สวัสดีครับ วันนี้เสือตะหลิวจะมานำเสนอเมนูไข่ๆที่เหล่าชาวโลกล้วนต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีกับเมนู "ออมเล็ต"
แต่ วันนี้เสือตะหลิวจะมานำเสนอเมนู "ออมเล็ต" กันถึง 3 สไตล์ โดยแต่ละสไตล์ล้วนแต่มีเอกลักษณ์และความอร่อยที่แตกต่างกันออกไป
ก่อนอื่นเรามารู้จักกับเมนู "ออมเล็ต" กันก่อน โดยประวัติศาสตร์ของเมนูนี้ สามารถสืบย้อนไปได้ถึงยุคเปอร์เซียโบราณ (3000 ปีก่อน) ชาวเปอร์เซียโบราณนั้นมีเมนูอาหารที่มาจากการตีไข่รวมกันแล้วนำมาปรุงในกระทะจนสุกเรียกว่า "Kookoo Sabzi"
ส่วน "ออมเล็ต" ในปัจจุบันนั้น ได้มีการถูกบรรจุไว้ในเมนูอาหารฝรั่งเศสตั้งแต่ช่วงประมาณศตวรรษที่ 16 โดยในยุคนั้นจะเรียกว่า "โฮมเล็ต (Homelette)" หรือแพนเค้กไข่ ต่อมาจึงได้ผันเสียงออกมาเป็น "ออมเล็ต(omelette)" ในภายหลัง
วันนี้เรามี ออมเล็ต มากันถึง 3 สไตล์ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า รับรองว่าทั้งง่ายทั้งอร่อยแน่นอน
จานแรกจะเป็น ออมเล็ตสไตล์อเมริกัน (American omelette) เริ่มง่ายๆเลยแค่ตีไข่รวมกัน ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย
ใช้ไข่ไก่ 3 ฟองนะครับ
ตั้งกระทะไฟอ่อน ใส่เนยประมาณ 2 ก้อน รอจนร้อนละลายแล้วจึงเทไข่ลงไป
จากนั้นคนพอให้ไข่กระจายเล็กน้อยแล้วเกลี่ยไข่ให้ทั่วกระทะ แล้วจึงวางเครื่องลงไปตามชอบ วางแค่ครึ่งวงกลมนะครับ
เครื่องในวันนี้ก็จะมี ชีสแผ่นหั่น แฮมหั่น มะเขือเทศหั่น และต้นหอมซอย
จากนั้นพับครึ่งวงกลมไปเลยครับ แล้วจัดใส่จานได้เลย
ในรูปนี่คือเกิด accident นิดหน่อย เสือตะหลิวใจร้อนรีบพับไข่เลยฉีก เสือตะหลิวก็เลยแก้เก้อโดยการม้วนเป็นวงกลมแทน 55555
จำไว้นะครับ ออมเล็ตของอเมริกันจะต้องพับครึ่งวงกลม
จัดใส่จานโรยพริกไทยกับต้นหอมซอยลงน้อยก็เป็นอันเสร็จ กับเมนูจานแรก ออมเล็ตสไตล์อเมริกัน
เนื้อไข่จะเป็นชั้นๆนุ่มๆโดยที่มีไส้แทรกอยู่ระหว่างกลาง
กินคู่กับซอสมะเขือเทศแบบบ้านๆก็อร่อยเหาะแบบง่ายๆไปเลยครับ
ไม่รอช้าเรามาดูออมเล็ตจานต่อมากันเลยดีกว่า กับเมนู ออมเล็ตสไตล์ฝรั่งเศส(French Omelette)
เริ่มง่ายๆเหมือนเมนูก่อนหน้าเลยครับ แค่ตีไข่รวมกันปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย แต่ทีนี้เราจะใส่ไส้ลงไปตีรวมกันเลย(ออมเล็ตจานนี้จะยังไม่ใส่ชีสนะครับ)
ใช้ไข่ 3 ฟองเหมือนเดิม
กระทะไฟอ่อนเนย 2 ก้อน พอร้อนก็เทไข่ใส่ลงไปได้เลย
ทีนี้ล่ะรีบคนไปเรื่อยๆอย่าหยุดมือนะครับ คนไปเรื่อยๆจนกว่าไข่จะเริ่มจับตัวกัน อย่าให้ไข่สุกจนแห้งนะครับ นึกภาพว่าให้เนื้อไข่ออกเป็นครีมๆ
(ถ้าไข่สุกเร็วเกินก็ยกกระทะออกจากเตาก่อนแล้วคนไปเรื่อย)
พอไข่เริ่มจับตัวก็โกยไข่ทั้งหมดไปรวมไว้ที่ขอบกระทะจนแน่น จากนั้นก็ตลบพลิกไข่กลับด้านไปเลยครับ
ถ้าสมมติว่าใครอยากใส่ชีส ก็ยัดลงไปในไข่ช่วงนี้ได้เลยครับ ยัดลงไปตรงกลางให้ลึกๆแล้วค่อยตลบไข่
หลังตลบไข่เสร็จก็เทไข่ใส่จานโรยพริกไทยกับต้นหอมซอยก็เป็นอันเสร็จครับ กับเมนู ออมเล็ตสไตล์ฝรั่งเศส (french omelette)
ออมเล็ตสไตล์ฝรั่งเศสเนื้อไข่จะออกเป็นเนื้อครีมนุ่มๆเป็นเนื้อเดียวกันคล้ายๆไข่ตุ๋น
ยิ่งถ้าใครสายชีสแอบใส่ชีสลงไปด้วยรับรองว่านุ่มหอมมันโคตรๆ
ในที่วุดก็มาถึง ออมเล็ตจานสุดท้ายของวันนี้แล้วครับ กับเมนู ออมเล็ตสไตล์ปุกปุย(Souffle' omelette)
การเตรียมอาจจะยุ่งยากกว่าสองแบบนิดหนึ่ง แต่รับรองว่าไม่ยากเกินไปแน่นอนครับ
ง่ายๆเลยแค่แยกไข่แดงกับไข่ขาว แล้วตีไข่ขาวจนขึ้นฟูนะครับ
ไข่ไก่ 3 ฟองเหมือนเดิมเลยครับ
ส่วนไข่แดงที่แยกเอาไว้ก็ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย ใครชอบกระเทียมก็ใส่ลงไปสักหน่อยก็ได้ครับ จากนั้นก็ตีจนกว่าไข่แดงจะแตกมันจนเป็นเนื้อครีมๆ
จากนั้นผสมไข่แดงลงไปในไข่ขาวที่เตรียมไว้แล้วค่อยๆคลุกให้เข้ากัน อย่ารีบคนหรือคนแรงนะครับ
ตั้งกระทะไฟอ่อนเนย 2 ก้อน พอร้อนก็ใส่ไข่ที่เตรียมไว้ลงไป เกลี่ยไข่ให้พอเสมอกันจากนั้นก็หาฝามาปิดกระทะทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที
พอครบ 3-5 นาทีก็เปิดฝาแล้วพับครึ่งไข่ไปเลยครับ
จากนั้นเอาไข่จัดใส่จานกินคู่กับเครื่องเคียงตามชอบ
โรยพริกไทยสักเล็กน้อยก็เป็นอันเสร็จกับเมนู ออมเล็ตสไตล์ปุกปุย(Souffle' omelette)
สำหรับออมเล็ตสไตล์ปุกปุย ผิวของไข่จะมีความเหนียวคล้ายๆแพนเค้ก แต่เนื้อในของไข่จะมีความนุ่มฟูละลายในปาก โดยรวมจัดว่าเป็นเนื้อสัมผัสที่มีเอกลักษณ์และมีความอร่อยที่ไม่แพ้กัน
เป็นยังไงกันบ้างครับกับเมนู ออมเล็ต ทั้ง 3 สไตล์ในวันนี้ ใครสนใจแบบไหนชอบแบบไหนอยากลองแบบไหนก็ลองไปจัดกันมาดู
ขอให้มีความสุขกับการกินไข่นะครับ
55555
เนื่องด้วยกระทู้นี้เป็นกระทู้ส่งท้ายปี 2019 ของเสือตะหลิว
เสือตะหลิวจึงขอแต่งกลอนง่ายๆ อวยพรให้แก่เพื่อนสมาชิกชาว Pantip ทุกท่าน
ยี่หนึ่งเก้า ย่างก้าว สู่ปีใหม่ ขออวยชัย ให้มีสุข กันทุกผอง
สองพันยี่ จงมีคู่ และเงินทอง ไร้หม่นหมอง สุขภาพดี อิ่มท้องเอย
Merry Christmas & Happy New Year ครับ ... ^_^
โดย facebook page : เสือตะหลิว " อาหาร กับ ชายชาตรี "
OH MY OMELETTE !!! จัดเต็ม กับ ออมเล็ต 3 สไตล์
แต่ วันนี้เสือตะหลิวจะมานำเสนอเมนู "ออมเล็ต" กันถึง 3 สไตล์ โดยแต่ละสไตล์ล้วนแต่มีเอกลักษณ์และความอร่อยที่แตกต่างกันออกไป
ก่อนอื่นเรามารู้จักกับเมนู "ออมเล็ต" กันก่อน โดยประวัติศาสตร์ของเมนูนี้ สามารถสืบย้อนไปได้ถึงยุคเปอร์เซียโบราณ (3000 ปีก่อน) ชาวเปอร์เซียโบราณนั้นมีเมนูอาหารที่มาจากการตีไข่รวมกันแล้วนำมาปรุงในกระทะจนสุกเรียกว่า "Kookoo Sabzi"
ส่วน "ออมเล็ต" ในปัจจุบันนั้น ได้มีการถูกบรรจุไว้ในเมนูอาหารฝรั่งเศสตั้งแต่ช่วงประมาณศตวรรษที่ 16 โดยในยุคนั้นจะเรียกว่า "โฮมเล็ต (Homelette)" หรือแพนเค้กไข่ ต่อมาจึงได้ผันเสียงออกมาเป็น "ออมเล็ต(omelette)" ในภายหลัง
วันนี้เรามี ออมเล็ต มากันถึง 3 สไตล์ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า รับรองว่าทั้งง่ายทั้งอร่อยแน่นอน
จานแรกจะเป็น ออมเล็ตสไตล์อเมริกัน (American omelette) เริ่มง่ายๆเลยแค่ตีไข่รวมกัน ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย
ใช้ไข่ไก่ 3 ฟองนะครับ
ตั้งกระทะไฟอ่อน ใส่เนยประมาณ 2 ก้อน รอจนร้อนละลายแล้วจึงเทไข่ลงไป
จากนั้นคนพอให้ไข่กระจายเล็กน้อยแล้วเกลี่ยไข่ให้ทั่วกระทะ แล้วจึงวางเครื่องลงไปตามชอบ วางแค่ครึ่งวงกลมนะครับ
เครื่องในวันนี้ก็จะมี ชีสแผ่นหั่น แฮมหั่น มะเขือเทศหั่น และต้นหอมซอย
จากนั้นพับครึ่งวงกลมไปเลยครับ แล้วจัดใส่จานได้เลย
ในรูปนี่คือเกิด accident นิดหน่อย เสือตะหลิวใจร้อนรีบพับไข่เลยฉีก เสือตะหลิวก็เลยแก้เก้อโดยการม้วนเป็นวงกลมแทน 55555
จำไว้นะครับ ออมเล็ตของอเมริกันจะต้องพับครึ่งวงกลม
จัดใส่จานโรยพริกไทยกับต้นหอมซอยลงน้อยก็เป็นอันเสร็จ กับเมนูจานแรก ออมเล็ตสไตล์อเมริกัน
เนื้อไข่จะเป็นชั้นๆนุ่มๆโดยที่มีไส้แทรกอยู่ระหว่างกลาง
กินคู่กับซอสมะเขือเทศแบบบ้านๆก็อร่อยเหาะแบบง่ายๆไปเลยครับ
ไม่รอช้าเรามาดูออมเล็ตจานต่อมากันเลยดีกว่า กับเมนู ออมเล็ตสไตล์ฝรั่งเศส(French Omelette)
เริ่มง่ายๆเหมือนเมนูก่อนหน้าเลยครับ แค่ตีไข่รวมกันปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย แต่ทีนี้เราจะใส่ไส้ลงไปตีรวมกันเลย(ออมเล็ตจานนี้จะยังไม่ใส่ชีสนะครับ)
ใช้ไข่ 3 ฟองเหมือนเดิม
กระทะไฟอ่อนเนย 2 ก้อน พอร้อนก็เทไข่ใส่ลงไปได้เลย
ทีนี้ล่ะรีบคนไปเรื่อยๆอย่าหยุดมือนะครับ คนไปเรื่อยๆจนกว่าไข่จะเริ่มจับตัวกัน อย่าให้ไข่สุกจนแห้งนะครับ นึกภาพว่าให้เนื้อไข่ออกเป็นครีมๆ
(ถ้าไข่สุกเร็วเกินก็ยกกระทะออกจากเตาก่อนแล้วคนไปเรื่อย)
พอไข่เริ่มจับตัวก็โกยไข่ทั้งหมดไปรวมไว้ที่ขอบกระทะจนแน่น จากนั้นก็ตลบพลิกไข่กลับด้านไปเลยครับ
ถ้าสมมติว่าใครอยากใส่ชีส ก็ยัดลงไปในไข่ช่วงนี้ได้เลยครับ ยัดลงไปตรงกลางให้ลึกๆแล้วค่อยตลบไข่
หลังตลบไข่เสร็จก็เทไข่ใส่จานโรยพริกไทยกับต้นหอมซอยก็เป็นอันเสร็จครับ กับเมนู ออมเล็ตสไตล์ฝรั่งเศส (french omelette)
ออมเล็ตสไตล์ฝรั่งเศสเนื้อไข่จะออกเป็นเนื้อครีมนุ่มๆเป็นเนื้อเดียวกันคล้ายๆไข่ตุ๋น
ยิ่งถ้าใครสายชีสแอบใส่ชีสลงไปด้วยรับรองว่านุ่มหอมมันโคตรๆ
ในที่วุดก็มาถึง ออมเล็ตจานสุดท้ายของวันนี้แล้วครับ กับเมนู ออมเล็ตสไตล์ปุกปุย(Souffle' omelette)
การเตรียมอาจจะยุ่งยากกว่าสองแบบนิดหนึ่ง แต่รับรองว่าไม่ยากเกินไปแน่นอนครับ
ง่ายๆเลยแค่แยกไข่แดงกับไข่ขาว แล้วตีไข่ขาวจนขึ้นฟูนะครับ
ไข่ไก่ 3 ฟองเหมือนเดิมเลยครับ
ส่วนไข่แดงที่แยกเอาไว้ก็ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย ใครชอบกระเทียมก็ใส่ลงไปสักหน่อยก็ได้ครับ จากนั้นก็ตีจนกว่าไข่แดงจะแตกมันจนเป็นเนื้อครีมๆ
จากนั้นผสมไข่แดงลงไปในไข่ขาวที่เตรียมไว้แล้วค่อยๆคลุกให้เข้ากัน อย่ารีบคนหรือคนแรงนะครับ
ตั้งกระทะไฟอ่อนเนย 2 ก้อน พอร้อนก็ใส่ไข่ที่เตรียมไว้ลงไป เกลี่ยไข่ให้พอเสมอกันจากนั้นก็หาฝามาปิดกระทะทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที
พอครบ 3-5 นาทีก็เปิดฝาแล้วพับครึ่งไข่ไปเลยครับ
จากนั้นเอาไข่จัดใส่จานกินคู่กับเครื่องเคียงตามชอบ
โรยพริกไทยสักเล็กน้อยก็เป็นอันเสร็จกับเมนู ออมเล็ตสไตล์ปุกปุย(Souffle' omelette)
สำหรับออมเล็ตสไตล์ปุกปุย ผิวของไข่จะมีความเหนียวคล้ายๆแพนเค้ก แต่เนื้อในของไข่จะมีความนุ่มฟูละลายในปาก โดยรวมจัดว่าเป็นเนื้อสัมผัสที่มีเอกลักษณ์และมีความอร่อยที่ไม่แพ้กัน
เป็นยังไงกันบ้างครับกับเมนู ออมเล็ต ทั้ง 3 สไตล์ในวันนี้ ใครสนใจแบบไหนชอบแบบไหนอยากลองแบบไหนก็ลองไปจัดกันมาดู
ขอให้มีความสุขกับการกินไข่นะครับ
55555
เนื่องด้วยกระทู้นี้เป็นกระทู้ส่งท้ายปี 2019 ของเสือตะหลิว
เสือตะหลิวจึงขอแต่งกลอนง่ายๆ อวยพรให้แก่เพื่อนสมาชิกชาว Pantip ทุกท่าน
ยี่หนึ่งเก้า ย่างก้าว สู่ปีใหม่ ขออวยชัย ให้มีสุข กันทุกผอง
สองพันยี่ จงมีคู่ และเงินทอง ไร้หม่นหมอง สุขภาพดี อิ่มท้องเอย
Merry Christmas & Happy New Year ครับ ... ^_^
โดย facebook page : เสือตะหลิว " อาหาร กับ ชายชาตรี "