รวมเรื่องเด่นวงการฟุตบอลต่างประเทศประจำปี 2019 (ภาคแรก)
ตอนนี้อีกไม่กี่วันก็จะหมดปี 2019 กันแล้ว เรียกได้ว่าตลอดช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่น่าสนุกสนานและน่าจดจำเป็นอย่างมาก จากการที่เกิดเรื่องต่างๆ มากมายในวงการฟุตบอลต่างประเทศ ซึ่งวันนี้เราจะมาย้อนความหลังกันว่ามันมีเรื่องเด่นๆ เรื่องไหนที่น่าสนใจบ้าง
- ปีทองของ ลิเวอร์พูล
ตอนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามากุมบังเหียน ลิเวอร์พูล เป็นครั้งแรกเมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2015 เหล่าพลพรรค "เดอะ ค็อป" ต่างก็มีความเชื่อมั่นว่าเขาจะพาทีมประสบความสำเร็จได้ หลังจากที่ คล็อปป์ เคยสร้างผลงานชั้นยอดด้วยการพา ดอร์ทมุนด์ ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่สูสีกับ บาเยิร์น มิวนิค จนถึงขนาดเคยช่วยให้ "เสือเหลือง" ได้แชมป์ไปครอง
หลังจากที่ใช้เวลาสร้างทีมอยู่พักหนึ่ง และต้องลิ้มรสกับความผิดหวังอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเป็นรองแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก กับรองแชมป์ แคปปิตอล วัน คัพ (ลีก คัพ) ในฤดูกาล 2015-16, รองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 2017-18 รวมถึงรองแชมป์ พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 2018-19 แต่แล้วความอดทนและการรอคอยของเหล่าแฟนบอล ลิเวอร์พูล ก็ได้รับการตอบแทนด้วยความสำเร็จชั้นยอดในปี 2019
ในปึกุนภาคล่าสุด ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปครองเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา ตามด้วยการเป็นแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ในวันที่ 14 สิงหาคม และได้แชมป์ศึกชิงแชมป์สโมสรโลก เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม โดยมันถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้แชมป์รายการนี้ด้วย
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมของปีนี้ ทีมของ คล็อปป์ ยังสร้างผลงานที่เลื่องชื่อจนจะถูกพูดถึงเป็นเวลานานอีก หลังจากที่พวกเขาไล่ถล่ม บาร์เซโลน่า แบบเละเทะ 4-0 ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดสอง จนทำให้ทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ทั้งที่ในนัดแรกแพ้ บาร์เซโลน่า ไปก่อน 0-3 โดยตอนแรกแทบทุกคนฟันธงว่าพวกเขาหมดลุ้นแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ลิเวอร์พูล ยังทำผลงานในลีกได้สุดยอดจนนำเป็นจ่าฝูงของลีกส่งท้ายปี 2019 ด้วย โดยพวกเขาเล่นได้ดีมากจนทิ้งห่างคู่แข่งเยอะมากๆ จนดูแล้วมีโอกาสสูงสุดๆ ที่จะได้สัมผัสกับแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี
- เมสซี่ ผงาด
ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ลิโอเนล เมสซี่ ดาวยิง บาร์เซโลน่า กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แข้งซูเปอร์สตาร์ของ ยูเวนตุส ขับเคี่ยวชิงความเป็นนักเตะเบอร์ 1 ของโลกในยุคปัจจุบันมาโดยตลอด หลังจากทั้งสองคนทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ และต่างก็ประสบความสำเร็จในระดับสโมสรเป็นอย่างมาก
นอกจากจะได้แชมป์ในระดับสโมสรเยอะทั้งคู่แล้วนั้น ก่อนหน้านี้ เมสซี่ กับ โรนัลโด้ ก็ดันมาได้รางวัล บัลลง ดอร์ ซึ่งถือเป็นรางวัลส่วนตัวที่ว่ากันว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลกฟุตบอลเท่ากันอีก ที่จำนวน 5 สมัย จนทำให้การชิงความเป็น 1 ระหว่างทั้งสองคนดุเดือดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ เมสซี่ ก็นำหน้า โรนัลโด้ ไปนิดหน่อย หลังจากที่เขาได้รางวัล บัลลง ดอร์ ประจำปี 2019 ไปเชยชม ทำให้ตอนนี้ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์เป็นคนที่ได้รางวัลลูกฟุตบอลทองคำไปครองมากที่สุดแบบเดี่ยวๆ แล้ว แถมที่จริงก่อนหน้านั้นเขายังได้รางวัลนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ไปครองก่อนด้วย
- การย้ายทีมแบบฮือฮาเต็มไปหมด
แน่นอนว่าการย้ายทีมมักจะเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงมากพอตัวอยู่แล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปีนี้มันมีการย้ายทีมที่เป็นประเด็นร้อนเยอะมากๆ หนึ่งในนั้นคือการที่ เอแด็น อาซาร์ ปีกชาวเบลเยียมได้ทำตามความฝันของตัวเองด้วยการย้ายจาก เชลซี ไปซบ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวรวม 146.1 ล้านยูโร
นอกจากนี้ มันยังมี แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่กลายเป็นเจ้าของกองหลังค่าตัวแพงเป็นสถิติโลกรายใหม่อีก หลังจากที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยอมจ่ายเงินถึง 80 ล้านปอนด์ เพื่อดึงเขามาจาก เลสเตอร์ ขณะที่ดาวรุ่งหลายรายที่ถูกมองว่ามีอนาคตสดใส ก็ได้ย้ายไปอยู่กับทีมดังกันเกือบหมด อย่างเช่น มาต์ไตส์ เดอ ลิกท์ กองหลังเนื้อหอมชาวดัตช์ที่ไปซบ ยูเวนตุส ด้วยค่าตัวใเบื้องต้น 75 ล้านยูโร และ ชูเอา เฟลิกซ์ ปีกวัยเพียง 20 ปีที่ย้ายจาก เบนฟิก้า ไปซบ แอต. มาดริด ด้วยค่าตัวรวม 126 ล้านยูโร โดยมันทำให้ เฟลิกซ์ เป็นดาวรุ่งที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับสอง รองจาก คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ด้วย
ขนาดตอนกำลังจะจบปี 2019 มันก็ยังมีดีลที่น่าฮือฮาเกิดขึ้นอีกเมื่อ ลิเวอร์พูล ประกาศซิว ทาคูมิ มินามิโนะ ปีกชาวญี่ปุ่นของ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก มาร่วมทัพแบบล่วงหน้า จากการจ่ายค่าฉีกสัญญาเพียง 7.25 ล้านปอนด์ จนทำให้ มินามิโนะ กลายเป็นนักเตะชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ได้มาอยู่กับยอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิลด์
- การแต่งตั้งกุนซือที่น่าสนใจ
ในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2019 โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกุนซือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบถาวร หลังจากที่ก่อนหน้านั้นทำงานในฐานะผู้จัดการทีมชั่วคราวมาระยะหนึ่ง ซึ่งมันถือว่าสร้างความฮือฮาได้พอตัว แม้ว่าหลังจากนั้นผลงานของ โซลชา จะไม่ดีเท่าไหร่ก็ตาม
พอถึงช่วงกลางปี เชลซี ก็ทำให้เหล่าแฟนบอลของทีมต้องตื่นเต้นเมื่อตัดสินใจเอา แฟร้งค์ แลมพาร์ด ตำนานกองกลางของทีมมาเป็นกุนซือคนใหม่ และพอถึงช่วงปลายปีมันก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจหลายอย่างในตำแหน่งกุนซือ ไม่ว่าจะเป็นการที่ นาโปลี ปลด คาร์โล อันเชลอตติ แล้วเอา เจนนาโร่ กัตตูโซ่ มาคุมทีมแทน, การที่ อันเชลอตติ มารับงานกับ เอฟเวอร์ตัน, การมากุมบังเหียน อาร์เซน่อล ของ มิเคล อาร์เตต้า และการที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือคู่บุญของ สเปอร์ส โดนปลด โดยที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้มารับงานต่อจนทำให้เขาได้กลับมาทำงานด้านกุนซือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่โดน แมนฯ ยูไนเต็ด ปลดออกจากตำแหน่ง เมื่อช่วงเดือนธันวาคม ปีก่อน เป็นต้น
- ความยอดเยี่ยมของ ฟาน ไดค์
มันมีไม่มากนักที่นักเตะในตำแหน่งกองหลังจะได้รับการยกย่องเหมือนพวกตัวรุก อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ ฟาน ไดค์ ก็สามารถทำอย่างนั้นได้ หลังจากที่เขาทำผลงานได้โดดเด่นมาโดยตลอดจนเป็นกำลังสำคัญในการช่วยให้ ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จอย่างมาก
ความเก่งกาจของ ฟาน ไดค์ ทำให้เขาถึงขั้นได้รับการเลือกให้เป็นนักเตะชายยอดเยี่ยมของทวีปยุโรปประจำฤดูกาล 2018-19 จากทางสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) เลย จนทำให้เขาเป็นกองหลังคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ แถมเจ้าตัวยังเกือบได้รางวัล บัลลง ดอร์ มาครองด้วย โดยแพ้ เมสซี่ เพียงแค่ 7 คะแนนเท่านั้น
- ดราม่า ชาก้า
แน่นอนว่ามันมีอยู่บ้างที่นักเตะจะทะเลาะกับแฟนบอล ไม่ว่าจะทั้งกับกองเชียร์ของทีมคู่แข่งหรือกับแฟนบอลของทีมตัวเอง ซึ่งกรณีของ ชาก้า มันเข้าข่ายหลัง จากการที่เขาปรบมือประชดแฟนบอลของทีมในตอนที่โดนเปลี่ยนตัวออกจากสนาม ระหว่างเกมกับ คริสตัล พาเลซ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา แล้วด่าแฟนบอลของทีมตัวเองว่า "ฟัก ออฟ" เพราะฉุนที่โดนโห่ใส่อย่างหนักตลอดทั้งเกม
เดิมทีแฟนบอล อาร์เซน่อล หลายคนก็ไม่พอใจในตัว ชาก้า เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หลังจากที่เขาทำผลงานได้น่าผิดหวัง และเรื่องที่เกิดขึ้นก็ทำให้รอยร้าวระหว่างทั้งสองฝ่ายมันรุนแรงขึ้นไปอีก ก่อนที่สุดท้าย ชาก้า จะโดนปลดออกจากการเป็นกัปตันทีมของ "ไอ้ปืนใหญ่"
- การเสียชีวิตอันน่าเศร้าของ ซาลา
ท่ามกลางกระแสความตื่นเต้นในการย้ายทีมช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะ รอบสอง ของช่วงเดือนมกราคม ปี 2019 มันกลับเกิดข่าวสุดช็อกขึ้นเมื่อ เอมิเลียโน่ ซาลา กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ หายตัวไปพร้อมกับเครื่องบินที่เขาใช้เดินทางจากเมืองนีซ ไปยังเมืองคาร์ดิฟฟ์ หลังจากเจ้าตัวกำลังเตรียมตัวที่จะย้ายจาก นีซ ไปเล่นให้ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทีมในศีก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในตอนนั้น
ตอนแรกมันเป็นการย้ายทีมที่สร้างความตื่นเต้นให้กับทั้ง คาร์ดิฟฟ์ และ ซาลา เพราะดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์กำลังจะได้เล่นในหนึ่งในลีกที่ใหญ่ที่สุดของโลก ขณะที่ คาร์ดิฟฟ์ ก็ต้องการพึ่งพาเขามากๆ จนยอมจ่ายเงินค่าตัวสูงเป็นสถิติของสโมสรที่จำนวน 15 ล้านปอนด์เลย
นตอนนั้นทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกันตามหา ซาลา รวมถึง เดวิด อิบบ็อตสัน นักบินอย่างสุดชีวิต ก่อนที่สุดท้ายจะมีการพบศพของ ซาลา จนทำให้มันกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้าของวงการลูกหนัง โดยในอีก 3 เดือนให้หลัง ครอบครัวของ ซาลา ก็ต้องเจอกับข่าวเศร้าอีก 1 ครั้ง
cr :
https://www.siamsport.co.th/football/otherleague/view/167423
เมสซี่เผยเคล็ดลับสูตรสำเร็จยิงฟรีคิก
ลิโอเนล เมสซี่ หัวหอก บาร์เซโลน่า ระบุ สาเหตุที่ช่วยให้ยิงลูกฟรีคิกเข้าเยอะเป็นเพราะตนศึกษาการเล่นเวลาป้องกันลูกฟรีคิกของบรรดานายทวารอยู่ตลอด พร้อมเผย แฮปปี้ที่ได้เป็นดาวซัลโวของ ลา ลีกา หลายฤดูกาล
ลิโอเนล เมสซี่ กองหน้าคนดังของ บาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการ ลา ลีกา สเปน เปิดเผยว่าเคล็ดลับที่ช่วยให้ตนทำประตูจากลูกฟรีคิกได้เยอะนั้น เป็นเพราะตนศึกษาวิธีการเล่นของบรรดาผู้รักษาประตูเวลาที่ต้องป้องกันลูกฟรีคิกอยู่ตลอด
เมสซี่ นำเป็นดาวซัลโวใน ลา ลีกา อยู่ในตอนนี้ หลังจากทำไปแล้ว 13 ประตู ซึ่งในจำนวนนั้นมาจากการยิงลูกฟรีคิกเข้าประตูไปเลย 4 ครั้ง จนส่งผลให้ตอนนี้เขาทำประตูจากลูกฟรีคิกตลอดอาชีพการค้าแข้งไปแล้ว 52 ลูก
"มันเป็นเรื่องจริงที่พักหลังมานี้ผมศึกษาผู้รักษาประตูมากขึ้นนิดหน่อย และผมก็ศึกษาจังหวะที่พวกเขาต้องป้องกันลูกฟรีคิกมากเป็นพิเศษ เพื่อดูว่าพวกเขาจะเคลื่อนที่รึเปล่า, จะขยับไปด้านใดด้านหนึ่งรึเปล่า สิ่งที่สำคัญคือการเรียนรู้และการฝึกฝน ผมปรับปรุงลูกฟริคิกของตัวเองผ่านทางการฝึกซ้อมมาโดยตลอด" ดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ ระบุ
เมสซี่ เสริมว่าดีใจมากๆ ที่ตนได้รางวัลดาวซัลโวสูงสุดของ ลา ลีกา หลายหน "การได้เป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีกนี้มันเป็นเรื่องที่พิเศษมากๆ เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าลีกสเปนมันยิ่งใหญ่แค่ไหน สำหรับผมแล้วมันเป็นหนึ่งในสถิติที่ดีที่สุดของผมเลย"
cr : www.siamsport.co.th
รวมเรื่องเด่นวงการฟุตบอลต่างประเทศประจำปี 2019 (ภาคแรก) & เมสซี่เผยเคล็ดลับสูตรสำเร็จยิงฟรีคิก
ตอนนี้อีกไม่กี่วันก็จะหมดปี 2019 กันแล้ว เรียกได้ว่าตลอดช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่น่าสนุกสนานและน่าจดจำเป็นอย่างมาก จากการที่เกิดเรื่องต่างๆ มากมายในวงการฟุตบอลต่างประเทศ ซึ่งวันนี้เราจะมาย้อนความหลังกันว่ามันมีเรื่องเด่นๆ เรื่องไหนที่น่าสนใจบ้าง
- ปีทองของ ลิเวอร์พูล
ตอนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามากุมบังเหียน ลิเวอร์พูล เป็นครั้งแรกเมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2015 เหล่าพลพรรค "เดอะ ค็อป" ต่างก็มีความเชื่อมั่นว่าเขาจะพาทีมประสบความสำเร็จได้ หลังจากที่ คล็อปป์ เคยสร้างผลงานชั้นยอดด้วยการพา ดอร์ทมุนด์ ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่สูสีกับ บาเยิร์น มิวนิค จนถึงขนาดเคยช่วยให้ "เสือเหลือง" ได้แชมป์ไปครอง
หลังจากที่ใช้เวลาสร้างทีมอยู่พักหนึ่ง และต้องลิ้มรสกับความผิดหวังอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเป็นรองแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก กับรองแชมป์ แคปปิตอล วัน คัพ (ลีก คัพ) ในฤดูกาล 2015-16, รองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 2017-18 รวมถึงรองแชมป์ พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 2018-19 แต่แล้วความอดทนและการรอคอยของเหล่าแฟนบอล ลิเวอร์พูล ก็ได้รับการตอบแทนด้วยความสำเร็จชั้นยอดในปี 2019
ในปึกุนภาคล่าสุด ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปครองเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา ตามด้วยการเป็นแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ในวันที่ 14 สิงหาคม และได้แชมป์ศึกชิงแชมป์สโมสรโลก เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม โดยมันถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้แชมป์รายการนี้ด้วย
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมของปีนี้ ทีมของ คล็อปป์ ยังสร้างผลงานที่เลื่องชื่อจนจะถูกพูดถึงเป็นเวลานานอีก หลังจากที่พวกเขาไล่ถล่ม บาร์เซโลน่า แบบเละเทะ 4-0 ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดสอง จนทำให้ทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ทั้งที่ในนัดแรกแพ้ บาร์เซโลน่า ไปก่อน 0-3 โดยตอนแรกแทบทุกคนฟันธงว่าพวกเขาหมดลุ้นแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ลิเวอร์พูล ยังทำผลงานในลีกได้สุดยอดจนนำเป็นจ่าฝูงของลีกส่งท้ายปี 2019 ด้วย โดยพวกเขาเล่นได้ดีมากจนทิ้งห่างคู่แข่งเยอะมากๆ จนดูแล้วมีโอกาสสูงสุดๆ ที่จะได้สัมผัสกับแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี
- เมสซี่ ผงาด
ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ลิโอเนล เมสซี่ ดาวยิง บาร์เซโลน่า กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แข้งซูเปอร์สตาร์ของ ยูเวนตุส ขับเคี่ยวชิงความเป็นนักเตะเบอร์ 1 ของโลกในยุคปัจจุบันมาโดยตลอด หลังจากทั้งสองคนทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ และต่างก็ประสบความสำเร็จในระดับสโมสรเป็นอย่างมาก
นอกจากจะได้แชมป์ในระดับสโมสรเยอะทั้งคู่แล้วนั้น ก่อนหน้านี้ เมสซี่ กับ โรนัลโด้ ก็ดันมาได้รางวัล บัลลง ดอร์ ซึ่งถือเป็นรางวัลส่วนตัวที่ว่ากันว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลกฟุตบอลเท่ากันอีก ที่จำนวน 5 สมัย จนทำให้การชิงความเป็น 1 ระหว่างทั้งสองคนดุเดือดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ เมสซี่ ก็นำหน้า โรนัลโด้ ไปนิดหน่อย หลังจากที่เขาได้รางวัล บัลลง ดอร์ ประจำปี 2019 ไปเชยชม ทำให้ตอนนี้ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์เป็นคนที่ได้รางวัลลูกฟุตบอลทองคำไปครองมากที่สุดแบบเดี่ยวๆ แล้ว แถมที่จริงก่อนหน้านั้นเขายังได้รางวัลนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ไปครองก่อนด้วย
- การย้ายทีมแบบฮือฮาเต็มไปหมด
แน่นอนว่าการย้ายทีมมักจะเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงมากพอตัวอยู่แล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปีนี้มันมีการย้ายทีมที่เป็นประเด็นร้อนเยอะมากๆ หนึ่งในนั้นคือการที่ เอแด็น อาซาร์ ปีกชาวเบลเยียมได้ทำตามความฝันของตัวเองด้วยการย้ายจาก เชลซี ไปซบ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวรวม 146.1 ล้านยูโร
นอกจากนี้ มันยังมี แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่กลายเป็นเจ้าของกองหลังค่าตัวแพงเป็นสถิติโลกรายใหม่อีก หลังจากที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยอมจ่ายเงินถึง 80 ล้านปอนด์ เพื่อดึงเขามาจาก เลสเตอร์ ขณะที่ดาวรุ่งหลายรายที่ถูกมองว่ามีอนาคตสดใส ก็ได้ย้ายไปอยู่กับทีมดังกันเกือบหมด อย่างเช่น มาต์ไตส์ เดอ ลิกท์ กองหลังเนื้อหอมชาวดัตช์ที่ไปซบ ยูเวนตุส ด้วยค่าตัวใเบื้องต้น 75 ล้านยูโร และ ชูเอา เฟลิกซ์ ปีกวัยเพียง 20 ปีที่ย้ายจาก เบนฟิก้า ไปซบ แอต. มาดริด ด้วยค่าตัวรวม 126 ล้านยูโร โดยมันทำให้ เฟลิกซ์ เป็นดาวรุ่งที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับสอง รองจาก คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ด้วย
ขนาดตอนกำลังจะจบปี 2019 มันก็ยังมีดีลที่น่าฮือฮาเกิดขึ้นอีกเมื่อ ลิเวอร์พูล ประกาศซิว ทาคูมิ มินามิโนะ ปีกชาวญี่ปุ่นของ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก มาร่วมทัพแบบล่วงหน้า จากการจ่ายค่าฉีกสัญญาเพียง 7.25 ล้านปอนด์ จนทำให้ มินามิโนะ กลายเป็นนักเตะชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ได้มาอยู่กับยอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิลด์
- การแต่งตั้งกุนซือที่น่าสนใจ
ในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2019 โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกุนซือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบถาวร หลังจากที่ก่อนหน้านั้นทำงานในฐานะผู้จัดการทีมชั่วคราวมาระยะหนึ่ง ซึ่งมันถือว่าสร้างความฮือฮาได้พอตัว แม้ว่าหลังจากนั้นผลงานของ โซลชา จะไม่ดีเท่าไหร่ก็ตาม
พอถึงช่วงกลางปี เชลซี ก็ทำให้เหล่าแฟนบอลของทีมต้องตื่นเต้นเมื่อตัดสินใจเอา แฟร้งค์ แลมพาร์ด ตำนานกองกลางของทีมมาเป็นกุนซือคนใหม่ และพอถึงช่วงปลายปีมันก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจหลายอย่างในตำแหน่งกุนซือ ไม่ว่าจะเป็นการที่ นาโปลี ปลด คาร์โล อันเชลอตติ แล้วเอา เจนนาโร่ กัตตูโซ่ มาคุมทีมแทน, การที่ อันเชลอตติ มารับงานกับ เอฟเวอร์ตัน, การมากุมบังเหียน อาร์เซน่อล ของ มิเคล อาร์เตต้า และการที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือคู่บุญของ สเปอร์ส โดนปลด โดยที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้มารับงานต่อจนทำให้เขาได้กลับมาทำงานด้านกุนซือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่โดน แมนฯ ยูไนเต็ด ปลดออกจากตำแหน่ง เมื่อช่วงเดือนธันวาคม ปีก่อน เป็นต้น
- ความยอดเยี่ยมของ ฟาน ไดค์
มันมีไม่มากนักที่นักเตะในตำแหน่งกองหลังจะได้รับการยกย่องเหมือนพวกตัวรุก อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ ฟาน ไดค์ ก็สามารถทำอย่างนั้นได้ หลังจากที่เขาทำผลงานได้โดดเด่นมาโดยตลอดจนเป็นกำลังสำคัญในการช่วยให้ ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จอย่างมาก
ความเก่งกาจของ ฟาน ไดค์ ทำให้เขาถึงขั้นได้รับการเลือกให้เป็นนักเตะชายยอดเยี่ยมของทวีปยุโรปประจำฤดูกาล 2018-19 จากทางสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) เลย จนทำให้เขาเป็นกองหลังคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ แถมเจ้าตัวยังเกือบได้รางวัล บัลลง ดอร์ มาครองด้วย โดยแพ้ เมสซี่ เพียงแค่ 7 คะแนนเท่านั้น
- ดราม่า ชาก้า
แน่นอนว่ามันมีอยู่บ้างที่นักเตะจะทะเลาะกับแฟนบอล ไม่ว่าจะทั้งกับกองเชียร์ของทีมคู่แข่งหรือกับแฟนบอลของทีมตัวเอง ซึ่งกรณีของ ชาก้า มันเข้าข่ายหลัง จากการที่เขาปรบมือประชดแฟนบอลของทีมในตอนที่โดนเปลี่ยนตัวออกจากสนาม ระหว่างเกมกับ คริสตัล พาเลซ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา แล้วด่าแฟนบอลของทีมตัวเองว่า "ฟัก ออฟ" เพราะฉุนที่โดนโห่ใส่อย่างหนักตลอดทั้งเกม
เดิมทีแฟนบอล อาร์เซน่อล หลายคนก็ไม่พอใจในตัว ชาก้า เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หลังจากที่เขาทำผลงานได้น่าผิดหวัง และเรื่องที่เกิดขึ้นก็ทำให้รอยร้าวระหว่างทั้งสองฝ่ายมันรุนแรงขึ้นไปอีก ก่อนที่สุดท้าย ชาก้า จะโดนปลดออกจากการเป็นกัปตันทีมของ "ไอ้ปืนใหญ่"
- การเสียชีวิตอันน่าเศร้าของ ซาลา
ท่ามกลางกระแสความตื่นเต้นในการย้ายทีมช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะ รอบสอง ของช่วงเดือนมกราคม ปี 2019 มันกลับเกิดข่าวสุดช็อกขึ้นเมื่อ เอมิเลียโน่ ซาลา กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ หายตัวไปพร้อมกับเครื่องบินที่เขาใช้เดินทางจากเมืองนีซ ไปยังเมืองคาร์ดิฟฟ์ หลังจากเจ้าตัวกำลังเตรียมตัวที่จะย้ายจาก นีซ ไปเล่นให้ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทีมในศีก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในตอนนั้น
ตอนแรกมันเป็นการย้ายทีมที่สร้างความตื่นเต้นให้กับทั้ง คาร์ดิฟฟ์ และ ซาลา เพราะดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์กำลังจะได้เล่นในหนึ่งในลีกที่ใหญ่ที่สุดของโลก ขณะที่ คาร์ดิฟฟ์ ก็ต้องการพึ่งพาเขามากๆ จนยอมจ่ายเงินค่าตัวสูงเป็นสถิติของสโมสรที่จำนวน 15 ล้านปอนด์เลย
นตอนนั้นทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกันตามหา ซาลา รวมถึง เดวิด อิบบ็อตสัน นักบินอย่างสุดชีวิต ก่อนที่สุดท้ายจะมีการพบศพของ ซาลา จนทำให้มันกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้าของวงการลูกหนัง โดยในอีก 3 เดือนให้หลัง ครอบครัวของ ซาลา ก็ต้องเจอกับข่าวเศร้าอีก 1 ครั้ง
cr : https://www.siamsport.co.th/football/otherleague/view/167423
เมสซี่เผยเคล็ดลับสูตรสำเร็จยิงฟรีคิก
ลิโอเนล เมสซี่ หัวหอก บาร์เซโลน่า ระบุ สาเหตุที่ช่วยให้ยิงลูกฟรีคิกเข้าเยอะเป็นเพราะตนศึกษาการเล่นเวลาป้องกันลูกฟรีคิกของบรรดานายทวารอยู่ตลอด พร้อมเผย แฮปปี้ที่ได้เป็นดาวซัลโวของ ลา ลีกา หลายฤดูกาล
ลิโอเนล เมสซี่ กองหน้าคนดังของ บาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการ ลา ลีกา สเปน เปิดเผยว่าเคล็ดลับที่ช่วยให้ตนทำประตูจากลูกฟรีคิกได้เยอะนั้น เป็นเพราะตนศึกษาวิธีการเล่นของบรรดาผู้รักษาประตูเวลาที่ต้องป้องกันลูกฟรีคิกอยู่ตลอด
เมสซี่ นำเป็นดาวซัลโวใน ลา ลีกา อยู่ในตอนนี้ หลังจากทำไปแล้ว 13 ประตู ซึ่งในจำนวนนั้นมาจากการยิงลูกฟรีคิกเข้าประตูไปเลย 4 ครั้ง จนส่งผลให้ตอนนี้เขาทำประตูจากลูกฟรีคิกตลอดอาชีพการค้าแข้งไปแล้ว 52 ลูก
"มันเป็นเรื่องจริงที่พักหลังมานี้ผมศึกษาผู้รักษาประตูมากขึ้นนิดหน่อย และผมก็ศึกษาจังหวะที่พวกเขาต้องป้องกันลูกฟรีคิกมากเป็นพิเศษ เพื่อดูว่าพวกเขาจะเคลื่อนที่รึเปล่า, จะขยับไปด้านใดด้านหนึ่งรึเปล่า สิ่งที่สำคัญคือการเรียนรู้และการฝึกฝน ผมปรับปรุงลูกฟริคิกของตัวเองผ่านทางการฝึกซ้อมมาโดยตลอด" ดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ ระบุ
เมสซี่ เสริมว่าดีใจมากๆ ที่ตนได้รางวัลดาวซัลโวสูงสุดของ ลา ลีกา หลายหน "การได้เป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีกนี้มันเป็นเรื่องที่พิเศษมากๆ เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าลีกสเปนมันยิ่งใหญ่แค่ไหน สำหรับผมแล้วมันเป็นหนึ่งในสถิติที่ดีที่สุดของผมเลย"
cr : www.siamsport.co.th