ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ - ความโดนขึ้นอยู่กับประสบการณ์แต่ละคน มาตรฐานและคุณภาพหนังของ @ter_nawapol นั้นสูงเหลือเฟือ แต่ถามว่าชอบไหม และจะโดนคนกลุ่มใหญ่ไหม ตอบยากจริงๆ ส่วนตัวแทบไม่โดนหนังโจมตีแต่อย่างใด แต่สำหรับบางคน ผมว่าหนังอาจอันตรายต่อจิตใจมากๆได้

เมื่อวานนี้ ผมก็ได้มีโอกาสชมหนังไทยเรื่อง "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" ในรอบฉายของวันแรกที่เข้าฉาย คนมาดูกันเยอะเหมือนกันครับ เกินครึ่งโรง
"ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" หนังไทยเรื่องล่าสุดส่งท้ายปีจากทางค่าย GDH ผลงานของผู้กำกับ ที่ผมจะติดตามดูหนังของเขาทุกเรื่อง ไม่ว่าจะอยู่ในค่ายไหนก็ตาม นั่นคือ เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ซึ่งมากำกับหนังให้กับทาง GDH เป็นครั้งแรก (รอบที่แล้วเป็น GTH)
เมื่อตอนที่หนังเริ่มโปรโมทและปล่อยตัวอย่างออกมา ต้องบอกว่ากระแสแรงอยู่พอสมควร ด้วยสารพัดเทคนิกที่ทาง เต๋อ นำมาใช้โปรโมท เชื่อว่าหลายๆ คน ก็คงได้เห็นการโปรโมทหนังเรื่องเรื่องนี้ ผ่านตากันมาบ้างแล้ว ตอนที่ได้ชมหนังตัวอย่าง คือมันก็น่าดูอยู่นะ และดูแล้วก็ไม่แน่ใจว่าหนังจะออกไปทางสไตล์ไหน ระหว่างตลกจิกกัดแสบๆคันๆ หรือพาไปดราม่าเต็มขั้น หนังของเต๋อเดายากนะครับ
ช่วงแรก หนังเล่าเรื่องราวของ จีน (ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง) ผู้ซึ่งต้องการจะเคลียร์บ้านของตัวเองให้เป็น minimal style ซึ่งเชื่อว่า ไม่มีใครคาดเดาได้แน่ๆ ว่าการเคลียร์บ้านให้โล่งเนี่ย มันจะส่งผลอย่างไรได้บ้าง ตรงนี้เต๋อทำออกมาได้ดีและหลากหลายมุมมองมากครับ เทคนิกการถ่ายทำต่างๆ ก็ยังคงรักษาสไตล์ไว้ได้อย่างครบถ้วน และแน่นอน หนังปล่อยให้คุณได้ดูกันเพลินๆ ยิ้มๆ กันไปก่อน
ช่วงกลางๆ หนังเริ่มโจมตีคนดูด้วยอาวุธที่ถูกเตรียมไว้ ซึ่งก็คงไม่ได้คาดคิดกันหรอกว่าการเคลียร์บ้าน จะกลายมาเป็นอาวุธโจมตีใส่คนดูได้อย่างไร แต่เชื่อเถอะว่า มันหลากหลายไม่ธรรมดา และคงจะต้องโดนเข้าบ้าง ซึ่งพอโจมตีโดน เต๋อก็ขยี้ๆๆ เชื่อว่าหลายคนเริ่มซึมๆไป หนังค่อนข้างเดินเรื่องเนิบในบางช่วง ซึ่งจะทำให้คนดู เริ่มหวนคิดถึงเรื่องของคนเองขึ้นมาได้ จังหวะช่างน่ากลัวจริงๆ ยังไม่นับเทคนิคด้านภาพและเสียงสารพัดแบบที่นำมาใช้ บอกเลยว่าแสบมาก โดยเฉพาะเสียงบ้าๆ เป็นจังหวะอันนั้น ที่ถ้าคุณดูแล้วน่าจะรู้ว่าคือเสียงอะไร
ช่วงท้ายๆ บอกเลยว่าหนังทุบคนดูแบบไม่ยั้ง ทุกประเด็น เรียกว่าถ้าไม่โดนอันนี้ก็โดนอันนี้ เชื่อว่านะจุดนี้หลายคนน่าจะเสียน้ำตากันไปบ้างแล้ว บางคนที่มีประสบการณ์ตรง อาจจะถึงขั้นรับไม่ไหว ต้องบอกว่าผมโชคดี (หรือโชคร้ายก็ไม่รู้) ที่แทบไม่โดนอะไรเลย เลยไม่ได้อินอะไรกับหนังสักเท่าใด ตรงนี้คงขึ้นกับประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาของแต่ละคนล่ะครับ ส่วนตอนจบ มันก็ดีนะ นิ่งๆ แต่ก็เป็นตามสไตล์ของเต๋อนั่นแหล่ะ
ในด้านการแสดง นี่ก็เป็นอีกครั้งนึงที่ ออกแบบ แสดงให้เห็นถึงความสามารถอันสุดยอด หลายครั้ง ผมไม่แน่ใจว่า เป็นเพราะการกำกับของเต๋อ หรือการเข้าถึงบทบาทของออกแบบกันแน่ที่ทำให้ผลออกมาได้ถึงขนาดนี้ แต่ส่วนตัวผมก็มีบางจุด ที่พออารมณ์คนดูอย่างผมไปไม่ถึง ก็รู้สึกว่าการแสดงมันเกิน แต่ไม่ใช่แสดงไม่ดีนะครับ เป็นเพราะผมไม่อินมากกว่า ส่วนนักแสดงทุกคนที่เหลือคือสุดยอดเหมือนกัน ส่วนตัวผมชอบคุณอุ๋ม-อาภาศิริ จันทรัศมี กับ หมี-ถิรวัฒน์ โงสว่าง ที่ดูแล้วกลมกลืนกับหนังดีเหลือเกิน
หนังเรื่องนี้ผมชอบส่วนที่เป็นการเล่าเรื่อง ซึ่งก็ยอดเยี่ยม และการกำกับภาพและเสียง ที่เหมือนได้กลับมาดูเทคนิกที่คุ้นเคยของเต๋อ ไม่ว่าจะเป็นการซูมภาพเข้าออกเพื่อเน้นอารมณ์ใน The Master ตั้งกล้องนิ่งๆใน 36 และเสียงกดดันโสตประสาทในฟรีแลนซ์ มันแสดงถึงความสามารถอันสุดยอดในแทบทุกด้านของเขา และเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงเผ้ารอที่จะได้ดูหนังเรื่องใหม่ของเขาอยู่เสมอ
แต่ผมมีคำเตือนกับผู้ที่จะเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ของเต๋ออยู่สักหน่อยนะครับ ถ้าคุณดูหนังให้เป็นหนังไม่ได้ และเอามาจมปลักกับชีวิตจริง หนังค่อนข้างอันตรายเลย หลายประเด็นในหนัง อาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนโดนกระทำย่ำยี่สภาพจิตใจ ทั้งที่มันเป็นแค่เรื่องราวในอดีต แน่นอน ไม่ควรใช้หนังเรื่องนี้เพื่อทดสอบว่าคุณ move on ได้หรือยัง มันเหมือนเป็นการแกะกล่องความทรงจำในหลายส่วน ที่หลายคนอาจไม่อยากเปิดมันกลับขึ้นมา โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ดูหนังเพื่อความบันเทิง ถ้าอยากดู จำไว้นะครับ ดูหนังให้เป็นหนัง จะเสียใจอย่างไรก็จบหลังออกมา อย่าเอาไปคิดหมกมุ่นจนกลับไปทำร้ายชีวิตปกติของคุณ เตือนแล้วนะครับ
สรุป – หนังของเต๋อ ยังคงสุดยอดอยู่เสมอ แต่โดนใจหรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่กับประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคน ซึ่งเป็นหนังที่เหมาะกับคนที่อยากเสพศิลปะภาพยนตร์ และแน่นอนว่า หนังเรื่องนี้ ไม่ Mass สักเท่าไหร่ครับ ถึงแม้จะเป็นหนังในค่าย GDH ก็ตาม ดูหนังให้เป็นหนังนะครับ
ความคาดหวังก่อนชม / หลังชม – คาดหวังสูง / เป็นตามที่หวังไว้
เกรดหนัง – น่าดูมาก
คะแนน 8/10
****รีวิว เกรดหนัง และคะแนน อยู่บนพื้นฐานของหนังไทยเท่านั้น ไม่นำหนังเทศมารวมแต่อย่างใด***
[CR] [Mr. Coffee รีวิว 5/2562] ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ (ไม่สปอยล์)
เมื่อวานนี้ ผมก็ได้มีโอกาสชมหนังไทยเรื่อง "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" ในรอบฉายของวันแรกที่เข้าฉาย คนมาดูกันเยอะเหมือนกันครับ เกินครึ่งโรง
"ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" หนังไทยเรื่องล่าสุดส่งท้ายปีจากทางค่าย GDH ผลงานของผู้กำกับ ที่ผมจะติดตามดูหนังของเขาทุกเรื่อง ไม่ว่าจะอยู่ในค่ายไหนก็ตาม นั่นคือ เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ซึ่งมากำกับหนังให้กับทาง GDH เป็นครั้งแรก (รอบที่แล้วเป็น GTH)
เมื่อตอนที่หนังเริ่มโปรโมทและปล่อยตัวอย่างออกมา ต้องบอกว่ากระแสแรงอยู่พอสมควร ด้วยสารพัดเทคนิกที่ทาง เต๋อ นำมาใช้โปรโมท เชื่อว่าหลายๆ คน ก็คงได้เห็นการโปรโมทหนังเรื่องเรื่องนี้ ผ่านตากันมาบ้างแล้ว ตอนที่ได้ชมหนังตัวอย่าง คือมันก็น่าดูอยู่นะ และดูแล้วก็ไม่แน่ใจว่าหนังจะออกไปทางสไตล์ไหน ระหว่างตลกจิกกัดแสบๆคันๆ หรือพาไปดราม่าเต็มขั้น หนังของเต๋อเดายากนะครับ
ช่วงแรก หนังเล่าเรื่องราวของ จีน (ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง) ผู้ซึ่งต้องการจะเคลียร์บ้านของตัวเองให้เป็น minimal style ซึ่งเชื่อว่า ไม่มีใครคาดเดาได้แน่ๆ ว่าการเคลียร์บ้านให้โล่งเนี่ย มันจะส่งผลอย่างไรได้บ้าง ตรงนี้เต๋อทำออกมาได้ดีและหลากหลายมุมมองมากครับ เทคนิกการถ่ายทำต่างๆ ก็ยังคงรักษาสไตล์ไว้ได้อย่างครบถ้วน และแน่นอน หนังปล่อยให้คุณได้ดูกันเพลินๆ ยิ้มๆ กันไปก่อน
ช่วงกลางๆ หนังเริ่มโจมตีคนดูด้วยอาวุธที่ถูกเตรียมไว้ ซึ่งก็คงไม่ได้คาดคิดกันหรอกว่าการเคลียร์บ้าน จะกลายมาเป็นอาวุธโจมตีใส่คนดูได้อย่างไร แต่เชื่อเถอะว่า มันหลากหลายไม่ธรรมดา และคงจะต้องโดนเข้าบ้าง ซึ่งพอโจมตีโดน เต๋อก็ขยี้ๆๆ เชื่อว่าหลายคนเริ่มซึมๆไป หนังค่อนข้างเดินเรื่องเนิบในบางช่วง ซึ่งจะทำให้คนดู เริ่มหวนคิดถึงเรื่องของคนเองขึ้นมาได้ จังหวะช่างน่ากลัวจริงๆ ยังไม่นับเทคนิคด้านภาพและเสียงสารพัดแบบที่นำมาใช้ บอกเลยว่าแสบมาก โดยเฉพาะเสียงบ้าๆ เป็นจังหวะอันนั้น ที่ถ้าคุณดูแล้วน่าจะรู้ว่าคือเสียงอะไร
ช่วงท้ายๆ บอกเลยว่าหนังทุบคนดูแบบไม่ยั้ง ทุกประเด็น เรียกว่าถ้าไม่โดนอันนี้ก็โดนอันนี้ เชื่อว่านะจุดนี้หลายคนน่าจะเสียน้ำตากันไปบ้างแล้ว บางคนที่มีประสบการณ์ตรง อาจจะถึงขั้นรับไม่ไหว ต้องบอกว่าผมโชคดี (หรือโชคร้ายก็ไม่รู้) ที่แทบไม่โดนอะไรเลย เลยไม่ได้อินอะไรกับหนังสักเท่าใด ตรงนี้คงขึ้นกับประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาของแต่ละคนล่ะครับ ส่วนตอนจบ มันก็ดีนะ นิ่งๆ แต่ก็เป็นตามสไตล์ของเต๋อนั่นแหล่ะ
ในด้านการแสดง นี่ก็เป็นอีกครั้งนึงที่ ออกแบบ แสดงให้เห็นถึงความสามารถอันสุดยอด หลายครั้ง ผมไม่แน่ใจว่า เป็นเพราะการกำกับของเต๋อ หรือการเข้าถึงบทบาทของออกแบบกันแน่ที่ทำให้ผลออกมาได้ถึงขนาดนี้ แต่ส่วนตัวผมก็มีบางจุด ที่พออารมณ์คนดูอย่างผมไปไม่ถึง ก็รู้สึกว่าการแสดงมันเกิน แต่ไม่ใช่แสดงไม่ดีนะครับ เป็นเพราะผมไม่อินมากกว่า ส่วนนักแสดงทุกคนที่เหลือคือสุดยอดเหมือนกัน ส่วนตัวผมชอบคุณอุ๋ม-อาภาศิริ จันทรัศมี กับ หมี-ถิรวัฒน์ โงสว่าง ที่ดูแล้วกลมกลืนกับหนังดีเหลือเกิน
หนังเรื่องนี้ผมชอบส่วนที่เป็นการเล่าเรื่อง ซึ่งก็ยอดเยี่ยม และการกำกับภาพและเสียง ที่เหมือนได้กลับมาดูเทคนิกที่คุ้นเคยของเต๋อ ไม่ว่าจะเป็นการซูมภาพเข้าออกเพื่อเน้นอารมณ์ใน The Master ตั้งกล้องนิ่งๆใน 36 และเสียงกดดันโสตประสาทในฟรีแลนซ์ มันแสดงถึงความสามารถอันสุดยอดในแทบทุกด้านของเขา และเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงเผ้ารอที่จะได้ดูหนังเรื่องใหม่ของเขาอยู่เสมอ
แต่ผมมีคำเตือนกับผู้ที่จะเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ของเต๋ออยู่สักหน่อยนะครับ ถ้าคุณดูหนังให้เป็นหนังไม่ได้ และเอามาจมปลักกับชีวิตจริง หนังค่อนข้างอันตรายเลย หลายประเด็นในหนัง อาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนโดนกระทำย่ำยี่สภาพจิตใจ ทั้งที่มันเป็นแค่เรื่องราวในอดีต แน่นอน ไม่ควรใช้หนังเรื่องนี้เพื่อทดสอบว่าคุณ move on ได้หรือยัง มันเหมือนเป็นการแกะกล่องความทรงจำในหลายส่วน ที่หลายคนอาจไม่อยากเปิดมันกลับขึ้นมา โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ดูหนังเพื่อความบันเทิง ถ้าอยากดู จำไว้นะครับ ดูหนังให้เป็นหนัง จะเสียใจอย่างไรก็จบหลังออกมา อย่าเอาไปคิดหมกมุ่นจนกลับไปทำร้ายชีวิตปกติของคุณ เตือนแล้วนะครับ
สรุป – หนังของเต๋อ ยังคงสุดยอดอยู่เสมอ แต่โดนใจหรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่กับประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคน ซึ่งเป็นหนังที่เหมาะกับคนที่อยากเสพศิลปะภาพยนตร์ และแน่นอนว่า หนังเรื่องนี้ ไม่ Mass สักเท่าไหร่ครับ ถึงแม้จะเป็นหนังในค่าย GDH ก็ตาม ดูหนังให้เป็นหนังนะครับ
ความคาดหวังก่อนชม / หลังชม – คาดหวังสูง / เป็นตามที่หวังไว้
เกรดหนัง – น่าดูมาก
คะแนน 8/10
****รีวิว เกรดหนัง และคะแนน อยู่บนพื้นฐานของหนังไทยเท่านั้น ไม่นำหนังเทศมารวมแต่อย่างใด***
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้