เข้าสู่ช่วงปีเก่ากำลังจะผ่านไป ปีใหม่กำลังจะมา กิจกรรมแรกเริ่มต้นปีที่หลายคนนึกถึงเลยก็คือ การไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต กระทู้นี้ก็เลยอยากจะมาชวนพร้อมบอกเล่าการเดินทางทริปไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ประเทศเมียนมาร์ หรือพม่ากันค่ะ เมืองแห่งพระพุทธศาสนาที่มีประวัติศาสตร์มากมาย เป็นเมืองที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต!

ทริปนี้เราไปทั้งหมด 3 วัน 2 คืน บินดี กินดี อยู่ดีครบ เหมาะมากถ้าใครมีวันลาไม่เยอะ หรือเป็นมนุษย์เงินเดือน แต่อยากไปไหว้พระขอพรเสริมความเป็นสิริมงคลให้ชีวิต ทำงานจะได้เฮงๆ เพราะลางานก็แค่วันเดียว อ่านจบกดจองตั๋วตามรอยได้เลย วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์


การเดินทางจากไทยไปพม่า ใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงนิดๆ เร็วกว่าหลักสี่ไปสุขุมวิทตอนเช้าวันจันทร์อีก แฮ่ ซึ่งสายการบินที่แนะนำเลยก็คือ การบินไทย และ Thai Smile ราคาได้ บินตรง อาหารอร่อย โหลดกระเป๋าได้จัดเต็ม ที่สำคัญคือ เวลาดี ออกจากที่นี่เช้านิดๆ ไปถึงช่วงสายๆ เที่ยวได้ทั้งวัน จะเลือกลงที่สนามบินนานาชาติย่างกุ้ง หรือถ้าจะไปไหว้ขอพรที่ วัดกุโสดอว์ วัดชเวนันดอว์ หรือพระมหามัยมุนี ที่อยู่เมืองมัณฑะเลย์ก็มีไฟล์ท
ลงมัณฑะเลย์เหมือนกัน   

ดูรายละเอียดเที่ยวบินและจองตั๋วเครื่องบินได้ที่ https://www.thaiairways.com/th_TH/index.page และ  https://www.thaismileair.com/th

วาร์ปมาวันบิน เราเลือกเดินทางด้วยสายการบิน Thai Smile เที่ยวบิน WE303 หรือถ้าใครจองจากเว็บการบินไทยมาจะเป็น TG2303 ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ตอนประมาณ 07.50 น. มาเช็กอินที่เคาน์เตอร์อย่างก่อน 2 ชั่วโมง กันเหนียวตกเครื่อง


น้องลูกเรือ Thai Smile ชุดสีส้มน่ารักเชียว หลังจากเครื่องเทคออฟได้สักพัก แอร์ฯ ก็เริ่มเดินเสิร์ฟเครื่องดื่ม และอาหาร


แท๊แด ขาไปเป็นสปาเก็ตตี้ เส้นเหนียวนุ่ม กินเกลี้ยงหมดกล่องแล้วก็นอนไปหนึ่งงีบ มาตื่นอีกทีก็ตอนใกล้เครื่องลงที่สนามบินนานาชาติย่างกุ้งแล้ว  ดูนาฬิกา 8.45 น. พอดี เวลาที่พม่าจะช้ากว่าเวลาที่ไทย 30 นาที


ถึงแล้วสนามบินนานาชาติย่างกุ้ง สวยงาม สะอาด คนไทยถ้าเดินทางด้วยเครื่องบินไม่ต้องขอวีซ่านะ อยู่เที่ยวได้ 14 วัน อ่านรีวิวเราจบอยากจิตามรอยก็จองตั๋วแล้วไปได้เลย


เราตั้งใจที่จะไปนมัสการเจดีย์ชเวมอดอ หรือพระมหาเจดีย์มุเตา เจดีย์ใหญ่คู่บ้านคู่เมืองที่เมืองหงสาวดีก่อน แล้วค่อยตามด้วยพระธาตุอินทร์แขวน เจดีย์ชเวดากอง และเทพทันใจ

ออกจากสนามบิน เราเรียก Taxi ไปเมืองหงสาวดี อยู่ห่างจากย่างกุ้งประมาณ 2 ชั่วโมง ต้องบอกว่าพอมาถึงที่เจดีย์แล้ว First Impression มากกกกกก สวยงามสีเหลืองทองอร่ามสุดๆ ตัดกับท้องฟ้าสีน้ำเงินสุดๆ

เจดีย์ชเวมอดอ เป็นเจดีย์สำคัญ 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์ของพม่า ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า มีจุดอธิษฐานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงบริเวณยอดฉัตรหรือยอดเจดีย์หัก ที่ตกลงมาเมื่อปี พ.ศ. 2473 ด้วยน้ำหนักที่มหาศาล ตกลงมายังพื้นล่างแต่ยอดฉัตร กลับยังคงสภาพเดิมและไม่แตกกระจายออกไป ซึ่งชาวมอญและชาวพม่าเชื่อกันว่าเป็นจุดที่ศักดิ์สิทธิ์มาก วิธีการสักการะขอพร ให้เอามือและหน้าผากไปแตะที่พระธาตุองค์เดิมที่หักแล้วอธิษฐาน และนำธูปไปค้ำกับยอดของเจดีย์องค์ที่หักลงมา เพื่อเป็นสิริมงคลซึ่งเปรียบเหมือนความมั่นคงให้กับชีวิตของเราเอง

เกือบลืม!! การที่เข้าวัดที่พม่าทุกวัด จะต้องเดินเข้าไปด้วยเท้าเปล่านะคะ ถอดรองเท้าและถุงเท้าก่อนเข้าวัดหรือก่อนเข้าเขตวัด ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของชาวพม่า ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด เมื่อเข้าไปในเขตวัดหรือพุทธเจดีย์ต้องถอดรองเท้าแล้วเดินด้วยเท้าเปล่า ดังนั้นเพื่อความสะดวก ใส่รองเท้าที่ถอดง่าย สวมง่ายมาดีสุดนะจ๊ะ  พกถุงผ้ามาใส่รองเท้าได้น้า ถ้ากลัวรองเท้าหาย


ออกจากเจดีย์เจดีย์ชเวมอดอ นั่งรถไปกันต่อค่ะ ชมพระราชวังบุเรงนอง พระราชวังเก่าแก่ของพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ที่นี่ก็สวยงามประทับใจ   


จุดต่อไปคือ การเดินทางไปยังวัดไจ้คะวาย ทำบุญใส่บาตรข้าวสวยแก่ภิกษุ สามเณร จังหวะเราไปถึงวัด เค้ากำลังตั้งแถวรอใส่บาตรจากนักท่องเที่ยวที่มาไหว้พระทำบุญอยู่พอดี เป็นภาพที่จะว่าไปก็แปลกตาอยู่หนา


วันแรกยังอิ่มบุญขนาดนี้ พม่าสมกับเป็นเมืองแห่งศาสนาพุทธ ออกจากวัดไจ้คะวาย เตรียมตัวไปวัดพระนอนชเวตาเลียว หรือพระนอนยิ้มหวาน เป็นพระนอนที่สวยงามที่สุดในพม่า องค์พระมีความยาว 55 เมตร สูง 16 เมตร สถานที่จริงอลังการกว่าในรูปมากๆๆๆ เราเหลือตัวนิดเดียว


ต่อไปเดี๋ยวเราจะเดินทางไปไหว้พระขอพรกันที่ เจดีย์ไจ้ทีโย หรือ พระธาตุอินทร์แขวน Kyaikhtiyo Pagoda (Golden Rock) นี่ก็เป็นอีกที่ที่บอกได้ว่าของจริง อลังการกว่าหลายร้อยเท่า การเดินทางก็ไม่ธรรมดาด้วยนะ เพราะวัดตั้งอยู่บนเขา ต้องใช้รถโดยสารโดยเฉพาะเป็นสองแถวมีบันได สบายหน่อยไม่ต้องปีน 55


ต่อไปนี้เป็นอะไรที่ต้องขอเล่าแบบไม่มีภาพประกอบ มิสามารถจริงๆ หลังจากขึ้นรถสองแถวแล้ว ความบันเทิงเกิดขึ้นตลอดเส้นทาง อะดรีนาลีนหลั่งไม่หยุด เพราะทางเดินรถที่จะขึ้นเขาเป็นแบบทางเดียว แล้วด้านข้างถนนก็คือไม่มีที่กั้นตามทาง ต้องหาอะไรจับไปตลอดเส้นทาง กลัวหวยจะออกมา 55+ แต่มันก็ไม่ได้แบบกรี๊ดไม่ไปแล้ว ไม่เอาอีกแล้วจ้า เชื่อมือคนขับ ต้องเชี่ยวชายชำนาญอยู่แล้ว ขับกันเป็นอาชีพไม่มีทางตกเขาหรอก แต่เราไม่เคยไง มันก็ต้องกลัว  ถ้านึกไม่ออกว่ามันเร้าใจขนาดไหนก็ประมาณนั่งเรือไวกิ้งแล้วเหาะสูงสุดนั่นแหละ  

ถึงท่ารถด้านบน เราต้องเดินต่อไปเข้าอีกหน่อย เป็นการผ่อนคลายความเสียวซ่านเมื่อกี้นี้


สำหรับใครถ้ามาถึงแล้วกระเป๋าเยอะ ใหญ่ลากไม่ไหว แบกไม่ไหว มีบริการส่งกระเป๋าถึงโรงแรมด้วย ระบบแมนนวลล้วน 55+ ใส่ตะกร้าแล้วยกใส่หลังไปแบบนี้แหละ ราคาก็แล้วแต่ขนาดกระเป๋า


มีของกินขายเยอะแยะ


คืนนี้เราฝากตัวนอนที่โรงแรมแถวๆ พระธาตุ ชื่อว่า Kyai Khto Hotel เก็บกระเป๋าเรียบร้อย เดินไม่ถึง 2 นาทีก็มาถึงประตูวัด คนล้านแปดมากกกกกก


เจดีย์ไจ้ทีโย หรือพระธาตุอินทร์แขวน มีลักษณะเป็นก้อนหินสีทอง ขนาดใหญ่ 5.5 เมตร อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชัน คล้ายกับเขาคิชกูฎบ้านเรา ชาวพม่ายืนยันว่าไม่มีทางตกลงมาแน่นอน เชื่อกันว่าเพราะพระเกศาธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ภายในพระเจดีย์องค์ย่อมทำให้หินก้อนนี้ทรงตัวอยู่ได้


พระธาตุอินทร์แขวน เป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีจอ เชื่อกันว่าถ้าผู้ใดได้มานมัสการพระธาตุอินทร์แขวนครบ 3 ครั้ง ผู้นั้นจะมีแต่ความสุข ความเจริญ ขอสิ่งใดก็จะได้สมดั่งปรารถนาทุกประการ

ที่นี่สามารถนั่งสมาธิหรือสวดมนต์ได้ตลอดคืน แต่ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ก็สามารถทำได้โดย ครั้งที่ 1 ไปถึงก่อนพระอาทิตย์ตก, ครั้งที่ 2 ตอนค่ำ และครั้งที่ 3 ช่วงเช้าประมาณตี 5


การปิดแผ่นทองพระธาตุอินทร์แขวน ผู้ชายเข้าได้ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงจะต้องแปะปิดทองที่องค์จำลองพระธาตุอินทร์แขวน


มีคนมาสักการะพระธาตุอินทร์แขวนต่อเนื่องทั้งคืน สองข้างทางก็มีของกินตลอดขายกันทั้งคืน และคนก็เยอะมากเช่นกัน


ตื่นเช้าวันนี้เราจะกลับเข้าตัวเมือง เดินสวนกับคนที่เข้าไปสักการะองค์พระธาตุอินทร์แขวนตลอด มหาศาลมาก


ท่ารถพระธาตุอินทร์แขวนตอนเช้า


ที่นี่เด็กๆ เยอะนะคะ แต่รู้สึกเอ็นดูพิเศษ เพราะน้องพูดว่า “พี่ฉวย พี่ฉวยให้ฟรี ไม่คิดตาง” ไม่สวยที่ไทยก็ไปสวยในต่างแดนกันค่ะ 55+