ตามหัวข้อเลยครับ
กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ผมจริงจังมากๆในการตั้งกระทู้นะรับ .......
ปัจจุบันผมอายุ 28 ปีนะครับ และเป็นเกย์ พื้นฐานครอบครัว พ่อกับแม่หย่าร้างกัน ผมมาอยู่กับแม่ อยู่กับพี่สาว และมีน้องสาวด้วย (พี่ชายก็มีนะครับแต่ไม่สนิทด้วย)
จำได้ว่าตัวเองมีนิสัยตุ้งติ้งตั้งแต่เด็กๆแล้วครับ อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมมีแต่ผู้หญิงด้วยมั้ง ????.....โดนคุณอาล้อผมว่าเป็นตุ๊ดเป็นเกย์บ่อยๆ
แต่ว่ามารู้ตัวว่าตัวเองชอบผู้ชายจริงจังก็ตอนประมาณ ม.ปลายครับ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมปิดบังคนอื่นตลอดเรื่องตัวเองเป็นเกย์เพื่อไม่ให้ใครรู้ ไม่ว่าแม่ พี่สาว น้องสาว หรือคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นตอนอยู่ที่ทำงานตลอดทั้งเพื่อนที่มหาลัย
(ตอนเรีนนมหาลัยเรียนยังไม่จบนะครับ เกเรไม่ตั้งใจเรียน ปล่อยมาเรื่อยๆจนเรียนไม่จบ)
ไม่มีใครรู้เลยว่าเป็น เว้นแต่บางคนที่ผมเปิดเผยเท่านั้น ดูเหมือนชีวิตผมจะราบรื่นดีนะครับ ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองเป็น ไม่ได้เดือนร้อนใคร แต่อาจจะมีคนสงสัยบ้างแหละว่าเป็นเกย์แต่ผมก็ปฏิเสธตลอดไม่ยอมเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง เพราะผมกลัว! กลัวเพื่อนกลัวคนอื่นรับไม่ได้ กลัวแม่กลัวที่บ้านกลัวญาติรับไม่ได้ แต่ผมว่าคนที่เป็นแม่เขาคงดูออกแหละครับว่าเป็นเกย์แต่เขาไม่พูดเรื่องนี้กับผม
(มีอยู่ครั้งนึงตอนผมทำงานอยู่ที่กรุงเทพ แล้วผมอกหัก โพสต์หน้าเฟสเรื่อยเปื่อย ตามประสาคนอกหัก แต่น้องสาวเห็นโพสต์ผมดันไปเล่าให้แม่ฟังล่ะซิ!!!!งานเข้าเลย........
จนแม่โทรมาถามอาการอกหักว่าเป็นยังไง มีประโยคนึงที่แม่ถามว่าแฟนผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ !!!..... ผมนี้อึ้งเลยครับสตั๊นไป 3 วิ แต่ผมก็บอกไปว่าแฟนผู้หญิงสิครับ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีอะไร จนแม่อยากให้มาบวชครับ(
บ้านอยู่ต่างจังหวัดนะครับ) ผมเลยออกจากงาน เพื่อกลับมาบวชเป็นช่วงเข้าพรรษาพอดี และอยู่มาเรื่อยๆ จนบวชได้ประมาณ 9 เดือน ผมก็ขอลาสิกขาเพื่อจะออกไปหางานทำ ระหว่างที่บวชนั้นก็ปฏิบัติตัวตามปกติครับ ตามกิจของสงฆ์ทุกอย่าง แต่ผมก็ปิดบังตัวเองอยู่นะครับยังไม่เปิดเผยว่าตัวเองเป็นเกย์ แต่ก็คงมีคนรู้แหละหรือคนสงสัยแหละเพราะบางคนก็แซวๆผมว่านิสัยเหมือนผู้หญิง ตุ้งติ้ง
หลังจากลาสิกขาผมก็ไปสมัครงาน และก็ได้งานทำก็ราบรื่นดีครับแล้วพอมาถึงช่วงเข้าพรรษาอีกครั้งก็มีน้าคนนึงมาคุยกับผมอยากให้ผมกลับมาบวชอีกเพราะตอนนั้นทางตำบลกำลังคนที่จะบวชเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ร.10 คุยนานมากและคุยหลายวันผมจึงตัดสินใจกลับมาบวชเป็นรอบที่สอง
พอกลับมาบวชรอบนี้ก็เหมือนปกติดีทุกอย่าง มีวันนึงผมไปซื้อพวกต้นไม้ดอกไม้มาปลูกด้านหน้ากุฏิครับ หน้ากุฏินี้ดอกไม้ต้นไม้ประดับเต็มเลย เมื่อวันก่อนผมกำลังฉันอาหารเพลอยู่ แล้วก็มีโยมผู้หญิงคนนึงแซวผมขึ้นมาว่าผมนี้ดอกไม้เต็มหน้ากุฏิเลยน้า ดอกไม้ก็สวยๆทั้งนั้น รู้จักเลือกซื้อมาปลูกดีจัง แล้วเขาก็บอกว่ากุฏิรูปไหนเป็นยังไงก็บ่งบอกถึงนิสัยรูปนั้นได้ ( ผมรู้เลยว่าโยมผู้หญิงคนนั้นพูดหมายถึงอะไร)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้กุฏิในวัดนี้มี 4 หลัง ก็ไม่ได้สวยงามหรือมีดอกไม้ประดับอะไร เฉยๆ ตามประสาพระผู้ชายน่ะครับ
ผมก็เหงื่อแตกเลยแต่ก็ไม่พูดอะไรออกไป เฉยๆไว้ เพราะตอนนั้นพูดอะไรไม่ออก
นึกในใจผมมีอาการแสดงออกว่าเป็นเกย์ขนาดนั้นเลยหรอ เพราะที่โยมคนนั้นพูดมันเป็นนัยๆ แล้วก็มีหลวงพ่อเจ้าอาวาสพูดขึ้นพร้อมกับแซวโยมว่าเข้ามาวัดนี้มาจับผิดพระน้อ แล้วพระอีก 2-3 องค์และโยมที่อยู่ตรงนี้ก็พากันหัวเราะเรื่องนี้ ผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งไม่พูดอะไร จนฉันอาหารเพลเสร็จก็แยกย้ายผมก็กลับมากุฏิผม ผมกระวนกระวาย กลุ้มใจทั้งเครียดมากว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าผมเป็นเกย์ (แม้เขาไม่ไ้พูดคำว่าเกย์) ผมกลัวว่าจะมีคนรู้ว่าผมเป็นเกย์ เลยไลน์ถามเพื่อนที่เป็นเกย์เล่าเรื่องนี้ให้ฟังว่าควรทำยังไง ผมก็ถามเพื่อนที่เป็นโยมและที่เป็นพระด้วยกันว่าที่เป็นเกย์นี้ที่บ้านหรือคนรอบตัวรู้ด้วยไหมว่าเป็นเกย์ ส่วนใหญ่เขาก็บอกว่าที่บ้านรู้ และตัวเขาเองไม่ได้ปิดบังว่าเป็นเกย์เขาเปิดเผยตัวตน พระที่รู้จักที่เป็นเกย์อยู่อีกวัดเขาก็บอกว่าญาติโยมก็รู้ พระในวัดก็รู้ เพราะเขาไม่ได้ปิดบังว่าเป็นเกย์ พระรูปนั้นก็แนะนำให้ผมบอกโยมแม่ว่าผมเป็นเกย์ ถ้าโยมแม่รับได้ ก็ไม่ต้องแคร์คนอื่น ใช้ชีวิตตามปกติ แต่ผมก็ไม่กล้าบอกโยมแม่อยู่ดี เพราะกลัวโยมแม่รับไม่ได้กลัวเขาจะไม่ชอบ
เอาละครับท้ายสุดละอยากขอความเห็นเพื่อนๆในนี้แนะนำทีครับว่าผมควรจะทำยังไงกับชีวิตดี จะลาสิกขาออกไปใชชีวิตตามใจฉันหรือจะบวชต่อดี ( สาเหตุที่อยากบวชต่อเพราะผมพึ้งไปสมัครเรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์ครับ ระดับ .ตรี ใจนึงก็อยากเรียนให้จบสักใบเพราะว่าแม่อยากให้บวชเรียน อยากให้ท่านสบายใจ (คือแม่ไม่อยากให้ลาสิกขาน่ะครับความคิดแม่คืออยากให้ผมเรียนต่อมหาวิทยาลัยสงฆ์ให้จบก่อน ถ้าจบแล้วจะสิกขาก็ไม่ว่าเพราะมีวุฒิ ป.ตรี เพราะเป็นพระค่าเทอมจะถูกว่าโยมทั้วไปจะได้หางานทำสบาย) และหลวงพ่อท่านจะช่วยเรื่องค่าเทอม ค่าเติมน้ำมันเพราะต้องใช้รถยนต์ไปเรียนครับ และนี้หละครับทำให้ผมอึดอัดใจ กลุ้มใจ ว่าจะเปิดเผยตัวตนแท้จริงยังไงเรื่องเป็นเกย์ หรือจะเฉยๆไว้ ไม่ต้องบอกใครทั้งนั้น ใช้ชีวิตตามปกติเหมือนเจ้าอาวาสก็สงสัยว่าผมเป็นเกย์มาสักพักละ และโยมบางคนกก็คอยจับผิด ว่าผมเป็นเกย์ มันอึดอัดครับกับการปิดบังคนอื่นแบบนี้ กลุ้มใจจนนอนไม่หลับ ไม่กล้าเล่าให้ใครฟังแท้กระทั้งโยมแม่
ปล.ไม่ดราม่านะครับ
ปล.ตอนนี้ก็ยังบวชอยู่ครับ
แท๊กผิดห้องขออภัยด้วยนะครับ
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นและคำแนะนำล่วงหน้านะครับ
ควรจะบอกครอบครัวและคนรอบข้างดีไหมว่าผมเป็นเกย์ !!!
กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ผมจริงจังมากๆในการตั้งกระทู้นะรับ .......
ปัจจุบันผมอายุ 28 ปีนะครับ และเป็นเกย์ พื้นฐานครอบครัว พ่อกับแม่หย่าร้างกัน ผมมาอยู่กับแม่ อยู่กับพี่สาว และมีน้องสาวด้วย (พี่ชายก็มีนะครับแต่ไม่สนิทด้วย)
จำได้ว่าตัวเองมีนิสัยตุ้งติ้งตั้งแต่เด็กๆแล้วครับ อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมมีแต่ผู้หญิงด้วยมั้ง ????.....โดนคุณอาล้อผมว่าเป็นตุ๊ดเป็นเกย์บ่อยๆ
แต่ว่ามารู้ตัวว่าตัวเองชอบผู้ชายจริงจังก็ตอนประมาณ ม.ปลายครับ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมปิดบังคนอื่นตลอดเรื่องตัวเองเป็นเกย์เพื่อไม่ให้ใครรู้ ไม่ว่าแม่ พี่สาว น้องสาว หรือคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นตอนอยู่ที่ทำงานตลอดทั้งเพื่อนที่มหาลัย (ตอนเรีนนมหาลัยเรียนยังไม่จบนะครับ เกเรไม่ตั้งใจเรียน ปล่อยมาเรื่อยๆจนเรียนไม่จบ)
ไม่มีใครรู้เลยว่าเป็น เว้นแต่บางคนที่ผมเปิดเผยเท่านั้น ดูเหมือนชีวิตผมจะราบรื่นดีนะครับ ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองเป็น ไม่ได้เดือนร้อนใคร แต่อาจจะมีคนสงสัยบ้างแหละว่าเป็นเกย์แต่ผมก็ปฏิเสธตลอดไม่ยอมเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง เพราะผมกลัว! กลัวเพื่อนกลัวคนอื่นรับไม่ได้ กลัวแม่กลัวที่บ้านกลัวญาติรับไม่ได้ แต่ผมว่าคนที่เป็นแม่เขาคงดูออกแหละครับว่าเป็นเกย์แต่เขาไม่พูดเรื่องนี้กับผม
(มีอยู่ครั้งนึงตอนผมทำงานอยู่ที่กรุงเทพ แล้วผมอกหัก โพสต์หน้าเฟสเรื่อยเปื่อย ตามประสาคนอกหัก แต่น้องสาวเห็นโพสต์ผมดันไปเล่าให้แม่ฟังล่ะซิ!!!!งานเข้าเลย........
จนแม่โทรมาถามอาการอกหักว่าเป็นยังไง มีประโยคนึงที่แม่ถามว่าแฟนผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ !!!..... ผมนี้อึ้งเลยครับสตั๊นไป 3 วิ แต่ผมก็บอกไปว่าแฟนผู้หญิงสิครับ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีอะไร จนแม่อยากให้มาบวชครับ(บ้านอยู่ต่างจังหวัดนะครับ) ผมเลยออกจากงาน เพื่อกลับมาบวชเป็นช่วงเข้าพรรษาพอดี และอยู่มาเรื่อยๆ จนบวชได้ประมาณ 9 เดือน ผมก็ขอลาสิกขาเพื่อจะออกไปหางานทำ ระหว่างที่บวชนั้นก็ปฏิบัติตัวตามปกติครับ ตามกิจของสงฆ์ทุกอย่าง แต่ผมก็ปิดบังตัวเองอยู่นะครับยังไม่เปิดเผยว่าตัวเองเป็นเกย์ แต่ก็คงมีคนรู้แหละหรือคนสงสัยแหละเพราะบางคนก็แซวๆผมว่านิสัยเหมือนผู้หญิง ตุ้งติ้ง
หลังจากลาสิกขาผมก็ไปสมัครงาน และก็ได้งานทำก็ราบรื่นดีครับแล้วพอมาถึงช่วงเข้าพรรษาอีกครั้งก็มีน้าคนนึงมาคุยกับผมอยากให้ผมกลับมาบวชอีกเพราะตอนนั้นทางตำบลกำลังคนที่จะบวชเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ร.10 คุยนานมากและคุยหลายวันผมจึงตัดสินใจกลับมาบวชเป็นรอบที่สอง
พอกลับมาบวชรอบนี้ก็เหมือนปกติดีทุกอย่าง มีวันนึงผมไปซื้อพวกต้นไม้ดอกไม้มาปลูกด้านหน้ากุฏิครับ หน้ากุฏินี้ดอกไม้ต้นไม้ประดับเต็มเลย เมื่อวันก่อนผมกำลังฉันอาหารเพลอยู่ แล้วก็มีโยมผู้หญิงคนนึงแซวผมขึ้นมาว่าผมนี้ดอกไม้เต็มหน้ากุฏิเลยน้า ดอกไม้ก็สวยๆทั้งนั้น รู้จักเลือกซื้อมาปลูกดีจัง แล้วเขาก็บอกว่ากุฏิรูปไหนเป็นยังไงก็บ่งบอกถึงนิสัยรูปนั้นได้ ( ผมรู้เลยว่าโยมผู้หญิงคนนั้นพูดหมายถึงอะไร)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมก็เหงื่อแตกเลยแต่ก็ไม่พูดอะไรออกไป เฉยๆไว้ เพราะตอนนั้นพูดอะไรไม่ออก นึกในใจผมมีอาการแสดงออกว่าเป็นเกย์ขนาดนั้นเลยหรอ เพราะที่โยมคนนั้นพูดมันเป็นนัยๆ แล้วก็มีหลวงพ่อเจ้าอาวาสพูดขึ้นพร้อมกับแซวโยมว่าเข้ามาวัดนี้มาจับผิดพระน้อ แล้วพระอีก 2-3 องค์และโยมที่อยู่ตรงนี้ก็พากันหัวเราะเรื่องนี้ ผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งไม่พูดอะไร จนฉันอาหารเพลเสร็จก็แยกย้ายผมก็กลับมากุฏิผม ผมกระวนกระวาย กลุ้มใจทั้งเครียดมากว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าผมเป็นเกย์ (แม้เขาไม่ไ้พูดคำว่าเกย์) ผมกลัวว่าจะมีคนรู้ว่าผมเป็นเกย์ เลยไลน์ถามเพื่อนที่เป็นเกย์เล่าเรื่องนี้ให้ฟังว่าควรทำยังไง ผมก็ถามเพื่อนที่เป็นโยมและที่เป็นพระด้วยกันว่าที่เป็นเกย์นี้ที่บ้านหรือคนรอบตัวรู้ด้วยไหมว่าเป็นเกย์ ส่วนใหญ่เขาก็บอกว่าที่บ้านรู้ และตัวเขาเองไม่ได้ปิดบังว่าเป็นเกย์เขาเปิดเผยตัวตน พระที่รู้จักที่เป็นเกย์อยู่อีกวัดเขาก็บอกว่าญาติโยมก็รู้ พระในวัดก็รู้ เพราะเขาไม่ได้ปิดบังว่าเป็นเกย์ พระรูปนั้นก็แนะนำให้ผมบอกโยมแม่ว่าผมเป็นเกย์ ถ้าโยมแม่รับได้ ก็ไม่ต้องแคร์คนอื่น ใช้ชีวิตตามปกติ แต่ผมก็ไม่กล้าบอกโยมแม่อยู่ดี เพราะกลัวโยมแม่รับไม่ได้กลัวเขาจะไม่ชอบ
เอาละครับท้ายสุดละอยากขอความเห็นเพื่อนๆในนี้แนะนำทีครับว่าผมควรจะทำยังไงกับชีวิตดี จะลาสิกขาออกไปใชชีวิตตามใจฉันหรือจะบวชต่อดี ( สาเหตุที่อยากบวชต่อเพราะผมพึ้งไปสมัครเรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์ครับ ระดับ .ตรี ใจนึงก็อยากเรียนให้จบสักใบเพราะว่าแม่อยากให้บวชเรียน อยากให้ท่านสบายใจ (คือแม่ไม่อยากให้ลาสิกขาน่ะครับความคิดแม่คืออยากให้ผมเรียนต่อมหาวิทยาลัยสงฆ์ให้จบก่อน ถ้าจบแล้วจะสิกขาก็ไม่ว่าเพราะมีวุฒิ ป.ตรี เพราะเป็นพระค่าเทอมจะถูกว่าโยมทั้วไปจะได้หางานทำสบาย) และหลวงพ่อท่านจะช่วยเรื่องค่าเทอม ค่าเติมน้ำมันเพราะต้องใช้รถยนต์ไปเรียนครับ และนี้หละครับทำให้ผมอึดอัดใจ กลุ้มใจ ว่าจะเปิดเผยตัวตนแท้จริงยังไงเรื่องเป็นเกย์ หรือจะเฉยๆไว้ ไม่ต้องบอกใครทั้งนั้น ใช้ชีวิตตามปกติเหมือนเจ้าอาวาสก็สงสัยว่าผมเป็นเกย์มาสักพักละ และโยมบางคนกก็คอยจับผิด ว่าผมเป็นเกย์ มันอึดอัดครับกับการปิดบังคนอื่นแบบนี้ กลุ้มใจจนนอนไม่หลับ ไม่กล้าเล่าให้ใครฟังแท้กระทั้งโยมแม่
ปล.ไม่ดราม่านะครับ
ปล.ตอนนี้ก็ยังบวชอยู่ครับ
แท๊กผิดห้องขออภัยด้วยนะครับ
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นและคำแนะนำล่วงหน้านะครับ