Blue by Alain Ducasse  (Bangkok,Thailand)



อลัน ดูคาส ถือเป็นเชฟระดับตำนานที่ยังมีลมหายใจและถือเป็นเสาหลักเสาหนึ่งของวงการอาหารฟรั่งเสส ด้วยเกียรติยศมากมายทั้งเคยทำอาหารในงานเเต่งของเจ้าชายอัลเบิรต์แห่งโมนาโก ไม่นับรวมดาวมิชลินที่เขาได้มากกว่า21ดวง ตลอดอาชีพอันน่าภาคภูมิใจ หากถามว่าใครคือเชฟที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก คำตอบนึงที่หลายๆคนนึกได้คงมี อลัน ดูคาส ติดมาด้วยเเน่ๆ

ร้านอาหารของเขาอย่าง Alain Ducasse At Dorchester ในกรุงลอนดอน หรือ Louis XVที่โมนาโก ต่างถือเป็นร้านอาหารระดับตำนานที่มีมาตราฐาน ความเนี้ยบ ความหรูหราอยู่ในระดับสูงสุดที่นักชิมทั่วโลกต้องไปลองสักครั้ง

ในวันนี้ด้วยความร่วมมือกับห้างไอค่อนสยาม Alain Ducasse ได้มาเปิดร้านอาหารเเห่งเเรกในกรุงเทพเเล้ว ร้านนี้ออกเเบบโดยบริษัทดีไซนเนอร์ระดับโลกอย่าง Jouin Manku ที่เคยฝากผลงานกับร้านของอลันดูคาสมาเเล้วทั่วโลก จึงทำให้สาขาในประเทศไทยนี้คงเอกลักษณ์ของ Alian ducasse อย่างเต็มที่ นอกจา่กการตบเเต่งเเล้วในสาขากรุงเทพยังได้เชฟ Wilfrid Hocquet ที่เคยดูแลร้านของ Alain Ducasse มาเเล้วสองร้านอย่าง Benoit เเละ La Bastide de Moustiers มาเป็นคนควบคุมอีกด้วย

Blue by Alain Ducasse นั้นตั้งอยู่บริเวณชั้นหนึ่งของโซนเเบรนด์เนม ค่อนข้างเเปลกตาเพราะตั้งฉีกมาออกห่างจากโซนร้านอาหารอื่นในห้างสักนิดนึง เเต่ในส่วนการตบเเต่งในโทนน้ำเงินเเละทองผสมผสานกับไม้เนื้อเเข็งนั้นสวยสงาประทับใจผมมากทีเดียว มันให้ความรู้สึกว่าร้านอาหารเเห่งนี้มีการตบเเต่งที่ให้ความรู้สึกลงตัวเป็นทั้งไทยเเละฟรั่งเศสอย่างลงตัว ติดนิดนึงตรงโต๊ะที่ค่อนข้างเเน่นไปสักนิด

ในวันนี้ที่ผมได้ไปรีวิวร้านนี้นั้นถือเป็นมื้อเเรกที่ทางร้านเปิดขายเเก่บุคคลทั่วไป ความคาดหวังของผมนั้นค่อนข้างผสมปนเป ในทางหนึ่งก็คิดว่านี้คือร้านอาหารในห้างนะ ครัวอะไรต่างๆคงจำกัด เเต่ในอีกด้านนึงนี้คือAlain Ducasseเลยนะ คงไม่ทำอะไรที่จะเสียชื่อตัวเอง กว่าจะได้กินร้านนี้ก็เป็นหากาพท์เลยละครับ เพราะมีการเลื่อนเวลากันหลายครั้งจน ผมเกือบจะยกเลิกจองเนื่องจากกระชั้นชิดมากๆกับเวลาในการเดินทางไปซัปโปโร่ของผมมาก ซึ่งคุณ Alexผู้จัดการร้านก็ดูแลจัดการการจองในมื้อกลางวันใหม่ให้เสร็จสรรพ เเละผลัดวนมาดูเเลอยู่เนื่องๆตรงนี้ต้องขอบคุณมากๆครับ

โดยรวมผมว่าอาหารของ Blue by alain ducasse จัดทำเมนูที่ค่อนข้างเข้าถึงได้ง่ายกับคนทั่วไป ไม่มีเมนูซับซ้อนแปลกประหลาดชวนเซอร์ไพรส์ ทุกจานถูกปรุงมาอย่างพิถิพิถัน วัตถุดิบที่ใช้สมราคา เเต่ราคาก็เเอบสูงไปนิดถ้าเทียบกับจำนวนจานที่ได้ ถ้าอยากลองทานเเต่ไม่อยากถูกจำกัดด้วยเซ็ทเมนูทางร้านก็มีเมนูA la carte ที่น่าสนใจไม่เเพ้กันครับ 

ในมื้อนี้ที่ผมไปลองเป็น First service ของ Alain ducasse ประเทศไทยอาจจะมีอะไรเเปลกๆจากมื้อหลังๆ หรือตกหล่นไปบ้างนะครับ ผมได้สั่งเมนู Blue experience ในราคา 4650++ ซึ่งเนื่องจากปลาซูซูกิหมดเชฟได้เปลี่ยนมาเป็น กินเมะไดให้เเทน จะมีอะไรบ้างไปชมกันเลยครับ



จานเเรกของเราเป็นCanape คำนี้เป็น โรลผัก ที่ทำจาก หัวไชเท้า ซอเรล ครีมชีส หน่อไม้ฟรั่ง เเละมะนาว คำนี้เราจะได้รสครีมนิดๆตัดกับผักรสหวานกรอบ ซึ่งมันจะดีมากๆเลยถ้าลดรสของมะนาวซึ่งเปรี้ยวมากๆจนกลบรสทุกอย่างไปหมด เรียกว่าคำเเรกก็ไม่ประทับใจเเล้วครับ 



จานCanapeต่อมาเป็น อัลม่อนต์รอยัล จานนี้ครีมอัลม่อนด์ที่มีความอุ่นนิดๆรสเค็มอ่อนๆ หอมถั่วอัลม่อนต์เเละผิวเลม่อนจางๆ รสครีมมันของอัลม่อนด์ตัดกับความเผ็ดร้อนจากเครื่องเทศนิดๆที่ปลายลิ้น อร่อยดีเลยครับ



Entreeของเราเป็น สลัดผักสดจากเชียงใหม่ใส่ทรัฟเฟิล เสริฟ์มากับหอยเชลล์เเละซอสเพรสโต้ จานนี้ ตัวซอสทำได้ดีมากๆครับ หอมสดชื่นเเบบที่เพรสโต้พึงจะมี มีความมันนิดกลมกล่อมลงตัวเลยทีเดียว ตัวหอยนี้ก็ใช้ของดีหวานมากๆเเต่ส่วนตัวรู้สึกว่าสุกเกินไปนิด 



จานต่อมาคือ Foie gras กับDuck jus  โดยใช้โฟกราจากบ้านเกิดเชฟ จานนี้ส่วนตัวคิดว่าว่าเชฟค่อนข้างกล้าที่เลือกเสริฟ์โฟรกรากับซอสจากเป็ด ผมค่อนข้างกังวลว่าจานนี้จะเลี่ยนไปไหมในตอนเเรก เเต่เมื่อกินมันทำออกมาได้ดีทีเดียวครับตัวโฟกรานั้นค่อนข้างมันน้อยกว่าปกติมากๆ ทอดมาได้ดีสุกที่ผิวเเละมีสีชมพูระเรื่อตรงกลาง ซอสจากเป็ดก็รสโอเค เข้นข้นกลมกล่อมตามเเบบฉบับร้านอาหารฟรั่งเศสที่ดี เเต่เหมือนมันยังขาดอะไรอยู่ ดีเเต่ไม่มีอะไรว้าว  



จานปลาของเราเป็น กินเมะไดนึ่งกับซอสที่ทำจากหอยกับสาหร่าย ใส่ซัฟฟร่อนนิดหนอย รับประทานเคียงกับลูกสควอชนึ่งเเละสควอชสปาเกตตี้ จานนี้อร่อยมากๆเเละเป็นจานอาหารที่ผมประทับใจที่สุดในมื้อนี้ครับ รสเค็มอ่อนๆหอมกลิ่นอายทะเลของซอสตัดรสหวานสควอชนึ่งเเละรสเปรี้ยวของสปาเกตตี้สควอช ได้อย่างลงตัว เนื้อปลานึ่งมาได้อย่างยอดเยี่ยมรสหวานเด้งกึ่งสุกๆดิบๆ เป็นจานที่อร่อยเลยครับ



มาถึงเมนคอร์สของเรา เป็นเนื้อวากิวนำเข้าจากจากนิวเซ้าท์เวลล์กับซอสครีมพริกไทยกัมพอตรับประทานกับมันฟรั่งซูเฟ่  ตัวเนื้อกับซอสพริกไทยนั้นทำออกมาได้สมมาตราฐาน ตัวซอสข้นเข้มเผ็ดร้อนพริกไทยดำเเต่ไม่รู้สึกว้าวอะไร สิ่งที่ผมประทับใจในจานนี้คือมันฟรั่งซูเฟ่ ที่เชฟจะหั่นมันฟรั่งบางเฉียบก่อนนำไปทอดสองรอบในอุณหภูมิที่ต่างกันจึงให้มันนั้นทั้งฟูบางเบาเเละกรอบกรุบเเต่ยังหอมมันฟรั่ง โรยเกลือมาได้อย่างพอเหมาะพอเจาะๆ เป็นมันทอดที่ดูเเสนเรียบง่ายเเต่อร่อยมากๆ เรียกว่าใส่ถุงขายนี้ผมก็ต้องอุดหนุนเเน่ๆครับ



Granita รสตะไคร้ครับ



ขนมจานเเรกของเราเป็น เลม่อนปาล์มเเละซูเฟ่มะพร้าวกับมะนาว ราดด้วยซอสมะพร้าว จานนี้ นุ่มๆ หอมกลิ่นมะพร้าว หวานอ่อนๆก่อนตัดด้วยรสเปรี้ยวนิดๆที่ด้านล่าง  ในเเง่เทคนิคหรือความอร่อย จานนี้อาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยมมากนัก เเต่ใรส่วนความรู้สึกมันเป็นจานที่ทำให้ผมนึกถึงการตีความของชาวตะวันตกต่อเอเชียอาคเนย์ในอดีต เป้นจานที่กินเเล้วนึกถึงBlue by Alain Ducasse เป็นจานที่เข้ากับวิวเเม่น้ำเจ้าพระยาที่เราเห็นอยู่มากๆครับ



มาถึงจานขนมที่ผมเรียกว่าเป็นไฮไลท์ในวันนี้ก็ไม่ผิด  จะบอกว่าทาร์ตเป็นจานที่ผมไม่ขาดหวังที่สุดเเต่มันกลับอร่อยที่สุดในมื้อครับ ทาร์ตนี้ส่งตรงจากโรงขนมของ อลัน ดูคาสในปารีส ตัวทาร์ตโกโก้จานนี้นี้อร่อยบ้าไปเลยละ มันหอมกลิ่นโกโก้นิปกรุ่นๆออกฟรุตตี้นิดๆ เนื้อครีมทาร์ตช็อคโกเเลตฟูฟ่องบางเบาตัดกับไส้ลาวาอันเเสนเข้มข้นตรงกลาง ตัวทาร์ตเนื้อนิ่มๆตัดกับความกรุบกรอบขมติดเปรี้ยวนิดๆของโกโก้นิปที่โรยมาด้านบน สุดยอดมากๆครับ โดยในจานนี้เราจะรับประทานกับกรานิต้ารสกาเเฟมันก็เข้ากันได้ดีครับเเต่มันยังไม่อาจสู้ความสุดยอดของตัวทาร์ตได้

#Score: 

🍾Service :  8/10
🍽Food: 7.5/10
🤩WOW factor: 7.25/10
💰Value for money: 7/10

Total: 7.25/10
 
🗺เเผนที่ : https://goo.gl/maps/nUxoxCtmubg8szzv5
⏰เวลาเปิดปิด: 12.00-22.00
💵ค่าเสียหาย: ~5000 Baht / PAX
⌨️เว็บไซต์ร้าน: NA

ช่องทางติดต่ออื่นๆ
Website: www.eatlikethebossth.com
InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )
FaceBook: บอสพาชิม (https://goo.gl/gHPnnG)
Email : eatlikethebossth@gmail.com
ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ #บอสพาชิม #eatliketheboss