การโจรกรรมครั้งประวัติศาสตร์ที่โลกจดจำ

 "การบุกปล้นครั้งใหญ่ที่ Hatton Garden"


ได้เกิดเหตุการณ์บุกปล้นทรัพย์ในอังกฤษที่เหมือนกับการถ่ายภาพยนตร์ คนร้ายใช้เวลาเพียง 4 วันก็สามารถแทรกตัวเข้าไปโจรกรรมภายในโกดังนิรภัยของตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนเครื่องประดับ Hatton Gardon ที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษได้ เขาได้โจรกรรมตู้นิรภัยไปกว่า 300 ตู้ แถมยังขุดหลุมอีก 3 หลุมใหญ่ภายในห้องนิรภัยด้วย..
การบุกปล้นครั้งนี้สามารถนำทรัพย์สมบัติมูลค่าถึง 14 ล้านปอนด์ไปได้ นับว่าเป็นการบุกปล้นที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์อังกฤษเลยทีเดียว ทางตำรวจอังกฤษสามารถจับตัวผู้กระทำความผิดได้ 7 คน พวกเขาทั้งหมดยอมรับสารภาพ แต่ทุกคนกลับเป็นชายแก่สูงวัยทั้งหมด...



หัวหน้าใหญ่ Brain Reader อายุ 76 ปี ซึ่งมีอายุมากที่สุดในกลุ่ม ตำรวจเผยว่าในวันที่เขาบุกปล้นทรัพย์ เขาได้นั่งรถสาธารณะฟรีสำหรับคนชราอีกด้วย...
เขาเคยก่อเหตุร่วมปล้นทรัพย์ที่มีชื่อเสียงมาแล้วหลายครั้ง และเคยติดคุกด้วย เขาเป็นผู้ริเริ่มแผนการบุกปล้นครั้งนี้
 
John Kelly Collins             อายุ 75 ปี รับผิดชอบการสำรวจพื้นที่และดูต้นทาง  ก่อนเกิดเหตุบุกปล้นทรัพย์ เขาได้สำรวจพื้นที่เป้าหมายแล้วหลายต่อหลายครั้ง แถมยังสามารถพบจุดอ่อนของโกดังนิรภัยอีกด้วย เขาสารภาพในระหว่างการสืบสวนว่า จริงๆแล้วช่วงที่เขากำลังดูต้นทางดู เขายังเผลอหลับไป แต่เขาก็ได้หาจุดที่มีการคุ้มกันน้อยที่สุดจนเจอ...

Terry Perkins                     อายุ 67 ปี เมื่อปี 1983 เขาเคยก่อเหตุโจรกรรมมูลค่ากว่า 6 ล้านปอนด์ แถมครั้งนั้นยังเป็นการลักทรัพย์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษอีกด้วย การบุกปล้นครั้งนี้เขาได้นำเครื่องเพชรไปซ่อนไว้
Danny Jones                     ผู้ก่อเหตุที่มีอายุน้อยสุดใน 4 คน อายุ 60 ปี 

BBC ได้วิเคราะห์ถึงเหตุผลว่า เพราะเหตุใดพวกเขาก็อายุมากแล้ว แต่ทำไม่จึงไม่ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างปกติสุข ทำไมจึงต้องสูญเสียแรงกายและความอดทนเพื่อทำการโจรกรรมทรัพย์ด้วย?
ศาสตราจารย์เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมกล่าวว่า นอกจากเงินทองแล้ว การปล้นทรัพย์ครั้งใหญ่ก็เหมือนกับการท้าทายอย่างหนึ่ง ที่สามารถทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่....แต่การกระทำความผิดย่อมได้รับโทษเสมอ ยังไงก็ต้องติดคุก  นี่คือการปล้นทรัพย์ครั้งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์อังกฤษ ที่มีผู้ก่อเหตุเป็นคนชราเพียงไม่กี่คน
Cr.http://www.liekr.com/post_138711.html

โจรกรรมภาพ “โมนาลิซา” 


‘LA GIOCONDA’ IS STOLEN IN PARIS คือพาดหัวที่ปรากฏในหน้าแรกของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ในสหรัฐ​ฯ แสดงให้เห็นว่า ข่าวนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้คนจากต่างแดนไม่เพียงแต่ชาวบ้านในฝรั่งเศส (La Gioconda – เป็นอีกชื่อหนึ่งของภาพโมนาลิซา แปลว่า ผู้มีใจเบิกบาน ซึ่งคำว่า Gioconda ยังไปพ้องกับชื่อสกุลของนางแบบ Lisa del Giocondo ด้วย)

วันเกิดเหตุดังกล่าวตรงกับวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 1911 (พ.ศ. 2454) ซึ่งเป็นวันจันทร์ วันหยุดตามปกติของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ โดยภาพโมนาลิซาถูกพบเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อเวลา 7 นาฬิกาของวันนี้ ขณะผู้ดูแลเข้ามาทำความสะอาดเหมือนเช่นเคย แต่เช้าวันถัดมาพวกเขาก็พบว่า ภาพวาดตัวชูโรงประจำพิพิธภัณฑ์ได้หายสาบสูญไป เหลือเพียงแต่กรอบรูปที่ถูกทิ้งไว้ข้างบันไดเท่านั้น

มีผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุม 2 รายคือ กีโยม อะพอล์ลิแนร์ (Guillaume Apollinaire) ศิลปิน นักประพันธ์ และนักวิจารณ์ศิลปะชื่อดัง และ ปาโบล ปีกัสโซ ศิลปินที่เรียกได้ว่าทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในยุคศตวรรษที่ 20  เพื่อทำการสอบสวน ก่อนที่จะปล่อยตัวไป

ในที่สุดก็จับโจรผู้ก่อเหตุได้ เขาเคยทำงานกับพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์มาก่อน เป็นหนุ่มอิตาเลียนที่ย้ายมาทำงานในกรุงปารีสเมื่อปี 1908 นามว่า วินเซนโซ เปรูจา (Vincenzo Perugia) อย่างไรก็ดี สุดท้ายแล้วเปรูจาก็ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง แต่เขาก็รับโทษอยู่แค่ไม่กี่เดือน แถมชาวอิตาเลียนอีกหลายรายยังพากันเชิดชูเขาราวกับเป็นวีรบุรุษ โดยอ้างว่าทำไปด้วยความรักชาติ
Cr.https://www.silpa-mag.com/culture/article_6063 / โดยกานต์ จันทน์ดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ทะลวงทุกระบบไปขนเพชรมหาศาล 


นับเป็นคดีโจรกรรมเพชรที่อุกอาจ และยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ โดยเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ประเทศอิตาลี  และข้อมูลทั้งหมดถูกเปิดเผยหลังจากเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนาย Leonardo Notarbartolo เอาไว้ได้

เมื่อกุมภาพันธ์ ปี 2003 นาย Leonardo ถูกจับกุมข้อหาโจรกรรมเพชร และสมบัติมีค่าอื่นๆ จาก Antwerp Diamond Centre รวมทั้งหมดเป็นมูลค่าสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือ.. ด้วยระบบป้องกันภัยที่มีอยู่หลายชั้น เจ้าหน้าที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า การโจรกรรมครั้งนี้สำเร็จได้อย่างไร?



ย้อนกลับไปเมื่อปี 2000 นาย Leonardo ได้ปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพชรพลอย ที่เดินทางมาจากเมืองตูริน และได้เช่าออฟฟิศภายในห้างเพชรแห่งนี้ โดยอ้างว่าใช้สำหรับการติดต่อเจรจาธุรกิจ  โดยเขาให้การว่าตนเองได้รับการว่าจ้างจากพ่อค้าเพชรชาวยิวคนหนึ่ง เป็นเงินสูงถึง 100,000 ยูโร กับภารกิจโจรกรรมเพชรครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์   เขาใช้เวลาช่วงที่เช่าออฟฟิศอยู่ภายในอาคาร ทำการสำรวจเส้นทางการเข้าถึงห้องเก็บสมบัติ และพบว่าภายในห้องเต็มไปด้วยระบบนิรภัย เซนเซอร์จับการเคลื่อนไหว สนามแม่เหล็ก และกล้องวงจรปิด
 
ถึงแม้ว่าภายในห้องเก็บสมบัติจะมีระบบป้องกันนิรภัยมากมาย แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรจะหยุดโจรกลุ่มนี้ได้ เขาใช้เวลาทั้งหมดที่ปลอมตัวเป็นคนขายเพชร ในการเก็บข้อมูล และวาดแผนผังอาคารทั้งหมดก่อนลงมือจริง
กลางดึกของคืนโจรกรรม กลุ่มโจรได้ลักลอบย่องเบาสะเดาะกลอนประตูเข้าไปยังห้องเก็บสมบัติ ชายคนหนึ่งใช้โล่ที่ทำมาจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์เพื่อกันเซนเซอร์ มีการใช้เทปแลคซีนเพื่อหยุดการทำงานของสนามแม่เหล็ก และในที่สุดกล่องเก็บสมบัติก็ถูกเปิดออก
 
ตู้นิรภัยกว่า 189 ตู้ถูกเปิดออก เพชรทั้งหมดถูกโจรกรรมไปในชั่วพริบตาเดียว Leonardo และลูกมือของเขาก็ได้รีบเผ่นออกจากสถานที่ดังกล่าว ก่อนที่ตำรวจจะแห่กันมา  Leonardo และลูกมือของเขา ได้จอดรถข้างถนนมอเตอร์เวย์แห่งหนึ่ง เพื่อทำลายหลักฐานที่อาจนำมาซึ่งการถูกจับกุม ทว่าเช้าวันต่อมากลับมีคนเก็บขยะคนหนึ่ง สังเกตเห็นกองขยะที่เต็มไปด้วยกล่องเพชร และใบเสร็จที่เขียนว่ามาจาก Antwerp Diamond Centre และนั่นก็เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ

จากการเก็บหลักฐานที่ถูกทิ้งไว้ข้างทาง ในที่สุด 3 ปีต่อมาเจ้าหน้าที่ก็สามารถตามจับกุมนาย Leonardo ได้ โดยตอนแรกเจ้าตัวได้ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด  แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปค้นที่บ้านของเขาที่เมืองตูริน ก็ได้พบกับเพชรเม็ดงามจำนวน 17 เม็ด ซึ่งมีลักษณะตรงกับใบรับรองของเพชรที่หายไปจาก Antwerp Diamond Centre 
ในที่สุดเจ้าตัวก็ได้ให้การสารภาพทั้งหมดกับเจ้าหน้าที่ และอ้างว่าไม่สามารถติดต่อกับผู้ว่าจ้างได้ ทำให้การแลกเปลี่ยนเพชรที่โจรกรรมมาเกิดการคลาดเคลื่อน และถูกจับกุมในท้ายที่สุด
ขอบตุณที่มา ที่มา: Ladbible
Cr.https://www.catdumb.com/diamond-heist-420/

ปล้นพิพิธภัณฑ์เยอรมัน Green Vault


โจรปล้นพิพิธภัณฑ์เยอรมัน Green Vault กวาดของล้ำค่ามากกว่า 3.3 หมื่นล้าน

เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2019 เว็บไซต์ DW รายงานเหตอุกอาจ โจรได้บุกเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ GrünesGewölbe หรือ Green Vault เมืองเดรสเดิน ประเทศเยอรมันนี ซึ่งเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของโลก เป็นสถานที่จัดแสดงชุดเครื่องประดับสมัยศตวรรษที่ 18 อันล้ำค่าสามชุด พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บสะสมสมบัติที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป
เหตุโจรกรรมคร้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายสองคนแอบบุกรุกเข้ามาในพิพิธภัณฑ์ เมื่อได้ทรัพย์สินมีค่าแล้วก็หลบหนีออกไป แต่ตำรวจเชื่อว่าผู้ร่วมขวนการอาจมีมากกว่านี้
 
ทั้งนี้ ตำรวจสันนิษฐานว่า ในช่วงก่อนเกิดเหตุแหล่งจ่ายไฟของพิพิธภัณฑ์อาจถูกก่อวินาสกรรมเช่นกัน โดยเจ้าหน้าทีที่รับผิดชอบยืนยันเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วและกำลังตรวจสอบว่าเหตุการณ์ทั้งสองเชื่อมโยงกันหรือไม่ ตำรวจกล่าวว่าไฟฟ้าดับทำให้พื้นที่ทั้งหมดตกอยู่ในความมืดทำให้การวิเคราะห์วิดีโอทำได้ยาก
พวกโจรพุ่งเป้าไปยังส่วนประวัติศาสตร์ของพิพิธภัณฑ์ซึ่งแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ห้องเก็บสมบัติประวัติศาสตร์ของพระเจ้าออกัสตัสที่สอง และส่วนจัดแสดงของล้ำค่าของบุคคลต่าง ๆ
โจรได้ขโมยชุดเครื่องประดับในศตวรรษที่ 18 อย่างน้อยสามชุดตามที่ผู้อำนวยการทั่วไปของพิพิธภัณฑ์ระบุ เธอกล่าวว่ามูลค่าของวัสดุอยู่ในระดับต่ำ แต่มูลค่าจากคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมนั้นประเมิณค่าไม่ได้ แต่ทั้งนี้มีรายงานว่า ทรัพย์สินทั้งหมดที่โจรได้ไปรวมมูลค่าประมาณ 1 พันล้านยูโร
นายมิคาเอล เครตช์เมอร์ มุขมนตรีรัฐแซกโซนี ประกาศว่า สิ่งที่ถูกปล้นในครั้งนี้ไม่ใช่มีแค่คลังศิลปะแห่งรัฐเท่านั้น ประชาชนชาวแซกโซนีก็ถูกปล้นด้วยเช่นกัน
Cr. https://thethaiger.com/thai/news-th/world--th/โจรกรรมพิพิธภัณฑ์เยอรมัน  By  Aindravudh
ขอบคุณภาพจาก: SKD, Foto: Hans Christian Krass

จอมโจรขโมยเพชร ที่ตัวเล็กที่สุดในประวัติศาสตร์
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

9 สิงหาคม 2561 - Dailymail รายงานว่า ได้มีการเผยแพร่คลิปการโจรกรรมเพชรในร้านจิวเวลรี่แห่งหนึ่ง โดยผู้ที่ถ่ายคลิปนี้เป็นลูกค้าร้านเพชร ในคลิปจะเห็นได้ว่าเจ้ามดตัวเล็กนี้ กำลังแบกเพชรที่มีขนาดและน้ำหนักมากกว่าตัวมันเสียอีก 
 
ร้านขายอัญมณีแห่งหนึ่งในมหานครนิวยอร์กตามหาโจรขโมยเพชรได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องอาศัยกำลังตำรวจเลยสักคน เพราะเจ้าหัวขโมยเพิ่งหนีไปได้เพียงไม่กี่ฟุตเท่านั้น แต่ที่น่าตกใจก็คือจอมโจรที่จับได้มีความยาวเพียงแค่เศษเสี้ยวของ 1 นิ้ว

โดยในคลิป มีกองเพชรเม็ดเล็กๆ กองหนึ่งวางอยู่บนกระดาษบนโต๊ะ จากนั้นก็มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นที่มุมหนึ่งของกระดาษ เมื่อกล้องซูมเข้าไปจึงเห็นเจ้ามดหัวขโมยตัวจิ๋ววิ่งหนีอย่างรีบเร่งโดยมีเพชรเม็ดเล็กๆ ถูกคาบอย่างแน่นหนาด้วยเขี้ยวที่ยื่นออกมาจากปาก ซึ่งเพชรเม็ดที่ถูกขโมยนั้นมีขนาดใหญ่พอๆ กับตัวของมันเอง มันทั้งคาบเดินหน้า ลากถอยหลัง เพื่อที่จะเอาเพชรกลับรังให้ได้

ถึงแม้ว่าเพชรดูจะเป็นสิ่งแปลกประหลาดสำหรับมด แต่มดงานก็เป็นที่รู้จักกันในเรื่องพฤติกรรมการค้นหา และมดที่อยู่เป็นกลุ่มก็มักเก็บสิ่งต่างๆ กลับมาที่รังของมัน นอกจากนี้บ่อยครั้งที่มดสามารถขนของที่มีขนาดใหญ่กว่าและหนักกว่าตัวมันได้
 แต่คลิปดังกล่าวไม่ได้ถ่ายจนจบ เราเลยไม่รู้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนั้น เจ้ามดตัวนี้จะเจอกับชะตากรรมอย่างไรบ้าง

ขอบคุณที่มา: https://www.xn--12c1bij4d1a0fza6gi5c.com/ant-stealing-diamond.html
ที่มา : thechive
Cr.https://board.postjung.com/1093464
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่