พาเลาะเจอร์นีย์ Train to Malaysia
A : อยากออกทริปแบบนั่งรถไฟข้ามประเทศสักครั้งนะ
B : น่าสนใจ ว่าแต่ไปไหนกันดี
A : ลองนี่มะ เส้นทางรถไฟสายทรานไซบีเรีย นั่งจากหัวลำโพง เข้าลาว เวียดนาม จีน มองโกเลีย รัสเซีย มอสโคว แล้วเข้ายุโรปไปเลย
B: เข้าท่าแฮะ ว่าแต่นานมะ ถ้าออกทริปแบบนี้จริงๆอะ
A : มีอย่างน้อยเดือนนึงอะ
B : จบกันเราไม่สามารถลางานได้มากขนาดนั้น งั้นต้องรอลาออกสถานเดียว...
หลังจากจบบทสนทนา ดูเหมือนว่าความฝันที่จะนั่งรถไฟข้ามประเทศจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่ๆ แต่หลังจากนั้นเราก็มานั่งปรึกษากันใหม่ เราเจอว่ามันมีอยู่ที่นึง ที่นั่งรถไฟจากหัวลำโพงไปได้ และใช้เวลาเดินทางแค่สี่วัน และนั่นก็เป็นที่มาของทริปนี้ครับ
แผนการเดินทางของทริปนี้ เป็นแผนที่เราเขียนขึ้นก่อนออกเดินทางครับ
และนี่เป็นตารางรถไฟที่จะเดินทางไปยัง ชุมทางหาดใหญ่ได้ เราเลือกขบวน 31 เพราะจะได้ไปทันรถท้องถิ่น ขบวน 947 เพื่อไปปาดังเบซาร์ตอน 07:30 ครับ
เมื่อวางแผนเรียบร้อยแล้ว จองตั๋วรถไฟกันเถอะ
จองตั๋วโรงแรมต่อด้วยเลยครับ เราเลือกที่ Cititel Express คืนละ 1049 บาท ทริปนี้เราเดินทางไปกัน 2 คน อยู่ 2คืน
ตามกำหนดการณ์ รถไฟจะออก 14:45 พวกเราก็มารอที่จุดนัดหมาย ตั้งแต่บ่ายโมงกว่าๆแล้วครับ
ในระหว่างที่รอรถไฟ ก็เดินออกมาหาอะไรกินข้างนอกหัวลำโพงกัน
ทริปนี้พวกเรา ออกเดินทางไปกัน 2 คนครับ เป็นทริปแรกเลยที่เลือกจะนั่งรถไฟข้ามประเทศ ส่วนมากออกแนวกางเตนท์ ขึ้นเขาลุยป่ากัน
และแล้ว เรื่องราวที่แสนจะสนุกสนานก็ได้เกิดขึ้น
เชื่อไหมครับว่า ไม่มีอะไรจะราบรื่นไปซะทุกอย่าง มันต้องมีอะไรสะดุดบ้าง
เราเจอแจ๊คพอต มีเหตุสุดวิสัยรถไฟตกรางอยู่แถวๆ สามเสน บางซื่อ ผลก็คือ รถไฟทุกคัน เสียเวลากันหมดเลย ซวยสิครับ แผนการเดินทางที่วางไว้ มันจะต้องล้มเลิกแล้วถูกเขียนขึ้นมาใหม่ นั่นหมายความว่าเราจะไม่สามารถเดินทางตามแผนที่วางไว้ได้เลย
เจ้าหน้าที่ประกาศเลื่อนเวลา ไปหลายครั้งจำได้ว่าราวๆสามสี่รอบ รอจนเหนื่อย ห้าโมงครึ่งรถไฟพึ่งจะเข้ามาเทียบ
มีน้องคนนึงนั่งรออยู่กับพวกเราน้องจะไปลพบุรีตั้งแต่ก่อนเที่ยง จนป่านนี้สี่ห้าชั่วโมงน้องยังไม่ได้ไป น้องบอกว่าโทรศัพท์แบตหมด มีพาวเวอร์แบงค์แต่ไม่มีสายชารจ์ ผมเลยตัดสินใจให้สายชาร์จไปเส้นนึง
สรุปเราล่าช้าไป 3 ชั่วโมง กว่ารถไฟจะออกก็เวลา 17:45 รอกันเหนื่อยเลย
ในทริปนี้ เราแลกเงินเพื่อไปใช้ที่มาเลเซีย อัตราการแลกเปลี่ยนเงินครั้งนั้นอยู่ที่ 7.4 บาท ต่อ 1 ริงกิต เราแลกไปทั้งหมดประมาณ 2000 บาท ได้มา 270 ริงกิต (ต่อคน)
รถไฟที่เราเลือกเดินทางคือรถไฟขบวน 31 ทักษิณา จริงๆแล้วมันมีอีกคันนึงนะครับที่ไปถึงปาดังเบซาร์เลยคือขบวน 45 แต่เราเลือกคันนี้เพราะเราอยากใช้ไฟฟ้าไว้ชาร์จแบต ชาร์จกล้อง ชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ
ตอนแรกปิดม่านว่าจะนอน เฮ้ยเดี๋ยวก่อนรถวิ่ง 10 ชั่วโมงเลยนะไปหาไรกินกันก่อนเลยตู้สเบียงจะปิด 4 ทุ่ม
อาหารของเราค่ำคืนนี้ กินข้าวเย็นเสร็จกลับมาต้องรีบนอนครับ
ต่อด้วยกาแฟ มารอลุ้นดูว่าพรุ่งนี้จะถึงกี่โมง ตู้สเบียงนี่ได้อารมณ์เดียวกับเซเว่นเลย
นอนไปสะดุ้งไป แอบตื่นมาดูจอแสดงผลบ่อยๆ แล้วมานั่งเทียบกับเวลาที่ล่าช้าไป ว่าเร็วขึ้นบ้างมั๊ย แต่ก็ ไม่เลย
ยังช้า 3 ชั่วโมงอยู่ดี
ผ่านไป 10 ชั่วโมง ลุกขึ้นมาอีกที เจอวิวทิวทัศน์ข้างทาง เอ้อค่อยยังชั่วรู้สึกดีขึ้นมานิด แต่ เวลานี้เราควรถึงปลายทางแล้วนะ
08:10 เสียงประกาศ ที่นี่สถานีพัทลุง ที่นี่สถานีพัทลุง... และเพลงนี้ก็ลอยขึ้นมาในหัวทันที.... มีลังหนึ่งใบ ใส่ความหวังไว้เต็มลัง...
09:28 เช้าแล้ว ไม่ใช่สิ สายแล้ว แดดเริ่มส่อง ผู้โดยสารตื่นกันหมด ถึงตอนนี้เรารู้แน่ๆแล้วว่า แผนพังแล้วค่อนข้างแน่นอนเอาใหม่ เราต้องวางแผนกันใหม่
9:40 รถไฟเข้าจอดที่สถานีชุมทางหาดใหญ่ปุ๊บ ลงรถได้พวกเรารีบวิ่งไปหาเจ้าหน้าที่ก่อนเลยครับ เผื่อมีแอบลุ้นหวังว่า จะมีรถเหลือๆ สักคันให้เรานั่งไปปาดังเบซาร์ได้บ้างไหม
10:10 คำตอบที่ได้ครับ ไม่เหลือแล้วครับ มาอีกทีตอนบ่ายอย่างเดียว แผนการพังหมด ต้องเริ่มวางกันใหม่
เวลาที่เหลือตั้ง 4 ชั่วโมงเราจะทำยังไงกันดี งั้นเอางี้เดินไปหาไรกินก่อน ค่อยคิดแผนใหม่ละกัน
ระหว่างที่เดินหาของกินไป เราก็ปรึกษากันเรื่องการเดินทาง มีตัวเลือกนึงถูกยกขึ้นมาถกกัน คือ เราจะเลือกนั่งรถตู้แทนไหม เพราะมันจะไปได้เลยไม่ต้องรอนานมากขนาดนี้ เราคิดรอบด้าน คิดภาพรวมทุกอย่าง สรุปแล้วรถตู้จะเร็วกว่านิดเดียว และผิดคอนเซ็ปต์เราด้วย ซึ่งเราต้องนั่งรถไฟข้ามประเทศ
โอเค เรามีความเห็นตรงกันว่า ยังไงเราก็ยืนยันที่จะนั่งรถไฟ รอนานช่างมัน แผนเที่ยววันแรกทิ้งไปก่อน ค่อยไปหาทางเสียบเข้ากับวันหลัง ป่ะ ไปหาข้าวกินกันเถอะ..
ผลสรุป เอา Top Supermarket นี่แหละไกล้ดี ซื้อเครื่องดื่มง่ายๆ ด้วย
11:00 เนื่องจากเวลาเหลือเยอะมากเกิน เราเลยเลือกที่จะนั่งหาไรกินอยู่ที่ Top หาเครื่องดื่มเย็นๆมานั่งจิบรอเวลา และไปนั่งร้านกาแฟไกล้ๆ
ร้านนี้บริการดีนะ ใส่ใจลูกค้าดี ให้ผ่านๆ
กินไปนั่งไปจนได้เวลา บ่ายโมง เราก็กลับไปที่สถานีรถไฟเพื่อไปรอขึ้นรถไปปาดังเบซาร์ รถที่เราจะไป ออกอีกทีบ่ายสองนู่นเลย เอาวะ รอชั่วโมงเดียว
13:09 ระหว่างที่รอรถออก เฮ้ หันมาดูทางนี้สิคันนี้(37/45)พึ่งจะมา โหดกว่าเราอีก คันนี้คือรถที่จะไปสุไหงโกลก ล่าช้า 5 ชั่วโมง ของเราแค่ 3 ชั่วโมง เราชนะ 5555
หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ขบวน 949 คันนี้แหละครับที่เราจะใช้เดินทาง
14:00 รถออกเวลาตรงเป๊ะ ดีใจที่สุดๆ เวลาในตั๋วโดยสาร จากต้นทางถึงปลายทางก็ราวๆ 50 นาที
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงสถานีปาดังเบซาร์ สถานีปาดังเบซ่ร์จะมี 2 ฝั่งคือฝั่งไทยและฝั่งมาเลเซีย และรถไฟของพวกเราก็วิ่งเลยมาจอดที่ฝั่งมาเลเซียครับ
14:50 นาทีเราเดินทางมาถึงแต่ว่า เวลาฝั่งมาเลเซียจะต้องบวกจากเราไปอีก 1 ชั่วโมง ดังนั้นเวลาที่โชว์จะเป็น 15:50 นาที
ขั้นตอนต่อไป เราต้องเข้าไปตรวจพาสปอร์ต ซึ่งตอนนี้ถ่ายรูปไม่ได้นะครับ
15:22 เวลามาเลย์เซีย โอเค ผ่านฉลุยไม่ติดปัญหาอะไรต่อไปก็ไปซื้อตั๋วรถไฟที่จะไปสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ ราคาตั๋วโดยสารอยู่ที่ 11.4 ริงกิต(ประมาณ 75 บาท) จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารจะอยู่ชั้นบน
ตารางรถไฟฟ้า KTM ที่เราจะใช้เดินทางจากปาดังเบซาร์ไปบัตเตอร์เวิร์ธครับ
https://www.train36.com/padang-besar-to-butterworth-komuter-train.html
เราอยู่ในขั้นตอนการผ่านการตรวจพาสปอร์ต พอสมควร ซึ่งตอนแรกคิดว่าจะรถคันที่ออกเวลา 16:25 แต่ว่าไม่ทันครับเราเลยต้องไปคันที่ออก 17:25 แทน รอยาวๆไป ฝนตกปรอยๆ ด้วย
รถมาละครับตรงเวลา เราเริ่มออกเดินทางจากสถานีปาดังเบซาร์เพื่อไปสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ ระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางก็เกือบๆ 2 ชั่วโมง
รถไฟฟ้าที่นี่คล้ายๆกับรถไฟฟ้าบ้านเราเลยใช้ไฟจ่ายผ่าน OCL 25kv แบบเดียวกับ Airport Link เท่าที่ผมสังเกต จะวิ่งความเร็วราวๆ 120-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รถมาละครับตรงเวลา เราเริ่มออกเดินทางจากสถานีปาดังเบซาร์เพื่อไปสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ ระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางก็เกือบๆ 2 ชั่วโมง
รถไฟฟ้าที่นี่คล้ายๆกับรถไฟฟ้าบ้านเราเลยใช้ไฟจ่ายผ่าน OCL 25kv แบบเดียวกับ Airport Link เท่าที่ผมสังเกต จะวิ่งความเร็วราวๆ 120-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อ้อลืมบอก เรามีเพื่อนร่วมทางด้วยนะ น้องจัสมิน จริงๆไม่ได้มาด้วยกันหรอก แต่เรามาเจอน้องที่สถานีรถไฟ น้องมาเที่ยวคนเดียว ภาษาอังกฤษน้องดีมาก ก็เลยถือโอกาสชวนน้องไปพร้อมกันเลย
เห็นรถไฟบ้านเขาแล้ว ผมอยากให้บ้านเราสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงไวๆ จัง
หนทางยาวไกล รอยาวๆไป เส้นทางที่รถไฟวิ่ง ส่วนมากแล้วรอบๆนั้นจะเป็นทุ่งนาซะเป็นส่วนใหญ่ อารมณ์แบบนั่งรถไฟฟ้าวิ่งผ่านทุ่งนา เสียดายที่มันเปิดหน้าต่างไม่ได้เนอะ ไม่งั้นจะชะโงกหน้าออกมาท้าลมซะหน่อย
รถมาจอด สุดสถานีที่บัตเตอร์เวิร์ธครับ
ในที่สุดก็ถึงซะที ขณะนี้เป็นเวลา 19:20 ทุ่มแล้วแต่ฟ้ายังสว่างอยู่เลย เป้าหมายต่อไปคือ ต้องไปต่อเรือครับ
จากสถานีรถไฟไปเรือเฟอร์รี่ไม่ไกลครับ เดินราวๆ 5 นาทีก็ถึงละ มีป้ายบอกตลอดทางไม่ต้องกลัวหลง
เดินมาถึงปุ๊บก็จะมีจุดที่จำหน่ายตั๋วโดยสารครับ ค่าโดยสารอยู่ที่ 1.2 ริงกิต (ประมาณ 9 บาทไทย)
ตั๋วโดยสา
ทริปนั่งรถไฟข้ามประเทศ หัวลำโพง-บัตเตอร์เวิร์ธ-ปีนัง ประเทศมาเลเซีย งบประมาณ 5,500 บาท
A : อยากออกทริปแบบนั่งรถไฟข้ามประเทศสักครั้งนะ
B : น่าสนใจ ว่าแต่ไปไหนกันดี
A : ลองนี่มะ เส้นทางรถไฟสายทรานไซบีเรีย นั่งจากหัวลำโพง เข้าลาว เวียดนาม จีน มองโกเลีย รัสเซีย มอสโคว แล้วเข้ายุโรปไปเลย
B: เข้าท่าแฮะ ว่าแต่นานมะ ถ้าออกทริปแบบนี้จริงๆอะ
A : มีอย่างน้อยเดือนนึงอะ
B : จบกันเราไม่สามารถลางานได้มากขนาดนั้น งั้นต้องรอลาออกสถานเดียว...
หลังจากจบบทสนทนา ดูเหมือนว่าความฝันที่จะนั่งรถไฟข้ามประเทศจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่ๆ แต่หลังจากนั้นเราก็มานั่งปรึกษากันใหม่ เราเจอว่ามันมีอยู่ที่นึง ที่นั่งรถไฟจากหัวลำโพงไปได้ และใช้เวลาเดินทางแค่สี่วัน และนั่นก็เป็นที่มาของทริปนี้ครับ
แผนการเดินทางของทริปนี้ เป็นแผนที่เราเขียนขึ้นก่อนออกเดินทางครับ
และนี่เป็นตารางรถไฟที่จะเดินทางไปยัง ชุมทางหาดใหญ่ได้ เราเลือกขบวน 31 เพราะจะได้ไปทันรถท้องถิ่น ขบวน 947 เพื่อไปปาดังเบซาร์ตอน 07:30 ครับ
เมื่อวางแผนเรียบร้อยแล้ว จองตั๋วรถไฟกันเถอะ
จองตั๋วโรงแรมต่อด้วยเลยครับ เราเลือกที่ Cititel Express คืนละ 1049 บาท ทริปนี้เราเดินทางไปกัน 2 คน อยู่ 2คืน
ตามกำหนดการณ์ รถไฟจะออก 14:45 พวกเราก็มารอที่จุดนัดหมาย ตั้งแต่บ่ายโมงกว่าๆแล้วครับ
ในระหว่างที่รอรถไฟ ก็เดินออกมาหาอะไรกินข้างนอกหัวลำโพงกัน
ทริปนี้พวกเรา ออกเดินทางไปกัน 2 คนครับ เป็นทริปแรกเลยที่เลือกจะนั่งรถไฟข้ามประเทศ ส่วนมากออกแนวกางเตนท์ ขึ้นเขาลุยป่ากัน
และแล้ว เรื่องราวที่แสนจะสนุกสนานก็ได้เกิดขึ้น
เชื่อไหมครับว่า ไม่มีอะไรจะราบรื่นไปซะทุกอย่าง มันต้องมีอะไรสะดุดบ้าง
เราเจอแจ๊คพอต มีเหตุสุดวิสัยรถไฟตกรางอยู่แถวๆ สามเสน บางซื่อ ผลก็คือ รถไฟทุกคัน เสียเวลากันหมดเลย ซวยสิครับ แผนการเดินทางที่วางไว้ มันจะต้องล้มเลิกแล้วถูกเขียนขึ้นมาใหม่ นั่นหมายความว่าเราจะไม่สามารถเดินทางตามแผนที่วางไว้ได้เลย
เจ้าหน้าที่ประกาศเลื่อนเวลา ไปหลายครั้งจำได้ว่าราวๆสามสี่รอบ รอจนเหนื่อย ห้าโมงครึ่งรถไฟพึ่งจะเข้ามาเทียบ
มีน้องคนนึงนั่งรออยู่กับพวกเราน้องจะไปลพบุรีตั้งแต่ก่อนเที่ยง จนป่านนี้สี่ห้าชั่วโมงน้องยังไม่ได้ไป น้องบอกว่าโทรศัพท์แบตหมด มีพาวเวอร์แบงค์แต่ไม่มีสายชารจ์ ผมเลยตัดสินใจให้สายชาร์จไปเส้นนึง
สรุปเราล่าช้าไป 3 ชั่วโมง กว่ารถไฟจะออกก็เวลา 17:45 รอกันเหนื่อยเลย
ในทริปนี้ เราแลกเงินเพื่อไปใช้ที่มาเลเซีย อัตราการแลกเปลี่ยนเงินครั้งนั้นอยู่ที่ 7.4 บาท ต่อ 1 ริงกิต เราแลกไปทั้งหมดประมาณ 2000 บาท ได้มา 270 ริงกิต (ต่อคน)
รถไฟที่เราเลือกเดินทางคือรถไฟขบวน 31 ทักษิณา จริงๆแล้วมันมีอีกคันนึงนะครับที่ไปถึงปาดังเบซาร์เลยคือขบวน 45 แต่เราเลือกคันนี้เพราะเราอยากใช้ไฟฟ้าไว้ชาร์จแบต ชาร์จกล้อง ชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ
ตอนแรกปิดม่านว่าจะนอน เฮ้ยเดี๋ยวก่อนรถวิ่ง 10 ชั่วโมงเลยนะไปหาไรกินกันก่อนเลยตู้สเบียงจะปิด 4 ทุ่ม
อาหารของเราค่ำคืนนี้ กินข้าวเย็นเสร็จกลับมาต้องรีบนอนครับ
ต่อด้วยกาแฟ มารอลุ้นดูว่าพรุ่งนี้จะถึงกี่โมง ตู้สเบียงนี่ได้อารมณ์เดียวกับเซเว่นเลย
นอนไปสะดุ้งไป แอบตื่นมาดูจอแสดงผลบ่อยๆ แล้วมานั่งเทียบกับเวลาที่ล่าช้าไป ว่าเร็วขึ้นบ้างมั๊ย แต่ก็ ไม่เลย
ยังช้า 3 ชั่วโมงอยู่ดี
ผ่านไป 10 ชั่วโมง ลุกขึ้นมาอีกที เจอวิวทิวทัศน์ข้างทาง เอ้อค่อยยังชั่วรู้สึกดีขึ้นมานิด แต่ เวลานี้เราควรถึงปลายทางแล้วนะ
08:10 เสียงประกาศ ที่นี่สถานีพัทลุง ที่นี่สถานีพัทลุง... และเพลงนี้ก็ลอยขึ้นมาในหัวทันที.... มีลังหนึ่งใบ ใส่ความหวังไว้เต็มลัง...
09:28 เช้าแล้ว ไม่ใช่สิ สายแล้ว แดดเริ่มส่อง ผู้โดยสารตื่นกันหมด ถึงตอนนี้เรารู้แน่ๆแล้วว่า แผนพังแล้วค่อนข้างแน่นอนเอาใหม่ เราต้องวางแผนกันใหม่
9:40 รถไฟเข้าจอดที่สถานีชุมทางหาดใหญ่ปุ๊บ ลงรถได้พวกเรารีบวิ่งไปหาเจ้าหน้าที่ก่อนเลยครับ เผื่อมีแอบลุ้นหวังว่า จะมีรถเหลือๆ สักคันให้เรานั่งไปปาดังเบซาร์ได้บ้างไหม
10:10 คำตอบที่ได้ครับ ไม่เหลือแล้วครับ มาอีกทีตอนบ่ายอย่างเดียว แผนการพังหมด ต้องเริ่มวางกันใหม่
เวลาที่เหลือตั้ง 4 ชั่วโมงเราจะทำยังไงกันดี งั้นเอางี้เดินไปหาไรกินก่อน ค่อยคิดแผนใหม่ละกัน
ระหว่างที่เดินหาของกินไป เราก็ปรึกษากันเรื่องการเดินทาง มีตัวเลือกนึงถูกยกขึ้นมาถกกัน คือ เราจะเลือกนั่งรถตู้แทนไหม เพราะมันจะไปได้เลยไม่ต้องรอนานมากขนาดนี้ เราคิดรอบด้าน คิดภาพรวมทุกอย่าง สรุปแล้วรถตู้จะเร็วกว่านิดเดียว และผิดคอนเซ็ปต์เราด้วย ซึ่งเราต้องนั่งรถไฟข้ามประเทศ
โอเค เรามีความเห็นตรงกันว่า ยังไงเราก็ยืนยันที่จะนั่งรถไฟ รอนานช่างมัน แผนเที่ยววันแรกทิ้งไปก่อน ค่อยไปหาทางเสียบเข้ากับวันหลัง ป่ะ ไปหาข้าวกินกันเถอะ..
ผลสรุป เอา Top Supermarket นี่แหละไกล้ดี ซื้อเครื่องดื่มง่ายๆ ด้วย
11:00 เนื่องจากเวลาเหลือเยอะมากเกิน เราเลยเลือกที่จะนั่งหาไรกินอยู่ที่ Top หาเครื่องดื่มเย็นๆมานั่งจิบรอเวลา และไปนั่งร้านกาแฟไกล้ๆ
ร้านนี้บริการดีนะ ใส่ใจลูกค้าดี ให้ผ่านๆ
กินไปนั่งไปจนได้เวลา บ่ายโมง เราก็กลับไปที่สถานีรถไฟเพื่อไปรอขึ้นรถไปปาดังเบซาร์ รถที่เราจะไป ออกอีกทีบ่ายสองนู่นเลย เอาวะ รอชั่วโมงเดียว
13:09 ระหว่างที่รอรถออก เฮ้ หันมาดูทางนี้สิคันนี้(37/45)พึ่งจะมา โหดกว่าเราอีก คันนี้คือรถที่จะไปสุไหงโกลก ล่าช้า 5 ชั่วโมง ของเราแค่ 3 ชั่วโมง เราชนะ 5555
หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ขบวน 949 คันนี้แหละครับที่เราจะใช้เดินทาง
14:00 รถออกเวลาตรงเป๊ะ ดีใจที่สุดๆ เวลาในตั๋วโดยสาร จากต้นทางถึงปลายทางก็ราวๆ 50 นาที
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงสถานีปาดังเบซาร์ สถานีปาดังเบซ่ร์จะมี 2 ฝั่งคือฝั่งไทยและฝั่งมาเลเซีย และรถไฟของพวกเราก็วิ่งเลยมาจอดที่ฝั่งมาเลเซียครับ
14:50 นาทีเราเดินทางมาถึงแต่ว่า เวลาฝั่งมาเลเซียจะต้องบวกจากเราไปอีก 1 ชั่วโมง ดังนั้นเวลาที่โชว์จะเป็น 15:50 นาที
ขั้นตอนต่อไป เราต้องเข้าไปตรวจพาสปอร์ต ซึ่งตอนนี้ถ่ายรูปไม่ได้นะครับ
15:22 เวลามาเลย์เซีย โอเค ผ่านฉลุยไม่ติดปัญหาอะไรต่อไปก็ไปซื้อตั๋วรถไฟที่จะไปสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ ราคาตั๋วโดยสารอยู่ที่ 11.4 ริงกิต(ประมาณ 75 บาท) จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารจะอยู่ชั้นบน
ตารางรถไฟฟ้า KTM ที่เราจะใช้เดินทางจากปาดังเบซาร์ไปบัตเตอร์เวิร์ธครับ
https://www.train36.com/padang-besar-to-butterworth-komuter-train.html
เราอยู่ในขั้นตอนการผ่านการตรวจพาสปอร์ต พอสมควร ซึ่งตอนแรกคิดว่าจะรถคันที่ออกเวลา 16:25 แต่ว่าไม่ทันครับเราเลยต้องไปคันที่ออก 17:25 แทน รอยาวๆไป ฝนตกปรอยๆ ด้วย
รถมาละครับตรงเวลา เราเริ่มออกเดินทางจากสถานีปาดังเบซาร์เพื่อไปสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ ระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางก็เกือบๆ 2 ชั่วโมง
รถไฟฟ้าที่นี่คล้ายๆกับรถไฟฟ้าบ้านเราเลยใช้ไฟจ่ายผ่าน OCL 25kv แบบเดียวกับ Airport Link เท่าที่ผมสังเกต จะวิ่งความเร็วราวๆ 120-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รถมาละครับตรงเวลา เราเริ่มออกเดินทางจากสถานีปาดังเบซาร์เพื่อไปสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ ระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางก็เกือบๆ 2 ชั่วโมง
รถไฟฟ้าที่นี่คล้ายๆกับรถไฟฟ้าบ้านเราเลยใช้ไฟจ่ายผ่าน OCL 25kv แบบเดียวกับ Airport Link เท่าที่ผมสังเกต จะวิ่งความเร็วราวๆ 120-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อ้อลืมบอก เรามีเพื่อนร่วมทางด้วยนะ น้องจัสมิน จริงๆไม่ได้มาด้วยกันหรอก แต่เรามาเจอน้องที่สถานีรถไฟ น้องมาเที่ยวคนเดียว ภาษาอังกฤษน้องดีมาก ก็เลยถือโอกาสชวนน้องไปพร้อมกันเลย
เห็นรถไฟบ้านเขาแล้ว ผมอยากให้บ้านเราสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงไวๆ จัง
หนทางยาวไกล รอยาวๆไป เส้นทางที่รถไฟวิ่ง ส่วนมากแล้วรอบๆนั้นจะเป็นทุ่งนาซะเป็นส่วนใหญ่ อารมณ์แบบนั่งรถไฟฟ้าวิ่งผ่านทุ่งนา เสียดายที่มันเปิดหน้าต่างไม่ได้เนอะ ไม่งั้นจะชะโงกหน้าออกมาท้าลมซะหน่อย
รถมาจอด สุดสถานีที่บัตเตอร์เวิร์ธครับ
ในที่สุดก็ถึงซะที ขณะนี้เป็นเวลา 19:20 ทุ่มแล้วแต่ฟ้ายังสว่างอยู่เลย เป้าหมายต่อไปคือ ต้องไปต่อเรือครับ
จากสถานีรถไฟไปเรือเฟอร์รี่ไม่ไกลครับ เดินราวๆ 5 นาทีก็ถึงละ มีป้ายบอกตลอดทางไม่ต้องกลัวหลง
เดินมาถึงปุ๊บก็จะมีจุดที่จำหน่ายตั๋วโดยสารครับ ค่าโดยสารอยู่ที่ 1.2 ริงกิต (ประมาณ 9 บาทไทย)
ตั๋วโดยสา