จาตุรนต์ ซัดรบ.ให้จีนเข้าไทยไม่อั้น อย่าห่วงรายได้ท่องเที่ยว จนโคโรนาบานปลาย
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3485551
จาตุรนต์ ซัดรบ.ให้จีนเข้าไทยไม่อั้น ชี้อย่าห่วงรายได้ท่องเที่ยว จนโคโรนาบานปลาย
จาตุรนต์ -เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) แสดงความคิดเห็นถึงความพร้อม และการรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ของรัฐบาลว่า ขณะนี้มาตรการที่รัฐบาลกำลังทำอยู่มีความอ่อน ไม่มีทิศทาง ทำให้ไม่อาจคาดหวังว่าจะรับมือกับปัญหาได้ดี
ไวรัสนี้มีการเริ่มต้นจากประเทศจีน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปมากับประเทศไทยจำนวนมาก เรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่ความสามารถทางการแพทย์ แต่เป็นเรื่องการบริหารจัดการหลายอย่างผสมกัน ส่วนนี้รัฐบาลไม่มีความกล้าตัดสินใจ และจะทำให้เกิดความเสียหาย แต่จะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับเหตุการณ์
“การแก้ปัญหาต้องมีคณะกรรมการระดับชาติ อย่างน้อยต้องระดับรองนายก หรือรัฐมนตรีที่คุมกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน
แต่หากนายกคุมเองจะมีปัญหากว่า เพราะนายกไม่มีความรู้อะไรเลย
และไม่ได้สนใจที่จะทำความเข้าอะไรจริง ๆ”
นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้เรื่องใหญ่มากที่ต้องรีบทำคือ ต้องนำคนไทยที่ต้องการกลับเมืองไทย แต่ติดอยู่ที่เมืองอู่ฮั่น หรือเมืองที่อันตรายที่มีความเสี่ยงกลับประเทศโดยเร็วที่สุด ไม่ต้องกลัวเปลืองงบประมาณ เพราะเรื่องคนเป็นเรื่องสำคัญ
การที่เราอนุญาตให้คนจีนเข้ามาในประเทศอย่างไม่จำกัด การคัดกรองที่สนามบินจะทำได้เฉพาะคนที่เป็นไข้ แต่คนที่ยังไม่มีอาการจะไม่สามารถตรวจได้ ซึ่งเชื้อจะอยู่ในระยะฟักตัวได้ถึง 14 วัน ซึ่งระยะฟักตัวก็สามารถแปรเชื้อได้ เราจึงไม่สามารถรู้ได้ว่าคนจีนที่เดินทางเข้ามามีเชื้อหรือไม่
รัฐบาลควรต้องใช้การอนุญาตให้คนจีน เข้าประเทศเฉพาะกรณีที่จำเป็น เช่น มาทำธุรกิจ รักษาพยาบาล หรือเรียนหนังสือ แต่ถ้าเดินทางมาท่องเที่ยว ต้องงด จะห่วงเรื่องรายได้การท่องเที่ยวก็ต้องคิดดูว่าถ้าปล่อยเรื่องนี้บานปลาย ต่อไปจะไม่มีคนมาเที่ยวประเทศไทย
ด่วน!ศาลรธน.รับคำร้องพ.ร.บ.งบฯ ปมเสียบบัตรแทนกัน
https://www.dailynews.co.th/politics/754622
“ศาลรธน.”รับพิจารณาคำร้องปม ร่าง พ.ร.บ.งบ 63 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องหรือไม่ พร้อมให้ “เลขาฯสภา - ฉลอง เทิดวีระพงศ์ - ภริม พูลเจริญ - สมบูรณ์ ซารัมย์” ยื่นคำชี้แจง 4 ก.พ.นี้ ส่วนคำร้อง “เสรีพิศุทธ์”ถูกตีตกเหตุมีชื่อซ้ำคำร้องอื่น
เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมปรึกษาพิจารณาคดีกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของ ส.ส.ขอให้ศาลรัฐธรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) จำนวน 3 คำร้อง คือ คำร้องของนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และคณะจำนวน 109 คน (เรื่องพิจารณาที่ 2/2563) คำร้องของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และคณะจำนวน 84 คน (เรื่องพิจารณาที่ 3/2563) และคำร้องของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย และคณะจำนวน 77 คน (เรื่องพิจารณาที่ 4/2563) ว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องทั้ง 3 เรื่องแล้ว เห็นว่า เรื่องพิจารณาที่ 2/2563 และที่ 3/2563 มีประเด็นที่ต้องพิจารณาเป็นประเด็นเดียวกันจึงให้รวมการพิจารณาทั้งสองเรื่องเข้าด้วยกัน
ซึ่งทั้งสองคำร้องเป็นไปตามรัฐธรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) กรณีจึงต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 (1) จึงมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้ร้องทราบและให้ผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ เลขาธิการสภาฯ,นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย, น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ และนายสมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ยื่นคำชี้แจงเป็นหนังสือพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายในวันที่ 4 ก.พ.นี้
ส่วนคำร้องเรื่องพิจารณาที่ 4/2563 กรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์นั้น เมื่อตรวจสอบคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า ประเด็นที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นประเด็นเดียวกันกับเรื่องพิจารณาที่ 3/2563 ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้เสนอความเห็นซ้ำกับเรื่องดังกล่าว จำนวน 30 คน จึงทำให้จำนวน ส.ส.ที่เข้าชื่อเสนอความเห็นตามคำร้องดังกล่าว มีจำนวนไม่ถึงหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา (จำนวน 75 คน) กรณีดังกล่าวจึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 26561 มาตรา 7(1) จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย.
"ง" ให้ทำใจรับ "ไวรัสโคโรนา2019" ระบาดในไทยแน่ ชี้รุนแรงเทียบเท่าไข้หวัดใหญ่
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_1929107
เมื่อวันที่ 29 มกราคม ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาล (รพ.) จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวถึงโรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโรคปอดอักเสบอู่ฮั่น ว่า โรคนี้ระบาดได้อย่างรวดเร็วและมีผู้ป่วยจำนวนมาก ล่าสุดประมาณ 6,000 คน ถือว่ารวดเร็วกว่าโรคซาร์ส (SARS) หลายเท่า และเชื่อว่าโรคนี้จะระบาดขึ้นได้ในประเทศไทย
“ความรุนแรงของโรคน้อยกว่าโรคซาร์ส และโรคเมอร์ส (MERS) อย่างไรก็ตาม ตัวเลขอัตราการเสียชีวิตจะค่อยๆ ลดลงเหมือนการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในปี 2009 และเชื่อว่าอีก 1-2 เดือนจากนี้จะไม่มีการนับจำนวนเช่นเดียวกับการระบาดไข้หวัดใหญ่ และเมื่อโรคดังกล่าวมีความรุนแรงน้อย จึงมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย และยังแพร่กระจายโรคได้จากการเดินทาง จึงทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคได้อย่างรวดเร็ว ขณะนี้มีผู้ป่วยที่ไม่ได้ไปสัมผัสในประเทศจีนเกิดขึ้นในหลายประเทศ เช่น เวียดนาม ญี่ปุ่น เยอรมนี ฯลฯ ดังนั้นก็จะพบได้อีกในหลายประเทศ เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 6 เดือน ก็กระจายไปทั่วโลก
ดังนั้น เราต้องยอมรับความจริง โรคนี้ระบาดแน่ในประเทศไทยและทุกประเทศ แต่ก็ควรมีมาตรการให้ระบาดช้าที่สุด เพื่อรอองค์ความรู้ใหม่ และข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับโรคนี้” ศ.นพ.ยง กล่าว
JJNY : 5in1 จาตุรนต์ซัดรบ.อย่าห่วงรายได้/ศาลรธน.รับคำร้องพ.ร.บ.งบฯ/หมอ ยงรับระบาดแน่/สื่อนอกชี้กท.เสี่ยงสุด/คลังหั่นGDP
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3485551
จาตุรนต์ -เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) แสดงความคิดเห็นถึงความพร้อม และการรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ของรัฐบาลว่า ขณะนี้มาตรการที่รัฐบาลกำลังทำอยู่มีความอ่อน ไม่มีทิศทาง ทำให้ไม่อาจคาดหวังว่าจะรับมือกับปัญหาได้ดี
ไวรัสนี้มีการเริ่มต้นจากประเทศจีน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปมากับประเทศไทยจำนวนมาก เรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่ความสามารถทางการแพทย์ แต่เป็นเรื่องการบริหารจัดการหลายอย่างผสมกัน ส่วนนี้รัฐบาลไม่มีความกล้าตัดสินใจ และจะทำให้เกิดความเสียหาย แต่จะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับเหตุการณ์
การที่เราอนุญาตให้คนจีนเข้ามาในประเทศอย่างไม่จำกัด การคัดกรองที่สนามบินจะทำได้เฉพาะคนที่เป็นไข้ แต่คนที่ยังไม่มีอาการจะไม่สามารถตรวจได้ ซึ่งเชื้อจะอยู่ในระยะฟักตัวได้ถึง 14 วัน ซึ่งระยะฟักตัวก็สามารถแปรเชื้อได้ เราจึงไม่สามารถรู้ได้ว่าคนจีนที่เดินทางเข้ามามีเชื้อหรือไม่
รัฐบาลควรต้องใช้การอนุญาตให้คนจีน เข้าประเทศเฉพาะกรณีที่จำเป็น เช่น มาทำธุรกิจ รักษาพยาบาล หรือเรียนหนังสือ แต่ถ้าเดินทางมาท่องเที่ยว ต้องงด จะห่วงเรื่องรายได้การท่องเที่ยวก็ต้องคิดดูว่าถ้าปล่อยเรื่องนี้บานปลาย ต่อไปจะไม่มีคนมาเที่ยวประเทศไทย
ด่วน!ศาลรธน.รับคำร้องพ.ร.บ.งบฯ ปมเสียบบัตรแทนกัน
https://www.dailynews.co.th/politics/754622
“ศาลรธน.”รับพิจารณาคำร้องปม ร่าง พ.ร.บ.งบ 63 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องหรือไม่ พร้อมให้ “เลขาฯสภา - ฉลอง เทิดวีระพงศ์ - ภริม พูลเจริญ - สมบูรณ์ ซารัมย์” ยื่นคำชี้แจง 4 ก.พ.นี้ ส่วนคำร้อง “เสรีพิศุทธ์”ถูกตีตกเหตุมีชื่อซ้ำคำร้องอื่น
เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมปรึกษาพิจารณาคดีกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของ ส.ส.ขอให้ศาลรัฐธรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) จำนวน 3 คำร้อง คือ คำร้องของนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และคณะจำนวน 109 คน (เรื่องพิจารณาที่ 2/2563) คำร้องของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และคณะจำนวน 84 คน (เรื่องพิจารณาที่ 3/2563) และคำร้องของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย และคณะจำนวน 77 คน (เรื่องพิจารณาที่ 4/2563) ว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องทั้ง 3 เรื่องแล้ว เห็นว่า เรื่องพิจารณาที่ 2/2563 และที่ 3/2563 มีประเด็นที่ต้องพิจารณาเป็นประเด็นเดียวกันจึงให้รวมการพิจารณาทั้งสองเรื่องเข้าด้วยกัน
ซึ่งทั้งสองคำร้องเป็นไปตามรัฐธรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) กรณีจึงต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 (1) จึงมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้ร้องทราบและให้ผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ เลขาธิการสภาฯ,นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย, น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ และนายสมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ยื่นคำชี้แจงเป็นหนังสือพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายในวันที่ 4 ก.พ.นี้
ส่วนคำร้องเรื่องพิจารณาที่ 4/2563 กรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์นั้น เมื่อตรวจสอบคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า ประเด็นที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นประเด็นเดียวกันกับเรื่องพิจารณาที่ 3/2563 ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้เสนอความเห็นซ้ำกับเรื่องดังกล่าว จำนวน 30 คน จึงทำให้จำนวน ส.ส.ที่เข้าชื่อเสนอความเห็นตามคำร้องดังกล่าว มีจำนวนไม่ถึงหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา (จำนวน 75 คน) กรณีดังกล่าวจึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 26561 มาตรา 7(1) จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย.
"ง" ให้ทำใจรับ "ไวรัสโคโรนา2019" ระบาดในไทยแน่ ชี้รุนแรงเทียบเท่าไข้หวัดใหญ่
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_1929107
เมื่อวันที่ 29 มกราคม ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาล (รพ.) จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวถึงโรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโรคปอดอักเสบอู่ฮั่น ว่า โรคนี้ระบาดได้อย่างรวดเร็วและมีผู้ป่วยจำนวนมาก ล่าสุดประมาณ 6,000 คน ถือว่ารวดเร็วกว่าโรคซาร์ส (SARS) หลายเท่า และเชื่อว่าโรคนี้จะระบาดขึ้นได้ในประเทศไทย
“ความรุนแรงของโรคน้อยกว่าโรคซาร์ส และโรคเมอร์ส (MERS) อย่างไรก็ตาม ตัวเลขอัตราการเสียชีวิตจะค่อยๆ ลดลงเหมือนการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในปี 2009 และเชื่อว่าอีก 1-2 เดือนจากนี้จะไม่มีการนับจำนวนเช่นเดียวกับการระบาดไข้หวัดใหญ่ และเมื่อโรคดังกล่าวมีความรุนแรงน้อย จึงมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย และยังแพร่กระจายโรคได้จากการเดินทาง จึงทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคได้อย่างรวดเร็ว ขณะนี้มีผู้ป่วยที่ไม่ได้ไปสัมผัสในประเทศจีนเกิดขึ้นในหลายประเทศ เช่น เวียดนาม ญี่ปุ่น เยอรมนี ฯลฯ ดังนั้นก็จะพบได้อีกในหลายประเทศ เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 6 เดือน ก็กระจายไปทั่วโลก
ดังนั้น เราต้องยอมรับความจริง โรคนี้ระบาดแน่ในประเทศไทยและทุกประเทศ แต่ก็ควรมีมาตรการให้ระบาดช้าที่สุด เพื่อรอองค์ความรู้ใหม่ และข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับโรคนี้” ศ.นพ.ยง กล่าว