ผมซื้อ iPhone 11 รุ่น 64GB มาได้สองวัน พบปัญหามากมาย จึงขอนำปัญหาต่างๆ มาเล่าให้ฟังครับ


ตอนแรกรำคาญแถบคีย์บอร์ดด้านล่าง พอใช้ไปสักพักก็เริ่มชิน 

ผมเปลี่ยนจาก iPad Pro gen 2 12.9 นิ้ว

หวังว่าแก้ปัญหาเรื่องทัชสกรีนไม่ติด ปรากฎว่า บน iPhone 11 ก็ยังพบปัญหาทัชไม่ติดอยู่เช่นเดิม

ยิ่งไปกว่านั้น หากสตรีมเกม แล้วต้องเสียบสายชาร์จไปด้วย แบตลดเร็วกว่า iPad Pro gen2 ที่ใช้อยู่

เกิดปัญหาเครื่องร้อน พอเครื่องร้อนทัชสกรีนไม่ติด 

ที่สำคัญ มีอาการสาย HDMI หลุดบ่อย เพราะต้องถือไว้กับมือ ไม่ได้วางตั้งแบบ iPad

ด้วยน้ำหนัก 239 กรัม กับหน้าจอ 6.1 นิ้ว ที่มีรอยบากด้านบน ขนาดใหญ่ ขอบหนา เหมือนมือถือราคาถูก

แต่สมมาตรด้วยขอบที่เท่ากัน ทำให้พอใจในหน้าตา และเคสหาง่าย

กลับมาที่เรื่องเกม เปิดสุดได้ทุกเกม ทำให้เรื่องเล่นเกมไม่มีปัญหา

แต่ผมเปิดสุดไม่ได้ เนื่องจากความร้อนมาไวมาก จึงปรับให้เป็นระดับกลาง แต่เพิ่ม fps เป็น 60 แทน

เพื่อทำให้ทัชชสกรีนกลับมาทำงานตามปกติ และแบตลดช้าลง (ถึงแม้ชาร์จไปด้วย แต่แบตก็ลดลงอยู่ดี)

สายชาร์จที่ผมใช้ ใช้แบบ 18w เคยลองทั้งแบบ 12W ที่มากับ iPad Pro gen2
และ 5W ที่มากับกล่อง iPhone 11 ก็ยังพบปัญหา ทัชสกรีนไม่ติด และเครื่องร้อนอยู่

------------------------------



ปัญหาเรื่อง RAM พบบ่อยมาก แอพเด้ง แอพรวน

เล่นเกมเกิดบั๊ค ซึ่งบน iPad Pro gen2 มี RAM 4GB เท่ากันเกิดปัญหาน้อยกว่า

แต่บน iPhone 11 กลับเกิดปัญหาบ่อย และรับสัญญาณ wifi ได้แย่กว่า

Ping สูงกว่า iPad Pro gen2 เกิดอาการ LAG บ่อย

จนหลายครั้งผมหงุดหงิดเพราะเดินไปแล้ว กลับวาร์ปมาที่เดิน เพราะเน็ตไม่วิ่ง

ตรวจสอบสัญญาณ Internet แล้วปกติ และสตรีมลื่นไหล แต่ภาพในเกมค้าง

ปัญหาต่างๆ ดีขึ้นเมื่อเป่าพัดลม

ถึงแม้ถอดเคสเล่นเกม ก็ไม่ช่วยเรื่องความร้อนหากไม่นำพัดลมมาเป่าที่มือถือ ขณะเล่น

ทำให้เวลาเปิดไมค์ มีเสียงลม คุยในเกมไม่รู้เรื่อง โชคดี เกม fortnite
มีฟีเจอร์ตัดเสียงลมออกได้ แต่ call of duty mobile กับ ROV ไม่สามารถตัดเสียงลมได้ ทำให้เสียงเข้าไมค์ตลอดเวลา

ถ้าหากสตรีมด้วยโปรแกรม streamlabs OBS ใช้ filter ลดเสียงรบกวน สามารถแก้ปัญหาเรื่องพัดลมเป่าไมค์ได้

-----------------------------------------------


ภาพเปรียบเทียบ iPhone 11 จอ LCD กับ Samsung Galaxy Note 10+ จอ AMOLED แบบเดียวกับ iPhone 11 Pro

หน้าจอ  iPhone 11 ใช้ OLED สีจืดกว่า รุ่นพี่ iPhone 11 Pro ที่ใช้ OLED ความคมชัดสูง
ซึ่ง Apple เรียกว่า จอภาพ Liquid Retina HD เมื่อเทียบกับรุ่น 11 Pro ใช้ชื่อว่า จอภาพ Super Retina XDR
จอภาพ Multi-Touch แบบ LCD ทั้งหน้าจอ 
ขนาด 6.1 นิ้ว (แนวทแยง) พร้อมเทคโนโลยี IPS ส่วน 11 Pro ใช้ จอภาพ HDR 5.8 นิ้ว และ 6.5 นิ้ว
ความละเอียด iPhone 11 อยู่ที่ 1792 x 828 พิกเซลที่ 326 ppi (HD+) ส่วน iPhone 11 Pro ใช้ ความละเอียด 2436 x 1125 พิกเซลที่ 458 ppi สำหรับรุ่น 5.8 นิ้ว และ 2688 x 1242 พิกเซลที่ 458 ppi สำหรับรุ่น 6.5 นิ้ว
อัตราส่วนคอนทราสต์ 1,400:1 เทียบกับ 11 Pro อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1
การแสดงผลแบบ True Tone 
จอภาพขอบเขตสีกว้าง (P3)
การแตะค้างแบบสั่น
ความสว่างสูงสุด 625 นิต (ทั่วไป) เทียบกับ 11 Pro ความสว่างสูงสุด 800 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุด 1,200 นิต (HDR)
เคลือบสารกันรอยนิ้วมือ ซึ่งพอติดกระจก ลอยนิ้วมือก็มีตามปกติ
จอภาพ iPhone 11 มีมุมมนที่รับกับดีไซน์แบบโค้ง และมุมทั้งหมดนี้อยู่ในสี่เหลี่ยมมุมฉากมาตรฐาน และเมื่อวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากมาตรฐานแล้ว หน้าจอจะมีขนาด 6.06 นิ้วในแนวทแยง (พื้นที่สำหรับการดูจริงมีขนาดน้อยกว่าเพราะมีติ่งขนาดใหญ่ด้านบนบังอยู่)
เทียบกับ 11 Pro 5.85 นิ้ว กับ 11 Pro Max 6.46 นิ้ว 
ข้อมูลเปรียบเทียบจาก https://www.apple.com/th/iphone-11-pro/specs/
กับ https://www.apple.com/th/iphone-11/specs/

----------



เปรียบเทียบ speed test ระหว่าง iPhone 11 กับ iPad Pro gen2 12.9 นิ้ว
 

ปัญหาเกมออน์ไลน์ อัพเดทช้ากว่า Android เป็นวัน
เพราะระบบหลังบ้านของ Apple ทำงานช้ากว่า Android 
ทำให้ใครต้องการเล่นเกมออนไลน์ เช่น ROV, Fortnite เป็นต้น ต้องใจเย็น เย็น เย็น.... 
หาอย่างอื่นทำไปก่อนช่วงที่รออัพเดท
ผมสตรีมเกม Fortnite ถึงขนาดนอนรอตอนเช้าถึงอัพเดทเข้าไปเล่นได้
ตามไปดูดราม่า ระบบ iOS อัพเดทเกมช้าได้ที่ https://ppantip.com/topic/39497867
-------



ผมซื้อ iPhone 11 มาจาก Facebook Marketplace ในราคา 22,000 บาท 
อายุ 2 เดือน มีใบเสร็จร้าน comseven Studio ซื้อมาแบบไม่ได้ตรวจเช็คอะไร
เพราะดูสภาพแล้วใช้งานได้ดี ถ่ายรูปชัดเจนไม่มีฝุ่นในเลน 
ขอบเครื่องไร้รอย มีฟิล์มกระจกอย่างดีติดมาให้ มีฟิล์มกันเลนส์กล้อง
จอไม่มี dead pixel จึงมั่นใจว่าสินค้าดี 
หลังจากได้เครื่องมาทำการ restore ผ่าน itune 
บนคอมพิวเตอร์เพื่อลงโปรแกรมใหม่ เนื่องจากเครื่องเพิ่งอัพเดท iOS 13.3 มา
บน iPad Pro gen 2 ของผมมีปัญหาทัชสกรีนไม่ติดบ่อยครั้ง แต่พอกด restore บนคอม 
อาการทัชกรีนก็ดีขึ้น และปัญหาความร้อนก็ลดลง คาดว่าเป็นเพราะความเสถียรหลังลงโปรแกรมใหม่ทั้งหมดใหม่
ซึ่งในเครื่องของผมมีแต่เกม เลยไม่สนใจการ backup อยู่แล้ว
ถึงแม้กด reset all setting หลังอัพเดท iOS ก็ไม่เคยช่วยแก้ปัญหาทัชสกรีน แถม wallpaper ก็หายไปด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวที่พบกับ iphone 11 ในสองวัน 
หากมีเพิ่มเติม เดี๋ยวมาเพิ่มใน comment ด้านล่างครับ ขอบคุณครับ