ฮาวทูทิ้ง: คอนโดะ มาริเอะ ไม่ได้สอนให้ทิ้งสิ่งของมั่วซั่วโว้ย!!! ความสัมพันธ์ก็เหมือนกัน!!!(สปอยล์แหลกลาญ)

เพิ่งออกจากโรงหนังมาด้วยความเดือดดาล  ไม่ได้ดูหนังแล้วรู้สึกเดือดแบบนี้มานานแล้ว
 
กลับมาบ้านแล้วก็ยังนอนไม่หลับ  มีเรื่องอยากบ่นปนด่าเยอะมาก  อยากด่าหนัง อยากด่าตัวละคร
(จีน  กูเกลียดมํง!!!)  จนตอนนี้เริ่มอยากด่าผู้กำกับขึ้นมาตะหงิด ๆ
 
เรื่องย่อ ๆ ฮาวทูทิ้ง เป็นเรื่องราวของจีน (ออกแบบ)  สาวนักเรียนนอกที่หลงใหลความมินิมอล
เธอกลับมาเมืองไทย และมีแผนที่จะดัดแปลงบ้านตึกแถวของเธอเองให้เป็น โฮมออฟฟิซ ซึ่งนำ
ไปสู่ภารกิจเคลียร์บ้านให้เกลี้ยงก่อนปีใหม่  ความยากมันก็อยู่ตรงนี้แหละ เพราะบ้านนี้เป็นบ้านที่
เธออยู่มาตั้งแต่เกิด  สมบัติบ้าเยอะมาก  ไหนจะทั้งของตัวเอง  ของพี่ชาย และที่เยอะแยะเต็มบ้าน
มากที่สุดก็คือของแม่  และแล้วการเคลียร์ของในบ้าน มันก็เลยทำให้จีนจะต้องกลับไปสะสาง
ปมอดีตของตัวเอง  โดยเฉพาะแฟนเก่า เอ็ม (ซันนี่)
 
กิมมิค หลักของหนังก็ว่าด้วยการเก็บและการทิ้งสิ่งของ แล้วก็เลยต่อไปถึงเรื่องการจำ - การลืม
การเท -การถูกเท  ซึ่งก็เป็นหัวใจหลักของหนังเรื่องนี้  สิ่งของต่าง ๆ ที่อยู่ในตัวเรื่องจึง ถูกหยิบใช้
เพื่อนำเสนอประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้อย่างโต้ง ๆ  รวมไปถึงการหยิบยืมคอนเซ็ป ความมินิมอล หรือ
การเอ่ยอ้างถึง "การจัดบ้าน" แบบมาริเอะ คอนโดะ ก็ถูกใช้ในหนังเพื่อสื่อสารบางประเด็น (ซึ่ง
ผมไม่ชอบเอาเสียเลย)
 
สิ่งแรกที่กระแทกใจมากที่สุดในหนังเรื่องนี้  คือตัวละคร "จีน" (ย้ำอีกครั้ง  กูเกลียดมํง)  ต้องบอกว่า
จีนเป็นตัวละครที่น่ารำคาญ และตรรกป่วยเอามาก ๆ  คือหนักใจตั้งแต่ที่คิดว่าเราต้องตามภารกิจ
ของยายคนนี้ไปตั้งแต่ต้นจนจบเลยจริง ๆ เหรอ  ความน่ารำคาญของนาง เริ่มตั้งแต่การวางแผน
ปรับปรุงบ้านโดย ไม่ปรึกษาคนในบ้านก่อน (บ้านไม่ใช่ของคนเดียวนะโว้ย)  คือแทบไม่เห็นหัว
คนอื่น ๆ ในบ้านเลย  แม่และพี่เอ็ม แฟนเก่า ให้อธิบายนิสัยของจีนได้อย่างตรงที่สุดว่า เห็นแก่ตัว
และชอบบงการชีวิตคนอื่น (เห็นได้ชัดที่สุดตอนท้าย ๆ เรื่อง)
 
นอกจากนี้ จีนเป็นคนโลเล ไม่เด็ดขาด ทำอะไรไม่เคยคิดให้รอบคอบ  เห็นได้ชัดจาก
การนำขยะใส่ถุงดำขายเจ๊ก แต่สุดท้ายดันวิ่งไปขอถุงดำคืน   เธอไม่ได้ทำแบบนี้เฉพาะกับสิ่งของ
กับคนเธอก็ทำเช่นกัน  อย่างตอนไปเมืองนอก จีนก็เทพี่เอ็ม(แฟนเก่า) อย่างโคตระเลือดเย็น
แต่สุดท้าย ยิ้มอาลัยเสียดายแฟนเก่า ยิ่งพอเห็นแฟนเก่ามีคนใหม่ ดันจะมาเสียอกเสียใจอีก
(ยิ้ม ทิ้งเขาเองนะ แล้วจะมาเสียใจอะไร?!!!) 
 
นอกจากนิสัยของจีน ที่ไม่ทำให้คนดูแบบผมนึกเอาใจช่วยแล้ว  ภารกิจทิ้งข้าวของในหนัง
ก็วายป่วงไม่แพ้กัน  ในหนังมีการเอ่ยถึงคอนโดะ มาริเอะ อย่างชัดเจน ทั้งการกล่าวถึง
 สปาร์กจอย หรือการขอบคุณสิ่งของ  ที่น่าผิดหวังคือ ตัวหนังไม่ได้ให้ความเคารพ
คอนโดะ มาริเอะ เลยซักนิด   มีการแซะเธอว่าเลือดเย็นด้วยซ้ำ (จีน!! ต่างหากที่เลือดเย็น)
 
หนังเอ่ยถึง คอนโดะ มาริเอะ และวิธีการจัดบ้านของเธอแบบผิวเผินมากกกก  ผิวเผินชนิดที่
ผมสงสัยว่าคนเขียนบทได้อ่านหนังสือของคอนโดะ มาริเอะ จริง ๆ หรือเปล่า หรือแค่อาศัยดู
สารคดีจาก netflix กับฟังพอดแคสสรุปเนื้อหาแบบคร่าว ๆ เท่านั้น   เพราะการจัดการข้าวของ
ของจีน และคอนโดะ มาริเอะ มันต่างกับชนิดฟ้ากับเหว  จะว่าเป็นข้อ ๆ เลยแล้วกัน
 
1. มาริเอะสอนการจัดเก็บข้าวของ ไม่ใช่สอนการทิ้งสิ่งของ
ถ้าใครเข้าใจเทคนิค "คอนมาริ" จะรู้ว่า "การทิ้งสิ่งของ" เป็นแค่ส่วนเสี้ยวเดียวเท่านั้น  หัวใจ
สำคัญมันอยู่ตรงที่เรากลับมาทบทวนสิ่ง(ของ)ต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเราอย่างจริงจัง เพื่อที่จะตัดสินใจ
"เก็บ" และ "ทิ้ง" อย่างเหมาะสม    ไม่ใช่สักแต่ว่าทิ้ง ๆ ไปแบบไร้สติแบบจีน
 
2. มาริเอะเคารพสิ่งของของคนอื่น ๆ แต่จีนไม่
หัวใจสำคัญประการหนึ่งของการเก็บบ้านแบบมาริเอะ คือสิ่งของของใคร คน ๆ นั้นต้องเก็บเอง
การเก็บบ้านแบบ "คอนมาริ" นั้นห้ามทำแทนกัน  เพราะมีแต่เจ้าของเท่านั้นที่จะบอกถึงคุณค่า
ของสิ่งของนั้นได้    กรณีของ "เปียโน" นี่ชัดมาก  แม่ก็ประกาศชัดเจนว่า "เปียโน" นี้คือสิ่งที่
สำคัญในชีวิตเธอ  แล้วจีนมีสิทธิอะไรที่จะขายเปียโนทิ้ง  ทั้ง ๆ ที่มันจะทำให้แม่เจ็บปวด 
เพราะลูกได้ทิ้งสิ่งที่สปาร์กจอยของแม่ไปเรียบร้อยแล้ว
หรืออย่างตอนที่จีน สั่งให้พี่ชายเก็บของเธอไปทิ้งให้หมด  อันนี้ก็ผิดสุด ๆ  เพราะจีนก็จะ
ไม่ได้เรียนรู้เลยว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญในชีวิตของเธอ อะไรคือสิ่งที่สปาร์กจอยเธอ  (ก็
มันไร้สติ สักแต่ว่า ทิ้งทุกอย่างไปให้หมด สุดท้ายก็ต้องมาเสียใจภายหลัง)
 
3. สิ่งของกับความทรงจำ ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
มาริเอะ ย้ำว่า สิ่งของที่มีอดีตมีความทรงจำนั้นจัดการยากที่สุด ต้องเก็บไว้ตอนสุดท้าย
เพราะมนุษย์ทุกคนมักเอาความทรงจำไปผูกกับสิ่งของด้วยเสมอ  จนบางทีเราลืมไปว่า
ความทรงจำนั้นมันอยู่ที่ตัวเราต่างหาก ไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งของเลย  การทิ้งสิ่งของไป (บ้าง)
มันก็ไม่ได้ทำให้ความทรงจำหายไปไหน  การหยิบของแต่ละชิ้นขึ้นมาพิจารณาจึงไม่ใช่
แค่เพื่อการกำจัดสิ่งของให้ไปพ้น ๆ แต่มันคือการรำลึกและจัดการกับความทรงจำนั้นด้วย
(จึงทำแบบส่ง ๆ หรือให้คนอื่นทำไม่ได้!!!)
 
4. นอกจาก "เก็บ" และ "ทิ้ง" แล้ว การ "จัด" ก็สำคัญ
มาริเอะ ย้ำว่า เมื่อเราเลือกสิ่งที่สปาร์กจอยกับเราแล้ว เราก็ต้องหาที่อยู่ให้มัน เพื่อที่จะหยิบ
ใช้ หาได้ง่าย  ซึ่งมันก็คือการดูแลสิ่งสำคัญของเรา ไม่ละเลยหรือหลงลืม   ซึ่งปัญหาใหญ่ของจีน
คือ ยิ้มมีอะไรสำคัญในชีวิตบ้างหว่า    คือสนแต่แบบบ้านที่ตัวอยากได้ แต่ไม่เห็นสนใจ
ความรู้สึกของคนรอบตัวเลย ทั้งเพื่อน ทั้งแฟน ทั้งแม่ ทั้งพี่
 
นอกจากนี้ หนังยังแซะความมินิมอลอีกด้วย (ผมว่าคนที่ดูหนังจะพาลเข้าใจมินิมอลแบบผิด ๆ
ไปด้วยนะ)
 
คือเข้าใจนะว่า หนังเชื่อมโยง "การทิ้งของ" กับเรื่อง ๆ อื่น ทั้ง การทิ้งคน การทิ้งอดีต ฯลฯ
ซึ่งที่สุดแล้ว  ผู้กำกับเองอาจต้องการเสียดสีว่า "จีนเป็นตัวละครที่น่าสงสารและน่าสมเพช"
ถ้าคุณเต๋อมีเจตนาแบบนี้ ผมก็ถือว่าทำสำเร็จนะ
 
แต่ในฐานะคนที่สนใจงานแบบมินิมอล  และเคยจัดบ้านแบบ คอนมาริ มาแล้ว 
ผมค่อนข้างผิดหวังครับ

แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
เรามองหนังคนละมุมกับ จขกท
เราว่าเขาต้องการเสียดสี แบบตัวละครทำติสต์ทำคูล   เฮ้ย กรูมินิมอลเว้ย แต่มันได้แค่เปลิอกและเฟคไง  เพราะนางเอกเป็นคนตรรกะพิการ  และไม่ได้เข้าใจแนวคิดแท้จริง อ่านหนังสือไปเธอก็ไม่ละเอียดโมเมตามตรรกะพังๆของตัวเอง  เพราะเธอป่วยและพังจากที่พ่อทิ้งเธอไป   เหมือนหนังจิตวิทยา  เอาจริงๆป่วยทั้งบ้าน ใครยิ้มบ้างในเรื่อง  พี่ชายที่เหมือนใจดีก็ดูทื่ออารมณ์เดียวเหมือนซอมบี้  แม่ก็บ้าร้องเพลงกุหลาบแดง  แล้วเพื่อนนางเอกแต่ละคนที่โทรมาให้หาของนี่โคตรเฟค ทำซึ้งร้อง นึกออกป่ะไม่ได้ติดต่อนาน มันคงเป็นแค่ความสัมพันธ์จางๆ  

พระเอกก็พังนางเอกมายุทีเดียวว่าของอะไรไม่ใช้ก็ให้ทิ้งเลยบ้าจี้ทิ้งแฟนเลบ
ตอนแรกสงสัยทำไมหนังต้องทำแสงเฟคๆสว่างๆ  ตอนหลังเรามโนเองว่า อ๋อ จริงๆมันโคตรดาร์กโกธิคไง   มืดมนทั้งเรื่อง

ตอนจบที่นางเอกขายเปียโนนี่อารมณ์แบบนางเอก Dogville. คือนางจิตขั้นสุดแล้ว พร้อมทำลายล้างตามอย่างพ่อที่ทิ้งได้โหดสุดๆ เธอเลยโรคจิตทิ้งแฟน กับเพื่อนก็ไม่ค่อยใส่ใจ   

เราว่านางเอกน่าสงสารสุด เธอกลายเป็นคนใจพัง เลือดเย็น  แต่รู้ตัวเมื่อสาย

หนังเรื่องนี้เสียดสีตลอดนะ  ไอคนที่มาซื้อของนางเอกก็แบบดูเหมือนเท่ ใจดี รสนิยม แต่ปลอมเปลือก  สุดท้ายไม่มีใครเข้าถคงแก่นแท้   นางเอกก็มินิมอลปลอม

สรุป ชอบมาก หนังโรคจิต นึกถึงเรื่อง The Piano Teacher (เฮ้ย มีเปียโนด้วย)

แต่ในความโรคจิต หนังก็มีความละเอียดอ่อนลุ่มลึกสะเทือนอารมณ์มากระดับสิบ สั่งสอนศีลธรรม _(แบบไม่ยัดเยียด) เป็นส่วนผสมที่ประหลาดมาก อิมแพคเราสุดๆ

มันยังอยู่ในหัวสลัดไม่ออกเลย หนังเศร้ามากๆ  แต่ก็ทำให้เราอยากเป็นคนที่ดีขึ้น นี่แหละหนังทำสำเร็จแล้ว

แต่การรับสาร ความรู้สึกของแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน  หนังเรื่องหนึ่งคนนึงอินแทบตาย แต่อีกคนว่าหนังเลวก็ได้
ความคิดเห็นที่ 2
ว่าจะเดินออกหลายรอบ แต่คิดว่า ตอนจบมีหักมุม

ปรากฏว่า ถูกหักหลัง จบดื้อๆเลย

ที่จริงไม่น่าเป็นหนัง ไม่มีเนื้อเรื่องอะไรเลย

ทำลายชื่อเสียง GDH ป่น  

ใจหาย ค่ายที่คิดว่าจะเป็นฐานให้หนังไทย เป็นเช่นนี้

หมดกัน ไม่เหลือค่ายไหนอีกแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่