เมื่อต้นเดือน เราได้งานที่หนึ่ง ด้วยเหตุผลที่ว่าแอดมินคนเดิมจะลาออกเพราะป่วย
แต่ระหว่างนั้น เราต้องทำควบสองตำแหน่ง คือแอดมินและรีเซฟชั่น เพราะเราเคยมีประสบการณ์ทำรีเซฟชั่น
เราก็โอเคเพราะคิดว่างานแอดมินยังอยู่ในความรับผิดชอบของแก จนกระทั่งถึงกำหนดที่แกต้องออกคือสิ้นเดือนนี้
เราเอารายจ่ายที่พนักงานไปจ่ายตลาดมา จะเอามาลงบัญชีและคิดเงินทอน
แกกลับยึดไปจากมือเราและบอกว่าพี่จะทำเอง พอเราหันไปนั่งทางอื่น
แกถามเราว่าวันนั้นมีเงินเกิน ได้บวกรายการอาหารที่ไปจ่ายจากตลาดมาไหม
เราก็บอกว่าบวก พอเราพูดแบบนั้น แกก็อ้างว่าพนักงานใส่ราคาในรายการผิด ต่อไปนี้พี่จะยึดบัญชีกลับมาทำเอง
ซึ่งเรางงมาก เพราะถ้ามีการใส่ราคาผิด ยอดและเงินจะไม่ตรง แล้วถ้าเราทำผิด ทำไมหนึ่งเดือนที่ผ่านมายังให้เราช่วยทำ มายึดตอนใกล้สิ้นเดือน
โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา ถ้ามีเงินขาดหรือเงินเกิน เราก็นั่งอยู่ในออฟฟิศทุกวัน ทำไมแกไม่ท้วงเรา ตอนพูดก็พูดลอยๆ ไม่ได้เอาเอกสารออกมา
ต่อจากนั้นแกก็พูดต่อว่า เวลาจะหยิบเงินจากกระเป๋ารบกวนบอกพี่ก่อน สรุปว่าไม่ให้เราทำบัญชีแถมปัดเราไปทำรีเซฟชั่น
เราเห็นมาตลอดหนึ่งเดือนว่าแกไปสมัครงานที่อื่นแต่ไม่ได้งาน แล้วทำเป็นว่าเปิดรับคนมาแทนแกไม่ได้สักที
แต่การที่แกอยู่ต่อ มันก็ไม่ได้กระทบกับเรา จนกระทั่ง...
เรามาทำรีเซฟชั่น หน้าที่ของเราคือดูแลลูกค้า เวลาอาหารเช้าหรือทำความสะอาดบ้าน เราต้องเซอร์วิสลูกค้าซึ่งเป็นชาวต่างชาติ
เราอยู่กับแม่บ้านตลอด แกกลับบอกเราว่าทักทายลูกค้าเสร็จให้มาออฟฟิศเลยไม่ต้องอยู่เฝ้าแม่บ้าน
ซึ่งแม่บ้านเขาอยากให้เราอยู่เพราะบางทีเขาฟังไม่ออก ต้องมาเรียกเราอยู่เรื่อย อีกอย่างถ้าเราไม่ดูแลลูกค้า จะให้เราไปทำอะไร
แล้วมันก็มีจุดที่ทำให้ความรู้สึกเราที่มีต่อแก มันเปลี่ยนไปคือ ผจก ให้งานเราเป็นการโปรโมทห้องใหม่
ซึ่งเราได้คุยกับ ผจก แล้วว่าเราจะทำอะไรคร่าวๆ แต่ทีนี้ยังทำไม่ได้เพราะห้องใหม่ยังตกแต่งภายในอยู่
ตอนบ่ายปุ๊บ แอดมินคนนี้ก็มารัวใส่เรา ว่างานเนี่ยทำอะไรได้บ้าง ทำไปถึงไหน ทำแล้วตอบเข้าไปในกลุ่มด้วย
เราก็ค่ะๆ แต่ที่ทำให้เราไม่พอใจคือการใช้คำพูดว่า 'พี่ไม่เคยผ่านงานโรงแรมมา พี่ยังคิดได้'
มันทำให้เรารู้สึกว่าพูดเกินไปหน่อยไหม คือแกจะเป็นตลอด เวลาสอนคนอื่นจะชมตัวเองไปด้วย ซึ่งเรามองว่าไม่จำเป็น สอนอย่างเดียวก็พอ
เช่น ตอนที่พี่มาทำงานแรกๆ ไม่มีใครสอนพี่เลยนะ พี่ก็ทำได้เองหมด และเวลาแกพูดแซะใคร แกจะหันมาสะกิดเราและบอกว่าพี่ไม่ได้ว่าเรานะ พี่ว่าคนนั้น
แล้วถ้าแกได้อยู่ในออฟฟิศเมื่อไหร่ เตรียมหูชาเลย เพราะแกจะพูดจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงานก็ไม่หยุด
คนในที่ทำงานไม่ได้มีใครชอบแกนะ แกมีเรื่องกับหลายคนอยู่ที่ไม่คุยกัน ทุกคนก็รอแกออกแต่แกไม่ออกและทำตัวเหมือนเจ้านาย
ตอนนั้นไปซื้อของให้โรงแรม เราเอารถยนต์เราไปโดยเราเข้าใจว่า เราสามารถเบิกค่าน้ำมันแบบที่ตกลงไว้
แล้วแอดมินก็ให้เงินเรา 100 บอกว่าเป็นเงินแกเอง เราก็เอะใจว่าทำไมแบบนี้ล่ะ เหมือนเขาลืมเรื่องที่คุยกันตอนสัมภาษณ์หมด
เราก็เพิ่งมาเอะใจ ว่าการกระทำแกตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา คล้ายๆ ให้เรามารับใช้แก
เราเลยตีตัวออกห่าง คุยแค่เรื่องงานและเรื่องที่จำเป็นในงาน แต่ไม่สนิทใจเหมือนเดิม ไม่คุยเล่นอะไรอีก
แกก็ดูเหมือนจะรู้และเราก็รู้ด้วยว่าแกแซะเราหลายครั้ง แต่เราเลือกที่จะเงียบและเดินออกมาเท่านั้น
เหตุผลที่ทำให้เราไม่แฮปปี้กับที่นี่
1.บอกมีประกันสังคมแต่จริงๆ ไม่มี เราเพิ่งมารู้หลังเข้าทำงานแล้ว
2.เราสมัครตำแหน่งแอดมิน ถึงประวัติการทำงานจะเคยทำรีเซฟชั่นแต่เราไม่ได้สมัครตำแหน่งรีเซฟชั่น เราถือว่าผิดข้อตกลง
3.ตอนสัมภาษณ์เราบอกแล้วว่าเราใช้รถยนต์เกียร์ออโต้และเราไม่ใช้มอเตอร์ไซด์เพราะเรามีประสบการณ์ที่ไม่ดีมาก่อน ผจก บอกว่าที่ทำงานมีรถยนต์เกียร์ธรรมดาให้ใช้ แต่ตกลงกันว่า ถ้าหากเราจะใช้รถเราก็ได้ ให้เบิกค่าน้ำมันแทน พอเอาเข้าจริงกลับไม่มี ทำไมเราถึงพูดรายละเอียดตรงนี้? เพราะเราถือว่าเราได้พูดแล้ว ถ้าเขาไม่รับ เราก็โอเค
4.แอดมินคนเดิม ใช้เราเป็นข้ออ้าง หาว่าเราบัญชีไม่ได้เลยไม่ออก พอเรามาทำตำแหน่งอื่นก็ยังตามมาหลอกหลอน ทำให้เรารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
5.ผู้จัดการใจดีจริง แต่พอถึงเวลา แกไม่ได้ปกป้องเราจากแอดมินคนนี้ได้และดูท่าทางแกจะสนิทกัน
6.ตอนแรกงานเราคืออยู่ในออฟฟิศ แต่ตอนนี้ เหมือนเราโดนกดดันให้ออกมาเรื่อยๆ โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่เป็นเพราะคนเก่าไม่ยอมออก
ความรู้สึกเราคือจะรับเราทำไม มันเสียเวลา กับการที่แอดมินคนหนึ่งจะทำอะไรตามใจตัวเองก็ได้
เท่าที่เราเห็น แกแค่จะเรียกร้องความสนใจแต่พอเขาให้ออกจริง ก็ไม่ไป โดยที่คนเสียเวลาคือเรา
ใจเราจริงๆ จะออกวันนี้หลังจากได้เงินเดือน แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าจะบอกผู้จัดการยังไง
เพราะตอนแรกเราจะทำงานนี้นานอยู่ ไม่มีแพลนจะออก
ส่วนแอดมินคนนี้ แกบอกว่าแกจะเลื่อนกำหนดออกเป็น 15 ก.พ. เพื่อให้ผู้จัดการหาคนมาแทนแกให้ได้แต่เราเห็นคนสมัครมาเยอะมาก แต่คนไหนก็ไม่เอา
ทุกคนในที่ทำงานลงความเห็นกันแล้วว่าแกไม่น่าออก เราเองก็ยังไม่รู้จะทำยังไงต่อไป แต่โดยรวมรู้สึกไม่ดีกับที่นี่ไปแล้ว
เป็นทุกคนเจอเหตุการณ์แบบนี้จะทำยังไงคะ?
แต่ระหว่างนั้น เราต้องทำควบสองตำแหน่ง คือแอดมินและรีเซฟชั่น เพราะเราเคยมีประสบการณ์ทำรีเซฟชั่น
เราก็โอเคเพราะคิดว่างานแอดมินยังอยู่ในความรับผิดชอบของแก จนกระทั่งถึงกำหนดที่แกต้องออกคือสิ้นเดือนนี้
เราเอารายจ่ายที่พนักงานไปจ่ายตลาดมา จะเอามาลงบัญชีและคิดเงินทอน
แกกลับยึดไปจากมือเราและบอกว่าพี่จะทำเอง พอเราหันไปนั่งทางอื่น
แกถามเราว่าวันนั้นมีเงินเกิน ได้บวกรายการอาหารที่ไปจ่ายจากตลาดมาไหม
เราก็บอกว่าบวก พอเราพูดแบบนั้น แกก็อ้างว่าพนักงานใส่ราคาในรายการผิด ต่อไปนี้พี่จะยึดบัญชีกลับมาทำเอง
ซึ่งเรางงมาก เพราะถ้ามีการใส่ราคาผิด ยอดและเงินจะไม่ตรง แล้วถ้าเราทำผิด ทำไมหนึ่งเดือนที่ผ่านมายังให้เราช่วยทำ มายึดตอนใกล้สิ้นเดือน
โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา ถ้ามีเงินขาดหรือเงินเกิน เราก็นั่งอยู่ในออฟฟิศทุกวัน ทำไมแกไม่ท้วงเรา ตอนพูดก็พูดลอยๆ ไม่ได้เอาเอกสารออกมา
ต่อจากนั้นแกก็พูดต่อว่า เวลาจะหยิบเงินจากกระเป๋ารบกวนบอกพี่ก่อน สรุปว่าไม่ให้เราทำบัญชีแถมปัดเราไปทำรีเซฟชั่น
เราเห็นมาตลอดหนึ่งเดือนว่าแกไปสมัครงานที่อื่นแต่ไม่ได้งาน แล้วทำเป็นว่าเปิดรับคนมาแทนแกไม่ได้สักที
แต่การที่แกอยู่ต่อ มันก็ไม่ได้กระทบกับเรา จนกระทั่ง...
เรามาทำรีเซฟชั่น หน้าที่ของเราคือดูแลลูกค้า เวลาอาหารเช้าหรือทำความสะอาดบ้าน เราต้องเซอร์วิสลูกค้าซึ่งเป็นชาวต่างชาติ
เราอยู่กับแม่บ้านตลอด แกกลับบอกเราว่าทักทายลูกค้าเสร็จให้มาออฟฟิศเลยไม่ต้องอยู่เฝ้าแม่บ้าน
ซึ่งแม่บ้านเขาอยากให้เราอยู่เพราะบางทีเขาฟังไม่ออก ต้องมาเรียกเราอยู่เรื่อย อีกอย่างถ้าเราไม่ดูแลลูกค้า จะให้เราไปทำอะไร
แล้วมันก็มีจุดที่ทำให้ความรู้สึกเราที่มีต่อแก มันเปลี่ยนไปคือ ผจก ให้งานเราเป็นการโปรโมทห้องใหม่
ซึ่งเราได้คุยกับ ผจก แล้วว่าเราจะทำอะไรคร่าวๆ แต่ทีนี้ยังทำไม่ได้เพราะห้องใหม่ยังตกแต่งภายในอยู่
ตอนบ่ายปุ๊บ แอดมินคนนี้ก็มารัวใส่เรา ว่างานเนี่ยทำอะไรได้บ้าง ทำไปถึงไหน ทำแล้วตอบเข้าไปในกลุ่มด้วย
เราก็ค่ะๆ แต่ที่ทำให้เราไม่พอใจคือการใช้คำพูดว่า 'พี่ไม่เคยผ่านงานโรงแรมมา พี่ยังคิดได้'
มันทำให้เรารู้สึกว่าพูดเกินไปหน่อยไหม คือแกจะเป็นตลอด เวลาสอนคนอื่นจะชมตัวเองไปด้วย ซึ่งเรามองว่าไม่จำเป็น สอนอย่างเดียวก็พอ
เช่น ตอนที่พี่มาทำงานแรกๆ ไม่มีใครสอนพี่เลยนะ พี่ก็ทำได้เองหมด และเวลาแกพูดแซะใคร แกจะหันมาสะกิดเราและบอกว่าพี่ไม่ได้ว่าเรานะ พี่ว่าคนนั้น
แล้วถ้าแกได้อยู่ในออฟฟิศเมื่อไหร่ เตรียมหูชาเลย เพราะแกจะพูดจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงานก็ไม่หยุด
คนในที่ทำงานไม่ได้มีใครชอบแกนะ แกมีเรื่องกับหลายคนอยู่ที่ไม่คุยกัน ทุกคนก็รอแกออกแต่แกไม่ออกและทำตัวเหมือนเจ้านาย
ตอนนั้นไปซื้อของให้โรงแรม เราเอารถยนต์เราไปโดยเราเข้าใจว่า เราสามารถเบิกค่าน้ำมันแบบที่ตกลงไว้
แล้วแอดมินก็ให้เงินเรา 100 บอกว่าเป็นเงินแกเอง เราก็เอะใจว่าทำไมแบบนี้ล่ะ เหมือนเขาลืมเรื่องที่คุยกันตอนสัมภาษณ์หมด
เราก็เพิ่งมาเอะใจ ว่าการกระทำแกตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา คล้ายๆ ให้เรามารับใช้แก
เราเลยตีตัวออกห่าง คุยแค่เรื่องงานและเรื่องที่จำเป็นในงาน แต่ไม่สนิทใจเหมือนเดิม ไม่คุยเล่นอะไรอีก
แกก็ดูเหมือนจะรู้และเราก็รู้ด้วยว่าแกแซะเราหลายครั้ง แต่เราเลือกที่จะเงียบและเดินออกมาเท่านั้น
เหตุผลที่ทำให้เราไม่แฮปปี้กับที่นี่
1.บอกมีประกันสังคมแต่จริงๆ ไม่มี เราเพิ่งมารู้หลังเข้าทำงานแล้ว
2.เราสมัครตำแหน่งแอดมิน ถึงประวัติการทำงานจะเคยทำรีเซฟชั่นแต่เราไม่ได้สมัครตำแหน่งรีเซฟชั่น เราถือว่าผิดข้อตกลง
3.ตอนสัมภาษณ์เราบอกแล้วว่าเราใช้รถยนต์เกียร์ออโต้และเราไม่ใช้มอเตอร์ไซด์เพราะเรามีประสบการณ์ที่ไม่ดีมาก่อน ผจก บอกว่าที่ทำงานมีรถยนต์เกียร์ธรรมดาให้ใช้ แต่ตกลงกันว่า ถ้าหากเราจะใช้รถเราก็ได้ ให้เบิกค่าน้ำมันแทน พอเอาเข้าจริงกลับไม่มี ทำไมเราถึงพูดรายละเอียดตรงนี้? เพราะเราถือว่าเราได้พูดแล้ว ถ้าเขาไม่รับ เราก็โอเค
4.แอดมินคนเดิม ใช้เราเป็นข้ออ้าง หาว่าเราบัญชีไม่ได้เลยไม่ออก พอเรามาทำตำแหน่งอื่นก็ยังตามมาหลอกหลอน ทำให้เรารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
5.ผู้จัดการใจดีจริง แต่พอถึงเวลา แกไม่ได้ปกป้องเราจากแอดมินคนนี้ได้และดูท่าทางแกจะสนิทกัน
6.ตอนแรกงานเราคืออยู่ในออฟฟิศ แต่ตอนนี้ เหมือนเราโดนกดดันให้ออกมาเรื่อยๆ โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่เป็นเพราะคนเก่าไม่ยอมออก
ความรู้สึกเราคือจะรับเราทำไม มันเสียเวลา กับการที่แอดมินคนหนึ่งจะทำอะไรตามใจตัวเองก็ได้
เท่าที่เราเห็น แกแค่จะเรียกร้องความสนใจแต่พอเขาให้ออกจริง ก็ไม่ไป โดยที่คนเสียเวลาคือเรา
ใจเราจริงๆ จะออกวันนี้หลังจากได้เงินเดือน แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าจะบอกผู้จัดการยังไง
เพราะตอนแรกเราจะทำงานนี้นานอยู่ ไม่มีแพลนจะออก
ส่วนแอดมินคนนี้ แกบอกว่าแกจะเลื่อนกำหนดออกเป็น 15 ก.พ. เพื่อให้ผู้จัดการหาคนมาแทนแกให้ได้แต่เราเห็นคนสมัครมาเยอะมาก แต่คนไหนก็ไม่เอา
ทุกคนในที่ทำงานลงความเห็นกันแล้วว่าแกไม่น่าออก เราเองก็ยังไม่รู้จะทำยังไงต่อไป แต่โดยรวมรู้สึกไม่ดีกับที่นี่ไปแล้ว