(กระทู้พลีชีพ) เมื่อเค้าเม้าท์กันแรง “ต้องศัลยกรรมหนักมากแน่ๆ” พามาดูวิวัฒนาการต้าวอ้วนขี้เหร่ในวันนั้น กลายมาเป็นนางฟ้าติดปีก(หลายสาย)ในวันนี้
เกริ่นและออกตัวก่อนเลยว่า กระทู้นี้จริงๆ ก็ตั้งใจจะทำตั้งนานแล้ว เวลาเพื่อนแท็กรูปมาในเฟสบุ๊คแต่ละครา ก็บอกเพื่อนตลอดว่า เจอแน่ เจอกันแน่กระทู้พลีชีพ มั่นใจในความมาไกลหลายกิโลของตัวเอง บวกกับมีหลายเหตุการณ์ที่ต้องทำให้ตัวเองมาเปิดรูปตอนมัธยมและมหาลัยดู ว่าเห้ย อะไรมันจะขนาดนั้นเลยเหรอ ล่าสุดกลับบ้านไปงานแต่งเพื่อนที่ต่างจังหวัด เพื่อนและรุ่นน้องมัธยมแทบจำไม่ได้ คำแรกที่เพื่อนและรุ่นน้องทักคือ ทิพย์ไปทำอะไรมา เปลี่ยนไปมาก ดูดีขึ้นจริงๆ เจอเพื่อนมหาลัย ก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ยังบอกอีกว่า นี่ยังพูดกันในกลุ่มอยู่เลย ว่าเธอเปลี่ยนไปมาก ผอมลง หน้าเปลี่ยน และที่อึ้งเบาๆ มีคนฝากถามคนรู้จักมาว่า ฝากถามหน่อย ศัลยกรรมเยอะมั้ย ทำที่ไหนบลาๆ มากไปกว่านั้น รุ่นน้องที่เคยทำงานด้วยทักในแชทมาบอกว่า เฟสขึ้นรูปเตือน เมื่อ 6 ปีก่อน แต่หนูไม่กล้าแท็กพี่เลยมาทักในนี้ ทำยังไงคะพี่ เปลี่ยนไปมากเลย บอกหน่อยๆ
คือทั้งหมดที่เล่ามา เราไม่ได้คิดว่าเราสวยสุด อวดสุด ตัวลอย เดินเท้าไม่แตะพื้นนะ ไม่ได้คิดว่าตัวเองสวยอะไรมากมาย แต่ยอมรับว่าเปลี่ยนไปเยอะพอสมควร เลยอยากมาเขียนแบ่งปันประสบการณ์
เมื่อปีก่อน เค้าก็มี Challenge เปรียบเทียบปีกัน ก็เล่นกับเค้าด้วย ทำเอา เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ อึ่ง ทึ่ง เสียว ไปตามๆกันค่ะ ฮ่าาาาา
แต่ที่มาเขียนในช่วงนี้ มันมีเหตุผลหลายอย่าง ช่วงปลายปีก็อยากเป็นแรงบันดาลใจให้คนอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองรับปีใหม่ และส่วนตัวเป็นช่วงปีที่รู้สึกพีคกับหลายๆ เรื่อง ใครก็บอกกันว่าเบญจเพศเกิดตอนอายุ 25 ม่ายจริง ปีนี้นี่ละ 28 เบญจเพศแน่ๆ แม่ เรื่องราวก็คงเริ่มตั้งแต่ปลายปีก่อนจนข้ามคืนปีใหม่ปีที่แล้ว เค้าสวดมนต์ข้ามปี ดิฉันอกหักข้ามปี เปิดปี2019 อย่างสวยงาม และตลอดปีที่ผ่านมาถือว่าปัญหามาครบจบที่เดียว ที่ดิฉัน! ทั้งเรื่องงาน เรื่องครอบครัว เรื่องสุขภาพ และการติดขัดในหลายๆ เรื่อง มันเพราะอะไรน้าาา ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
ดังนั้น ไม่ค่ะ อิฉันจะไม่ยอมเริ่มปีนี้แบบพังๆ เหมือนปีก่อนเด็ดขาดดดด เราเลยอยากจบปี2019และเริ่มอะไรใหม่ๆ ด้วยอะไรดีดี มันไม่มีอะไรเหมาะไปกว่าการรีวิวการเปลี่ยนแปลงตัวเองในช่วงเวลานี้แล้วล่ะ มันคือการแบ่งปัน เรื่องราว ฮาวทู เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ เหมือนการที่เราทำอะไรเพื่อคนอื่น และรู้สึกว่าเรามีค่าต่อใครสักคน เราคิดว่าเจตนาของเราที่อยากเขียนมันไม่ใช่เพราะคำว่า “ไม่อยากเริ่มปีนี้แบบพังๆ” ซึ่งเป็นการสนองความต้องการของตัวเองก็จริง แต่เจตนาจริงๆ ของเราคือเมื่อก่อน บอกเลยว่าเปิดกระทู้ พลีชีพในพันทิปเยอะมาก ดูแล้วมีแรงฮึบ มีกำลังใจ มันก็แอบคิดว่าถ้าวันนึง เราเปลี่ยนแปลงตัวเองจนตัวเองพอใจในการเปลี่ยนแปลงระดับนึง แล้ววันนึงเรากลายเป็นคนที่ไปให้กำลังใจคนอื่น ถึงแม้ว่าจะมีแค่คนๆ เดียว อ่านที่เราเขียน แต่ถ้าเค้าได้แรงบันดาลใจ เกิดแรงฮึบเหมือนเราในวันนั้น เราก็ดีใจ ดีใจจริงๆ นี่คือที่มาที่ไป ของกระทู้นี้ ยาววมากแม่กว่าจะเข้าเรื่อง
จริงๆ ก็ไม่ได้อยากเอาเรื่องการสมัครแอร์มาผูกกับการเปลี่ยนแปลงตัวเองในกระทู้นี้เท่าใหร่ เพราะถ้าให้เล่า เรื่องการสมัครทำงานในสายนี้ด้วย คิดว่ากระทู้คงต้องอ่านกันข้ามวันข้ามคืนแน่ๆ ค่ะ แต่ถามว่าการสมัครแอร์ ทำให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองชัดเจนมั้ยก็ต้องตอบว่า "ใช่" ถ้าดูจากรูป อยากบอกว่าเธอมาไกลเหลือเกิน ไกลจนไม่แปลกใจว่า คนรอบข้างก็ตกใจเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
ก่อนที่มีความคิดอยากสมัครแอร์จริงๆ จังๆ บอกก่อนว่า ตัวน้องนั้น ตั้งแต่มัธยมเป็นหญิงสาวที่ไม่รู้จักคำว่าดูแลตัวเองค่ะ ปล่อยไปตามธรรมชาติ(ลงโทษ) แล้วดั้นนนดันอยู่ในกลุ่มแก๊งคนสวยด้วยสิ ถึงขั้นเคยมีเพื่อนกลุ่มอื่น มากระซิบว่าเนี่ยในกลุ่ม เราไม่สวยสุด คิดดูๆๆๆ โถวว มันช่างใจร้ายเหลือเกิน มันคือการbullyมั้ยย ถ้าสมัยนี้ก็อาจจะประมาณนั้น แต่เอาจริงๆ ตอนนั้น ดิฉันไม่คิดอะไรเลย ยอมรับค่ะ ไม่ติดใจด้วยน้า เพราะเพื่อนที่พูดในวันนั้นก็เป็นเพื่อนที่ดีในวันนี้ คือเด็กไง เมื่อก่อนไม่ได้คิดอะไรมากหรอก และตัวคนโดนว่าก็ไม่ได้คิดอะไรด้วย ความสวยคืออะไรดิฉันยังไม่ค่อยรู้จักเลย
ลามมาถึง ตอนมหาลัย ในขณะที่เพื่อนๆก็เริ่มแต่งองค์ทรงเครื่องกันแล้ว ดิฉันทำเป็นแค่ทาแป้งกับ กรีดอายไลน์เนอร์ตอนนั้นก็กิ๊บเก๋ยูเรก้าละค่ะ ตัวนี่อย่างหนา หน้าอย่างบาน บวมสุดและก็ชอบทำผมแปลกๆ คิดว่าตัวเองเป็นสาวญี่ปุ่น เปิดดูทรงผมตามแม็กกาซีนญี่ปุ่น ขุ่นพระ ไม่ได้เข้า เล้ยยยยย แต่ช่วงปลายปีสาม ปีสี่ อาจจะดีขึ้นมาหน่อย หน่อยนึงจริงๆ
จุดเปลี่ยนในชีวิต คิดว่าน่าจะตอนเรียนจบแล้วไปเวิร์คแอนด์ทราเวล ที่อเมริกา เป็นจุดที่ได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง จริงๆ แบบเปิดโลกมากๆ และแน่นอนไปเมืองนอกไง ร้านรวงเยอะมาก มีทั้ง ซีโฟร่าเอย อัลตร้าเอย แบรนด์เค้าเตอร์รัวๆ ดิฉันไม่เคยสัมผัสฟีลลิ่งอยากใช้เงินเท่านี้มาก่อน ทำงานมีเงินได้เงินค่อนข้างดีเลยทีเดียว ดังนั้น เราจะซื้ออะไรเราก็หาข้อมูลเนอะ ก็เป็นช่วงที่เริ่มมาสนุกกับการดูแลตัวเอง ซื้อของอันนั้นอันนี้ที่เค้าว่า “เค้าว่ากันว่าดี”
รูปด้านล่างคือ กลับมาจาก Work&Travel ค่ะ เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาแล้ว ฮ่าาาา
และก็เริ่มแต่งหน้า บวกกับมีการเซลฟี่ระบาด ฮ่าาาาา เป็นช่วงไอพอด ไอโฟนเพิ่งมา ก็ถ่ายรูปค่ะ ถ่ายรูป วิวทิวเขาบรรยากาศและมาถ่ายรูปตัวเอง เลยอาจจะเป็นช่วงที่เราได้เห็นมุมที่คิดว่าตัวเองมีมุมสวยตรงไหน ดึง จุดเด่นลดจุดด้อยในการแต่งหน้า บวกกับผลไม้บ้านเค้าดี สดอร่อย ก็ทำให้ติดการกินผักผลไม้ ถูกจริตกับสิ่งนี้ แต่แน่นอนค่ะขึ้นชื่อว่าไปเวิร์คแอนด์ทราเวล ก็ทราเวลหนักอยู่ กลับมา น้ำหนักโดดสุด62 กิโลกรัม แล้วประเด็นคือ ต้องกลับมารับปริญญา จะแปะให้ดูค่ะ วันรับปริญญาลดมาสามโล 59 กิโลกรัม แต่ก็ยังบวม อิ่มเอมสุดอะไรสุด
ตอนมหาลัยน่าจะหนัก 56-57 กิโลกรัม ช่วงกลับจาก อเมริกาคือหนัก 62 กิโลกรัม ช่วงสมัครแอร์สายแรกในชีวิต กบท(การบินไทย) ไม่ผ่าน น้ำหนักเกิน เจ็บจุกมากค้า ตอนนั้นลดจาก62 กิโลกรัม ลงไปถึง56 กิโลกรัม วันไปสมัคร หนัก 55 กิโลกรัม แต่ขุ่นพระลืมไปตาช่างเวลาสมัครนี่มันมีบวกลบ แล้วแต่ดวง เหมือนชั่งละ 56 กิโลกรัม น้ำหนักเลยเกินค่ะ สูง 165 เซนติเมตรค่ะ รวมตอนนี้ติดปีก 3 สาย สายการบินแรกที่ได้ ตอนนั้นลดสุด ลงไป53-54 กิโลกรัม และรวมถึงสายที่ 2 ที่ 3 ตอนสมัครน้ำหนักราวๆ นี้ค่ะ ไม่เกิน
คือการเปลี่ยนแปลงของเรา คิดว่ามันอาจจะเปลี่ยนมาเรื่อยๆ โดยที่ตัวเราเองก็ไม่ได้สังเกต แต่การ เปลี่ยนแปลงภายนอกเดี๋ยวจะมาบอกว่าใช้อะไรบ้างอันนี้คือสาบานเลยว่าไม่ได้ค่าโฆษณาหรืออะไรเลย แต่จะให้ดูว่าใช้ตัวไหนที่มันเวิร์ค สำหรับเรา
แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งนึงที่เราคิดว่ามันสำคัญกว่าการใช้สิ่งภายนอก คือการเปลี่ยนความคิดจากภายใน เราคิดว่ามันคือ "ความมั่นใจในตัวเอง" อ่านมาถึงตรงนี้มันอาจดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่จริงๆ แล้วไม่ธรรมดา มันไม่ได้ทำง่ายๆ ในทุกๆ คน
เคลียร์กันก่อนว่าความมั่นใจในตัวเองกับหลงตัวเองต่างกัน หลงตัวเอง คือ ฉันสวยฉันดีที่สุด คนอื่นไม่ดีไม่เห็นจะสวยเลย แต่การมั่นใจในตัวเองไม่เกี่ยวกับคนอื่น มันคือฉันก็สวยอยู่น้า ฉันก็ดีอยู่น้า แต่คนนั้นก็สวย เธอก็ดีเหมือนกัน แต่เราสวยเราดีกันคนละแบบเนอะ อะไรประมานนี้ มันอาจจะเกี่ยวกับว่าเราเริ่มรู้สึกว่าตัวเองจะสมัครแอร์ เราเลยมีเป้าหมายในชีวิต แต่ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองสวย แต่คิดว่า ประสบการณ์ที่ไปเวิร์คอาจทำให้เป็นข้อได้เปรียบ ตอนนั้นเรายังไม่มั่นในตัวเองขนาดนั้นเลย แต่พอเริ่มสมัครสนามแรก กบท บอกเลยมันทำให้เรารู้เลยว่าการแข่งขันสูงมาก มีแต่คนสวยๆ ผอมเพรียว เราเลยมาดูแลตัวเอง จริงๆ จังๆ และเปลี่ยนแปลงการกินและการออกกำลังกายควบคู่กันไป และทำสูตรนี้มาตลอดจนถึงปัจจุบัน บอกก่อนว่าไม่เคยกินอาหารเสริมใดใดนะคะ
สำหรับเรา คิดว่าทัศนคติสำคัญมากกับการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เหมือนเราเห็นตัวตนของตัวเองมากขึ้น เรารู้ว่าเราเป็นใคร เราต้องการทำอะไร เป้าหมายคืออะไร เราไม่ได้อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้ใครมาชอบเรา แต่เราแค่อยากชอบตัวเอง และอยากเห็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดี ที่ตัวเองพอใจ ส่วนเรื่องอื่น จริงๆ มันคือ ผลพลอยได้ แต่ยอมรับว่า first impression เป็นสิ่งสำคัญ เป็นประตูบานแรกของโอกาสหลายๆ อย่าง แต่first impression ไม่ได้มีแค่ความสวย ความสวยแต่ละคนมองสวยไม่เหมือนกัน และทุกคนมีความสวยคนละแบบ ไม่มีใครไม่สวยในโลกนี้ แต่บุคลิกภาพทำให้ดูน่ามองได้ อันนี้ฝึกกันได้ หลังตรง มีกล้าม ยืดคอ การวางองศา หน้า หลายอย่าง การเดินนั่งไหว้ ทุกอย่างคือบุคลิกภาพ มันทำให้ว้าวได้โดยที่คุณอาจไม่ต้องเจ็บตัวศัลยกรรม
มาต่อกันที่เรื่องคนเม้าท์เรื่องศัลกรรม จริงๆ อยากทำมากกกกกก แต่บอกเลยว่าไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะถ้าทำ มันคงจะสวยโดดพุ่งมาแต่ไกลแน่ๆ ที่บอกว่าอยากทำเพราะมองด้านข้างตรงสันจมูกโด่งแต่ ตรงกลาง ตรงดั้งไม่โด่งมากค่ะ เคยถามคุณแม่ว่าตอนเด็กอุ้มๆ อยู่แล้วเคยหันไปแล้วจมูกหนูโดนเสารึเปล่า ตรงกลางมันเหมือนยุบๆ ฮ่าาา เลยอยากทำศัลยกรรมจมูกมาก เคยคลุกอยู่เว็บ ดั้งโด่ง 5-6 วัน ละตัดสินใจนั่งรถเมล์ ไปคลีนิค พร้อมขึ้นเขียง ไปถึงคุณหมอดับฝันมาก หนูทำไม่ได้น้า เนื้อจมูกน้อย อาจทะลุ ตรงสันก็โด่งมากแล้ว จริงๆ ทำได้คือ ปั้นดั้งฟิลเลอร์ คือตอนนั้นไม่กล้าทำค่ะ เตรียมใจไปผ่าตัดอย่างเดียว ฮ่าาาาา เลยกลับบ้านคอตก ก็ที่เคยทำ อย่างอื่นคือดัดฟัน ก็อาจจะเกี่ยวกับรูปหน้าบ้าง แต่เรื่องที่หน้าเล็กลง คืออันนี้บอกก่อนว่าเคยฉีดโบท็อกซ์แค่สองครั้งตอนทำงานที่เกาหลี ก็ลองๆ ฉีดดู แต่ตอนฉีดคุณหมอก็บอกอยู่แล้วว่าหน้าเล็กแล้ว ไม่ต้องฉีด แต่รูปปัจจุบัน คือไม่ได้ฉีดมาสองปีแล้วค่ะ ก็ยังรูปหน้าเดิม คือไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมหน้าเล็กกว่าสมัยก่อนมาก แต่คิดว่าเกี่ยวกับ ผอมลง คิดว่าเกี่ยวแน่ๆ
ปล. อยากทำตาสองชั้นค่ะ ตายังไม่ได้ทำศัลยกรรมน้า บางรูปอาจตาชั้นเดียวหรือสองชั้น จะบอกว่า มันเป็นความลับที่ไม่เคยบอกใครมาก่อนว่า เรามีความสามารถพิเศษในการทำตาสองชั้นได้ โดยไม่ต้องแปะ สติ๊กเกอร์ ฮ่าาาาาาาา ปกติเวลาถ่ายรูปก็จะทำตลอด แอร๊ยยยยยยย
ปล. มาต่อเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย และการเปลี่ยนแปลงภายนอกอื่นๆนะคะ ยาวมาก แง๊
เมื่อเค้าเม้าท์กันแรง”ต้องศัลยกรรมหนักมากแน่ๆ”พามาดูวิวัฒนาการต้าวอ้วนขี้เหร่ในวันนั้นมาเป็นนางฟ้าหลายสายในวันนี้💁🏻♀️
คือทั้งหมดที่เล่ามา เราไม่ได้คิดว่าเราสวยสุด อวดสุด ตัวลอย เดินเท้าไม่แตะพื้นนะ ไม่ได้คิดว่าตัวเองสวยอะไรมากมาย แต่ยอมรับว่าเปลี่ยนไปเยอะพอสมควร เลยอยากมาเขียนแบ่งปันประสบการณ์
ดังนั้น ไม่ค่ะ อิฉันจะไม่ยอมเริ่มปีนี้แบบพังๆ เหมือนปีก่อนเด็ดขาดดดด เราเลยอยากจบปี2019และเริ่มอะไรใหม่ๆ ด้วยอะไรดีดี มันไม่มีอะไรเหมาะไปกว่าการรีวิวการเปลี่ยนแปลงตัวเองในช่วงเวลานี้แล้วล่ะ มันคือการแบ่งปัน เรื่องราว ฮาวทู เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ เหมือนการที่เราทำอะไรเพื่อคนอื่น และรู้สึกว่าเรามีค่าต่อใครสักคน เราคิดว่าเจตนาของเราที่อยากเขียนมันไม่ใช่เพราะคำว่า “ไม่อยากเริ่มปีนี้แบบพังๆ” ซึ่งเป็นการสนองความต้องการของตัวเองก็จริง แต่เจตนาจริงๆ ของเราคือเมื่อก่อน บอกเลยว่าเปิดกระทู้ พลีชีพในพันทิปเยอะมาก ดูแล้วมีแรงฮึบ มีกำลังใจ มันก็แอบคิดว่าถ้าวันนึง เราเปลี่ยนแปลงตัวเองจนตัวเองพอใจในการเปลี่ยนแปลงระดับนึง แล้ววันนึงเรากลายเป็นคนที่ไปให้กำลังใจคนอื่น ถึงแม้ว่าจะมีแค่คนๆ เดียว อ่านที่เราเขียน แต่ถ้าเค้าได้แรงบันดาลใจ เกิดแรงฮึบเหมือนเราในวันนั้น เราก็ดีใจ ดีใจจริงๆ นี่คือที่มาที่ไป ของกระทู้นี้ ยาววมากแม่กว่าจะเข้าเรื่อง
จริงๆ ก็ไม่ได้อยากเอาเรื่องการสมัครแอร์มาผูกกับการเปลี่ยนแปลงตัวเองในกระทู้นี้เท่าใหร่ เพราะถ้าให้เล่า เรื่องการสมัครทำงานในสายนี้ด้วย คิดว่ากระทู้คงต้องอ่านกันข้ามวันข้ามคืนแน่ๆ ค่ะ แต่ถามว่าการสมัครแอร์ ทำให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองชัดเจนมั้ยก็ต้องตอบว่า "ใช่" ถ้าดูจากรูป อยากบอกว่าเธอมาไกลเหลือเกิน ไกลจนไม่แปลกใจว่า คนรอบข้างก็ตกใจเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
ปล. อยากทำตาสองชั้นค่ะ ตายังไม่ได้ทำศัลยกรรมน้า บางรูปอาจตาชั้นเดียวหรือสองชั้น จะบอกว่า มันเป็นความลับที่ไม่เคยบอกใครมาก่อนว่า เรามีความสามารถพิเศษในการทำตาสองชั้นได้ โดยไม่ต้องแปะ สติ๊กเกอร์ ฮ่าาาาาาาา ปกติเวลาถ่ายรูปก็จะทำตลอด แอร๊ยยยยยยย