ครูบ้านนอกรุ่น 227 คน ป่า กาแฟ บ้านผาแดงหลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย 5-8 ธค 2562
อูดูทาม๊ะ...สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ที่ดีอันนึงของเราในปี 2562 ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสไปร่วมโครงการครูบ้านนอกร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา เป็นโครงการที่เราอยากร่วมมานานแล้ว แต่เพิ่งจะมีโอกาสได้ไป ค่ายครูบ้านนอกนี้ก็จะมีกิจกรรมเกือบทุกเดือน ถ้าใครสนใจก็ลองเข้าไปดูข้อมูลในเว็บได้ค่ะ สมัครไปได้ทุกสาขาอาชีพ ทุกอายุเลย ตอนเราไปบางคนก็เพิ่งมาครั้งแรก แต่บางคนก็มาแล้วมาอีก
ทริปนี้ เราจะไปนอนที่เชียงรายก่อนวันนึง ตอนเช้าก็ทำงานปกติ ตอนบ่ายก็เดินทางไปสนามบิน เราเดินทางกันโดยเครื่องบิน ถึงโน่นประมาณ 2 ทุ่ม นั่งแท๊กซี่ออกจากสนามบินเข้าตัวเมืองเชียงราย ค่าแท๊กซี่ 150 บาท ตอนแรกเค้าบอก 200 แต่คุยไปคุยมาได้ลดมานิดนึง
คืนนี้เราจะนอนกันที่ตัวเมือง เพื่อที่ตอนเช้าจะได้เดินทางไปจุดนัดพบ อาหารค่ำคืนนี้ก้จะเป็นชาบู ชาบูร้อนกับอากาศหนาวๆเข้ากันมากๆเลยค่ะ
5 ธค 62 ปฐมบทแห่งการเดินทาง
เรานัดเจอกันเวลาประมาณ 8.30 ที่บขส 2 นอกเมืองเชียงราย พอไปถึงก็เจอกับสมาชิกเพื่อนครูบ้านนอกหลายหลายคน เราก็จะได้ป้ายชื่อ ละก็ของที่ระลึกเป็นนกหวีด ทำจากฝีมือของชาวบ้านที่นำมาขายที่มูลนิธิกระจกเงา มีหลากหลายรูปแบบมากค่ะ
ค่ายครั้งนี้เป็นค่ายที่มีคนมาร่วมเยอะมาก รวมๆแล้วเกือบสี่สิบคนได้
เริ่มเดินทาง ที่แรกที่เราจะไปคือ มูลนิธิกระจกเงา นั่งรถสองแถวเข้าไป ไม่ไกลมาก ระหว่างทางเพื่อนในรถก็จะชวนคุยไปเรื่อยสลับกับดูวิวค่ะ
พอไปถึงเราก็จะนั่งล้อมวงแนะนำตัว ว่าใครชื่ออะไรมาจากไหน แล้วก็จับกลุ่มสำหรับทำกิจกรรม แนะนำสมาชิกในบ้าน โดยที่คนที่มาด้วยกันก็จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน
นอกจากนั้นก็จะมีการอธิบายถึงกฏของการอยู่ร่วมกันของค่าย ในค่ายนี้ เราจะเข้าไปในหมู่บ้านอาข่าค่ะ มีการสอนภาษาอาข่าเบื้องต้น เราก็จำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็พยายามอยู่นะ
สำหรับมื้อกลางวันก่อนที่จะไปยังหมู่บ้าน ก็มีอาหารเป็น ไก่ทอด ข้าวเหนียว น้ำพริกหนุ่มแล้วก็ผักต้มค่ะ พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลย รถของคนในหมู่บ้านก็จะมารับเราค่ะ
เดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ช่วงแรกก็เป็นถนนสายหลัก แต่ช่วงหลังๆก็มีขึ้นเขาบ้าง วิวสวยดีค่ะ สุดท้ายเราก็มาจอดพักกันที่ รร บ้านห้วยกล้า เพราะนับจากนี้เราจะเดินขึ้นไปยังหมู่บ้านกันค่ะ ระยะทางก็ประมาณ สี่กิโลครึ่ง ตอนที่ชาวบ้านได้ยินว่าเราจะเดินนั้น เค้าทำเสียงโอ้โห้แบบดังมาก แบบโอ้ว จะเดินกันจริงหรอ มันไกลเน้อ อยู่โน่นแล้วก็ชี้ไปยังยอดดอยไกลโพ้นที่มองไม่เห็นหมู่บ้าน ตอนนั้นนี่ความมั่นใจหดหายมากค่ะ จริงๆหมู่บ้านนี้ถนนเข้าถึงนะคะ แต่เค้าให้เดิน ก็ไมรู้ว่าทำไมคิดว่าคงเป็นกิมมิคเล็กๆ 555 เดินเหนื่อยมาก ทางเดินก็เป็นทางถนนค่ะ แต่มีความขึ้นเขาอยู่ วิวก็สวยดี
พอถึงหมู่บ้านก็คือหมดแรงพอดีค่ะ พักหายเหนื่อย เราก็จะแบ่งข้าวของกันเพื่อเข้าบ้านตามที่แบ่งกันเอาไว้ค่ะ ของที่ได้ก็จะมีของสด ผัก เครื่องปรุงรส สำหรับทำอาหารตลอดค่าย ซึ่งบ้านเราโชคดีมาก มีคนทำอาหารเป็น รอดตายล่ะ
สำหรับบ้านเรานั้น ก็ถือว่าอยู่ค่อนข้างไกลนิดหน่อย บ้านที่อยู่ก็มีน้ำไฟ สัญญาณโทรศัพท์ครบค่ะ พ่อบอกว่า ไฟฟ้าเพิ่งจะเข้ามาประมาณ 1-2 ปีนี้เอง ส่วนน้ำก็ต่อมาแหล่งน้ำธรรมชาติ ละสัญญาณโทรศัพท์นั้น มีแค่บางเครือข่ายเท่านั้นค่ะ ถึงแม้ว่าเราจะโทรศัพท์เราจะมีสัญญาณ แต่เชื่อมั้ยคะ ตลอดสี่วันนั้น เราแทบจะไม่ได้จับโทรศัพท์เลย ชาร์จไปจนเต็มจากบ้านละก็จากเพาเวอร์แบงค์อันเล็กที่เตรียมไปแค่นั้นเอง ถือว่าช่วยบำบัดอาการติดโทรศัพท์ของเราได้เยอะเลยค่ะ เพราะมีกิจกรรมที่น่าสนใจกว่าเล่นโทรศัพท์เยอะ
บ้านที่เราอยู่จะมีพ่อกับแม่ค่ะ หรือที่เค้าเรียกกันว่า อาด๊ะ อาม๊ะ อาด๊ะพูดภาษาไทยได้ ส่วนอาม๊ะพูดได้นิดหน่อย แต่พอฟังได้ เอาจริงก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการสื่อสารเท่าไหร่ เราสื่อสารกันด้วยภาษามือ และรอยยิ้มค่ะ นอกนั้นก็มีลูกชายที่ย้ายบ้านออกไปแล้วกับลูกสาวที่จะกลับมาช่วงวันเสาอาทิตย์ค่ะ
สำหรับอาหารที่ทำก็เป็นแบบง่ายๆค่ะ เป็นพวกผัดผัด ไข่เจียวไรงี้ แต่อย่างหนึ่งที่เราชอบมาก คือ ข้าวค่ะ ข้าวเค้าอร่อยมาก เรากินข้าวมากกว่า 1 จานทุกวันเลย คือข้าวเค้าไม่เหมือนข้าวบ้านเราอ่ะ เค้าบอกมันเป็นข้าวดอย คือมันจะดูเป็นข้าวใหม่ เหนียวหน่อยๆ บอกไม่ถูกรู้แต่อร่อย ลงมาข้างล่างไม่มีให้กิน พูดละก็อยากกินอีกเลย
กิจกรรมค่ำคืนนี้ก็จะเป็นกิจกรรมพบปะกับผู้นำชุมชน แล้วก็คุณครูในโรงเรียนค่ะ โรงเรียนนี้จะรับเด็กมาจากหลากหลายที่ คนที่อยู่ไกลก็จะมีหอพักให้นอน มีคุณครูดูแล บางคนก็มาจากประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงด้วย ดังนั้นคุณครูที่นี่ก็จะเป็นคุณครูตลอด 24 ชั่วโมง เป็นทั้งคุณครูแล้วก็พ่อแม่ให้กับเด็กๆในโรงเรียนเลยค่ะ ส่วนผู้นำชุมชน หรือที่เรียกว่าพ่อหลวงก็จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับชุมชนให้ฟังค่ะ
หลังจากเสร็จกิจกรรม เราก็จะจับกลุ่มเพื่อคิดกิจกรรมการสอนในวันรุ่งขึ้น แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านนอนค่ะ อากาศกลางคืนหนาวมาก ขนาดซุกในถุงนอนแล้วยังหนาวอยู่เลย
[CR] ประสบการณ์ครูบ้านนอกรุ่น 227 คน ป่า กาแฟ บ้านผาแดงหลวง 5-8 ธค 2562
อูดูทาม๊ะ...สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ที่ดีอันนึงของเราในปี 2562 ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสไปร่วมโครงการครูบ้านนอกร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา เป็นโครงการที่เราอยากร่วมมานานแล้ว แต่เพิ่งจะมีโอกาสได้ไป ค่ายครูบ้านนอกนี้ก็จะมีกิจกรรมเกือบทุกเดือน ถ้าใครสนใจก็ลองเข้าไปดูข้อมูลในเว็บได้ค่ะ สมัครไปได้ทุกสาขาอาชีพ ทุกอายุเลย ตอนเราไปบางคนก็เพิ่งมาครั้งแรก แต่บางคนก็มาแล้วมาอีก
ทริปนี้ เราจะไปนอนที่เชียงรายก่อนวันนึง ตอนเช้าก็ทำงานปกติ ตอนบ่ายก็เดินทางไปสนามบิน เราเดินทางกันโดยเครื่องบิน ถึงโน่นประมาณ 2 ทุ่ม นั่งแท๊กซี่ออกจากสนามบินเข้าตัวเมืองเชียงราย ค่าแท๊กซี่ 150 บาท ตอนแรกเค้าบอก 200 แต่คุยไปคุยมาได้ลดมานิดนึง
คืนนี้เราจะนอนกันที่ตัวเมือง เพื่อที่ตอนเช้าจะได้เดินทางไปจุดนัดพบ อาหารค่ำคืนนี้ก้จะเป็นชาบู ชาบูร้อนกับอากาศหนาวๆเข้ากันมากๆเลยค่ะ
5 ธค 62 ปฐมบทแห่งการเดินทาง
เรานัดเจอกันเวลาประมาณ 8.30 ที่บขส 2 นอกเมืองเชียงราย พอไปถึงก็เจอกับสมาชิกเพื่อนครูบ้านนอกหลายหลายคน เราก็จะได้ป้ายชื่อ ละก็ของที่ระลึกเป็นนกหวีด ทำจากฝีมือของชาวบ้านที่นำมาขายที่มูลนิธิกระจกเงา มีหลากหลายรูปแบบมากค่ะ
ค่ายครั้งนี้เป็นค่ายที่มีคนมาร่วมเยอะมาก รวมๆแล้วเกือบสี่สิบคนได้
เริ่มเดินทาง ที่แรกที่เราจะไปคือ มูลนิธิกระจกเงา นั่งรถสองแถวเข้าไป ไม่ไกลมาก ระหว่างทางเพื่อนในรถก็จะชวนคุยไปเรื่อยสลับกับดูวิวค่ะ
พอไปถึงเราก็จะนั่งล้อมวงแนะนำตัว ว่าใครชื่ออะไรมาจากไหน แล้วก็จับกลุ่มสำหรับทำกิจกรรม แนะนำสมาชิกในบ้าน โดยที่คนที่มาด้วยกันก็จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน
นอกจากนั้นก็จะมีการอธิบายถึงกฏของการอยู่ร่วมกันของค่าย ในค่ายนี้ เราจะเข้าไปในหมู่บ้านอาข่าค่ะ มีการสอนภาษาอาข่าเบื้องต้น เราก็จำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็พยายามอยู่นะ
สำหรับมื้อกลางวันก่อนที่จะไปยังหมู่บ้าน ก็มีอาหารเป็น ไก่ทอด ข้าวเหนียว น้ำพริกหนุ่มแล้วก็ผักต้มค่ะ พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลย รถของคนในหมู่บ้านก็จะมารับเราค่ะ
เดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ช่วงแรกก็เป็นถนนสายหลัก แต่ช่วงหลังๆก็มีขึ้นเขาบ้าง วิวสวยดีค่ะ สุดท้ายเราก็มาจอดพักกันที่ รร บ้านห้วยกล้า เพราะนับจากนี้เราจะเดินขึ้นไปยังหมู่บ้านกันค่ะ ระยะทางก็ประมาณ สี่กิโลครึ่ง ตอนที่ชาวบ้านได้ยินว่าเราจะเดินนั้น เค้าทำเสียงโอ้โห้แบบดังมาก แบบโอ้ว จะเดินกันจริงหรอ มันไกลเน้อ อยู่โน่นแล้วก็ชี้ไปยังยอดดอยไกลโพ้นที่มองไม่เห็นหมู่บ้าน ตอนนั้นนี่ความมั่นใจหดหายมากค่ะ จริงๆหมู่บ้านนี้ถนนเข้าถึงนะคะ แต่เค้าให้เดิน ก็ไมรู้ว่าทำไมคิดว่าคงเป็นกิมมิคเล็กๆ 555 เดินเหนื่อยมาก ทางเดินก็เป็นทางถนนค่ะ แต่มีความขึ้นเขาอยู่ วิวก็สวยดี
พอถึงหมู่บ้านก็คือหมดแรงพอดีค่ะ พักหายเหนื่อย เราก็จะแบ่งข้าวของกันเพื่อเข้าบ้านตามที่แบ่งกันเอาไว้ค่ะ ของที่ได้ก็จะมีของสด ผัก เครื่องปรุงรส สำหรับทำอาหารตลอดค่าย ซึ่งบ้านเราโชคดีมาก มีคนทำอาหารเป็น รอดตายล่ะ
สำหรับบ้านเรานั้น ก็ถือว่าอยู่ค่อนข้างไกลนิดหน่อย บ้านที่อยู่ก็มีน้ำไฟ สัญญาณโทรศัพท์ครบค่ะ พ่อบอกว่า ไฟฟ้าเพิ่งจะเข้ามาประมาณ 1-2 ปีนี้เอง ส่วนน้ำก็ต่อมาแหล่งน้ำธรรมชาติ ละสัญญาณโทรศัพท์นั้น มีแค่บางเครือข่ายเท่านั้นค่ะ ถึงแม้ว่าเราจะโทรศัพท์เราจะมีสัญญาณ แต่เชื่อมั้ยคะ ตลอดสี่วันนั้น เราแทบจะไม่ได้จับโทรศัพท์เลย ชาร์จไปจนเต็มจากบ้านละก็จากเพาเวอร์แบงค์อันเล็กที่เตรียมไปแค่นั้นเอง ถือว่าช่วยบำบัดอาการติดโทรศัพท์ของเราได้เยอะเลยค่ะ เพราะมีกิจกรรมที่น่าสนใจกว่าเล่นโทรศัพท์เยอะ
บ้านที่เราอยู่จะมีพ่อกับแม่ค่ะ หรือที่เค้าเรียกกันว่า อาด๊ะ อาม๊ะ อาด๊ะพูดภาษาไทยได้ ส่วนอาม๊ะพูดได้นิดหน่อย แต่พอฟังได้ เอาจริงก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการสื่อสารเท่าไหร่ เราสื่อสารกันด้วยภาษามือ และรอยยิ้มค่ะ นอกนั้นก็มีลูกชายที่ย้ายบ้านออกไปแล้วกับลูกสาวที่จะกลับมาช่วงวันเสาอาทิตย์ค่ะ
สำหรับอาหารที่ทำก็เป็นแบบง่ายๆค่ะ เป็นพวกผัดผัด ไข่เจียวไรงี้ แต่อย่างหนึ่งที่เราชอบมาก คือ ข้าวค่ะ ข้าวเค้าอร่อยมาก เรากินข้าวมากกว่า 1 จานทุกวันเลย คือข้าวเค้าไม่เหมือนข้าวบ้านเราอ่ะ เค้าบอกมันเป็นข้าวดอย คือมันจะดูเป็นข้าวใหม่ เหนียวหน่อยๆ บอกไม่ถูกรู้แต่อร่อย ลงมาข้างล่างไม่มีให้กิน พูดละก็อยากกินอีกเลย
กิจกรรมค่ำคืนนี้ก็จะเป็นกิจกรรมพบปะกับผู้นำชุมชน แล้วก็คุณครูในโรงเรียนค่ะ โรงเรียนนี้จะรับเด็กมาจากหลากหลายที่ คนที่อยู่ไกลก็จะมีหอพักให้นอน มีคุณครูดูแล บางคนก็มาจากประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงด้วย ดังนั้นคุณครูที่นี่ก็จะเป็นคุณครูตลอด 24 ชั่วโมง เป็นทั้งคุณครูแล้วก็พ่อแม่ให้กับเด็กๆในโรงเรียนเลยค่ะ ส่วนผู้นำชุมชน หรือที่เรียกว่าพ่อหลวงก็จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับชุมชนให้ฟังค่ะ
หลังจากเสร็จกิจกรรม เราก็จะจับกลุ่มเพื่อคิดกิจกรรมการสอนในวันรุ่งขึ้น แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านนอนค่ะ อากาศกลางคืนหนาวมาก ขนาดซุกในถุงนอนแล้วยังหนาวอยู่เลย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้