* บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของหนัง
.
.
จีน เป็นสาวสมัยใหม่อยากรีโนเวทบ้านของครอบครัว ปัญหาคือต้องบิลท์ให้คนที่บ้านยอม โดยกำแพงที่ต้องข้ามไปให้ได้คือแม่ที่ค้านหัวชนฝาว่า ไม่ยอมเสียพรมแดนส่วนตัวที่เป็นทั้งห้องกินข้าว ห้องนั่งเล่นและห้องนอนในที่เดียวกัน จนกลายเป็นเรื่องชวนหัวในการร่วมมือกับน้องชายว่าจะทิ้งของอะไรดี
มันจะกลายเป็นหนังรักนอสตาลเจียหวานอมขมกลืนได้อยู่แล้ว ถ้าจะทำก็น่าจะไปถึงด้วย (และตัวอย่างก็ทำให้เราเชื่อแบบนั้น) ซึ่งพอหนังเลือกไม่ไปทางนั้น มันเลยกล้าหาญในความเป็นหนังค่ายใหญ่ แม้แต่การหักดิบคนดูไม่ให้มันจบเป็นหนังรัก
เราจะทิ้งใครสักคนให้หายไปเหมือนเขาไม่เคยมีตัวตนได้เลยเหรอ น่าจะเป็นโจทย์ที่หนังพาเราไปสำรวจจริงๆ เริ่มต้นคนดูได้ดูการทิ้งในเชิงกายภาพ (เตรียมอุปกรณ์ รื้อบ้าน ทิ้งของลงถุงดำ)
.
.
หนังเปิดซีนเล็กๆ ของการค้นพบสมุดพก ทำให้เราได้เห็นรอยร้าวบางอย่างในตัวจีน และการค้นพบของที่เป็นความทรงจำของแฟนเก่าอย่างพี่เอ็ม ที่จีนเคยทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดี การกลับไปเผชิญหน้ากับพี่เอ็มทำให้เธอรู้ว่า เราไม่สามารถลบใครให้หายไปจากเราง่ายๆ เหมือนธานอสดีดนิ้ว
.
.
การทิ้งใครในความทรงจำมันทำไม่ได้หรอก ถ้าหนังมันจบแค่นี้ มันจะเป็นหนังรักมินิมอลเรื่องนึงของเต๋อ นวพล ที่ทำกับ gdh ด้วยแนวคิดแบบอินดี้แบบ 36 ที่ปรับโฉมให้แมสขึ้น แต่หนังพาไปลึกกว่าคือ การเฝ้าดูการก้าวพ้นวัยของจีน
ก่อนหน้านั้น การที่จีนปากหนักไม่ยอมขอโทษเพื่อนเรื่องทิ้งซีดี ไปจนถึงปมตอนบากหน้าไปคืนดับเบิลเบสให้เพื่อนที่ยังเคือง เราเข้าใจจีนว่าเธอไม่ใช่คนเลวร้าย แค่เธอเป็นคนคิดน้อยเกินไป (ทั้งการไปจากพี่เอ็ม, ทิ้งของ จนถึงดึงดันจะรีโนเวทบ้าน)
แต่การคิดน้อยของคนเรา มันจะเฮิร์ธก็ต่อเมื่อตัวเราได้รู้ว่า มันสร้างความเจ็บปวดให้คนที่เราแคร์ ยิ่งเมื่อเรามารับรู้ทีหลังในเวลาที่ทุกอย่างมันล่วงเลย มันยิ่งกรีดแทงเรามากขึ้น
ดังนั้นเราถึงได้เห็นพี่เอ็มที่แรกๆ เหมือนจะไนซ์ แต่พอจีนเข้ามาพัวพันด้วยเท่าไหร่ มันยิ่งฟ้องว่า "คนที่ไม่เป็นฝ่ายถูกทิ้ง ไม่รู้หรอก" ทั้งเรื่องการ์ดและคำขอสุดท้ายของแม่พี่เอ็ม เรื่องการจมกับความรู้สึกของคนที่เป็นฝ่ายถูกทิ้ง ว่าแล้วนี่ตัวเรา(พี่เอ็ม)ผิดอะไร?
ในซีนที่พี่เอ็มปะทะคารมกับจีนเป็นครั้งสุดท้าย เราถึงได้รู้ว่า การทิ้งของลงถุงดำมันไม่ใช่แค่การทิ้งให้หายไปลงหลุมดำ แต่มันทิ้งหลุมดำในใจให้ฝ่ายที่ถูกทิ้ง แม้เราจะปลอบใจกันและกันด้วยคำว่า มูฟออน เพราะจริงๆ แล้วไม่มีใครมูฟออนได้ เศษซากในอดีตมันติดตัวเราให้มันจึ้กอยู่เวลาหวนนึกถึง
คำพูดตอนนั้นของพี่เอ็มต่อหน้าจีน สำหรับจีนมันไม่เข้าใจหรอก(หรือไม่อยากเข้าใจ) เราจะได้เห็นจีนเดินพร่ำบ่นออกมาว่า "ก็เราขอโทษแล้วไง" วนซ้ำๆ จีนจะมูฟออนยังไงกับทุกเรื่อง ความทรงจำที่เคยดีก็ไม่อยากทิ้ง แต่สิ่งที่ทิ้งไปแล้วก็กลับมาย้อนกรีดแทงเรา
เมื่อถึงซีนที่จีนโทรหาพ่อเพื่อคุยเรื่องขายเปียโน คือการมูฟออนที่แท้จริง เพราะจีนจะทิ้งสิ่งสุดท้ายที่เป็นความทรงจำถึงพ่อ แต่พอเข้าจริงถึงเตรียมใจไว้ มันก็ยังเจ็บร้าวลึก เพราะคนในความทรงจำนั้นทิ้งเรา ตัดขาดเราอย่างไร้เยื่อใย คราวนี้จีนถึงได้รับบทคนถูกทิ้งและมันเฮิร์ธ เฮิร์ธแบบที่คนถูกทิ้งรู้สึกแบบคนอย่างพี่เอ็ม แบบคนอย่างมี่ ที่รู้สึกหมดค่า จนธารน้ำตามันไหลออกมาไม่ขาดสาย
ยิ่งหนังคลุมเครือเท่าไหร่ ความทุกข์ที่ตัวละครแบกรับยิ่งถมทับทวี เราไม่รู้ว่าสาเหตุจริงๆ ที่การไปสิงคโปร์ของมี่ต้องสิ้นสุดลงเพราะเรื่องอะไร ทำไมแม่ถึงยังเฝ้าร้องเพลง "กุหลาบแดง" ซ้ำๆ แล้วทำไมจีนถึงพูดว่า เปียโนนั่นน่าจะทิ้งเพราะไม่มีใครเล่นเป็น แต่เราได้เห็นค่ำคืนสุดท้ายที่ทำให้น่าสงสัยว่าใครสอนเธอเล่นเพลง "happy birthday"
.
.
มันทำให้ฮาวทูทิ้งไปได้ไกลกว่าหนังรักป๊อบๆ แต่มันดิ่งลึกไปถึงความเปราะบางของคนๆ หนึ่ง และมันจบลงในจุดที่เจ็บปวดมาก จีนมูฟออนตัวเองไปในจุดที่อาจจะเกือบเป็น ไมเคิล คอลีโอเน่ ใน The Godfather
มันคือการต้องยอมทำให้คนอื่นเจ็บปวดทั้งๆ ที่รู้ ยอมทิ้งความอาวรณ์ถึงคนที่(เคยรัก) ให้เลือนหายไป แม้ว่าภาพโล่งร้างของสิ่งที่อยู่ตรงหน้าที่เคยเรียกว่า บ้าน จะแปรสภาพเป็นสไตล์มินิมอลอย่างที่จีนต้องการในอนาคต แต่อดีตที่เจ็บปวดไม่เคยเลือนหาย ไม่ว่าเราจะพยายามทิ้งยังไง
ติดตามรีวิวหนังนอกกระแส หนังเก่าๆ ได้ที่เพจ ฉัน เป็น อัลเทอร์เนทีฟ
www.facebook.com/beingalter
รีวิว ฮาวทูทิ้ง แบบสปอยล์ยาวววว
.
.
มันจะกลายเป็นหนังรักนอสตาลเจียหวานอมขมกลืนได้อยู่แล้ว ถ้าจะทำก็น่าจะไปถึงด้วย (และตัวอย่างก็ทำให้เราเชื่อแบบนั้น) ซึ่งพอหนังเลือกไม่ไปทางนั้น มันเลยกล้าหาญในความเป็นหนังค่ายใหญ่ แม้แต่การหักดิบคนดูไม่ให้มันจบเป็นหนังรัก
เราจะทิ้งใครสักคนให้หายไปเหมือนเขาไม่เคยมีตัวตนได้เลยเหรอ น่าจะเป็นโจทย์ที่หนังพาเราไปสำรวจจริงๆ เริ่มต้นคนดูได้ดูการทิ้งในเชิงกายภาพ (เตรียมอุปกรณ์ รื้อบ้าน ทิ้งของลงถุงดำ)
.
.
หนังเปิดซีนเล็กๆ ของการค้นพบสมุดพก ทำให้เราได้เห็นรอยร้าวบางอย่างในตัวจีน และการค้นพบของที่เป็นความทรงจำของแฟนเก่าอย่างพี่เอ็ม ที่จีนเคยทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดี การกลับไปเผชิญหน้ากับพี่เอ็มทำให้เธอรู้ว่า เราไม่สามารถลบใครให้หายไปจากเราง่ายๆ เหมือนธานอสดีดนิ้ว
.
.
การทิ้งใครในความทรงจำมันทำไม่ได้หรอก ถ้าหนังมันจบแค่นี้ มันจะเป็นหนังรักมินิมอลเรื่องนึงของเต๋อ นวพล ที่ทำกับ gdh ด้วยแนวคิดแบบอินดี้แบบ 36 ที่ปรับโฉมให้แมสขึ้น แต่หนังพาไปลึกกว่าคือ การเฝ้าดูการก้าวพ้นวัยของจีน
ก่อนหน้านั้น การที่จีนปากหนักไม่ยอมขอโทษเพื่อนเรื่องทิ้งซีดี ไปจนถึงปมตอนบากหน้าไปคืนดับเบิลเบสให้เพื่อนที่ยังเคือง เราเข้าใจจีนว่าเธอไม่ใช่คนเลวร้าย แค่เธอเป็นคนคิดน้อยเกินไป (ทั้งการไปจากพี่เอ็ม, ทิ้งของ จนถึงดึงดันจะรีโนเวทบ้าน)
แต่การคิดน้อยของคนเรา มันจะเฮิร์ธก็ต่อเมื่อตัวเราได้รู้ว่า มันสร้างความเจ็บปวดให้คนที่เราแคร์ ยิ่งเมื่อเรามารับรู้ทีหลังในเวลาที่ทุกอย่างมันล่วงเลย มันยิ่งกรีดแทงเรามากขึ้น
ดังนั้นเราถึงได้เห็นพี่เอ็มที่แรกๆ เหมือนจะไนซ์ แต่พอจีนเข้ามาพัวพันด้วยเท่าไหร่ มันยิ่งฟ้องว่า "คนที่ไม่เป็นฝ่ายถูกทิ้ง ไม่รู้หรอก" ทั้งเรื่องการ์ดและคำขอสุดท้ายของแม่พี่เอ็ม เรื่องการจมกับความรู้สึกของคนที่เป็นฝ่ายถูกทิ้ง ว่าแล้วนี่ตัวเรา(พี่เอ็ม)ผิดอะไร?
ในซีนที่พี่เอ็มปะทะคารมกับจีนเป็นครั้งสุดท้าย เราถึงได้รู้ว่า การทิ้งของลงถุงดำมันไม่ใช่แค่การทิ้งให้หายไปลงหลุมดำ แต่มันทิ้งหลุมดำในใจให้ฝ่ายที่ถูกทิ้ง แม้เราจะปลอบใจกันและกันด้วยคำว่า มูฟออน เพราะจริงๆ แล้วไม่มีใครมูฟออนได้ เศษซากในอดีตมันติดตัวเราให้มันจึ้กอยู่เวลาหวนนึกถึง
คำพูดตอนนั้นของพี่เอ็มต่อหน้าจีน สำหรับจีนมันไม่เข้าใจหรอก(หรือไม่อยากเข้าใจ) เราจะได้เห็นจีนเดินพร่ำบ่นออกมาว่า "ก็เราขอโทษแล้วไง" วนซ้ำๆ จีนจะมูฟออนยังไงกับทุกเรื่อง ความทรงจำที่เคยดีก็ไม่อยากทิ้ง แต่สิ่งที่ทิ้งไปแล้วก็กลับมาย้อนกรีดแทงเรา
เมื่อถึงซีนที่จีนโทรหาพ่อเพื่อคุยเรื่องขายเปียโน คือการมูฟออนที่แท้จริง เพราะจีนจะทิ้งสิ่งสุดท้ายที่เป็นความทรงจำถึงพ่อ แต่พอเข้าจริงถึงเตรียมใจไว้ มันก็ยังเจ็บร้าวลึก เพราะคนในความทรงจำนั้นทิ้งเรา ตัดขาดเราอย่างไร้เยื่อใย คราวนี้จีนถึงได้รับบทคนถูกทิ้งและมันเฮิร์ธ เฮิร์ธแบบที่คนถูกทิ้งรู้สึกแบบคนอย่างพี่เอ็ม แบบคนอย่างมี่ ที่รู้สึกหมดค่า จนธารน้ำตามันไหลออกมาไม่ขาดสาย
ยิ่งหนังคลุมเครือเท่าไหร่ ความทุกข์ที่ตัวละครแบกรับยิ่งถมทับทวี เราไม่รู้ว่าสาเหตุจริงๆ ที่การไปสิงคโปร์ของมี่ต้องสิ้นสุดลงเพราะเรื่องอะไร ทำไมแม่ถึงยังเฝ้าร้องเพลง "กุหลาบแดง" ซ้ำๆ แล้วทำไมจีนถึงพูดว่า เปียโนนั่นน่าจะทิ้งเพราะไม่มีใครเล่นเป็น แต่เราได้เห็นค่ำคืนสุดท้ายที่ทำให้น่าสงสัยว่าใครสอนเธอเล่นเพลง "happy birthday"
.
.
มันทำให้ฮาวทูทิ้งไปได้ไกลกว่าหนังรักป๊อบๆ แต่มันดิ่งลึกไปถึงความเปราะบางของคนๆ หนึ่ง และมันจบลงในจุดที่เจ็บปวดมาก จีนมูฟออนตัวเองไปในจุดที่อาจจะเกือบเป็น ไมเคิล คอลีโอเน่ ใน The Godfather
มันคือการต้องยอมทำให้คนอื่นเจ็บปวดทั้งๆ ที่รู้ ยอมทิ้งความอาวรณ์ถึงคนที่(เคยรัก) ให้เลือนหายไป แม้ว่าภาพโล่งร้างของสิ่งที่อยู่ตรงหน้าที่เคยเรียกว่า บ้าน จะแปรสภาพเป็นสไตล์มินิมอลอย่างที่จีนต้องการในอนาคต แต่อดีตที่เจ็บปวดไม่เคยเลือนหาย ไม่ว่าเราจะพยายามทิ้งยังไง
ติดตามรีวิวหนังนอกกระแส หนังเก่าๆ ได้ที่เพจ ฉัน เป็น อัลเทอร์เนทีฟ
www.facebook.com/beingalter