ฮาวทูทิ้ง : ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ / บางที ... การ Move on ก็ไม่เคยมีอยู่จริง

(พยายามหลีกเลี่ยง - แต่บทความนี้อาจจะมี spoil นะครับ ท่านที่ตั้งใจว่าจะดู แต่ยังไม่ได้ดูกรุณาตัดสินใจให้ดีก่อนอ่าน 😯)

ก่อนอื่นต้องชมว่า นอกจากตัดหนังตัวอย่างออกมาได้น่าดูมาก เต๋อ นวพล ผู้กำกับฯ/เขียนบท/Producer ยังเป็นนักวางแผนโฆษณาทาง social media ที่เก่งแบบหาตัวจับยาก สามารถสร้างกระแสให้หนังเรื่องนี้ถูกเอ่ยถึงอย่างกว้างขวาง ขนาดที่ได้ฉายในโรงใหญ่ และมีจำนวนรอบพอๆกับ Jumanji

ประเด็นหลักของ ฮาวทูทิ้ง คือเรื่องราวของความสัมพันธ์ในระดับต่างๆ ครอบครัว พี่น้อง เพื่อนฝูง คนรัก ที่ถูกบอกเล่าผ่าน การทิ้ง และ การถูกทิ้ง
ประโยคที่เพื่อนนางเอกพูดไว้ในหนังตัวอย่าง 
"ทิ้งคนน่ะ มันไม่ได้เหมือนทิ้งของนะเว้ย" เป็นเหตุผลที่ทำให้ข้าพเจ้าตีตั๋วเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่วันแรกๆ
อีกเหตุผล คือ อยากดูวิธีจัดการกับบ้านรกๆ ช่วงปีใหม่ เพราะก็กำลังอ่านหนังสือจัดบ้าน Spark Joy และดูรายการทีวี ของ Marie Condo กูรูนักจัดบ้านชาวญี่ปุ่น ที่กำลังโด่งดัง 😁

หนังตัวอย่างเลือกใช้คำเก๋ๆอย่าง Minimal ภาพ before & after ก่อน/หลังการจัดบ้าน หลังการทิ้ง เราจะได้บ้านใหม่ ห้องใหม่ ขาว เรียบ เท่ น่าอยู่ ชวนมอง
ซึ่งแตกต่างจากการถูก"ทิ้ง"ในชีวิตจริง

บทภาพยนตร์ถูกเขียนขึ้นอย่างมีชั้นเชิง แบบคนทำหนังที่เข้าใจการสื่อสารด้วยภาษาหนัง ภาพ แสง มุมมอง การเคลื่อนกล้อง จังหวะการใส่ดนตรีประกอบ ฯลฯ ภาษาที่ตัวละครใช้พูดกัน ก็เป็นภาษาปาก ที่เราใช้พูดกันตามปกติ ทำให้คนดูรู้สึกถึงเรื่องราวตามไปได้ไม่ยาก
นอกจากการทิ้ง และถูกทิ้ง บทหนังยังใส่ การหลงลืม ละเลย ไม่ใส่ใจ การเลือก ไม่เลือก หรือ เลือกที่จะไม่เลือก ฯลฯ เข้าไปในช่วงต่างๆของหนัง ทำให้เราคนดูลอยวนอยู่ในความรู้สึกต่างๆทำนองนี้อยู่ตลอดทั้งเรื่อง
 
เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงกลางๆ บทหนังเริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นดูไม่ค่อยสนุกแบบหนังตัวอย่าง เต๋อ นวพล เลือกที่จะใช้เฟรมภาพแบบเกือบจะเป็น สี่เหลี่ยมจัตุรัส (เห็นเขาเรียกว่าเป็นอัตราส่วนแบบ 3:2 ) มีการเลือกใช้มุมกล้องแบบเข้าใกล้ตัวละครมากขึ้นเรื่อยๆ จนหลังๆ หนักไปทาง close up และแช่อยู่บนหน้านักแสดงนานมาก ความเก๋ เท่ ชิคๆ คูลๆ มินิมอล ฯลฯ หายเกลี้ยง  ทั้งหลายทั้งปวง ทำให้รู้สึกอึดอัด - เป็นเหตุผลที่ทำให้นึกอยู่นาน ว่าจะเขียนถึง ฮาวทูทิ้ง อย่างไรดี
 
บทหนังเดินทางไกลไปจนกระทั่งชวนให้คนดูตั้งคำถามเกี่ยวกับ "ความเห็นแก่ตัว" ของตัวเอง ผ่านเรื่องราว และบทสนทนา ไปสู่บทสรุปที่เจ็บปวด ว่าเอาเข้าจริง เรื่องราวหลายๆเรื่องในชีวิต ก็ไม่ได้สามารถคลี่คลายให้มันดูดี เรียบร้อย ชวนมอง ขาวนวล สะอาดตา แบบการจัดบ้าน
ตัวละครเลือกสาดคำพูดว่า "เห็นแก่ตัว"ใส่กันไปมาในหลายต่อหลายฉาก และนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของ ฮาวทูทิ้ง เพราะมันก็ทำให้เราเองก็สะอึก

ถอยออกมาห่างๆ เราอาจจะรู้สึกว่า จีน นางเอกของเรื่อง ก็แค่ผู้หญิงติสท์แตก character จัด / ลำไยกับ mood & tone ของตัวเอง / หมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ตัวเองวาดภาพไว้ในหัว โดยไม่ค่อยใส่ใจความรู้สึกใคร และเอาเข้าจริง นางโคตรเวิ่นเว้อกว่าภาพที่ตัวเองสร้างขึ้น และเมื่อจัดการอะไรเองไม่ได้ ก็เลือกที่จะทำตามที่ตัวเองต้องการ โดยวนกลับสู่ loop ของความเห็นแก่ตัว ปกปิด และทิ้งปัญหา ไว้ให้พี่ชายเป็นคนเคลียร์  แล้วก็กลับสู่โลกแห่งการเวิ่นเว้อของนางอย่างเดิม
เชื่อว่า หลายๆประโยคที่พี่เอม (ซันนี่) พูดกับจีนในตอนท้ายๆ คงจะเป็นสิ่งที่คนถูกทิ้งทุกคนอยากพูด และ คนที่เคยทิ้งคนอื่นทุกคน สมควรได้ยิน
 
Spark Joy ในความสัมพันธ์ของมนุษย์ โดยเฉพาะ ความรัก จึงไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปได้ง่ายๆ เพราะเอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่มีสูตรสำเร็จเรื่อง - ฮาวทู บอกเลิกอย่างไรไม่ให้อีกฝ่ายเจ็บปวด
 
ตอนจบของหนัง ทำให้เราคนดู อาจจะรู้สึกประมาณ #อิหยังวะ 😯 คือ มันจะห้วนๆ อึนๆ ไม่เก๋ไก๋ ชิคๆ คูลๆ แบบหนังตัวอย่าง แต่ก็ทำให้คนดูรู้สึกถึง ความรู้สึกว่า บางที ไอ้ที่พูดๆกันง่ายๆ ว่า move on ก็ไม่มีอยู่จริง
 
หนังเลิก แยกย้าย กลับบ้าน เดินผ่านเสียงเพลง "ทิ้งแต่เก็บ"ของน้องทอย เมโลดี้ดีมาก

#ฮาวทูทิ้ง #มุ้ปอร

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่