หากมีวันหยุดไม่มาก แต่อยากไปเที่ยวบ้าง ไปเดินห้างก็เบื่อลองเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งรถไฟเที่ยวมหาชัยแบบเช้าไป บ่ายกลับ สบายๆ
ไม่เหนื่อย...แต่มหาชัยจะมีอะไร ก็แค่เดินตลาด หาของกิน ตามมาครับเดี๋ยวพาไปเที่ยว...
กระทู้นี้รวดเดียวจบนะครับ ไม่สั้นไม่ยาวมาก ถ้ายังไม่มีเวลาอ่าน ดูคลิปด้านล่างนี้ก่อนได้ แต่ถ้ามีเวลาอ่านก็ยาวๆมาเลยครับ
เริ่มต้นที่สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ หากมาด้วยรถไฟฟ้า BTS สามารถลงสถานีวงเวียนใหญ่แล้วเดินมาที่สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่(งงมั้ย)
ได้ ระยะทางประมาณ 700 เมตรแต่ถ้าอยากเก็บแรงไว้ หรือเรียกว่าขี้เกียจนั่นเองก็สามารถเรียกพี่วินใต้สถานี BTS ได้
สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่และเส้นทางรถไฟสายวงเวียนใหญ่มีประวัติมายาวนาน สมัยแรกเริ่มเส้นทางรถไฟสายนี้บริหารงานโดยบริษัทเอกชน
ชื่อ "บริษัท รถไฟท่าจีน ทุนจำกัด" ระยะทางตั้งแต่คลองสานถึงมหาชัย เปิดให้ประชาชนใช้ตั้งแต่ พ.ศ. 2448 เมื่อหมดสัปทานในปี พ.ศ.2488 ก็ขาย
กิจการให้กรมรถไฟ เส้นทางช่วงปากคลองสาน-วงเวียนใหญ่หยุดวิ่งไปตั้งแต่ พ.ศ.2504 ปัจจุบันทางรถไฟช่วงปากคลองสาน-วงเวียนใหญ่ กลายเป็น
ถนนเจริญรัถ แต่ยังมีร่องรอยรางรถไฟอยู่ตรงกลางถนน
จ่ายเงิน 10 บาทแล้วไปกัน ตามแบบฉบับรถไฟหวานเย็นที่นั่งหลังแข็ง ความสะอาดประมาณหนึ่ง และเสียงที่ตัดตั๋วดัง "กิ๊บๆ" หากมาแต่เช้า
การนั่งรถไฟสายนี้ก็ไม่ทรมานมากนัก อากาศเย็นๆ วิวชุมชนข้างทาง รถที่เขย่าเราไปตลอดทางก็ทำให้หนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว
มาถึงมหาชัยสายไป 4 นาทีนับว่าไม่แย่ สถานีรถไฟมหาชัยเป็นสถานีเล็กๆที่อยู่แทบจะกลางตลาดสด หากเป็นรถเที่ยวเช้าจากมหาชัยไป
วงเวียนใหญ่จะได้บรรยากาศการขนของสดขึ้นรถของพ่อค้าแม่ค้า ได้อารมณ์ไปอีกแบบ ภายในสถานีรถไฟมีภาพประวัติของสถานีและเส้นทาง
สายนี้ให้ดูกันนิดหน่อย
ออกมานอกสถานีก็เจอกับตลาดอาหารทะเลทั้งสดและแห้งหรือแบบแปรรูปแล้วก็มี แต่เรายังไม่ซื้ออะไรตอนนี้เพราะยังต้องเดินอีกเยอะ
ไปกันต่อครับ
เริ่มจากการไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเสียก่อนมาเที่ยวบ้านเขาก็ต้องไปลามาไหว้ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองหรือเจ้าพ่อวิเชียรโชติ เป็นสถานที่
ศักดิ์สิทธิ์ทีชาวมหาชัยให้ความเคารพนับถือ ชาวประมงที่จะออกเรือไปหาปลาจะต้องมาทำพิธีสักการะบูชาและจุดประทัดที่หน้าศาลนี้ ด้านหลัง
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเป็นเสาหลักเมืองสมุทรสาคร ซึ่งเป็นเสาหลักเมืองที่สูงที่สุดในประเทศไทยด้วย
ติดกับศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจะเป็นป้อมปราการชื่อ ป้อมวิเชียรโชฎก สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อป้องกันปากแม่น้ำท่าจีน ปัจจุบัน
ยังเหลือกำแพงป้อมกับปืนใหญ่อยู่ แต่รอบข้างคือที่จอดรถเล่นเอาไม่สังเกตแทบมองไม่เห็น เดินเลยไปหน่อยคือวัดป้อมวิเชียรโชติการามหรือ
วัดป้อมเป็นวัดเก่าแก่ที่คาดว่าสร้างมาแล้วประมาณ 200 กว่าปี ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นและตั้งชื่อตามหมู่บ้านในย่านนั้นหรือสร้างพร้อม
กับป้อมปราการริมแม่น้ำชื่อป้อมวิเชียรโชฎก วัดนี้เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของมหาชัยเลยครับ พระอุโบสถหลังใหม่ใหญ่โตมาก เห็นได้แต่ไกล
แต่ว่าวันที่ไปไม่ได้เปิดให้ขึ้นไปข้างบน...เสียดาย
เดินกลับไปที่ท่าเรือพร้อมจะข้ามไปเดินเล่นที่ท่าฉลอมแล้ว จ่ายเงิน 3 บาทแล้วขึ้นเรือได้เลย เรือข้ามฟากท่าฉลอมเป็นการเดินทางไป
ท่าฉลอมจากมหาชัยที่เร็วที่สุด ถึงแม้ว่าท่าฉลอมจะมีถนนรถเข้าถึงแต่ก็ต้องอ้อมไปหลายกิโล และถ้าเดินทางแบบเดินเที่ยวลงเรือดีกว่า
ไม่ถึง 3 นาทีเราก็มาถึงท่าฉลอมกันเรียบร้อย ใครไม่อยากเดินจะใช้บริการสามล้อถีบแบบนี้ก็ได้นะครับ ได้อารมณ์ย้อนอดีตดีแท้ บางคัน
เปิดเพลงลูกกรุงเก่าๆคลอไปด้วย สร้างบรรยากาศได้ดีมาก แต่เราจะเดินไป
ใครมาเที่ยวท่าฉลอม แนะนำให้แวะมาที่นี่ก่อนครับ "บ้านท่าฉลอม" ออกจากท่าเรือข้ามฟากแล้วเลี้ยวขวามาไม่ไกล บ้านท่าฉลอมอายุกว่า 50 ปี
สร้างเมื่อ พ.ศ. 2506 เจ้าของบ้านประกอบอาชีพประมงและขายปลา มีเรือและแพปลา ปัจจุบันเจ้าของเดิมย้ายไปอยู่ที่มหาชัยและได้เปิดบ้านหลังนี้เป็น
ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวและกิจกรรมชุมชนของท่าฉลอม ซึ่งเข้าชมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ภายในมีข้อมูล ประวัติ และอะไรให้ดูเยอะเลย นอกจากนั้นยังมี
จักรยานให้เช่า ของที่ระลึกและหนังสือแผ่นพับข้อมูลเกี่ยวกับท่าฉลอม ซึ่งทำออกมาได้ดีมากๆ บ้านท่าฉลอมปิดทุกวันพุธนะครับ
ก่อนไปกันต่อ...มารู้จักท่าฉลอมกันก่อนครับ ปากแม่น้ำสายนี้แต่ก่อนเป็นที่อาศัยของชาวจีนจำนวนมาก เลยเป็นที่มาของ "ท่าจีน" และเรียก
แม่น้ำสายนี้ว่า "แม่น้ำท่าจีน" ชุมชนท่าจีนขยายไปฝั่งตรงข้ามมีเรือจีนที่เรียกว่า "เรือฉลอม" จอดอยู่มากเลยเรียกฝั่งนี้ว่า "ท่าฉลอม"
ท่าฉลอมเป็นสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย มีบันทึกเหตุการณ์ไว้ว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมี
พระราชดำรัสในวันประชุมเสนาบดี ภายหลังเสด็จประพาสเมืองนครเขื่อนขันธ์ (พระประแดงในปัจจุบัน) ว่า "โสโครกเหมือนตลาดท่าจีน"
(ท่าฉลอมในปัจจุบัน) ทำให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพมีหนังสือตราราชสีห์น้อยถึงผู้ว่าราชกาลเมืองสมุทรสาคร เป็นที่มาของ
การที่ประชาชนและพ่อค้าในตำบลท่าฉลอมร่วมใจกันสละเงินรวมห้าพันกว่าบาท ทำถนนปูอิฐ และทำความสะอาดตำบลท่าฉลอม วันที่ 9 มีนาคม
พ.ศ. 2448 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้ตั้งเป็นสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย และวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2448 ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาเปิดถนนเส้นนี้และพระราชทานนามว่า "ถนนถวาย" และวันที่ 18 มีนาคม ของทุกปีเป็นวัน "ท้องถิ่นไทย"
คู่มือการเที่ยวแนะนำให้ลงทะเบียนรับมาได้เลยไม่มีค่าใช้จ่าย รายละเอียดและแผนที่ภายในเล่มทำออกมาดีมากๆ
จุดหมายต่อไปคือวัดแหลมสุวรรณาราม เดิมชื่อ "วัดหัวบ้าน" เพราะตั้งอยู่ต้นถนนถวาย ไม่แน่ชัดว่าสร้างตั้งแต่เมื่อใด แต่มีหลักฐาน
เกี่ยวกับวัดนี้ในสมัยรัชกาลที่ 3 ภายในวัดมีอุโบสถไม้ศิลปะจีนผสมไทย รอบพระอุโบสถมีพระพุทธรูป 18 องค์เรียกว่า 18 อรหันต์ด้านติด
แม่น้ำมีพระพุทธรูปปางทรมานพญาชมพูบดี ชื่อสมเด็จองค์พระปฐม สมเด็จพระพุทธสิขีจักรพรรดิมุนีสัมพุทธชยันตี องค์พระปฐมที่ท่าฉลอมนี้
เป็นหนึ่งใน 9 องค์ที่สร้างขึ้นทั่วประเทศในพื้ันที่ที่รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาส
ถัดจากวัดแหลมมาหน่อยเป็นสถานีรถไฟบ้านแหลม ปลายทางตลาดร่มหุบแม่กลองยอดฮิตนั่นเอง รถไปสายนี้ประวัติยาวนานคู่กับสาย
ปากคลองสาน-มหาชัยเพราะเกิดในยุคเดียวกัน ใครอยากไปแม่กลองก็สามารถนั่งรถไฟจากวงเวียนใหญ่ ลงเรือ แล้วนั่งรถไฟสายนี้ต่อไป
แม่กลองได้ ถ้านับการจราจรถนนพระราม2ตอนนี้ วิธีนี้เร็วกว่านั่งรถมาเยอะ
[CR] รีวิว...เกาะรถไฟ ไปมหาชัย ทริปเช้าไป เย็นกลับ ได้บุญ ได้ความรู้ ได้อิ่ม ครบเลย
หากมีวันหยุดไม่มาก แต่อยากไปเที่ยวบ้าง ไปเดินห้างก็เบื่อลองเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งรถไฟเที่ยวมหาชัยแบบเช้าไป บ่ายกลับ สบายๆ
ไม่เหนื่อย...แต่มหาชัยจะมีอะไร ก็แค่เดินตลาด หาของกิน ตามมาครับเดี๋ยวพาไปเที่ยว...
กระทู้นี้รวดเดียวจบนะครับ ไม่สั้นไม่ยาวมาก ถ้ายังไม่มีเวลาอ่าน ดูคลิปด้านล่างนี้ก่อนได้ แต่ถ้ามีเวลาอ่านก็ยาวๆมาเลยครับ
เริ่มต้นที่สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ หากมาด้วยรถไฟฟ้า BTS สามารถลงสถานีวงเวียนใหญ่แล้วเดินมาที่สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่(งงมั้ย)
ได้ ระยะทางประมาณ 700 เมตรแต่ถ้าอยากเก็บแรงไว้ หรือเรียกว่าขี้เกียจนั่นเองก็สามารถเรียกพี่วินใต้สถานี BTS ได้
สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่และเส้นทางรถไฟสายวงเวียนใหญ่มีประวัติมายาวนาน สมัยแรกเริ่มเส้นทางรถไฟสายนี้บริหารงานโดยบริษัทเอกชน
ชื่อ "บริษัท รถไฟท่าจีน ทุนจำกัด" ระยะทางตั้งแต่คลองสานถึงมหาชัย เปิดให้ประชาชนใช้ตั้งแต่ พ.ศ. 2448 เมื่อหมดสัปทานในปี พ.ศ.2488 ก็ขาย
กิจการให้กรมรถไฟ เส้นทางช่วงปากคลองสาน-วงเวียนใหญ่หยุดวิ่งไปตั้งแต่ พ.ศ.2504 ปัจจุบันทางรถไฟช่วงปากคลองสาน-วงเวียนใหญ่ กลายเป็น
ถนนเจริญรัถ แต่ยังมีร่องรอยรางรถไฟอยู่ตรงกลางถนน
จ่ายเงิน 10 บาทแล้วไปกัน ตามแบบฉบับรถไฟหวานเย็นที่นั่งหลังแข็ง ความสะอาดประมาณหนึ่ง และเสียงที่ตัดตั๋วดัง "กิ๊บๆ" หากมาแต่เช้า
การนั่งรถไฟสายนี้ก็ไม่ทรมานมากนัก อากาศเย็นๆ วิวชุมชนข้างทาง รถที่เขย่าเราไปตลอดทางก็ทำให้หนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว
มาถึงมหาชัยสายไป 4 นาทีนับว่าไม่แย่ สถานีรถไฟมหาชัยเป็นสถานีเล็กๆที่อยู่แทบจะกลางตลาดสด หากเป็นรถเที่ยวเช้าจากมหาชัยไป
วงเวียนใหญ่จะได้บรรยากาศการขนของสดขึ้นรถของพ่อค้าแม่ค้า ได้อารมณ์ไปอีกแบบ ภายในสถานีรถไฟมีภาพประวัติของสถานีและเส้นทาง
สายนี้ให้ดูกันนิดหน่อย
ออกมานอกสถานีก็เจอกับตลาดอาหารทะเลทั้งสดและแห้งหรือแบบแปรรูปแล้วก็มี แต่เรายังไม่ซื้ออะไรตอนนี้เพราะยังต้องเดินอีกเยอะ
ไปกันต่อครับ
เริ่มจากการไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเสียก่อนมาเที่ยวบ้านเขาก็ต้องไปลามาไหว้ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองหรือเจ้าพ่อวิเชียรโชติ เป็นสถานที่
ศักดิ์สิทธิ์ทีชาวมหาชัยให้ความเคารพนับถือ ชาวประมงที่จะออกเรือไปหาปลาจะต้องมาทำพิธีสักการะบูชาและจุดประทัดที่หน้าศาลนี้ ด้านหลัง
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเป็นเสาหลักเมืองสมุทรสาคร ซึ่งเป็นเสาหลักเมืองที่สูงที่สุดในประเทศไทยด้วย
ติดกับศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจะเป็นป้อมปราการชื่อ ป้อมวิเชียรโชฎก สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อป้องกันปากแม่น้ำท่าจีน ปัจจุบัน
ยังเหลือกำแพงป้อมกับปืนใหญ่อยู่ แต่รอบข้างคือที่จอดรถเล่นเอาไม่สังเกตแทบมองไม่เห็น เดินเลยไปหน่อยคือวัดป้อมวิเชียรโชติการามหรือ
วัดป้อมเป็นวัดเก่าแก่ที่คาดว่าสร้างมาแล้วประมาณ 200 กว่าปี ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นและตั้งชื่อตามหมู่บ้านในย่านนั้นหรือสร้างพร้อม
กับป้อมปราการริมแม่น้ำชื่อป้อมวิเชียรโชฎก วัดนี้เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของมหาชัยเลยครับ พระอุโบสถหลังใหม่ใหญ่โตมาก เห็นได้แต่ไกล
แต่ว่าวันที่ไปไม่ได้เปิดให้ขึ้นไปข้างบน...เสียดาย
เดินกลับไปที่ท่าเรือพร้อมจะข้ามไปเดินเล่นที่ท่าฉลอมแล้ว จ่ายเงิน 3 บาทแล้วขึ้นเรือได้เลย เรือข้ามฟากท่าฉลอมเป็นการเดินทางไป
ท่าฉลอมจากมหาชัยที่เร็วที่สุด ถึงแม้ว่าท่าฉลอมจะมีถนนรถเข้าถึงแต่ก็ต้องอ้อมไปหลายกิโล และถ้าเดินทางแบบเดินเที่ยวลงเรือดีกว่า
ไม่ถึง 3 นาทีเราก็มาถึงท่าฉลอมกันเรียบร้อย ใครไม่อยากเดินจะใช้บริการสามล้อถีบแบบนี้ก็ได้นะครับ ได้อารมณ์ย้อนอดีตดีแท้ บางคัน
เปิดเพลงลูกกรุงเก่าๆคลอไปด้วย สร้างบรรยากาศได้ดีมาก แต่เราจะเดินไป
ใครมาเที่ยวท่าฉลอม แนะนำให้แวะมาที่นี่ก่อนครับ "บ้านท่าฉลอม" ออกจากท่าเรือข้ามฟากแล้วเลี้ยวขวามาไม่ไกล บ้านท่าฉลอมอายุกว่า 50 ปี
สร้างเมื่อ พ.ศ. 2506 เจ้าของบ้านประกอบอาชีพประมงและขายปลา มีเรือและแพปลา ปัจจุบันเจ้าของเดิมย้ายไปอยู่ที่มหาชัยและได้เปิดบ้านหลังนี้เป็น
ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวและกิจกรรมชุมชนของท่าฉลอม ซึ่งเข้าชมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ภายในมีข้อมูล ประวัติ และอะไรให้ดูเยอะเลย นอกจากนั้นยังมี
จักรยานให้เช่า ของที่ระลึกและหนังสือแผ่นพับข้อมูลเกี่ยวกับท่าฉลอม ซึ่งทำออกมาได้ดีมากๆ บ้านท่าฉลอมปิดทุกวันพุธนะครับ
ก่อนไปกันต่อ...มารู้จักท่าฉลอมกันก่อนครับ ปากแม่น้ำสายนี้แต่ก่อนเป็นที่อาศัยของชาวจีนจำนวนมาก เลยเป็นที่มาของ "ท่าจีน" และเรียก
แม่น้ำสายนี้ว่า "แม่น้ำท่าจีน" ชุมชนท่าจีนขยายไปฝั่งตรงข้ามมีเรือจีนที่เรียกว่า "เรือฉลอม" จอดอยู่มากเลยเรียกฝั่งนี้ว่า "ท่าฉลอม"
ท่าฉลอมเป็นสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย มีบันทึกเหตุการณ์ไว้ว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมี
พระราชดำรัสในวันประชุมเสนาบดี ภายหลังเสด็จประพาสเมืองนครเขื่อนขันธ์ (พระประแดงในปัจจุบัน) ว่า "โสโครกเหมือนตลาดท่าจีน"
(ท่าฉลอมในปัจจุบัน) ทำให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพมีหนังสือตราราชสีห์น้อยถึงผู้ว่าราชกาลเมืองสมุทรสาคร เป็นที่มาของ
การที่ประชาชนและพ่อค้าในตำบลท่าฉลอมร่วมใจกันสละเงินรวมห้าพันกว่าบาท ทำถนนปูอิฐ และทำความสะอาดตำบลท่าฉลอม วันที่ 9 มีนาคม
พ.ศ. 2448 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้ตั้งเป็นสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย และวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2448 ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาเปิดถนนเส้นนี้และพระราชทานนามว่า "ถนนถวาย" และวันที่ 18 มีนาคม ของทุกปีเป็นวัน "ท้องถิ่นไทย"
คู่มือการเที่ยวแนะนำให้ลงทะเบียนรับมาได้เลยไม่มีค่าใช้จ่าย รายละเอียดและแผนที่ภายในเล่มทำออกมาดีมากๆ
จุดหมายต่อไปคือวัดแหลมสุวรรณาราม เดิมชื่อ "วัดหัวบ้าน" เพราะตั้งอยู่ต้นถนนถวาย ไม่แน่ชัดว่าสร้างตั้งแต่เมื่อใด แต่มีหลักฐาน
เกี่ยวกับวัดนี้ในสมัยรัชกาลที่ 3 ภายในวัดมีอุโบสถไม้ศิลปะจีนผสมไทย รอบพระอุโบสถมีพระพุทธรูป 18 องค์เรียกว่า 18 อรหันต์ด้านติด
แม่น้ำมีพระพุทธรูปปางทรมานพญาชมพูบดี ชื่อสมเด็จองค์พระปฐม สมเด็จพระพุทธสิขีจักรพรรดิมุนีสัมพุทธชยันตี องค์พระปฐมที่ท่าฉลอมนี้
เป็นหนึ่งใน 9 องค์ที่สร้างขึ้นทั่วประเทศในพื้ันที่ที่รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาส
ถัดจากวัดแหลมมาหน่อยเป็นสถานีรถไฟบ้านแหลม ปลายทางตลาดร่มหุบแม่กลองยอดฮิตนั่นเอง รถไปสายนี้ประวัติยาวนานคู่กับสาย
ปากคลองสาน-มหาชัยเพราะเกิดในยุคเดียวกัน ใครอยากไปแม่กลองก็สามารถนั่งรถไฟจากวงเวียนใหญ่ ลงเรือ แล้วนั่งรถไฟสายนี้ต่อไป
แม่กลองได้ ถ้านับการจราจรถนนพระราม2ตอนนี้ วิธีนี้เร็วกว่านั่งรถมาเยอะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้