คือเมื่อก่อนตอนวัยรุ่น แฟนเราเกเรมากกกก กินเหล้า ไม่ตั้งใจเรียนและสุดท้ายทำผู้หญิงท้องในวัยเรียน เค้าตัดสินใจเก็บลูกไว้แต่ความสัมพันธ์กับแฟนเก่าไม่ดีนัก จนสุดท้ายเลิกกัน เด็กก็เทียวไปเทียวมา 2 บ้าน คือฝั่งพ่อกับแม่ของเด็กแต่ส่วนใหญ่อยู่ฝั่งบ้านแฟนเรา ตอนที่เราตัดสินใจคบกับแฟนเราเป็นเพราะตอนนั้นเค้ากลับตัวแล้ว คิดได้แล้ว เราจึงยอมคบ เราก็เคยสงสัยว่าทำไมแฟนเราเกเรไม่เชื่อฟังพ่อแม่ได้ขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้คิดอยากรู้ว่าฝั่งบ้านแฟนเราเลี้ยงดูเด็กยังไง จนพอแฟนเราพาไปเปิดตัวเรากับลูกเค้า เราถึงได้เห็นสไตล์การเลี้ยงดูของพ่อแม่และแฟนเราที่สปอยเด็กหนักมากกกกกจนเราอึดอัด
เรื่องหลักๆที่เรารู้สึกเป็นปัญหามี 2 เรื่องคือ
1. เด็กไม่เชื่อฟังคนในครอบครัว กล้าเถียง กล้าตะวาด แต่ไม่มีใครกล้าว่า
2. ไม่ทำงานบ้านและย่าชอบทำการบ้านให้
เหตุการณ์ของเรื่องแรกคือ เราอยู่ในรถ กำลังไปเที่ยวกันทั้งครอบครัว แล้วแม่แฟนเราพูดอะไรสักอย่างออกมา (เราจำไม่ได้ ไม่ได้ตั้งใจฟัง) ซึ่งสิ่งที่แม่แฟนเราพูดมันคงไปขัดหูเด็ก น้องเลยหันไปตะโกนใส่แม่แฟนเราห้วนๆว่า อะไร แล้วแทนที่จะมีผู้ใหญ่สักคนดุ กลับเงียบ ไม่กล้าว่าเด็ก แฟนเราก็พูดดีๆกับลูกเค้า ว่าอย่าตะโกนใส่ย่านะ เดี๋ยวย่าไม่เล่านิทานให้ฟัง เดี๋ยวไม่พาไปรร. บลาๆๆ เด็กก็หยุดนะ ไม่ได้เถียงอะไรต่อ แม่แฟนเราแทนที่จะช่วยเตือน กลับบอกว่าไม่เป็นไร เด็กมันแก่นแก้วเฉยๆไม่มีอะไร และในวันอื่นก็มีการตะวาดและเถียงอยู่อีกบ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อย แฟนเราก็เข้าไปพูดดีๆเหมือนเดิม สำหรับเราแล้วเรารู้สึกว่า แก้ปัญหานี้ไม่ได้ผล ไม่ใช่เรื่องการพูดที่นิ่มไปของแฟนเรา แต่เป็นเพราะสิ่งที่แฟนเราพูดเป็นแค่คำขู่ ไม่เกิดขึ้นจริง ในที่นี้หมายถึง ต่อให้เด็กจะตะวาดสักกี่ครั้ง ย่าก็ยังทำสิ่งเดิมๆให้อยู่ โดนตะวาดแต่สุดท้ายก็ยังไปรับ-ส่ง หานิทานมาเล่าให้ฟัง ไม่มีการดุหรือแม้แต่การลงโทษแบบจริงจังหรือเด็ดขาด จากสถานการณ์นี้ มันทำให้เรารู้สึกว่าเมื่อครอบครัวแฟนยิ่งทำแบบนี้ มันก็ยิ่งลดน้ำหนักของคำพูดของตัวเอง จนสุดท้ายเด็กไม่เชื่อฟัง (จะฟังไปทำไมเพราะสุดท้ายก็ได้รับการดูแลดีเหมือนเดิม) เราเลยเดาต่อว่า ที่แฟนเราเกเร ส่วนนึงมาจากเรื่องนี้แน่ๆ
ส่วนเรื่องที่ไม่ทำงานบ้าน บ้านนี้เด็กไม่ต้องทำอะไรเลย กุ้งไม่ต้องแกะไก่ไม่ต้องแทะเอง แม้แต่กินเสร็จก็ไม่ต้องเก็บจาน ของเล่นกองทิ้งไว้ ขนมวางไว้เรี่ยราด เดี๋ยวย่ามาเก็บ สำหรับเรา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนเท่าเคสแรก แต่ก็สำคัญมาก ยิ่งน้องเป็นเด็กผู้หญิงและจะ 10 ขวบแล้ว อย่างน้อยของๆตนเองควรรับผิดชอบและควรทำงานบ้านง่ายๆเป็น ส่วนเรื่องการทำการบ้านให้ เราไม่รู้เหตุผลที่แน่ชัด ถึงมันจะเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้น ก็ไม่ควรทำให้อยู่ดี และพฤติกรรมเหล่านี้แฟนเราก็เป็นเหมือนกัน ของวางไว้เรี่ยราด ใช้ทีก็หาที ไม่เคยรีดผ้า พับผ้าเก็บใส่ตู้ เคยมีอยู่ครั้งนึง พ่อแฟนเราจะเอาตะกร้าผ้าไปใช้ แต่มันมีผ้าซักแล้วของแฟนเราที่ยังไม่ได้เอาไปเก็บ พ่อก็บอกแฟนเราให้เอาผ้าไปเก็บ แต่เค้าไม่ทำ สุดท้ายพ่อเลยสั่งให้เราทำแทน เรายินดีทำให้นะคะ แต่จากเหตุการณ์นี้มันทำให้เรารู้สึกว่าคำพูดของคนในบ้านเค้าไม่สำคัญต่อกันจริงๆ (อารมณ์เหมือนเคสแรกที่เราเล่า)
ส่วนฝั่งแม่เด็ก แฟนเราเล่าให้ฟังว่าฝั่งนู้นไม่สปอย แต่เราก็ไม่รู้ว่ามากน้อยแค่ไหน
จากที่เล่ามา พ่อแม่แฟนเราไม่รู้จริงๆหรอว่าที่ทุกอย่างพังขนาดนี้เพราะการเลี้ยงดูของเค้า?
ถ้าดูเรื่องอื่นๆ แฟนเราเป็นแฟนที่ดีค่ะ เราดูแลกัน ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่/สำคัญของเรา เค้าจ่ายหมด พ่อแม่เค้าไม่เคยทำไม่ดีกับเรา เราก็ดูแลเค้า เค้าชอบวางของเรี่ยราดเราก็เก็บให้ งานบ้านเราทำเกือบทุกอย่าง เราช่วยกันทำงานและประหยัดเงิน แต่สิ่งที่เรากลัวคือเรื่องการเลี้ยงดูเด็กของครอบครัวเค้าที่จะส่งผลไปอนาคต เราเดาว่าพ่อแม่แฟนเรา เลี้ยงหลานเหมือนที่เลี้ยงแฟนเรา ซึ่งเสียเด็กแน่นอน ถึงเวลานั้น ถึงแม้เราไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเกี่ยวกับความผิดพลาดของลูกเค้าก็เถอะ แต่แฟนเราเครียดแน่ๆ ซึ่งมันจะทำให้เราเครียดไปด้วยจนสุดท้ายส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ เราไม่อยากเครียดจากสิ่งที่เราไม่ได้ก่อหรือไม่เคยได้เข้าไปจัดการ เราไม่กล้าสั่งสอนหรือดุลูกแฟนเรา เพราะเราคิดว่าเด็กคงไม่เชื่อหรือพ่อแม่แฟนเราอาจมองว่าเราเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย แต่จะปล่อยเด็กก็ไม่ดี เราไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อดีค่ะ คบกันมาประมาณ 3 ปีแล้ว
คบกับคนมีลูกติดแต่ครอบครัวเค้าสปอยเด็กหนักมากกกกกกกกกก ควรไปต่อหรือพอแค่นี้
เรื่องหลักๆที่เรารู้สึกเป็นปัญหามี 2 เรื่องคือ
1. เด็กไม่เชื่อฟังคนในครอบครัว กล้าเถียง กล้าตะวาด แต่ไม่มีใครกล้าว่า
2. ไม่ทำงานบ้านและย่าชอบทำการบ้านให้
เหตุการณ์ของเรื่องแรกคือ เราอยู่ในรถ กำลังไปเที่ยวกันทั้งครอบครัว แล้วแม่แฟนเราพูดอะไรสักอย่างออกมา (เราจำไม่ได้ ไม่ได้ตั้งใจฟัง) ซึ่งสิ่งที่แม่แฟนเราพูดมันคงไปขัดหูเด็ก น้องเลยหันไปตะโกนใส่แม่แฟนเราห้วนๆว่า อะไร แล้วแทนที่จะมีผู้ใหญ่สักคนดุ กลับเงียบ ไม่กล้าว่าเด็ก แฟนเราก็พูดดีๆกับลูกเค้า ว่าอย่าตะโกนใส่ย่านะ เดี๋ยวย่าไม่เล่านิทานให้ฟัง เดี๋ยวไม่พาไปรร. บลาๆๆ เด็กก็หยุดนะ ไม่ได้เถียงอะไรต่อ แม่แฟนเราแทนที่จะช่วยเตือน กลับบอกว่าไม่เป็นไร เด็กมันแก่นแก้วเฉยๆไม่มีอะไร และในวันอื่นก็มีการตะวาดและเถียงอยู่อีกบ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อย แฟนเราก็เข้าไปพูดดีๆเหมือนเดิม สำหรับเราแล้วเรารู้สึกว่า แก้ปัญหานี้ไม่ได้ผล ไม่ใช่เรื่องการพูดที่นิ่มไปของแฟนเรา แต่เป็นเพราะสิ่งที่แฟนเราพูดเป็นแค่คำขู่ ไม่เกิดขึ้นจริง ในที่นี้หมายถึง ต่อให้เด็กจะตะวาดสักกี่ครั้ง ย่าก็ยังทำสิ่งเดิมๆให้อยู่ โดนตะวาดแต่สุดท้ายก็ยังไปรับ-ส่ง หานิทานมาเล่าให้ฟัง ไม่มีการดุหรือแม้แต่การลงโทษแบบจริงจังหรือเด็ดขาด จากสถานการณ์นี้ มันทำให้เรารู้สึกว่าเมื่อครอบครัวแฟนยิ่งทำแบบนี้ มันก็ยิ่งลดน้ำหนักของคำพูดของตัวเอง จนสุดท้ายเด็กไม่เชื่อฟัง (จะฟังไปทำไมเพราะสุดท้ายก็ได้รับการดูแลดีเหมือนเดิม) เราเลยเดาต่อว่า ที่แฟนเราเกเร ส่วนนึงมาจากเรื่องนี้แน่ๆ
ส่วนเรื่องที่ไม่ทำงานบ้าน บ้านนี้เด็กไม่ต้องทำอะไรเลย กุ้งไม่ต้องแกะไก่ไม่ต้องแทะเอง แม้แต่กินเสร็จก็ไม่ต้องเก็บจาน ของเล่นกองทิ้งไว้ ขนมวางไว้เรี่ยราด เดี๋ยวย่ามาเก็บ สำหรับเรา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนเท่าเคสแรก แต่ก็สำคัญมาก ยิ่งน้องเป็นเด็กผู้หญิงและจะ 10 ขวบแล้ว อย่างน้อยของๆตนเองควรรับผิดชอบและควรทำงานบ้านง่ายๆเป็น ส่วนเรื่องการทำการบ้านให้ เราไม่รู้เหตุผลที่แน่ชัด ถึงมันจะเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้น ก็ไม่ควรทำให้อยู่ดี และพฤติกรรมเหล่านี้แฟนเราก็เป็นเหมือนกัน ของวางไว้เรี่ยราด ใช้ทีก็หาที ไม่เคยรีดผ้า พับผ้าเก็บใส่ตู้ เคยมีอยู่ครั้งนึง พ่อแฟนเราจะเอาตะกร้าผ้าไปใช้ แต่มันมีผ้าซักแล้วของแฟนเราที่ยังไม่ได้เอาไปเก็บ พ่อก็บอกแฟนเราให้เอาผ้าไปเก็บ แต่เค้าไม่ทำ สุดท้ายพ่อเลยสั่งให้เราทำแทน เรายินดีทำให้นะคะ แต่จากเหตุการณ์นี้มันทำให้เรารู้สึกว่าคำพูดของคนในบ้านเค้าไม่สำคัญต่อกันจริงๆ (อารมณ์เหมือนเคสแรกที่เราเล่า)
ส่วนฝั่งแม่เด็ก แฟนเราเล่าให้ฟังว่าฝั่งนู้นไม่สปอย แต่เราก็ไม่รู้ว่ามากน้อยแค่ไหน
จากที่เล่ามา พ่อแม่แฟนเราไม่รู้จริงๆหรอว่าที่ทุกอย่างพังขนาดนี้เพราะการเลี้ยงดูของเค้า?
ถ้าดูเรื่องอื่นๆ แฟนเราเป็นแฟนที่ดีค่ะ เราดูแลกัน ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่/สำคัญของเรา เค้าจ่ายหมด พ่อแม่เค้าไม่เคยทำไม่ดีกับเรา เราก็ดูแลเค้า เค้าชอบวางของเรี่ยราดเราก็เก็บให้ งานบ้านเราทำเกือบทุกอย่าง เราช่วยกันทำงานและประหยัดเงิน แต่สิ่งที่เรากลัวคือเรื่องการเลี้ยงดูเด็กของครอบครัวเค้าที่จะส่งผลไปอนาคต เราเดาว่าพ่อแม่แฟนเรา เลี้ยงหลานเหมือนที่เลี้ยงแฟนเรา ซึ่งเสียเด็กแน่นอน ถึงเวลานั้น ถึงแม้เราไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเกี่ยวกับความผิดพลาดของลูกเค้าก็เถอะ แต่แฟนเราเครียดแน่ๆ ซึ่งมันจะทำให้เราเครียดไปด้วยจนสุดท้ายส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ เราไม่อยากเครียดจากสิ่งที่เราไม่ได้ก่อหรือไม่เคยได้เข้าไปจัดการ เราไม่กล้าสั่งสอนหรือดุลูกแฟนเรา เพราะเราคิดว่าเด็กคงไม่เชื่อหรือพ่อแม่แฟนเราอาจมองว่าเราเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย แต่จะปล่อยเด็กก็ไม่ดี เราไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อดีค่ะ คบกันมาประมาณ 3 ปีแล้ว