บอกก่อนเลยว่า อยากรีวิวพวกทัวร์เจ้าดังๆ ที่งบกลางๆ ชื่อเสียงไว้ใจได้ ซึ่งจากการsearch มันก็มีหลายอัน แต่ที่ดังสุดๆก็คงหนีไม่พ้น ตัวอักษร K ที่ตอนนี้ในไทยโฆษณาประโคมหนักมากทั้งในทีวี บีทีเอส และเน็ต แต่เนื่องด้วยทริปนี้จริงๆ เป็นทริปไปประชุมงาน เต็ม 6วัน และบวกๆ ส่วนเราเป็นคนไทยคนเดียวที่ไป และเป็น1ใน2ของผู้หญิงที่ไป ไม่พอยังเป็น 1ใน2ของคนที่ไม่ใช่มุสลิมด้วย
เลยอดคิดมากไม่ได้ ไหนจะมืดๆ หลายพื้นที่ไม่เหมาะแก่การเดินทางแบบผู้หญิงๆล้วนด้วย
ทัวร์เลยไม่ตอบโจทย์เรา เลยแทกซี่เลย ไปแค่ที่ๆต้องการไป ไม่แวะช๊อป
บริษัทประหยัดงบเราก็เลยได้พักเมือง Sharjah ซึ่งเทียบกะดูไบ แล้วก็ประมาณปทุมธานีเทียบกะกรุงเทพ แน่นอนบริษัทจ่าตั๋วไปกลับและที่พักให้ ซึ่งก็แอบเห็นยอดแล้วอู้หู ห้องพักโรงแรม4ดาว ที่ไปพัก ราคาห้องแค่คืนละไม่ถึง1400บาท อันนี้เป็นเรท corporate แต่ในเน็ตก็ไม่ต่างกันมาก อาหาร และของว่าง ทุกมื้อ อร่อยมาก สัมผัสได้ว่าพ่อครัวพยายามเอาใจทุกกลุ่มทั้งแขก ทั้งจีน ทั้งตะวันตก และไม่จำเจมากนัก อยู่ทั้งสัปดาห์ก็ไม่เบื่อมาก แต่ระหว่างทริปจะอธิบายให้เข้าใจว่าถ้าไม่ได้มาทำงานแล้วเมืองนี้อาจไม่เหมาะมาพักนัก แม้มันจะใกล้ดูไบแค่ครึ่งชม. ถึง
วันแรกมาถึง เริ่มส่องราคาซิมมือถือในสนามบิน อยากเทียบกะโรมมิ่งยอดฮิตจากไทย เรื่องซิมนี่อาจมหากาพย์เลยนะ จะพยายามเล่าให้สั้นที่สุด ร้านแรก Virgins โอยเห็นราคาแล้วถอยเพราะคูณแล้วเริ่มต้นเกินพันบาทหรือมีโปรฯแล้วงกไม่บอกรึเปล่าไม่รู้ ถามแล้วก็บอกมีแค่ที่เห็น ถัดมายี่ห้อ du ยี่ห้อนี่น่าจะดังเพราะตม.ก็แจกมาแต่เปิดใช้งานไม่ได้ เหมือนอาจจะรัฐมีเอี่ยวเลยแจกเพื่อให้คนเดินเข้าร้าน และก็นะ มันจะเป็นสัญญาณพื้นฐานที่ไม่ว่าเอาซิมจากอังกฤษ หรือจากไทยมาก็มักจะต่อเจอเจ้านี้ ราคาพอรับได้สำหรับ1สัปดาห์ หรือไม่ก็แบ่งกันใช้2-3คนสำหรับทริปสั้น เอาไว้ดูแมพ กะกดหาแทกซี่ จบเรื่องซิม ต่อเรื่องเที่ยว จริงๆ มีมารผจญกะเรื่องกระเป๋าถูกกรีดด้วย แต่ไว้มาเล่าตอนท้ายเดี่ยวคนไม่อยากรู้จะเบื่อ 5555
สถานที่แรกที่เราค้นขว้าและพบว่าไม่ไปไม่ได้จริงๆคือ เปล่าไม่ใช่ตึกสูงในดูไบ แต่เป็นมัสยิด Sheikh Zayed (เข้าฟรี ต้องแต่งกายสุภาพ ห้ามรองเท้าแตะ ห้ามขาสั้น ห้ามยีนขาด แม้จะมีชุดคลุมให้ยืม) และ Louvre Abu Dhabi (ราคาตั๋วไม่แพงแต่ลืมละเท่าไหร่หาในเน็ตได้นะ) ซึ่งสองที่นี้อยู่ใกล้กัน และเมื่อไปก็คุ้มมาก กับการนั่งรถไปกลับ4ชม. กว่า
จริงๆถ้ามีผู้ชายไปด้วยก็ซื้อทัวร์ถูกสุด แต่เราคนเดียวคิดมากหน่อยๆ เลยเหมาแทกซี่คนขับผู้หญิงไป ก็ประมาณ 650เดอแรม หรือ 5200บาท ซึ่งเราว่าแพงมาก เพราะน้ำมันที่นั่นถูก แต่ก็โชคดีแทกซี่เปลี่ยนเป็นรถส่วนตัวนาง เลยได้นั่ง Nissan Almera ไปสวยๆ อากาศดี ฟ้าเปิด สำหรับคนไม่เคยไปทัชมาฮาล และไม่ได้ไป Louvre ฝรั่งเศสมา20ปีแล้ว ความทรงจำแอบเลือนลาง เลยไม่เปรียบเทียบให้คิดมาก แม้จะเล็กกว่าแต่มันมีฟลายสิ่งที่พิเศษน่าค้นหา เดินไป2-3ชม ฟินมาก บอกเลยทริปทั้งทริปสองจุดนี้ก็คุ้มแล้ว
วันต่อๆมา มีการส่องร้านค้าใน Dubai Mall และน้ำพุหน้า Burj Khalifa สำหรับเรามันก็เป็นห้างใหญ่ธรรมดาอันนึงซึ่งของไม่ถูกนัก แต่มีดีตรงมีกระดูกไดโนเสาร์จริงพันธุ์คอยาวตั้งเก๋ๆกลางห้าง มีตู้ปลาใหญ่โตให้ดูฉลาม กระเบน ฯลฯ ฟรีๆ เรียกน้ำย่อย เผื่ออยากเข้า aquarium เค้า แต่นี่ก็เพิ่งไปของโอกินาว่าเมื่อต้นปี เลยขอผ่านก่อนดีกว่า
ถึงจุดนี้เริ่มซึ้งแล้วว่าการนั่งแทกซี่ข้ามเมืองที่นี่โหดมาก เพราะแม้ระยะใกล้แค่30เดอแรมขึ้นต่ำๆสำหรับ20-30นาที รวมรถชะลอกล่งเมือง แต่โดนชารจค่าข้ามเมืองเพราะแทกซี่ที่ขับประจำเมือง A ไป เมือง B จะส่งได้ รับไม่ได้ เลยเหมือนชาร์จค่าตีรถกลับ A
และสำคัญมากคือ หากคุณบินกับ Emirates ภายในวันที่คุณบินถึงดูไบ จะมีรถฟรี ตามรอบส่งฟรี Abu Dhabi ฉะนั้นถ้าเลือกไฟลท์ดีๆ ก็ควรเสียค่ารถแค่ขากลับเพื่อมานอนดูไบได้ เพราะจริงๆ นอกจาก2ที่ๆบอก ที่อื่นๆก็ธรรมดาไม่ได้วิเศษกว่าในดูไบนัก อันนี้ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ น้ำพุสวยจริงนะ ดูฟรี แม้เล็กกว่า Sentosa แต่เพลงอลังฯ คนไม่แน่นไป นั่งดื่มกิน Tim Hortons ละค่อยออกมาดูก็ได้
สิ่งที่ต้องกินในดูไบสำหรับเรา อาจไม่เหมือนใคร 1. สตรอเบอรี่สดๆจากอิยิปต์ อันนี้ใครเที่ยวอิยิปต์ไม่ต้องหานะ เพราะน่าจะหายาก ได้ยินว่าเป็นการลงทุนปลูกเพื่อส่งออกเป็นหลัก และคุณภาพดีเท่ากินจากไร่ในแคนาดาหรือเมกาเลย อร่อยมาก ราคากล่องละ 3.95เดอแรมหรือ32บาทเท่านั้น 2.เนื้อวัวและชีส มาตรฐานเนื้อ ชีส ที่นี่สูงมาก แค่กินแม็ค แองกัสก็คุณภาพเลิศแล้วคุ้มมาก ชีสในเบอเกอร์แองกัสก็ดีงามมาตรฐานยุโรปเลย ลางทีก็คิดว่าคนจีนน่าจะลองนำเข้านมจากที่นี่บ้าง น่าจะถูกกว่สจากยุโรป เมกา แต่ติดเรื่องภาษีมั้ยไม่แน่ใจ
เดี๋ยวมาต่อ อีกวันขึ้น Burj Khalifa
เที่ยว UAE ในเวลาแสนจำกัด
เลยอดคิดมากไม่ได้ ไหนจะมืดๆ หลายพื้นที่ไม่เหมาะแก่การเดินทางแบบผู้หญิงๆล้วนด้วย
ทัวร์เลยไม่ตอบโจทย์เรา เลยแทกซี่เลย ไปแค่ที่ๆต้องการไป ไม่แวะช๊อป
บริษัทประหยัดงบเราก็เลยได้พักเมือง Sharjah ซึ่งเทียบกะดูไบ แล้วก็ประมาณปทุมธานีเทียบกะกรุงเทพ แน่นอนบริษัทจ่าตั๋วไปกลับและที่พักให้ ซึ่งก็แอบเห็นยอดแล้วอู้หู ห้องพักโรงแรม4ดาว ที่ไปพัก ราคาห้องแค่คืนละไม่ถึง1400บาท อันนี้เป็นเรท corporate แต่ในเน็ตก็ไม่ต่างกันมาก อาหาร และของว่าง ทุกมื้อ อร่อยมาก สัมผัสได้ว่าพ่อครัวพยายามเอาใจทุกกลุ่มทั้งแขก ทั้งจีน ทั้งตะวันตก และไม่จำเจมากนัก อยู่ทั้งสัปดาห์ก็ไม่เบื่อมาก แต่ระหว่างทริปจะอธิบายให้เข้าใจว่าถ้าไม่ได้มาทำงานแล้วเมืองนี้อาจไม่เหมาะมาพักนัก แม้มันจะใกล้ดูไบแค่ครึ่งชม. ถึง
วันแรกมาถึง เริ่มส่องราคาซิมมือถือในสนามบิน อยากเทียบกะโรมมิ่งยอดฮิตจากไทย เรื่องซิมนี่อาจมหากาพย์เลยนะ จะพยายามเล่าให้สั้นที่สุด ร้านแรก Virgins โอยเห็นราคาแล้วถอยเพราะคูณแล้วเริ่มต้นเกินพันบาทหรือมีโปรฯแล้วงกไม่บอกรึเปล่าไม่รู้ ถามแล้วก็บอกมีแค่ที่เห็น ถัดมายี่ห้อ du ยี่ห้อนี่น่าจะดังเพราะตม.ก็แจกมาแต่เปิดใช้งานไม่ได้ เหมือนอาจจะรัฐมีเอี่ยวเลยแจกเพื่อให้คนเดินเข้าร้าน และก็นะ มันจะเป็นสัญญาณพื้นฐานที่ไม่ว่าเอาซิมจากอังกฤษ หรือจากไทยมาก็มักจะต่อเจอเจ้านี้ ราคาพอรับได้สำหรับ1สัปดาห์ หรือไม่ก็แบ่งกันใช้2-3คนสำหรับทริปสั้น เอาไว้ดูแมพ กะกดหาแทกซี่ จบเรื่องซิม ต่อเรื่องเที่ยว จริงๆ มีมารผจญกะเรื่องกระเป๋าถูกกรีดด้วย แต่ไว้มาเล่าตอนท้ายเดี่ยวคนไม่อยากรู้จะเบื่อ 5555
สถานที่แรกที่เราค้นขว้าและพบว่าไม่ไปไม่ได้จริงๆคือ เปล่าไม่ใช่ตึกสูงในดูไบ แต่เป็นมัสยิด Sheikh Zayed (เข้าฟรี ต้องแต่งกายสุภาพ ห้ามรองเท้าแตะ ห้ามขาสั้น ห้ามยีนขาด แม้จะมีชุดคลุมให้ยืม) และ Louvre Abu Dhabi (ราคาตั๋วไม่แพงแต่ลืมละเท่าไหร่หาในเน็ตได้นะ) ซึ่งสองที่นี้อยู่ใกล้กัน และเมื่อไปก็คุ้มมาก กับการนั่งรถไปกลับ4ชม. กว่า
จริงๆถ้ามีผู้ชายไปด้วยก็ซื้อทัวร์ถูกสุด แต่เราคนเดียวคิดมากหน่อยๆ เลยเหมาแทกซี่คนขับผู้หญิงไป ก็ประมาณ 650เดอแรม หรือ 5200บาท ซึ่งเราว่าแพงมาก เพราะน้ำมันที่นั่นถูก แต่ก็โชคดีแทกซี่เปลี่ยนเป็นรถส่วนตัวนาง เลยได้นั่ง Nissan Almera ไปสวยๆ อากาศดี ฟ้าเปิด สำหรับคนไม่เคยไปทัชมาฮาล และไม่ได้ไป Louvre ฝรั่งเศสมา20ปีแล้ว ความทรงจำแอบเลือนลาง เลยไม่เปรียบเทียบให้คิดมาก แม้จะเล็กกว่าแต่มันมีฟลายสิ่งที่พิเศษน่าค้นหา เดินไป2-3ชม ฟินมาก บอกเลยทริปทั้งทริปสองจุดนี้ก็คุ้มแล้ว
วันต่อๆมา มีการส่องร้านค้าใน Dubai Mall และน้ำพุหน้า Burj Khalifa สำหรับเรามันก็เป็นห้างใหญ่ธรรมดาอันนึงซึ่งของไม่ถูกนัก แต่มีดีตรงมีกระดูกไดโนเสาร์จริงพันธุ์คอยาวตั้งเก๋ๆกลางห้าง มีตู้ปลาใหญ่โตให้ดูฉลาม กระเบน ฯลฯ ฟรีๆ เรียกน้ำย่อย เผื่ออยากเข้า aquarium เค้า แต่นี่ก็เพิ่งไปของโอกินาว่าเมื่อต้นปี เลยขอผ่านก่อนดีกว่า
ถึงจุดนี้เริ่มซึ้งแล้วว่าการนั่งแทกซี่ข้ามเมืองที่นี่โหดมาก เพราะแม้ระยะใกล้แค่30เดอแรมขึ้นต่ำๆสำหรับ20-30นาที รวมรถชะลอกล่งเมือง แต่โดนชารจค่าข้ามเมืองเพราะแทกซี่ที่ขับประจำเมือง A ไป เมือง B จะส่งได้ รับไม่ได้ เลยเหมือนชาร์จค่าตีรถกลับ A
และสำคัญมากคือ หากคุณบินกับ Emirates ภายในวันที่คุณบินถึงดูไบ จะมีรถฟรี ตามรอบส่งฟรี Abu Dhabi ฉะนั้นถ้าเลือกไฟลท์ดีๆ ก็ควรเสียค่ารถแค่ขากลับเพื่อมานอนดูไบได้ เพราะจริงๆ นอกจาก2ที่ๆบอก ที่อื่นๆก็ธรรมดาไม่ได้วิเศษกว่าในดูไบนัก อันนี้ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ น้ำพุสวยจริงนะ ดูฟรี แม้เล็กกว่า Sentosa แต่เพลงอลังฯ คนไม่แน่นไป นั่งดื่มกิน Tim Hortons ละค่อยออกมาดูก็ได้
สิ่งที่ต้องกินในดูไบสำหรับเรา อาจไม่เหมือนใคร 1. สตรอเบอรี่สดๆจากอิยิปต์ อันนี้ใครเที่ยวอิยิปต์ไม่ต้องหานะ เพราะน่าจะหายาก ได้ยินว่าเป็นการลงทุนปลูกเพื่อส่งออกเป็นหลัก และคุณภาพดีเท่ากินจากไร่ในแคนาดาหรือเมกาเลย อร่อยมาก ราคากล่องละ 3.95เดอแรมหรือ32บาทเท่านั้น 2.เนื้อวัวและชีส มาตรฐานเนื้อ ชีส ที่นี่สูงมาก แค่กินแม็ค แองกัสก็คุณภาพเลิศแล้วคุ้มมาก ชีสในเบอเกอร์แองกัสก็ดีงามมาตรฐานยุโรปเลย ลางทีก็คิดว่าคนจีนน่าจะลองนำเข้านมจากที่นี่บ้าง น่าจะถูกกว่สจากยุโรป เมกา แต่ติดเรื่องภาษีมั้ยไม่แน่ใจ
เดี๋ยวมาต่อ อีกวันขึ้น Burj Khalifa