สามีฝรั่ง การแบ่งเงิน และพ่อแม่เรา

แต่งงานกับสามีคนอิตาเลี่ยนเมื่อปีที่แล้วคะ ใช้ชีวิตอยู่ที่อิตาลีคะ คือเราต่างทำงานและรายได้เท่าๆกันทั้งคู่ก็เลยตกลงว่าจะเปิดบัญชีร่วมกันไว้เป็นเงินกองกลาง ทุกเดือนจะลงคนละ 20k เป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้าน แล้วอีก 5k เก็บไว้ให้ลูกในอนาคต ทุกอย่างก็จะหาร50-50ตลอด เราก็รู้สึกปกตินะ มีความสุขดี เพราะสามีดูแลเราดีมาก เรารักเค้ามาก แล้วเราจะวางแผนมีลูกปีหน้า ก็ตกลงว่าจะหารค่าตรวจครรภ์กัน (เพราะประเทศนี้ค่าคลอดธรรมชาติฟรี) ก็อยู่มาแบบนี้ ไม่มีปัญหาอะไร คราวนี้พอเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่เรา เค้าก็บอกว่าไม่โอเค บอกว่าสามีเราไม่แมนเลย ทำไมไม่รับผิดชอบให้มันมากกว่านี้ แล้วแม่เราก็ถามว่าการแบ่งสัดส่วนเงินเดือนเรา เราก็บอกไปว่า เงินเดือน 75k ตัดเป็น 25k ใช้ในบ้าน 13k เก็บเผื่อเราคลอดแล้วทำงานไม่ได้(ที่ทำงานไม่มีสวัสดิการ) 12k ให้พ่อแม่ (เหมือนกับทยอยคืนหนี้ที่เรากู้จากพ่อแม่มาเรียนต่อต่างประเทศ) 25k ใช้เป็นเงินส่วนตัวแต่ละเดือน และจ่ายภาษี (ภาษีที่นี้ 25-30%ของเงินเดือน) แล้วเราก็ต้องซื้อตั๋วไปกลับเมืองไทยทุกๆปี แม่เราก็บอกว่าเราแบ่งให้ครอบครัวมากไป แล้วทำไมเวลาจะคลอดไม่ให้สามีดูแล แล้วแม่เราก็ขอเงินที่เราจะให้พ่อแม่เพิ่มได้ไหม แล้วเงินที่จะเก็บเป็นค่าลูก เก็บไว้ทำไม คือเราได้ยินเราก็เจ็บนะ แบบน้ำตาซึมเลย แบบ แค่นี้เราก็ใข้ชีวิตสมถะสุดๆแล้ว ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนอะไรมากกว่านี่ได้แล้ว อันนี้เรายังไม่ได้เก็บเงินเผื่อเกษียณของเราเลย เพราะที่นี่มันไม่มีวัฒนธรรมลูกๆให้เงินพ่อแม่หรอกนะ แล้วแม่เราก็ชอบเราไปเปรียบเทียบกับน้องสาวเราที่อยู่ต่างประเทศเหมือนกัน ว่านางชีวิตดี ส่งเงินเป็นจำนวนมากมาให้ ส่งเงินพาพ่อแม่ไปเที่ยว บลาๆ พอเราเอาเรื่องนี้เล่าให้สามีเราฟัง สามีเราก็เครียดเลย บอกว่าทำไมต้องเอาเงินให้พ่อแม่เรา เพราะที่นี่ การหวังให้ลูกหลาน เอาเงินมาให้เราถือเป็นการล้มเหลวในการเป็นพ่อเป็นแม่ สามีเรากล่าวไว้ แล้วในภายภาคหน้า พอลูกเราโตการเก็บ 5000 ต่อเดือนให้ลูกอาจจะไม่พอ แล้วเราจะเอาตังค์จากไหน แล้วจะให้เค้าจ่ายเยอะกว่า เค้าถามว่าเรารู้ไหมว่าคนยุโรปเค้าเรียกร้องสิทธิสตรีที่เท่าเทียมกับผู้ชาย...(แต่ผู้ชายก็ไม่ได้ท้องป่าววะ) จะให้ผู้ชายจ่ายเงินเดือนให้ผู้หญิงแล้วใช้งานเหมือนผู้หญิงเป็นตุ๊กตาทาส ที่จะทำอะไรก็ได้อย่างงั้นหรา (ปล. ตอนเราแต่งงานพ่อแม่เราก็ไม่ได้ว่าอะไรเรื่องสินสอดเพราะสามีเราไม่ให้) เราแค่อยากจะมาระบาย เรายืมพ่อแม่เรามาประมาณ1.5ล้านบาท เมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้ยูโรตก กลายเป็นว่าเราต้องคือท่านทั้งหมด 1.9ล้าน เราบอกสามี สามีก็ตกใจบอกว่าทำไมไม่บอกก่อนเราแต่งงานกัน เราก็บอกว่าเราไม่ได้ติดหนี้ธนาคาร อันนี้เป็นเงินที่พ่อแม่เราบอก่าถ้ามีก็ค่อยๆทยอยคืน พอจบคืนที่คุยกันนั้น มันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยน กฎการจ่ายเงินก็เหมือนเดิม แต่เราเริ่มรู้สึกว่ายิ้มไม่มีใครรักเราจริงๆเลย ทำไมทุกความสัมพันธ์มันต้องเป็นตัวเลข เรารู้สึกเหนื่อยและหดหู่มาก ขอความคิดเห็นเพื่อนๆด้วยนะคะ ขอบคุณคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ผมคิดว่าในเมื่อครอบครัวคุณบริหารเงินลงตัวชีวิตมีความสุข
ก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องไปฟังคนอื่น แม้แต่พ่อแม่ คุณโตพอที่จะ
วางแผนมีลูก คุณบริหารจัดการชีวิตตัวเองได้แล้ว ฟังไว้เป็นความรู้พอ
พ่อแม่คุณเขาเติบโตอีกสังคมวัฒนธรรมอีกอย่าง คุณน้อยใจที่เขาพูดแบบนี้
เลยพาลทำให้เบื่อสามีหรือยังไง อย่าเอาคำพูดยาพิษของคนรอบข้าง
มาทำให้ชีวิตที่คุณลงตัวโอเคมันแย่ ไม่มีใครชอบเปรียบเทียบ
ขนาดคุณโดนแม่เปรียบเทียบกับน้องสาวคุณยังพาลน้อยใจ
ถ้าคุณเอาระบบเอาคนอื่นมาเปรียบเทียบระบบครอบครัวและสามีคุณ คุณก็เห็นว่าทุกอย่างมันแย่ลง
แต่ละคู่มีวิธีใช้ชีวิต การจัดการต่างกัน

แล้วที่มาถามความเห็นคือต้องการให้สามีจ่ายเพิ่มหรือยังไงครับ?
เห็นท้ายๆมีตัดพ้อ ไม่มีอะไรเปลี่ยน ผู้ชายไม่ได้ท้อง
ความเสมอภาคเท่าเทียมทางร่างกายเขามันช่วยไม่ได้ครับ
เขาถึงมีสิทธิพิเศษลาคลอด ลาดูแลบุตรต่างๆ พยายามเพิ่มสิทธิสตรีไงล่ะ
จะเอาอ้างเพื่ออะไรครับ คิดแบบนี้ยิ่งเจอคนที่มาจากต่างวัฒนธรรม
ที่เขาไม่ได้มีความคิดสปอยส์ผู้หญิงแบบสังคมไทย
มันจะพัฒนากลายเป็น Toxic Relationship มากกว่านี้

เตือนด้วยความหวังดีครับ
ความคิดเห็นที่ 2
จำคำโบราณไว้นะ ความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า คุณเอาทั้งเรื่องในครอบครัวไปเล่าให้แม่ แถมเอาเรื่องแม่พูดมาเล่าให้สามี ทีนี้ ทั้งสองฝ่ายก็ผิดใจกันเเล้ว ทุกอย่างอยู่ที่คุณ การเงินเป็นเรื่องของคุณกับสามีจัดการ คนอื่นไม่มีสิทธิ์ คุณเปิดโอกาสให้คนอื่นมามีความเห็นกับเรื่องในครอบครัวคุณเอง ถ้าคุณยังยอมให้คำพูดคนอื่นมามีอิทธิพลกับชีวิตขนาดนี้ คุณจะไม่พบความสุขทั้งชีวิต
ความคิดเห็นที่ 6
แม่เจ้า มีหนี้ล้านกว่าบาท ไม่บอกสามีก่อนแต่งงานซักคำ

คิดดูถ้ากล้บกันนะ ป่านนี้พ่อแม่คุณยุให้ทิ้งสามีแล้ว

ถึงเป็นหนี้พ่อแม่ แต่ก็นับว่าหนี้เนาะ เพราะเค้าจะเอาคืน ไม่ได้ยกให้

เรื่องรายได้ เรื่องการจัดการเงิน ต้องเอาไปบอกแม่ทำไมคะ กี่ขวบละ โตจนแต่งงานแล้ว

แล้วฝั่งไหนว่ายังไง คุณเล่าหมด มันไม่ได้ แม่พูดอะไรบ้างจะเล่าทำไม

ให้แม่ได้แค่ไหน ก็แค่นั้น จเบอกสามีทำไมว่าแม่จะเอาเพิ่ม

แล้วคุณมีครอบครัวแล้ว มีอะไรให้อยู่ในครอบครัวคุณ คือคุณและสามี เอาไปแจกแจงให้แม่ฟังแบบนี้ ไม่ถูกต้องนะคะ

แล้วอย่าเพิ่งรีบมีลูกนะ เรากลัวใจสามีคุณจริงๆ ตอนนี้เค้าคงคิดหนัก เรื่องหนี้ที่คุณไม่บอก
ความคิดเห็นที่ 7
ผมว่าสามีคุณก็ไม่ได้ดีอะไรมาก ธรรมดาๆ
เรียกร้องสิทธิเท่าเทียมตอนที่มันเป็นประโยชน์กับตัวเอง
favorable equal rights
แต่คุณคงเตรียมใจและเด็ดเดี่ยวตั้งแต่รู้ว่าเค้าไม่ให้สินสอดแล้วมั้ง

สะดวกมากนะ อยู่ยุโรปที่ค่ากินอยู่สูง
มีคนช่วยหารค่าที่พัก with benefits
economy of scale ในยุโรป อยู่คนเดียวแพงกว่าสองคนหารสองอยู่แล้ว
เค้าก็สะดวกของเค้า
ก็ไม่ได้ดีเลิศอะไร
ถ้าตอนนี้เรามีปัญหา เราไม่สะดวกกับเค้าแล้วก็แยกแล้วก็กลับไทย ไม่ต้องเสียดาย แฟร์ๆ
ความคิดเห็นที่ 12
"แต่ผู้ชายก็ไม่ได้ท้องป่าววะ" ถ้าคิดว่าตรงนี้ไม่สมดุลกัน ก็รับลูกบุญธรรมสิครับ ก็ไม่มีปัญหาแล้ว
"บอกว่าสามีเราไม่แมนเลย ทำไมไม่รับผิดชอบให้มันมากกว่านี้" เรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณกับสามี ความเห็นคนอื่นคุณจะไปสนทำไม
"เรื่องสินสอดเพราะสามีเราไม่ให้" คุณแต่งงานกับคนต่างประเทศ ไปใช้ชีวิตต่างประเทศ ควรใช้วัฒนธรรมต่างประเทศ ก็ถูกแล้ว ถ้าแต่งงานอยู่ไทยจะใช้วัฒนธรรมไทยก็ค่อยว่ากัน
"เราก็ต้องซื้อตั๋วไปกลับเมืองไทยทุกๆปี" + "แค่นี้เราก็ใข้ชีวิตสมถะสุดๆแล้ว" บินกลับไทยทุกปีแบบนี้ไม่ได้เรียกว่าสมถะสุดๆแล้วครับ
"13k เก็บเผื่อเราคลอดแล้วทำงานไม่ได้" ทำไมไม่คุยกับสามีล่ะว่า ช่วงนั้นคุณทำงานไม่ได้เพราะเรื่องลูก มันเป็นหน้าที่เขาที่ต้องนำเงินส่วนของเขามาให้คุณ หรือไม่เขาก็ต้องเริ่มเก็บจำนวนเท่าๆกับคุณ เพราะส่วนนี้ก็ถือเป็นส่วนกลางเหมือนกันเพียงแต่คุณเป็นคนเสียสละมาอุ้มท้องและทำงานไม่ได้ "ถ้าเขาแมานพอ" เขาจะเข้าใจทันที
"ทำไมต้องเอาเงินให้พ่อแม่เรา" ก็บอกไปสิครับว่าเงินส่วนของคุณ คุณสองคนก็แบ่งกันครึ่งๆแล้วจะมาก้าวก่ายทำไม
เรื่องคืนเงินค่าเรียน ก็ถามเขาไปตรงๆว่าต้องการเงินก้อนรึป่าว ถ้าต้องการ คุณก็ลองหากู้ยืมธนาคารคืนแล้วก็ไปผ่อนกับธนาคาร จะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้อีก
"เปรียบเทียบกับน้องสาวเราที่อยู่ต่างประเทศเหมือนกัน ว่านางชีวิตดี ส่งเงินเป็นจำนวนมากมาให้ ส่งเงินพาพ่อแม่ไปเที่ยว" ก็บอกพ่อแม่ไปสิครับว่ามีลูกดีลูกเก่งคนเดียวก็น่าจะพอใจได้แล้ว อย่าโลภมากต้องมีสองคน
"ไม่มีใครรักเราจริงๆเลย" คุณรักตัวคุณเองคนเดียวไม่พอเหรอครับ อย่าโลภในเรื่องรัก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่