ปกติผมไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องราคาน้ำมันขึ้น ๆ ลง ๆ สักเท่าไรนักหรอกครับ เพราะผมมองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาสามัญประจำที่ต้องเจอในชีวิตอยู่แล้วครับ แต่ครั้งนี้ท่าทางจะใกล้ตัวกว่าผมกว่าที่คิด เพราะข่าวที่ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สั่งกองทัพสังหาร พลตรี คาเซ็ม ซูลีมานี ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในอิหร่าน รองจาก อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน และเขาเป็นผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ สังกัดกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (Revolutionary Guard Corps) อีกด้วย
นอกจากนั้น นายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังโพสต์ภาพสัญลักษณ์ธงชาติสหรัฐฯเพื่อฉลองผลงาน ปลุกเร้าให้อิหร่านประกาศล้างแค้น ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวสูงขึ้นทันทีกว่าร้อยละ 4 ในวันที่ 3 มกราคม 2563 ซึ่งปฎิบัติการในครั้งนี้ ได้ทำการยิงจรวด 4 ลูกถล่มเขตกรีนโซน ใกล้สถานฑูตอเมริกาในกรุงแบกแดด หลังจากนั้นสภาอิรักมีมติขับไล่กองกำลังสหรัฐที่มีทหาร 5,200 คนออกจากประเทศอิรัก
ล่าสุด ทีวีอิหร่าน ประกาศขอเรี่ยไรเงินชาวอิหร่าน 80 ล้านคน คนละ 1 เหรียญเพื่อเป็นค่าหัวประธานาธิดีสหรัฐอเมริกา 80 ล้านดอลลาร์ ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯก็ประกาศทันทีว่าหากมีการโจมตีสหรัฐฯเมื่อไร ได้ล็อกเป้าเตรียมโจมตีจุดต่าง ๆ ในตะวันออกกลางแล้ว 52 จุด(ซึ่งจะมีผลต่ออุปทานน้ำมันดิบตลาดโลกแน่นอนครับ)
ถ้าสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางบานปลายและยืดเยื้อ ผมมีความกังวลว่าราคาน้ำมันบ้านเราจะขึ้นสูงเหมือนในอดีต ช่วงพ.ศ.2551ที่ราคาน้ำมันเริ่มเพิ่มสูงขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ พ.ศ.2546 จนมาแตะราคาสูงสุดในยุค "พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์" จนน้ำมันดีเซลมีราคาสูงถึง 44.24 บาทต่อลิตร และราคาน้ำมันเบนซิน ราคา 42.89 บาทต่อลิตร ก่อนที่ในช่วงปลายปีราคาน้ำมันจะปรับลดลงมาจนน่าตกใจ
ถัดมาอีกครั้งก็เมื่อปี พ.ศ.2557 ในปลายยุครัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ไทยเผชิญกับวิกฤติราคาน้ำมันอีกครั้ง ราคาน้ำมันดีเซล 29.99 บาทต่อลิตร และราคาน้ำมันเบนซินแตะราคาสูงสุดที่ 49.15 บาทต่อลิตร นับว่าเป็นราคาที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์และซึ่งตอนนั้นคนที่มีรถส่วนใหญ่ก็แก้ปัญหาน้ำมันแพงด้วยการนำรถไปติดแก๊สกันในช่วงเวลานั้น เพื่อเป็นการบรรเทาค่าครองชีพ เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินสูงมาก (ท้องถนนช่วงนั้นก็เหมือนรถน้อยลงไปพักหนึ่งครับ) แต่หากเป็น ณ ตอนนี้ ผมคงแนะนำให้หันไปใช้บริการของรถไฟฟ้าสาธารณะแล้วค่อยต่อรถแท็กซี่ใกล้ๆครับ เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้วผมว่าตอนนี้สะดวกสบายกว่าเมื่อก่อนนี้มากครับ หรือถ้าพอมีเงินหน่อยก็คงลงทุนเปลี่ยนรถเป็น รถEV เลยครับ (อันนี้แนะนำจริง ๆ ไม่ได้ประชดนะครับ) เพราะดู ๆ แล้ว รถEV ถือได้ว่าเป็นพาหนะยุคใหม่จริง ๆ ครับ
จากการอ่านบทวิเคราะห์มาหลาย ๆ สำนักก็ได้ประเมินราคาน้ำมันเบรนท์ไว้ที่ 80 – 90 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2020 แต่ผมลองเอาตีกราฟรายเดือนย้อนหลัง 10 ปี ดูๆจากกราฟแล้วน่าจะมีสิทธิ์ที่ขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 80 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า แต่หากเกิดสิ่งที่หลาย ๆ ฝ่ายกังวลกันนั้นคือสงครามโลกครั้งที่ 3 อาจจะขึ้นแรงและเร็วก็ได้ครับ
ที่มากราฟ : Investing.com
ส่วนประเด็นที่มีการวิเคราะห์กันไปถึงเรื่องเหตุการณ์นี้จะลุกลามใหญ่โตจนกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 นั้น(ซึ่งตอนนี้กระแส #WWiii ในทวิตเตอร์มาแรงมากครับ) ผมว่า โอกาสที่จะเกิดคงยาก แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีโอกาสนะครับ ทางอิหร่านเอง ก็ได้แสดงออกถึงความโกรธแค้นอย่างชัดเจน และที่ผมกลัวคือการก่อการร้ายในสหรัฐฯ ที่ค่อย ๆ ก่อเหตุตามสถานที่สำคัญ ๆ อย่างที่เคยทำเหมือนเหตุการณ์ 911 ซึ่งหากสหรัฐฯจะตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธใส่อิหร่าน จีนและรัฐเซีย ร่วมถึงสหภาพยุโรป ประเทศใหญ่ ๆ คงจะไม่พอใจแน่ ๆ ครับ ยิ่งหากเกิดการคว่ำบาตรสหรัฐฯ ขึ้นมาแล้วนั้น ตลาดการเงินโลกได้ปั่นป่วนครั้งใหญ่แน่ ๆ ครับ
ผมถึงไม่แปลกใจถ้าช่วงนี้ ทองถึงขึ้นแรงและดอลลาร์จะถูกเทขายออกมา เมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลง ก็เข้าทางสหรัฐฯอีกเพราะจะได้ขายสินค้าในราคาที่ถูกลงอีกครับ(ทางอ้อมแบบไกลๆครับ) แต่ที่ผมว่าแน่ๆนั้นคือ หากมีสงครามโลกครั้งที่ 3 จริง ๆ มันอาจจะรุนแรงและรวดเร็วกว่าทุก ๆ ครั้งเป็นแน่ครับ เพราะอาวุธทุกชนิดที่มีกันในโลกนี้ สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ทันสมัยที่สุดบนโลกนี้แล้วครับ
#WWiii #ราคาน้ำมัน #อิหร่าน #สหรัฐฯ
อ้างอิง :
https://www.bbc.com/thai/international-50982663
https://kaohoon.com/content/334163
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_3328564
https://www.thansettakij.com/content/418135
https://www.bbc.com/thai/international-50982663
ปล. ติดตามข้อมูลข่าวสาร บทความดีๆ ได้ที่
เพจ เงินไม่เคยหลับ
จุดชนวนราคาน้ำมันพุ่ง หรือจะเป็น WWiii ?
ปกติผมไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องราคาน้ำมันขึ้น ๆ ลง ๆ สักเท่าไรนักหรอกครับ เพราะผมมองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาสามัญประจำที่ต้องเจอในชีวิตอยู่แล้วครับ แต่ครั้งนี้ท่าทางจะใกล้ตัวกว่าผมกว่าที่คิด เพราะข่าวที่ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สั่งกองทัพสังหาร พลตรี คาเซ็ม ซูลีมานี ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในอิหร่าน รองจาก อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน และเขาเป็นผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ สังกัดกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (Revolutionary Guard Corps) อีกด้วย
นอกจากนั้น นายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังโพสต์ภาพสัญลักษณ์ธงชาติสหรัฐฯเพื่อฉลองผลงาน ปลุกเร้าให้อิหร่านประกาศล้างแค้น ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวสูงขึ้นทันทีกว่าร้อยละ 4 ในวันที่ 3 มกราคม 2563 ซึ่งปฎิบัติการในครั้งนี้ ได้ทำการยิงจรวด 4 ลูกถล่มเขตกรีนโซน ใกล้สถานฑูตอเมริกาในกรุงแบกแดด หลังจากนั้นสภาอิรักมีมติขับไล่กองกำลังสหรัฐที่มีทหาร 5,200 คนออกจากประเทศอิรัก
ล่าสุด ทีวีอิหร่าน ประกาศขอเรี่ยไรเงินชาวอิหร่าน 80 ล้านคน คนละ 1 เหรียญเพื่อเป็นค่าหัวประธานาธิดีสหรัฐอเมริกา 80 ล้านดอลลาร์ ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯก็ประกาศทันทีว่าหากมีการโจมตีสหรัฐฯเมื่อไร ได้ล็อกเป้าเตรียมโจมตีจุดต่าง ๆ ในตะวันออกกลางแล้ว 52 จุด(ซึ่งจะมีผลต่ออุปทานน้ำมันดิบตลาดโลกแน่นอนครับ)
ถ้าสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางบานปลายและยืดเยื้อ ผมมีความกังวลว่าราคาน้ำมันบ้านเราจะขึ้นสูงเหมือนในอดีต ช่วงพ.ศ.2551ที่ราคาน้ำมันเริ่มเพิ่มสูงขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ พ.ศ.2546 จนมาแตะราคาสูงสุดในยุค "พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์" จนน้ำมันดีเซลมีราคาสูงถึง 44.24 บาทต่อลิตร และราคาน้ำมันเบนซิน ราคา 42.89 บาทต่อลิตร ก่อนที่ในช่วงปลายปีราคาน้ำมันจะปรับลดลงมาจนน่าตกใจ
ถัดมาอีกครั้งก็เมื่อปี พ.ศ.2557 ในปลายยุครัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ไทยเผชิญกับวิกฤติราคาน้ำมันอีกครั้ง ราคาน้ำมันดีเซล 29.99 บาทต่อลิตร และราคาน้ำมันเบนซินแตะราคาสูงสุดที่ 49.15 บาทต่อลิตร นับว่าเป็นราคาที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์และซึ่งตอนนั้นคนที่มีรถส่วนใหญ่ก็แก้ปัญหาน้ำมันแพงด้วยการนำรถไปติดแก๊สกันในช่วงเวลานั้น เพื่อเป็นการบรรเทาค่าครองชีพ เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินสูงมาก (ท้องถนนช่วงนั้นก็เหมือนรถน้อยลงไปพักหนึ่งครับ) แต่หากเป็น ณ ตอนนี้ ผมคงแนะนำให้หันไปใช้บริการของรถไฟฟ้าสาธารณะแล้วค่อยต่อรถแท็กซี่ใกล้ๆครับ เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้วผมว่าตอนนี้สะดวกสบายกว่าเมื่อก่อนนี้มากครับ หรือถ้าพอมีเงินหน่อยก็คงลงทุนเปลี่ยนรถเป็น รถEV เลยครับ (อันนี้แนะนำจริง ๆ ไม่ได้ประชดนะครับ) เพราะดู ๆ แล้ว รถEV ถือได้ว่าเป็นพาหนะยุคใหม่จริง ๆ ครับ
จากการอ่านบทวิเคราะห์มาหลาย ๆ สำนักก็ได้ประเมินราคาน้ำมันเบรนท์ไว้ที่ 80 – 90 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2020 แต่ผมลองเอาตีกราฟรายเดือนย้อนหลัง 10 ปี ดูๆจากกราฟแล้วน่าจะมีสิทธิ์ที่ขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 80 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า แต่หากเกิดสิ่งที่หลาย ๆ ฝ่ายกังวลกันนั้นคือสงครามโลกครั้งที่ 3 อาจจะขึ้นแรงและเร็วก็ได้ครับ
ที่มากราฟ : Investing.com
ส่วนประเด็นที่มีการวิเคราะห์กันไปถึงเรื่องเหตุการณ์นี้จะลุกลามใหญ่โตจนกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 นั้น(ซึ่งตอนนี้กระแส #WWiii ในทวิตเตอร์มาแรงมากครับ) ผมว่า โอกาสที่จะเกิดคงยาก แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีโอกาสนะครับ ทางอิหร่านเอง ก็ได้แสดงออกถึงความโกรธแค้นอย่างชัดเจน และที่ผมกลัวคือการก่อการร้ายในสหรัฐฯ ที่ค่อย ๆ ก่อเหตุตามสถานที่สำคัญ ๆ อย่างที่เคยทำเหมือนเหตุการณ์ 911 ซึ่งหากสหรัฐฯจะตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธใส่อิหร่าน จีนและรัฐเซีย ร่วมถึงสหภาพยุโรป ประเทศใหญ่ ๆ คงจะไม่พอใจแน่ ๆ ครับ ยิ่งหากเกิดการคว่ำบาตรสหรัฐฯ ขึ้นมาแล้วนั้น ตลาดการเงินโลกได้ปั่นป่วนครั้งใหญ่แน่ ๆ ครับ
ผมถึงไม่แปลกใจถ้าช่วงนี้ ทองถึงขึ้นแรงและดอลลาร์จะถูกเทขายออกมา เมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลง ก็เข้าทางสหรัฐฯอีกเพราะจะได้ขายสินค้าในราคาที่ถูกลงอีกครับ(ทางอ้อมแบบไกลๆครับ) แต่ที่ผมว่าแน่ๆนั้นคือ หากมีสงครามโลกครั้งที่ 3 จริง ๆ มันอาจจะรุนแรงและรวดเร็วกว่าทุก ๆ ครั้งเป็นแน่ครับ เพราะอาวุธทุกชนิดที่มีกันในโลกนี้ สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ทันสมัยที่สุดบนโลกนี้แล้วครับ
#WWiii #ราคาน้ำมัน #อิหร่าน #สหรัฐฯ
อ้างอิง :
https://www.bbc.com/thai/international-50982663
https://kaohoon.com/content/334163
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_3328564
https://www.thansettakij.com/content/418135
https://www.bbc.com/thai/international-50982663
ปล. ติดตามข้อมูลข่าวสาร บทความดีๆ ได้ที่ เพจ เงินไม่เคยหลับ