครหวังจะมาหาอะไรกินตรงนี้ก็ยากหน่อย เดินออกมาเรื่อยๆจะออกมาตรงจุดที่เรานั่งรถฟรีขึ้นไปด้านบน ตรงนี้จะมีคนมาถามละว่าไปไหมจางเจียเจี้ยหรืออู่หลิงหยวนเป็นแท๊กซี่ป้ายดำ ตอนแรกก็ว่าจะไม่ขึ้น แต่ลงไปรอรถเมล์ก็ไม่รู้จะรอนานไหมต้องยืนไปหรือเปล่าเพราะไม่ใช่ต้นสายและจะโบกถูกคันไหม ทำการบ้านมาก็เยอะนึกว่ามันสุดสายของรถเมล์ ขึ้นตรงนี้กลับได้เลย ที่ไหนได้ไม่เหมือนที่คิด
ก็ตกลงขึ้นรถไป แท็กซี่เรียกคนละ20หยวน รถขับไม่เร็วแต่นั่งรวมไปกับคนอื่น เราบอกลงอู่หลิงหยวนโชคดีที่คนจีนในรถพูดอังกฤษได้ดี ช่วยบอกคนขับให้ว่าเราลงสถานีรถบัสอู่หลิงหยวน คนจีนสมัยใหม่พูดภาษาอังกฤษได้ดีเลยคนไหนพูดได้นี่สำเนียงจะดีเลยเท่าที่เคยสัมผัสมา ส่วนคนไม่ได้ก็ไม่พยายามพูดเลย คืออยากชมว่าการศึกษาเขาสอนให้พูดด้วยสำเนียงที่ค่อนข้างดีผิดกับการศึกษาสมัยผู้เขียนนะ
รถใช้เวลาขับประมาณ30 นาทีมาส่งที่สถานีรถบัสอู่หลิงหยวน ตอนนี้15:00แล้วเลยตัดสินใจไปจางเจียเจี้ยเลยดีกว่า ทำให้เราพลาดภาพเขียน10ลี้ เสียดายมากแต่เรายังมีที่อื่นให้ต้องไปอีก กลับโรงแรมที่เราเช็คเอาท์และเอาฝากกระเป๋าไว้เมื่อเช้า แน่นอนว่ามื้อกลางวันเรายังไม่ได้กินอะไรเลย แต่เราก็ตัดสินใจเดินไปสถานีรถบัสเลยดีกว่า เดี๋ยวไปว่ากันที่จางเจียเจี้ย
เหมือนเดิมคือซื้อตั๋ว โดยยื่นชื่อสถานที่ให้หรือบอกว่าจางเจียเจี้ย ทำมือ2ใบ ราคาคนละ13หยวน สแกนกระเป๋าเดินออกไปขึ้นรถ ตั๋วจะไม่ระบุที่นั่งขึ้นนั่งได้เลย คาดเข็มขัดนิรภัยเหมือนเดิม ทีนี้เราลืมคาด พอรถออกมากตรงประตูก็มีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาตรวจเหมือนเดิม เราถือสายคาดไว้เจ้าหน้าที่ก็ยืนตรงเรารอให้เราคาดให้ดูจึงลงจากรถไป เรียกว่าใครไม่คาดไม่ให้รถออก
นั่งรถประมาณ30 นาทีก็มาถึงจางเจียเจี้ย รถจะจอดให้ก่อนถึงสถานีรถบัส เราลงตรงนี้แล้วเดินต่อ ระหว่างเดินไปโรงแรมเจอร้านชา เราชอบชาที่จีนแบบใส่ธัญพืชและไม่เย็น จะอุ่นๆหน่อย หวานน้อย ร้านนี้ดูน่ากินคนไม่เยอะ หิวด้วยเลยเดินเข้าไปเป็นชามันม่วงหรือเผือกไม่แน่ใจใส่ธัญพืชและบัวลอย ไข่มุกไม่พอแล้วตอนนี้ไปไกลถึงบัวลอยแล้ว ร้านนี้อร่อยดีแต่แก้วเป็นแก้วกระดาษมองไม่เห็นด้านใน ถ่ายรูปมาอวดไม่ได้ ร้านนี้ไม่รับเหรียญ แต่จ่ายเป็นแบงค์1หยวนได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เดินกินมาเรื่อยๆถึงโรงแรม Rocky กำลังนั่งเล่นไพ่อยู่ตึกตรงข้าม เห็นเราก็เดินเข้ามาจัดแจงเอาคีย์การ์ดมาให้ ช่วยยกกระเป๋าขึ้นด้านบนชั้น3 เราก็ถือของเราไปด้วย โรงแรมไม่มีลิฟท์
Rocky สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ห้องอาจจะไม่ได้เลิศหรูมาก แต่ก็พักได้ ห้องน้ำไม่ได้เป็นแบบนั่งยองๆแล้ว ใช้วิธีง่ายๆเอาชักโครกมาวางทับบนเลยให้ช่องน้ำมันตรงกันแค่นั้นเอง ก็ดีแหละดีกว่านั่งยองๆแถมมีสายชำระด้วย รู้นิสัยนักท่องเที่ยวไทยจริงๆ โรงแรมไม่มีน้ำให้และในห้องไม่มีไดร์เป่า
นั่งพักจัดนั่นนี่โน่นเปลี่ยนเสื้อดาวน์มาลองของยูนิโคล่ดูบ้างว่ากันหนาวได้ดีไหม จากนั้นเราก็ลงไปจะไปเดินเที่ยวแหล่งช๊อปปิ้งกันและหาอะไรกิน
ลงมาก็ถาม Rocky ว่าอยากให้ซื้อตั๋วขึ้นเทียนเหมินซานให้หน่อย Rocky บอกว่าให้เราขึ้นกระเช้า เรารีบบอกว่าแผนเราคือเราจะขึ้นรถบัสแล้วลงด้วยกระเช้าเพราะเราเมารถง่ายคิดว่านั่งขาขึ้นดีกว่าขาลง Rocky บอกว่ารถบัสไม่วิ่งนะสภาพอากาศไม่ดี ตอนนี้มี new cable way ให้นั่งลงมาแทนนั่งรถบัส แบบนี้เข้าทางเราเลยกลัวเมารถอยู่แล้ว Rocky บอกเลยว่าถ้าจะไปเฟิ่งหวงให้ลงมาขึ้นรถเที่ยว 14:30 โดยให้ลงมาถึงจุดลงกระเช้าประมาณ13:00 สรุปเราให้ Rocky ซื้อตั๋วให้เรา เราเลยว่าจะขึ้นรถเมล์ไปถนนช๊อปปิ้ง Rocky บอกว่าขึ้นรถเมล์สาย5 ไปได้เลย เราเลยถามว่าสังเกตยังไงว่าคันไหน 1 หยวนคันไหน 2 หยวน Rocky บอกว่าถ้าเป็นรถปรับอากาศจะ 2 หยวน เราเปิดแผนที่ออกมายืนรอรถเมล์สักพักเราก็ได้ขึ้น รถเมล์จะข้ามแม่น้ำมาถึงแยกแล้วเลี้ยวซ้ายป้ายแรกก็ลงได้เลย มีคนลงเยอะใช้เวลาประมาณ 15 นาที
ลงรถเมล์แล้วจะมีแหล่งช๊อปปิ้งใต้ดินด้านล่างหรือจะเดินด้านบนก็ได้เหมือนเป็นใจกลางเมือง เราเดินลงด้านล่างได้ของกินนิดหน่อย เดินจนเมื่อยก็ตกลงกันว่าจะไปหาร้านข้าวกินแถวโรงแรม สินค้าพวกเสื้อผ้าเป็นแบบแฟชั่น ราคาไม่แพง แต่ที่เราอยากได้คือเสื้อดาวน์ กลัวว่าสินค้าแฟชั่นราคาไม่แพงน่าจะไม่ใช่ขนเป็ด เลยไม่ซื้อ
ยืนรอรถเมล์พักใหญ่ก็ไม่เห็นสาย5 ลองเปิดไป่ตู้แมพก็พบว่าสาย5หมดแล้ว เราตัดสินใจเรียกแท็กซี่เพราะไม่ไกลเท่าไหร่ แท๊กซี่ที่นี่เปิดมิเตอร์เริ่มต้นที่6หยวน ถึงโรงแรมเสียเงินไป9หยวน ก่อนขึ้นเราเปิดแผนที่และเลือกจุดสำคัญใกล้โรงแรมให้ดู จุดนั้นคือสถานีตำรวจ พอลงแท๊กซี่ก็เดินหาร้านข้าว มื้อนี้เราได้ข้าวผัดกับก๋วยเตี๋ยวเหมือนเดิม ค่าข้าวมื้อนี้45หยวน จากข้าวเราก็หาซื้อของกินไว้ตอนเช้า คงตื่นมากินกาแฟขนมปัง ไข่ต้ม แล้วพกนมขนมปังขึ้นไปกินบนเขาเพราะของขายมีน้อย กลับเข้าโรงแรมนอนหลับสนิท ก่อนนอนฝนตกด้วย ขอให้พรุ่งนี้อย่ามีฝนเลย
********* ตำแหน่งพิกัดไว้วางใน google map ว่าอะไรอยู่ตรงไหน ******************
เราใช้แผนที่ไป่ตู้ด้วยเวลาอยู่จีน เราปักหมุดไปก่อน จดจำตำแหน่งคร่าวๆไว้อยู่แล้วเวลาดูในแผนที่จะได้ง่าย แถมถามทางหรือขึ้นแท๊กซี่เอาให้ดูจะง่ายกว่ากูเกิ้ลแมพ
Wulingyuan Bus Station --> Zhangjiajie Glass Bridge & Grand Canyon --> Zhangjiajie Bus Station --> Zhangjiajie Yijiaqin Hotel --> Shopping Under Ground & Area
Glass Bridge 29.426996, 110.695096
Shopping Area 29.122405, 110.487916