https://ppantip.com/topic/39531640
..........ผมยุติความสงสัยเดินไปหาต้นเสียง อาศัยเปิดไฟฉายบนโทรศัพท์มือถือ อีกไม่กี่ก้าวจะถึงเพิง เห็นเงาดำคล้ายสัตว์วิ่งแล่นออกไป มันอาจเป็นหมูป่าที่มาหากินแถวนี้ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก
ในป่าเงียบมาก ผมหยุดยืนนิ่ง จากนั้นพอฟังให้ดีคล้ายมีเสียงกู่ของฝูงผี จากเบากลายเป็นดังขึ้นทุกที มันคือเสียงช้างร้อง ไม้เล็กหักล้ม แผ่นดินลั่นคล้ายช้างทั้งโขลงกำลังมุ่งมาทางนี้ สำนักสงฆ์กลางป่าแห่งนี้ ผมหวังว่าคงไม่ได้ร้างเพราะภัยจากช้างป่า ในเมื่อโบวะหนีไปแล้วคง จะเอ่ยปากปรึกษาใครได้ คงต้องพึ่งตัวเอง วิ่งอ้าวไปรวมกับพรรคพวก
เบื้องบนพระจันทร์ดวงโตลอยเด่น แม้ยามแสงทองส่องลงมา ศาลาโปร่งโล่งไร้ผนัง ผมเห็นเงาของพระภิกษุนั่งขัดสมาธิในกลด แน่นิ่งราวกับหุ่นปั้น ผมจะเข้าไปกราบ เพื่อขอพูดคุยด้วย เป็นอันตกใจกับเสียงช้างร้อง พอหันมาอีกที ในกลดกลับโล่ง คล้ายผมตาฝาดไปเอง
จิ้งหรีดกับเสียงกบเขียดในลำห้วยแข่งเสียงกันขับขาน คล้ายป่าจะกลับมาสุขสงบอีกครั้ง ผมนิ่งอยู่ครู่ โขลงช้างคงไม่ได้มุ่งมาทางนี้แล้ว กลับมาดูพี่อำนาจกับอ่ำที่ต่างนอนครางฮือๆ คล้ายกำลังเพ้อ ไม่มีใครลุกขึ้นมาพูดคุย ปล่อยให้รู้สึกโดดเดี่ยว ผมเติมฟืนไฟเสร็จก็ล้มตัวลงนอน ฟังเสียงดนตรีของป่าขับกล่อม ก่อนสติค่อยๆ เลือน
เนิ่นนานทีเดียวที่หลับไป ผมถูกปลุกจากเสียงดังอื้ออึง หลังคาสังกะสีที่ฝนเทกระหน่ำลงมา กองไฟไม่เหลือแม้ถ่านแดง สภาพไม่ต่างจากคนตาบอด รอบตัวมันมืดมาก โชคยังดีที่มีไฟฉาย พอหันไปไม่เห็นพี่อำนาจกับอ่ำ หรือว่าทั้งสองคนหลบละอองฝนเข้าไปข้างใน
เพียงครู่เดียวฝนก็ซาลง หูของผมที่นอนแนบกับพื้น คล้ายได้ยินเสียงฝีเท้าคนดัง ตึก ตึก เดินตรงที่ครัว หรือว่าจะเป็นพี่อำนาจกับอ่ำ
โป๊ก! โป๊ก!
คราวนี้เสียงดังเหมือนคนใช้อีโต้สับกระดูก ผมไม่อาจข่มตาหลับได้อีกแล้ว ใครคนหนึ่งต้องลุกไปทำอะไรที่ครัวแน่ ผมฉายไฟเร่งรุดไป ทุกย่างก้าวเหยียบใบไม้แห้งดังกรอบแกรบ ผมร้องเรียกให้เสียงไปก่อน
“ใคร! นั่นทำอะไรอยู่ตรงนั้น”
ร่างสันทัดผิวสองสี แม้เห็นแค่แผ่นหลัง ผมจำได้แม่นยำว่าคือไอ้อ่ำ ที่กำลังใช้มีดอีโต้สับไปที่โครงของหมีขอ พอวางมีดก็ใช้มือดึงขดไส้ออกมาทั้งยวง ใส่ปากเคี้ยวเสียงดัง คร่อก คร่อก พอถูกแสงไฟก็หันขวับมา ดวงตาสะท้อนแสงไฟ ปากยังคาบไส้ห้อยยาวถึงอก ภาพอันน่าสยดสยองยิ่งนัก ผมต้องผงะก้าวถอยหลัง ร้องเสียงแทบไม่ออก
ไอ้อ่ำ ไม่ใช่สิ เป็นใครก็ไม่รู้!
“เล็ก! ช่วยพี่ด้วย! โอ๊ย!”
พี่อำนาจยืนใช้สองมือกุมคอ พอปล่อยมือ คอบิดไปด้านหลังดังแกรบ ดวงตาคู่นั้นเบิกโพลงเหลือกลาน อันน่าจะเป็นสภาพสุดท้ายก่อนตาย ผมร้องละล่ำละลัก พี่อำนาจตายแล้ว!
เปรี้ยง!
ประกายไฟวูบอันร้อนผ่าวมาจากด้านหลัง กระสุนปะทะร่างของอมนุษย์หนึ่งในสองผงะหงายหลัง ก่อนที่สติของผมจะดับวูบจากความตกใจกลัวสุดขีด
ผมงัวเงียตื่นขึ้นคล้ายหลับฝันร้ายไป เหงื่อซึมทั้งที่อากาศเย็น มารู้ตัวอีกทีบนห้างที่ขัดไว้บนต้นไม้ ที่อยู่นอกอาณาเขตสำนักสงฆ์ร้าง ในความมืดด้านล่างคล้ายเกิดความโกลาหล เสียงช้างร้องด้วยอาการขู่คำรามพ่นลมจากปลายงวงดังฟืดฟาด ไล่เหยียบย่ำสิ่งปลูกสร้างภายในสำนักสงฆ์อย่างเกรี้ยวกราดดุร้าย
“ผีลงช้าง ไม่ต้องตกใจครับคุณเล็ก ผมยังอยู่ทั้งคน”
เสียงจากร่างของใครคนหนึ่งในเงามืด กำลังคาบบุหรี่ติดไฟแดง นั่งกอดเข่า มีปืนยาวพาดบ่าในลักษณะคุ้นตามาก
“โบวะ นั่นโบวะตัวจริงใช่ไหม”
“ผมครับ คุณเล็ก”
สำเนียงห้วนสั้น ฟังดูซื่อๆ ของโบวะ บอกเป็นคนนำผมขึ้นมาบนนี้ ไฟฉายในมือแทบทำตก ดวงตาข้างหนึ่งของโบวะบวมเป่ง เนื้อตัวเป็นแผลยับ เขียวช้ำจนน่ากลัว ผมกลืนน้ำลายดึงอึก พยายามเปล่งเสียงถามไปถึงพี่อำนาจกับอ่ำ
“ไม่มีคน อยู่ข้างล่างแล้วครับ แถวนี้มีแต่เราที่เป็นคน”
ผมมองตามลงไป ขนบนแขนลุกชัน บนคอช้างมีเงาดำคล้ายคน ดวงตาแดงราวกับถ่านไฟ วาดแขนชี้นิ้วชี้สั่งการให้ช้างหันมาที่ต้นไทรใหญ่ เป้าหมายอยู่บนนี้ โบวะโอมอ่านคาถาบางอย่างฟังไม่ได้ศัพท์ แนบแก้มกับคอปืนเล็งไปที่ร่างวิปริตนั้นแล้วเหนี่ยวไกดังเปรี้ยง พอหายวับไป ช้างตัวนั้นก็หันหลังวิ่งหายไปในความมืด
ผมร้อนใจมาก เป็นห่วงพี่อำนาจกับอ่ำ โบวะส่ายหน้าแช่มช้าน้ำเสียงเยือกเย็น ช่วยไม่ได้จริงๆ แล้วก็เริ่มลำดับเรื่องราวให้ฟัง เขาโดดลงจากรถได้ทัน แต่ก็สลบไป พอได้สติก็เห็นผมเดินมุ่งไปที่สำนักสงฆ์ร้างเพียงคนเดียว จะร้องเรียกแต่กระดิกตัวไม่ได้ พอฟื้นคืนจึงรีบตามมา สำนักสงฆ์แห่งนี้เคยมีช้างป่าเหยียบพระจนมรณภาพ โบวะได้ยินเสียงช้างทั้งโขลงเห็นท่าไม่ดี เลยขึ้นมาขัดห้างบนต้นไม้ไว้ก่อน
“ไม่ต้องกลัวครับ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว
ฮ่าฮ่า”
รุ่งเช้าสิ่งที่โบวะพูดก็เป็นจริง หน่วยกู้ภัยมาถึง ชักลากซากรถขึ้นมาจากลำห้วย ผมต้องสยดสยองอีกครั้ง ศพแช่น้ำอยู่ในน้ำทั้งคืนจนซีดขาว พี่อำนาจคอหักดวงตาเบิกโพลงเหลือกลาน ถูกนำมาวางเคียงศพของอ่ำ จนถึงตอนนี้เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากผม ยังดังก้องในหูอยู่เลย ตอนรถกระแทกลงไป ผมกลัวจนขาดสติ ใช้เท้าถีบคอหลายทีเพื่อสลัดมือยื้อ และยันตัวเองออกมาจากรถได้หวุดหวิด
“เล็ก! ช่วยพี่ด้วย! โอ๊ย!”
🙏🙏🙏🙏🙏🌹🌹🌹🌹
สวัสดีครับนักอ่านทุกท่าน ปีใหม่นี้ ขอจงหลอนกันถ้วนหน้านะครับ เฮอะๆ คือช่วงนี้ผมกำลังตั้งหน้าทำช่องในยูปทูปนะครับ เอาตรงๆ เลยไม่อ้อม
ฝากร้านด้วยครับ ช่วยกันกดติดตามให้เยอะๆ ตอนนี้ 11 คนเอง ช่องของคุณลิไปหลายพันเเล้ว ช่างห่างไกลหลายปีเเสงเลย ใครที่ชอบแนวหลอน แนวป่าเขาแนะนำบอกต่อกันได้นะ จะขอบคุณมากเลยจ้า
คืนหลอนในป่า ผีล่าพราน...ตอนจบครับ
..........ผมยุติความสงสัยเดินไปหาต้นเสียง อาศัยเปิดไฟฉายบนโทรศัพท์มือถือ อีกไม่กี่ก้าวจะถึงเพิง เห็นเงาดำคล้ายสัตว์วิ่งแล่นออกไป มันอาจเป็นหมูป่าที่มาหากินแถวนี้ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก
ในป่าเงียบมาก ผมหยุดยืนนิ่ง จากนั้นพอฟังให้ดีคล้ายมีเสียงกู่ของฝูงผี จากเบากลายเป็นดังขึ้นทุกที มันคือเสียงช้างร้อง ไม้เล็กหักล้ม แผ่นดินลั่นคล้ายช้างทั้งโขลงกำลังมุ่งมาทางนี้ สำนักสงฆ์กลางป่าแห่งนี้ ผมหวังว่าคงไม่ได้ร้างเพราะภัยจากช้างป่า ในเมื่อโบวะหนีไปแล้วคง จะเอ่ยปากปรึกษาใครได้ คงต้องพึ่งตัวเอง วิ่งอ้าวไปรวมกับพรรคพวก
เบื้องบนพระจันทร์ดวงโตลอยเด่น แม้ยามแสงทองส่องลงมา ศาลาโปร่งโล่งไร้ผนัง ผมเห็นเงาของพระภิกษุนั่งขัดสมาธิในกลด แน่นิ่งราวกับหุ่นปั้น ผมจะเข้าไปกราบ เพื่อขอพูดคุยด้วย เป็นอันตกใจกับเสียงช้างร้อง พอหันมาอีกที ในกลดกลับโล่ง คล้ายผมตาฝาดไปเอง
จิ้งหรีดกับเสียงกบเขียดในลำห้วยแข่งเสียงกันขับขาน คล้ายป่าจะกลับมาสุขสงบอีกครั้ง ผมนิ่งอยู่ครู่ โขลงช้างคงไม่ได้มุ่งมาทางนี้แล้ว กลับมาดูพี่อำนาจกับอ่ำที่ต่างนอนครางฮือๆ คล้ายกำลังเพ้อ ไม่มีใครลุกขึ้นมาพูดคุย ปล่อยให้รู้สึกโดดเดี่ยว ผมเติมฟืนไฟเสร็จก็ล้มตัวลงนอน ฟังเสียงดนตรีของป่าขับกล่อม ก่อนสติค่อยๆ เลือน
เนิ่นนานทีเดียวที่หลับไป ผมถูกปลุกจากเสียงดังอื้ออึง หลังคาสังกะสีที่ฝนเทกระหน่ำลงมา กองไฟไม่เหลือแม้ถ่านแดง สภาพไม่ต่างจากคนตาบอด รอบตัวมันมืดมาก โชคยังดีที่มีไฟฉาย พอหันไปไม่เห็นพี่อำนาจกับอ่ำ หรือว่าทั้งสองคนหลบละอองฝนเข้าไปข้างใน
เพียงครู่เดียวฝนก็ซาลง หูของผมที่นอนแนบกับพื้น คล้ายได้ยินเสียงฝีเท้าคนดัง ตึก ตึก เดินตรงที่ครัว หรือว่าจะเป็นพี่อำนาจกับอ่ำ
โป๊ก! โป๊ก!
คราวนี้เสียงดังเหมือนคนใช้อีโต้สับกระดูก ผมไม่อาจข่มตาหลับได้อีกแล้ว ใครคนหนึ่งต้องลุกไปทำอะไรที่ครัวแน่ ผมฉายไฟเร่งรุดไป ทุกย่างก้าวเหยียบใบไม้แห้งดังกรอบแกรบ ผมร้องเรียกให้เสียงไปก่อน
“ใคร! นั่นทำอะไรอยู่ตรงนั้น”
ร่างสันทัดผิวสองสี แม้เห็นแค่แผ่นหลัง ผมจำได้แม่นยำว่าคือไอ้อ่ำ ที่กำลังใช้มีดอีโต้สับไปที่โครงของหมีขอ พอวางมีดก็ใช้มือดึงขดไส้ออกมาทั้งยวง ใส่ปากเคี้ยวเสียงดัง คร่อก คร่อก พอถูกแสงไฟก็หันขวับมา ดวงตาสะท้อนแสงไฟ ปากยังคาบไส้ห้อยยาวถึงอก ภาพอันน่าสยดสยองยิ่งนัก ผมต้องผงะก้าวถอยหลัง ร้องเสียงแทบไม่ออก
ไอ้อ่ำ ไม่ใช่สิ เป็นใครก็ไม่รู้!
“เล็ก! ช่วยพี่ด้วย! โอ๊ย!”
พี่อำนาจยืนใช้สองมือกุมคอ พอปล่อยมือ คอบิดไปด้านหลังดังแกรบ ดวงตาคู่นั้นเบิกโพลงเหลือกลาน อันน่าจะเป็นสภาพสุดท้ายก่อนตาย ผมร้องละล่ำละลัก พี่อำนาจตายแล้ว!
เปรี้ยง!
ประกายไฟวูบอันร้อนผ่าวมาจากด้านหลัง กระสุนปะทะร่างของอมนุษย์หนึ่งในสองผงะหงายหลัง ก่อนที่สติของผมจะดับวูบจากความตกใจกลัวสุดขีด
ผมงัวเงียตื่นขึ้นคล้ายหลับฝันร้ายไป เหงื่อซึมทั้งที่อากาศเย็น มารู้ตัวอีกทีบนห้างที่ขัดไว้บนต้นไม้ ที่อยู่นอกอาณาเขตสำนักสงฆ์ร้าง ในความมืดด้านล่างคล้ายเกิดความโกลาหล เสียงช้างร้องด้วยอาการขู่คำรามพ่นลมจากปลายงวงดังฟืดฟาด ไล่เหยียบย่ำสิ่งปลูกสร้างภายในสำนักสงฆ์อย่างเกรี้ยวกราดดุร้าย
“ผีลงช้าง ไม่ต้องตกใจครับคุณเล็ก ผมยังอยู่ทั้งคน”
เสียงจากร่างของใครคนหนึ่งในเงามืด กำลังคาบบุหรี่ติดไฟแดง นั่งกอดเข่า มีปืนยาวพาดบ่าในลักษณะคุ้นตามาก
“โบวะ นั่นโบวะตัวจริงใช่ไหม”
“ผมครับ คุณเล็ก”
สำเนียงห้วนสั้น ฟังดูซื่อๆ ของโบวะ บอกเป็นคนนำผมขึ้นมาบนนี้ ไฟฉายในมือแทบทำตก ดวงตาข้างหนึ่งของโบวะบวมเป่ง เนื้อตัวเป็นแผลยับ เขียวช้ำจนน่ากลัว ผมกลืนน้ำลายดึงอึก พยายามเปล่งเสียงถามไปถึงพี่อำนาจกับอ่ำ
“ไม่มีคน อยู่ข้างล่างแล้วครับ แถวนี้มีแต่เราที่เป็นคน”
ผมมองตามลงไป ขนบนแขนลุกชัน บนคอช้างมีเงาดำคล้ายคน ดวงตาแดงราวกับถ่านไฟ วาดแขนชี้นิ้วชี้สั่งการให้ช้างหันมาที่ต้นไทรใหญ่ เป้าหมายอยู่บนนี้ โบวะโอมอ่านคาถาบางอย่างฟังไม่ได้ศัพท์ แนบแก้มกับคอปืนเล็งไปที่ร่างวิปริตนั้นแล้วเหนี่ยวไกดังเปรี้ยง พอหายวับไป ช้างตัวนั้นก็หันหลังวิ่งหายไปในความมืด
ผมร้อนใจมาก เป็นห่วงพี่อำนาจกับอ่ำ โบวะส่ายหน้าแช่มช้าน้ำเสียงเยือกเย็น ช่วยไม่ได้จริงๆ แล้วก็เริ่มลำดับเรื่องราวให้ฟัง เขาโดดลงจากรถได้ทัน แต่ก็สลบไป พอได้สติก็เห็นผมเดินมุ่งไปที่สำนักสงฆ์ร้างเพียงคนเดียว จะร้องเรียกแต่กระดิกตัวไม่ได้ พอฟื้นคืนจึงรีบตามมา สำนักสงฆ์แห่งนี้เคยมีช้างป่าเหยียบพระจนมรณภาพ โบวะได้ยินเสียงช้างทั้งโขลงเห็นท่าไม่ดี เลยขึ้นมาขัดห้างบนต้นไม้ไว้ก่อน
“ไม่ต้องกลัวครับ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว ฮ่าฮ่า”
รุ่งเช้าสิ่งที่โบวะพูดก็เป็นจริง หน่วยกู้ภัยมาถึง ชักลากซากรถขึ้นมาจากลำห้วย ผมต้องสยดสยองอีกครั้ง ศพแช่น้ำอยู่ในน้ำทั้งคืนจนซีดขาว พี่อำนาจคอหักดวงตาเบิกโพลงเหลือกลาน ถูกนำมาวางเคียงศพของอ่ำ จนถึงตอนนี้เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากผม ยังดังก้องในหูอยู่เลย ตอนรถกระแทกลงไป ผมกลัวจนขาดสติ ใช้เท้าถีบคอหลายทีเพื่อสลัดมือยื้อ และยันตัวเองออกมาจากรถได้หวุดหวิด
“เล็ก! ช่วยพี่ด้วย! โอ๊ย!”