ที่มา
https://m.ppantip.com/topic/39604206?
คุณหมอผู้เชี่ยวชาญชาวจีนที่เข้าไปช่วยคนไข้แต่ติดเชื้อตายไปแล้ว ได้บอกไว้ก่อนเสียชีวิตว่าท่านใส่หน้ากากตลอด และไม่ได้ติดเชื้อทางการหายใจแน่นอน เพราะท่านเริ่มมีอาการจากตาแดง แสดงว่า ท่านเผลอขยี้ตาโดยไม่ได้ล้างมือ และติดเชื้อจากมือเข้าสู่ตา
ผมจึงตั้งกระทู้นี้เพื่อเตือนว่าหน้ากากอนามัยช่วยป้องกันการแพร่เชื้อจากผู้ป่วยได้ แต่อาจไร้ประโยชน์สำหรับคนปกติที่ยังไม่ติดเชื้อ และมีวิธีที่ง่ายและดีกว่าในการป้องกัน
โดยขออ้างอิงจากการระบาดของไข้หวัด2009 ตอนนั้นระบาดหนักไปทั่วโลก แต่มีประเทศแปลกประหลาดที่เอาตัวรอดอย่างสวยงามคือญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นรับการระบาดของหวัด2009เป็นประเทศแรกๆของโลก แต่มีผู้เสียชีวิตน้อยมาก แค่หลักสิบคน และจบการระบาดเป็นประเทศแรกๆ
ขณะที่ไทยระบาดทีหลังแต่มีคนตายหลักพันคน
ญี่ปุ่นทำได้เพราะเข้าใจวิธีป้องกันที่ถูกต้องซึ่งไม่ใช่แค่หน้ากากครับ นั้นคืออะไร??
ก่อนอื่น อยากให้ดูคลิปนี้อยากให้ดูคลิปนี้ ตั้งแต่นาทีที่ 4:40 ไปเพื่อประกอบความเข้าใจนะครับ
https://youtu.be/7CCnqcRQFAQ
สรุปว่า
1. การป้องกันไวรัส ไม่เหมือนฝุ่นpm 2.5 เพราะไวรัสไม่ได้ลอยในอากาศ แต่อยู่ในน้ำมูกน้ำลาย น้ำตา สารคัดหลั่งจากตัวผู้ป่วย
การใส่หน้ากาก จึงหวังผลไม่ให้คนป่วยแพร่เชื้อ มากกว่าป้องกันคนปกติอย่างเราไม่ให้ติดเชื้อ
2.ผู้ป่วย(ตอนนี้ใครเป็นหวัด ให้ถือว่าเป็นผู้ติดเชื้อไว้ก่อน) แพร่เชื้อได้2วิธีคือ
2.1 ไอจามหรือหายใจรดโดยตรง (การใส่หน้ากากป้องกันได้เฉพาะการติดวิธีนี้ พูดง่ายๆ คนที่ควรใส่หน้ากาก คือ คนที่ต้องเข้าใกล้ผู้ป่วยจนโดนหายใจรดได้ คือ ญาติที่ต้องดูแล แพทย์ พยาบาล เท่านั้น)
2.2 วิธีที่แพร่เชื้อหนักกว่าแต่พวกเราaware น้อยเหลือเกินคือ "มือ"ครับ
ทุกครั้งที่คนไข้ไอจาม และเอามือปิดปากจะมีน้ำลายน้ำเสลดเลอะมือ หรือขยี้ตาก็มีน้ำตาเลอะมือ
เมื่อเอามือโสโครกนี้ไปจับก็อกน้ำ ลูกบิดประตู ราวบันได ราวจับบนรถเมล์รถไฟฟ้า กดปุ่มลิฟต์ สแกนนิ้วเข้าทำงาน หรือกระทั่งหยิบแบงค์จ่ายเงินแม่ค้า เชื้อโรคก็จะกระจายแปะไปบนสิ่งเหล่านี้...
เมื่อมีคนมาจับต่อก็ได้เชื้ออยู่บนมือ พอเอามือติดเชื้อมาขยี้ตา แคะแกะเกา หรือหยิบอาหารเข้าปาก ก็ติดเชื้อทันที!!!
3.การป้องกันตัวสำหรับ"คนปกติที่ไม่มีอาการไอจาม" จึงต้องป้องกันการรับเชื้อทั้งสองทาคนปกติจึงต้องป้องกันการรับเชื้อทั้งสองทาคนปกติจึงต้องป้องกันการรับเชื้อทั้งสองทางคือ
3.1 ใส่หน้ากากเมื่อไหร่???
เนื่องจากหน้ากากนั้นทั้งแพงทั้งเลอะเทอะง่าย พอเลอะเหงื่อ เลอะน้ำลายก็ใช้ต่อไม่ได้
จึงควรใช้เมื่อจำเป็นต้องเข้าใกล้ผู้ป่วยจนโดนหายใจรดได้ คือ เมื่อต้องเข้าใกล้ผู้ป่วย
หรือ เข้าไปยืนในที่คนหนาแน่นจนหายใจรดกันได้ เช่นเข้าลิฟท์ รถเมล์ รถไฟฟ้า
พูดง่ายๆ เดินเข้าสถานีbts mrt ไม่ต้องใส่ พอจะเบียดคนต่อคิวขึ้นรถค่อยหยิบมาใส่ หน้ากากคุณจะใช้ได้นานขึ้นครับ
3.2 ที่สำคัญกว่าหน้ากาก คือ
- ยืนห่างๆคนอื่นสัก 1-2 เมตรไว้ เพราะไม่รู้ใครมีเชื้อบ้าง
- เราไม่รู้ว่าผู้ติดเชื้อ เอามือขยี้ตา แคะจมูก แล้วไปเที่ยวจับโน่นนี่ แพร่เชื้อไว้ตรงไหนบ้าง
จึงต้องล้างมือบ่อยๆ และพยายาม อย่าจับของสาธารณะโดยไม่จำเป็น
- ควรใส่ถุงมือ หรือ พกกระดาษทิชชู่ไว้รองมือ เมื่อต้องจับของสาธารณะ เช่น ลูกบิดประตูลูกบิดประตู ราวบันได ราวจับบนรถเมล์รถไฟฟ้า กดปุ่มลิฟต์ ใช้คีย์บอร์ดร่วมกับคนอื่น จับมือถือของคนอื่น หรือกระทั่งหยิบแบงค์จ่ายเงินแม่ค้า
ยังมีเทคนิกอื่นๆที่workเช่น ใช้กุญแจกดลิฟต์แทนนิ้ว
ใช้หลังผลักประตูแบบผลัก
ใช้กระดาษทิชชู่รองนิ้วก่อนจะกดลิฟต์
*หมายเหตุ*เมื่อใช้ทิชชู่รองมือแล้ว ให้ถือว่าทิชชู่นี้ติดเชื้อ ให้พับทิ้งทันทีโดยพับด้านเลอะไว้ข้างในอย่าให้เปื้อนมือเรา
*ถ้าใช้ถุงมือยางแบบครั้งเดียวทิ้งแต่ไม่อยากเปลืองถุงมือ ผมใช้วิธีล้างมือทั้งถุงมือ ทำให้ใส่ได้ทั้งวันครับ
เวลาเข้าห้องน้ำสาธารณะ ผมใช้วิธีเดียวกับคนญี่ปุ่นตอนหวัด2009 คือ
-ใช้เท้าเตะประตูเข้าไป(ขอโทษแม่บ้านนะครับ พยายามเอาส่วนที่เลอะน้อยเตะเอา แต่ขอไม่สัมผัสประตูเถอะนะ) แล้วดึงทิชชู่มา1แผ่นรองมือตอนล็อคกลอนประตูหรือจับลูกบิดประตู
และดึงทิชชู่มาวางรองฝาครอบก่อนนั่งเสมอ
- ถ้าใส่ถุงมือ ตอนถอดถุงมือให้ถือว่ามีเชื้อโรคบนถุงมือนี้ การถอดต้องระวังไม่ให้เลอะร่างกายเสื้อผ้าส่วนอื่น และควรซักแยกจากผ้าอื่น
*ถุงมือยางแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง มีขายตามร้านขายยา กล่องละ 130บาทได้100ชิ้น*
**พนักงานบริษัทที่ต้องใช้เครื่องสแกนนิ้ว ตรงนี้เป็นแหล่งแพร่เชื้อเลยครับไม่รู้ใครเอานิ้วที่แคะขี้มูกมาแสกนบ้าง สแกนเสร็จให้ถือว่านิ้วนั้นติดเชื้อทันทีสสแกนเสร็จให้ถือว่านิ้วนั้นติดเชื้อทันทีสแกนเสร็จให้ถือว่านิ้วนั้นติดเชื้อทันที อย่าแตะอะไรอีก แล้วรีบหาที่ล้างนิ้วนั้นทันที***
4. ถ้าคุณเป็นผู้ป่วยที่มีการไอจาม(รวมถึงคนที่ไอจามเพราะภูมิแพ้ก็ต้องปฏิบัติอย่างเดียวกัน) ควรระวังไม่ให้ตัวเอง
- ผู้ป่วยควรใส่หน้ากากไว้แม้จะอยู่คนเดียว เพราะถ้าไม่ใส่หน้ากาก เวลาไอจามน้ำลายจะกระเด็นเปื้อนสิ่งของทำให้แพร่เชื้อได้
- ถ้าไม่มีหน้ากาก ให้ใช้กระดาษทิชชู่ปิดปากให้สนิท แล้วทิ้งทิชชู่นั้นทันทีโดยพับเอาด้านเลอะเข้าข้างในก่อนทิ้ง
- ถ้าไม่มีกระดาษทิชชู่ปิดปาก ก็อย่าใช้มือปิดปาก เพราะมือจะเลอะน้ำลาย แล้วเที่ยวจับโน่นนี่แพร่เชื้ออีก ควรปิดปากด้วยการยกข้อพับศอกมาปิด แบบในรูปนี้น้ำลายจะติดที่ข้อพับแขน ไม่ป้ายแพร่เชื้อไปทั่ว(แต่ควรรีบหาที่ล้างออกนะครับ)
หรือดึงเสื้อตัวเองขึ้นมาปิดปาก แต่ต้องถือว่าเสื้อตัวนี้ปนเปื้อนเชื้อ ควรซักแยกจากผ้าอื่นนะครับ
5. สรุปในสรุป
หลักการป้องกันหลักการป้องกันหวัด2009 ยังคงเหมาะสม คือ
"กินของร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ"
ที่อยากให้เพิ่มเติมลงไปคือ
"ยืนห่างคนอื่น***
ใส่หน้ากากเมื่อประชิดตัว***
ใช้ข้อพับศอกหรือเสื้อปิดปากเมื่อไอจาม***
ใช้กระดาษทิชชู่/ถุงมือ เมื่อต้องจับของสาธารณะ***
อย่าขยี้ตาหรือแตะปากโดยไม่ล้างมือเด็ดขาด""****"
ขอให้โชคดีปลอดภัยกันทุกท่านนะครับ
ปล.**ถ้าเห็นประโยชน์จากกระทู้นี้ถ้าเห็นประโยชน์จากกระทู้นี้ ช่วยก็อป/แชร์ได้เลยข้าพเจ้าไม่หวง
แต่กรุณาอย่าโยงเข้าการเมืองหรือใช้กระทู้เที่ยวด่าใคร จะทำให้กระทู้หายไปในเวลาอันรวดเร็ว**
อู๋ฮั่น-โคโรน่าไวรัส - หน้ากากอาจไร้ประโยชน์ vs. การป้องกันที่ถูกต้อง
https://m.ppantip.com/topic/39604206?
คุณหมอผู้เชี่ยวชาญชาวจีนที่เข้าไปช่วยคนไข้แต่ติดเชื้อตายไปแล้ว ได้บอกไว้ก่อนเสียชีวิตว่าท่านใส่หน้ากากตลอด และไม่ได้ติดเชื้อทางการหายใจแน่นอน เพราะท่านเริ่มมีอาการจากตาแดง แสดงว่า ท่านเผลอขยี้ตาโดยไม่ได้ล้างมือ และติดเชื้อจากมือเข้าสู่ตา
ผมจึงตั้งกระทู้นี้เพื่อเตือนว่าหน้ากากอนามัยช่วยป้องกันการแพร่เชื้อจากผู้ป่วยได้ แต่อาจไร้ประโยชน์สำหรับคนปกติที่ยังไม่ติดเชื้อ และมีวิธีที่ง่ายและดีกว่าในการป้องกัน
โดยขออ้างอิงจากการระบาดของไข้หวัด2009 ตอนนั้นระบาดหนักไปทั่วโลก แต่มีประเทศแปลกประหลาดที่เอาตัวรอดอย่างสวยงามคือญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นรับการระบาดของหวัด2009เป็นประเทศแรกๆของโลก แต่มีผู้เสียชีวิตน้อยมาก แค่หลักสิบคน และจบการระบาดเป็นประเทศแรกๆ
ขณะที่ไทยระบาดทีหลังแต่มีคนตายหลักพันคน
ญี่ปุ่นทำได้เพราะเข้าใจวิธีป้องกันที่ถูกต้องซึ่งไม่ใช่แค่หน้ากากครับ นั้นคืออะไร??
ก่อนอื่น อยากให้ดูคลิปนี้อยากให้ดูคลิปนี้ ตั้งแต่นาทีที่ 4:40 ไปเพื่อประกอบความเข้าใจนะครับ
https://youtu.be/7CCnqcRQFAQ
สรุปว่า
1. การป้องกันไวรัส ไม่เหมือนฝุ่นpm 2.5 เพราะไวรัสไม่ได้ลอยในอากาศ แต่อยู่ในน้ำมูกน้ำลาย น้ำตา สารคัดหลั่งจากตัวผู้ป่วย
การใส่หน้ากาก จึงหวังผลไม่ให้คนป่วยแพร่เชื้อ มากกว่าป้องกันคนปกติอย่างเราไม่ให้ติดเชื้อ
2.ผู้ป่วย(ตอนนี้ใครเป็นหวัด ให้ถือว่าเป็นผู้ติดเชื้อไว้ก่อน) แพร่เชื้อได้2วิธีคือ
2.1 ไอจามหรือหายใจรดโดยตรง (การใส่หน้ากากป้องกันได้เฉพาะการติดวิธีนี้ พูดง่ายๆ คนที่ควรใส่หน้ากาก คือ คนที่ต้องเข้าใกล้ผู้ป่วยจนโดนหายใจรดได้ คือ ญาติที่ต้องดูแล แพทย์ พยาบาล เท่านั้น)
2.2 วิธีที่แพร่เชื้อหนักกว่าแต่พวกเราaware น้อยเหลือเกินคือ "มือ"ครับ
ทุกครั้งที่คนไข้ไอจาม และเอามือปิดปากจะมีน้ำลายน้ำเสลดเลอะมือ หรือขยี้ตาก็มีน้ำตาเลอะมือ
เมื่อเอามือโสโครกนี้ไปจับก็อกน้ำ ลูกบิดประตู ราวบันได ราวจับบนรถเมล์รถไฟฟ้า กดปุ่มลิฟต์ สแกนนิ้วเข้าทำงาน หรือกระทั่งหยิบแบงค์จ่ายเงินแม่ค้า เชื้อโรคก็จะกระจายแปะไปบนสิ่งเหล่านี้...
เมื่อมีคนมาจับต่อก็ได้เชื้ออยู่บนมือ พอเอามือติดเชื้อมาขยี้ตา แคะแกะเกา หรือหยิบอาหารเข้าปาก ก็ติดเชื้อทันที!!!
3.การป้องกันตัวสำหรับ"คนปกติที่ไม่มีอาการไอจาม" จึงต้องป้องกันการรับเชื้อทั้งสองทาคนปกติจึงต้องป้องกันการรับเชื้อทั้งสองทาคนปกติจึงต้องป้องกันการรับเชื้อทั้งสองทางคือ
3.1 ใส่หน้ากากเมื่อไหร่???
เนื่องจากหน้ากากนั้นทั้งแพงทั้งเลอะเทอะง่าย พอเลอะเหงื่อ เลอะน้ำลายก็ใช้ต่อไม่ได้
จึงควรใช้เมื่อจำเป็นต้องเข้าใกล้ผู้ป่วยจนโดนหายใจรดได้ คือ เมื่อต้องเข้าใกล้ผู้ป่วย
หรือ เข้าไปยืนในที่คนหนาแน่นจนหายใจรดกันได้ เช่นเข้าลิฟท์ รถเมล์ รถไฟฟ้า
พูดง่ายๆ เดินเข้าสถานีbts mrt ไม่ต้องใส่ พอจะเบียดคนต่อคิวขึ้นรถค่อยหยิบมาใส่ หน้ากากคุณจะใช้ได้นานขึ้นครับ
3.2 ที่สำคัญกว่าหน้ากาก คือ
- ยืนห่างๆคนอื่นสัก 1-2 เมตรไว้ เพราะไม่รู้ใครมีเชื้อบ้าง
- เราไม่รู้ว่าผู้ติดเชื้อ เอามือขยี้ตา แคะจมูก แล้วไปเที่ยวจับโน่นนี่ แพร่เชื้อไว้ตรงไหนบ้าง
จึงต้องล้างมือบ่อยๆ และพยายาม อย่าจับของสาธารณะโดยไม่จำเป็น
- ควรใส่ถุงมือ หรือ พกกระดาษทิชชู่ไว้รองมือ เมื่อต้องจับของสาธารณะ เช่น ลูกบิดประตูลูกบิดประตู ราวบันได ราวจับบนรถเมล์รถไฟฟ้า กดปุ่มลิฟต์ ใช้คีย์บอร์ดร่วมกับคนอื่น จับมือถือของคนอื่น หรือกระทั่งหยิบแบงค์จ่ายเงินแม่ค้า
ยังมีเทคนิกอื่นๆที่workเช่น ใช้กุญแจกดลิฟต์แทนนิ้ว
ใช้หลังผลักประตูแบบผลัก
ใช้กระดาษทิชชู่รองนิ้วก่อนจะกดลิฟต์
*หมายเหตุ*เมื่อใช้ทิชชู่รองมือแล้ว ให้ถือว่าทิชชู่นี้ติดเชื้อ ให้พับทิ้งทันทีโดยพับด้านเลอะไว้ข้างในอย่าให้เปื้อนมือเรา
*ถ้าใช้ถุงมือยางแบบครั้งเดียวทิ้งแต่ไม่อยากเปลืองถุงมือ ผมใช้วิธีล้างมือทั้งถุงมือ ทำให้ใส่ได้ทั้งวันครับ
เวลาเข้าห้องน้ำสาธารณะ ผมใช้วิธีเดียวกับคนญี่ปุ่นตอนหวัด2009 คือ
-ใช้เท้าเตะประตูเข้าไป(ขอโทษแม่บ้านนะครับ พยายามเอาส่วนที่เลอะน้อยเตะเอา แต่ขอไม่สัมผัสประตูเถอะนะ) แล้วดึงทิชชู่มา1แผ่นรองมือตอนล็อคกลอนประตูหรือจับลูกบิดประตู
และดึงทิชชู่มาวางรองฝาครอบก่อนนั่งเสมอ
- ถ้าใส่ถุงมือ ตอนถอดถุงมือให้ถือว่ามีเชื้อโรคบนถุงมือนี้ การถอดต้องระวังไม่ให้เลอะร่างกายเสื้อผ้าส่วนอื่น และควรซักแยกจากผ้าอื่น
*ถุงมือยางแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง มีขายตามร้านขายยา กล่องละ 130บาทได้100ชิ้น*
**พนักงานบริษัทที่ต้องใช้เครื่องสแกนนิ้ว ตรงนี้เป็นแหล่งแพร่เชื้อเลยครับไม่รู้ใครเอานิ้วที่แคะขี้มูกมาแสกนบ้าง สแกนเสร็จให้ถือว่านิ้วนั้นติดเชื้อทันทีสสแกนเสร็จให้ถือว่านิ้วนั้นติดเชื้อทันทีสแกนเสร็จให้ถือว่านิ้วนั้นติดเชื้อทันที อย่าแตะอะไรอีก แล้วรีบหาที่ล้างนิ้วนั้นทันที***
4. ถ้าคุณเป็นผู้ป่วยที่มีการไอจาม(รวมถึงคนที่ไอจามเพราะภูมิแพ้ก็ต้องปฏิบัติอย่างเดียวกัน) ควรระวังไม่ให้ตัวเอง
- ผู้ป่วยควรใส่หน้ากากไว้แม้จะอยู่คนเดียว เพราะถ้าไม่ใส่หน้ากาก เวลาไอจามน้ำลายจะกระเด็นเปื้อนสิ่งของทำให้แพร่เชื้อได้
- ถ้าไม่มีหน้ากาก ให้ใช้กระดาษทิชชู่ปิดปากให้สนิท แล้วทิ้งทิชชู่นั้นทันทีโดยพับเอาด้านเลอะเข้าข้างในก่อนทิ้ง
- ถ้าไม่มีกระดาษทิชชู่ปิดปาก ก็อย่าใช้มือปิดปาก เพราะมือจะเลอะน้ำลาย แล้วเที่ยวจับโน่นนี่แพร่เชื้ออีก ควรปิดปากด้วยการยกข้อพับศอกมาปิด แบบในรูปนี้น้ำลายจะติดที่ข้อพับแขน ไม่ป้ายแพร่เชื้อไปทั่ว(แต่ควรรีบหาที่ล้างออกนะครับ)
หรือดึงเสื้อตัวเองขึ้นมาปิดปาก แต่ต้องถือว่าเสื้อตัวนี้ปนเปื้อนเชื้อ ควรซักแยกจากผ้าอื่นนะครับ
5. สรุปในสรุป
หลักการป้องกันหลักการป้องกันหวัด2009 ยังคงเหมาะสม คือ
"กินของร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ"
ที่อยากให้เพิ่มเติมลงไปคือ
"ยืนห่างคนอื่น***
ใส่หน้ากากเมื่อประชิดตัว***
ใช้ข้อพับศอกหรือเสื้อปิดปากเมื่อไอจาม***
ใช้กระดาษทิชชู่/ถุงมือ เมื่อต้องจับของสาธารณะ***
อย่าขยี้ตาหรือแตะปากโดยไม่ล้างมือเด็ดขาด""****"
ขอให้โชคดีปลอดภัยกันทุกท่านนะครับ
ปล.**ถ้าเห็นประโยชน์จากกระทู้นี้ถ้าเห็นประโยชน์จากกระทู้นี้ ช่วยก็อป/แชร์ได้เลยข้าพเจ้าไม่หวง
แต่กรุณาอย่าโยงเข้าการเมืองหรือใช้กระทู้เที่ยวด่าใคร จะทำให้กระทู้หายไปในเวลาอันรวดเร็ว**