สวัสดีค่ะ เข้าเรื่องเลยคือ จขกทไปขอวีซ่าท่องเที่ยวมา ก่อนหน้านี้หาอ่านกระทู้เป็นสิบๆๆ ซึ่งทุกกระทู้มีประโยชน์มาก
เลยคิดไว้ว่า ถ้าได้วีซ่า จะมาเขียนเล่าเผื่อเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นในอนาคตนะคะ
ข้อกังวล : หญิงโสด เดินทางคนเดียว
ข้อได้เปรียบ : ทำงานเป็นไดเรคเตอร์บริษัทมีชื่อ
เริ่มจากวันสัมภาษณ์ เราได้คิว 7.50 ไปถึง 7.30 ค่ะ ไปลงชื่อกับเจ้าหน้าที่ที่ถือกระดาษคอยเช็ก ส่วนพวกกระเป๋าต่างๆ นั้น อันนี้เราแอบงงนิดนึง ของบางคนก็ไม่ให้เข้า เจ้าหน้าที่แนะนำให้เดินย้อนไปหาที่ฝากในร้านตรงตลาดนัด แต่ของบางคนก็ใบเท่าๆ กัน กลับให้เอาเข้าได้ อันนี้ไม่แน่ใจนะคะว่าเค้าดูจากอะไร แต่เจ้าหน้าที่ security พูดจาดี อัธยาศัยดี และ professional มากค่ะ ส่วนเรามีกระเป๋าตังค์ ซองใส่เอกสารต่างๆ และมือถือ(ต้องปิดเครื่องและฝากไว้) ส่วนเอกสารที่เอาไป เราเอาใบรับรองการทำงานที่ระบุตำแหน่ง วันลาและเงินเดือน สเตทเมนต์บัญชีเงินเดือนมีเงินเข้าออกตลอดเวลา แพลนท่องเที่ยว 1 หน้า และพาสปอร์ตเล่มเก่า
ด้านในจะมีสกรีนสัมภาษณ์คร่าวๆ ก่อน เราถูกขอดูรูปถ่ายวีซ่า กับ ซักประวัติเรื่องนามสกุล(ตอนเด็กเราเคยใช้นามสกุลพ่อมาก่อนแต่เหมือนลืมไปค่ะ เลยกรอกไปว่าไม่เคยเปลี่ยนนามสกุล เชื่อเลยว่าที่นี่มีข้อมูลเราละเอียดจริงๆ ตอนนั้นใจเสียนิดนึงกลัวเค้าคิดว่าเราจะโกหกมั้ยเนี่ย)
จากนั้นก็ต่อแถวสัมภาษณ์ค่ะ ใครมาขอด้วยกันก็เข้าพร้อมกันเลย มี 4 ช่อง เราได้ช่องเจ้าหน้าที่ผู้ชายผิวเข้ม พูดภาษาอังกฤษนะคะ คำถามที่โดนถามคือ
ไปทำไรที่อเมริกา (ไปเที่ยวฝั่งอีสต์โคสต์)
ทำงานที่ XXX ใช่มั้ย (ตอบไปว่าใช่พร้อมเล่าหน้าที่คร่าวๆ)
เคยไปที่ไหนมาบ้าง (เราเคยไปมา 20 กว่าประเทศ ก็เล่าโดยเอาประเทศในยุโรปขึ้นก่อน บอกไปซัก 6-7 ประเทศ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าโอเค)
Your visa is approved! ดีใจมากค่ะ
คำแนะนำจากเรา >> ตอนกรอก DS-160 เรากรอกหน้าที่การงานละเอียดมากกก แทบจะทำเหมือนเรซูเม่ บอกเลยว่าทำอะไรบ้าง เอ่ยชื่อแบรนด์ลูกค้าที่ร่วมงานด้วย รวมถึงตอนให้ใส่โซเชียลมีเดีย เราใส่ทั้งเฟซบุ๊กส่วนตัวที่เปิดพับลิคโพสต์และแชร์ชิ้นงานของเราหลายชิ้น (ปกติแชร์งานของตัวเองอยู่แล้ว ไม่ได้มาทำเนียนเพิ่งแชร์) และให้ LINKEDIN ที่ใส่ประวัติการทำงานอย่างละเอียดด้วยค่ะ คิดว่าส่วนนี้น่าจะทำให้เค้าเห็นชัดเจนว่าเราทำอะไรอยู่ (เอกสารที่เอาไป ไม่มีขอดูเพิ่มเติมอะไรเลยค่ะ)
ขอให้ทุกท่านโชคดีนะคะ
Review ขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาผ่านแล้วค่ะ (ผู้หญิงโสด เดินทางคนเดียว)
เลยคิดไว้ว่า ถ้าได้วีซ่า จะมาเขียนเล่าเผื่อเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นในอนาคตนะคะ
ข้อกังวล : หญิงโสด เดินทางคนเดียว
ข้อได้เปรียบ : ทำงานเป็นไดเรคเตอร์บริษัทมีชื่อ
เริ่มจากวันสัมภาษณ์ เราได้คิว 7.50 ไปถึง 7.30 ค่ะ ไปลงชื่อกับเจ้าหน้าที่ที่ถือกระดาษคอยเช็ก ส่วนพวกกระเป๋าต่างๆ นั้น อันนี้เราแอบงงนิดนึง ของบางคนก็ไม่ให้เข้า เจ้าหน้าที่แนะนำให้เดินย้อนไปหาที่ฝากในร้านตรงตลาดนัด แต่ของบางคนก็ใบเท่าๆ กัน กลับให้เอาเข้าได้ อันนี้ไม่แน่ใจนะคะว่าเค้าดูจากอะไร แต่เจ้าหน้าที่ security พูดจาดี อัธยาศัยดี และ professional มากค่ะ ส่วนเรามีกระเป๋าตังค์ ซองใส่เอกสารต่างๆ และมือถือ(ต้องปิดเครื่องและฝากไว้) ส่วนเอกสารที่เอาไป เราเอาใบรับรองการทำงานที่ระบุตำแหน่ง วันลาและเงินเดือน สเตทเมนต์บัญชีเงินเดือนมีเงินเข้าออกตลอดเวลา แพลนท่องเที่ยว 1 หน้า และพาสปอร์ตเล่มเก่า
ด้านในจะมีสกรีนสัมภาษณ์คร่าวๆ ก่อน เราถูกขอดูรูปถ่ายวีซ่า กับ ซักประวัติเรื่องนามสกุล(ตอนเด็กเราเคยใช้นามสกุลพ่อมาก่อนแต่เหมือนลืมไปค่ะ เลยกรอกไปว่าไม่เคยเปลี่ยนนามสกุล เชื่อเลยว่าที่นี่มีข้อมูลเราละเอียดจริงๆ ตอนนั้นใจเสียนิดนึงกลัวเค้าคิดว่าเราจะโกหกมั้ยเนี่ย)
จากนั้นก็ต่อแถวสัมภาษณ์ค่ะ ใครมาขอด้วยกันก็เข้าพร้อมกันเลย มี 4 ช่อง เราได้ช่องเจ้าหน้าที่ผู้ชายผิวเข้ม พูดภาษาอังกฤษนะคะ คำถามที่โดนถามคือ
ไปทำไรที่อเมริกา (ไปเที่ยวฝั่งอีสต์โคสต์)
ทำงานที่ XXX ใช่มั้ย (ตอบไปว่าใช่พร้อมเล่าหน้าที่คร่าวๆ)
เคยไปที่ไหนมาบ้าง (เราเคยไปมา 20 กว่าประเทศ ก็เล่าโดยเอาประเทศในยุโรปขึ้นก่อน บอกไปซัก 6-7 ประเทศ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าโอเค)
Your visa is approved! ดีใจมากค่ะ
คำแนะนำจากเรา >> ตอนกรอก DS-160 เรากรอกหน้าที่การงานละเอียดมากกก แทบจะทำเหมือนเรซูเม่ บอกเลยว่าทำอะไรบ้าง เอ่ยชื่อแบรนด์ลูกค้าที่ร่วมงานด้วย รวมถึงตอนให้ใส่โซเชียลมีเดีย เราใส่ทั้งเฟซบุ๊กส่วนตัวที่เปิดพับลิคโพสต์และแชร์ชิ้นงานของเราหลายชิ้น (ปกติแชร์งานของตัวเองอยู่แล้ว ไม่ได้มาทำเนียนเพิ่งแชร์) และให้ LINKEDIN ที่ใส่ประวัติการทำงานอย่างละเอียดด้วยค่ะ คิดว่าส่วนนี้น่าจะทำให้เค้าเห็นชัดเจนว่าเราทำอะไรอยู่ (เอกสารที่เอาไป ไม่มีขอดูเพิ่มเติมอะไรเลยค่ะ)
ขอให้ทุกท่านโชคดีนะคะ