นักรบหญิงในประวัติศาสตร์

Las soldaderas กลุ่มนักรบหญิงแห่งสงครามการปฏิวัติเม็กซิโก



 Las soldaderas คือกลุ่มนักรบหญิงแห่งสงครามการปฏิวัติเม็กซิโกเมื่อปี 1910 เป็นสงครามที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นการล้มล้างการปกครองแบบเก่า และสถาปนารัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามสำหรับผู้หญิงในสมัยนั้น นี่คือช่วงเวลาที่พวกเธอจะได้หลุดพ้นจากบทบาทดั้งเดิม
  
พวกเธอเข้าร่วมสงครามด้วยความสมัครใจ บางครั้งเป็นการติดตามสามี   บางครั้งก็ไปเป็นพยาบาลสนาม หรือปลอมตัวเป็นผู้ชายจับอาวุธร่วมรบในฐานะทหารอาสา
อย่างไรก็ตาม Las soldaderas ที่คนรู้จักกันมากที่สุดน่าจะเป็นเหล่าทหารหญิงของฝั่งปฏิวัติที่ใส่กระโปรงดั้งเดิม ใส่หมวกปีกกว้างและพกปืนไปรบนั่นเอง
 
พวกเธอต้องปลอมตัวเพื่อป้องกันการถูกดูหมิ่นจากผู้ชายและเจ้าหน้าที่ระดับสูง แถมยังต้องคอยรักษาความลับไม่ให้ใครรู้ หรือหากถูกรู้เข้าก็ต้องมีไหวพริบมากพอที่จะไม่ทำให้มีใครมาเอาเปรียบได้
ตัวอย่างที่ดีของผู้หญิงที่ปลอมเป็นผู้ชายในสงครามครั้งนี้คือ Angela Jimenez และ Amelia Robles โดยทั้งสองคนมีวิธีการรับมือกับผู้ชายที่แตกต่างกันมาก
Angela ปลอมตัวเป็นชายที่ถูกเรียกกันว่า Pedro ตัวจริงของเธอถูกรู้โดยชายหลายคนมาก ถึงอย่างนั้นเธอก็มีวิธีรับมือกับคนเหล่านั้น โดยการโกหกว่าเธอเป็นพวกตื่นเช้ามากๆ เพื่อขึ้นมาโกนขน ก่อนที่คนอื่นๆ จะตื่น 
  
ส่วน Amelia นั้นมีวิธีที่แตกต่างกันออกไป เธอเปลี่ยนจิตใจตัวเองไปเป็นผู้ชายเลย เพราะไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชื่อเป็น Amelio เท่านั้น แต่เธอนั้นทั้งเล่นมุกแรงๆ ต่อยตีกับผู้ชาย จีบสาว ดื่มเหล้า แถมยังยิงปืนและขี่ม้าเก่ง ถึงขั้นที่ว่าเธอสร้างเพื่อนที่ยอมรับในตัวเธอมากพอที่จะมีชีวิตต่อไปในฐานะผู้ชายหลังสงครามจบเลยทีเดียว 
น่าเศร้าที่นอกจาก Amelio แล้วผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมสงครามจะต้องกลับไปเป็นผู้หญิงธรรมดาที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหลังจากสงครามจบ พวกเธอหลายๆ คนไม่ได้รับรางวัลจากการเข้าร่วมสงครามเลยด้วยซ้ำ และกว่าที่ชาวเม็กซิโกจะเริ่มเห็นคุ้นค่าของการกระทำของผู้หญิงในสงคราม มันก็เป็นเวลาอีกนานหลังจากตอนนั้นเลยทีเดียว 
ที่มา history
Cr. https://www.catdumb.com/las-soldaderas-378/  

 

กองทัพสาวอเมซอนไม่ได้เป็นเพียงแค่ตำนาน



นักรบสาวเหล่านี้อาศัยอยู่อาณาจักรดาโฮมีย์ ซึ่งปัจจุบันคือประเทศเบนินในเขตแอฟริกาตะวันตก บริเวณตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาร่า นักรบสาวเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นองครักษ์กษัตริย์และทุกคนก็ต้องแต่งงานเป็นภรรยาของกษัตริย์ด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าความโหดของพวกเธอทำให้ชาวบ้านต้องเกรงกลัว รวมถึงเจ้าของผืนดินในเขตที่พวกเขาอาศัยอยู่ก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งแต่อย่างใด

หนึ่งในสามของกองทัพในอาณาจักรดาโฮมีย์ล้วนแต่เป็นชาวอเมซอน และบรรพบุรุษของพวกเขาเคยมีส่วนร่วมในการสู้รบกับกองกำลังล่าอาณานิคมของฝรั่งเศสในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จำนวนของนักรบสาวอเมซอนในดาโฮมีย์มีมากถึง 6,000 คน

เช่นเดียวกับในภาพยนตร์ ชาวอเมซอนแห่งดาโฮมีย์ต้องถูกฝึกฝนให้เป็นนักรบที่แข็งแกร่งมาตั้งแต่วัยเยาว์ เพื่อให้ตนเองพร้อมตั้งแต่การรับคำสั่งครั้งแรก มีผู้หญิงจำนวนมากที่อาสาเข้าร่วมในกองทัพด้วยความเต็มใจ พวกเธอชื่นชอบที่จะออกไปทำสงครามมากกว่าที่จะอยู่เป็นแม่บ้าน นอกจากนั้นพวกเธอยังเรียนรู้ที่จะใช้ดาบและปืนที่มาจากชาวตะวันตกได้อีกด้วย

เซห์-ดอง-ฮอง-เบห์ คือแม่ทัพหญิงของชาวอเมซอนแห่งดาโฮมีย์ และเธอได้ชื่อว่าเป็นนักรบที่ไร้ความปราณีและน่ากลัวอย่างมาก ในปี 1851 เธอนำกองทัพหญิงของเธอกว่า 6,000 คนเข้าถล่มป้อมปราการเอ็กบาในเมืองอาเบโอคูตา ประเทศไนจีเรีย ด้วยธนูและหอกเท่านั้น ในขณะที่ป้อมปราการดังกล่าวมีทั้งปืนใหญ่และพลแม่นปืนก็ยังไม่อาจต้านทานกองทัพของเธอได้

ในอดีตที่ผ่านมา ผู้หญิงที่เป็นนักรบก็ถือว่ามีจำนวนไม่น้อย เช่นการขุดค้นพบโครงกระดูกของนักรบไวกิ้งคนหนึ่งในสุสานที่เมืองเบอร์กา ประเทศสวีเดน ก็พบว่าโครงกระดูกนักรบไวกิ้งดังกล่าวเป็นผู้หญิง 
Cr.https://petmaya.com/5-real-amazon-warriors



“แม่มดแห่งราตรี” นักรบแห่งกองทัพหญิง



แม่มดแห่งราตรีเป็นฉายาของกองบินทิ้งระเบิดกลางคืนที่ 588 (588th Night Bomber Regiment) หน่วยทหารอากาศหญิงล้วนผู้มีผลงานทิ้งระเบิดสำเร็จเกือบ 30,000 ครั้ง และทิ้งระเบิดไปร่วมกว่า 23,000 ตัน ตลอดช่วงเวลาไม่ถึง 4 ปีในสงคราม
เรื่องราวของหน่วยนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อ โจเซฟ สตาลิน ประกาศตั้งกองบินหญิงล้วนจำนวนสามแห่งในปี 1941 และเป็นประเทศแรกที่อนุญาตให้ผู้หญิงขึ้นบินในสงคราม
แต่แม้จะมีกองบินหญิงหลายกองก็ตามกองบินที่ 588 กลับเป็นกองบินเดียวที่เป็นกองบินหญิงล้วนจริงๆ และนำทีมโดยนักบินหญิง Nadezhda Popova ผู้ผ่านภารกิจมาถึง 852 ครั้ง

โดยใช้เครื่องบิน Polikarpov Po-2 ซึ่งนับว่าตกยุคมากๆ ในสมัยนั้น ที่ไม่มีทั้งเรดาร์ ปืนกล วิทยุสื่อสาร ระบบป้องกันอากาศหนาวเย็น หรือแม้กระทั่งร่มชูชีพ และต้องทำภารกิจโดยอาศัยเพียงเข็มทิศ ไม้บรรทัด ดินสอ นาฬิกา ไม้ฉาย และแผนที่เท่านั้น
แต่นักสู้เหล่านี้กลับสามารถทำภารกิจก่อกวนยามราตรีได้สำเร็จเรื่อยมา ทั้งๆ ที่วันหนึ่งพวกเธอต้องขึ้นบินโดยเฉลี่ยถึง 8 ครั้ง จากการที่เครื่องบินบรรทุกระเบิดได้แค่ 2 ลูก



 
จากที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์กองบินที่ 588 นั้นพลิกความเสียเปรียบที่ตัวเองมีให้เป็นโอกาส เพราะด้วยโครงสร้างของเครื่องบินเองทำให้พวกเธอถูกจับด้วยเรดาร์ได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อพวกเธอมีเทคนิคการบินด้วยการดับเครื่องยนต์ และร่อนไปยังจุดทิ้งระเบิด
การกระทำนี้ทำให้ศัตรูแทบจะไม่รู้ตัวเลยในตอนที่โดนโจมตี และการบินร่อนกันเป็นเอกลักษณ์ราวกับแม่มดขี่ไม้กวาดนี้เองก็ทำให้พวกเธอถูกเรียกว่า “Nachthexen” หรือแม่มดแห่งราตรีโดยทหารเยอรมัน
Cr.https://www.catdumb.com/588th-night-bomber-regiment-the-night-witches-378/



ตำนานนักรบ “ซามูไรหญิง”



เชื่อว่า ซามูไรหญิง เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1185 ในยุคคามาคุระ แต่เป็นที่รู้จักมากตอนปลายยุคเอโดะหรือยุคบาคุมัทสึ ค.ศ.1603 – 1868 เพราะในยุคนี้ญี่ปุ่นถูกสหรัฐอเมริกา ปิดประเทศและล้มล้างระบอบโชกุน ทำให้ความเชื่อดั้งเดิมที่ว่าผู้หญิงจะต้องเลี้ยงลูกและทำงานบ้าน ถูกทำลายลง ทำให้ผู้หญิงบางส่วนที่เกิดและเติบโตในชนชั้นซามูไรเริ่มกลับมาจับอาวุธอีกครั้ง

แม้ว่าดาบคาตานะจะเป็นอาวุธที่ได้รับความนิยมในหมู่ ซามูไรชาย แต่ซามูไรหญิงส่วนใหญ่เลือกใช้ ง้าวนากินาตะ อาวุธชนิดนี้จะได้เปรียบในการโจมตีระยะไกลซึ่งเป็นสัญลักษณ์ให้กับนักรบหญิงในยุคสมัยนั้น และนอกจากง้าวนากินาตะ ยังนิยมใช้ ธนู ด้วยเพราะมีความใจเย็นมากกว่าผู้ชาย
ซามูไรหญิง ที่ได้สร้างวีกรรมอันห้าวหาญและน่าทึ่งที่โด่งดังและเก่งกาจที่สุดได้แก่

โทโมเอะ โกเซ็น “ซามูไรหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์” และ นาคาโนะ ทาเคโกะ “ซามูไรหญิงคนสุดท้าย” 
Cr.https://www.flagfrog.com/women-samurai/



นักรบหญิงผู้เสิร์ฟไวน์บนสนามรบ





Vivandières หรือเรียกอีกอย่างว่า cantinières  เป็นชื่อภาษาฝรั่งเศสสำหรับผู้หญิงที่อยู่กับหน่วยทหาร โดยไม่ได้รับการอนุมัติให้ทำการต่อสู้ใดๆ แต่เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหารของกองทัพฝรั่งเศสช่วงสงคราม ทั้งเสิร์ฟไวน์และทำอาหารที่ดีให้ในสนามรบ  จากเดิมที่ได้รับมอบหมายให้จัดหาความสะดวกสบายภายในบ้านแก่ผู้ที่อยู่ในค่ายเท่านั้น  แต่อาชีพนี้ได้ถูกยกเลิกได้ถูกยกเลิกไปในต้นศตวรรษที่ 19 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 


 

 Vivandières  เชื่อกันว่าจะเริ่มขึ้นในกองทัพฝรั่งเศสช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ทำงานนี้จะแต่งงานหรือไม่ก็เกี่ยวข้องกับทหารในกองทหารนั้นๆ  
ที่มา http://www.messynessychic.com/2017/08/17/the-women-warriors-who-served-wine-on-the-battlefield/
Cr.https://www.clipmass.com/story/125580



นักรบหญิงที่มีชื่อว่า The Women’s Reserve Camouflage Corps กองกำลังทหารหญิงที่มีความเชี่ยวชาญในการสืบเสาะและพรางตัว



ในปี 1918 พื้นที่ของอุทยาน Van Cortlandt Park ในพื้นที่ของมหานครนิวยอร์ก ซึ่งเต็มไปด้วยป่าไม้ ทุ่งหญ้า และโขดหินมากมาย แต่ใครจะรู้ว่าในพื้นที่กว่า 4,000 ตารางเมตรนั้นได้มีเหล่าของนักรบหญิงซ่อนตัวอยู่ในนั้น เหล่าผู้หญิงที่ซ่อนตัวอยู่ในที่อุทยานแห่งนี้ คือหนึ่งในนักเรียนวิชาศิลปะการพรางตัวหรือที่เรียกว่าเป็นหนึ่งในคอร์สการฝึกหน่วยลับของฝ่ายพันธมิตร ที่จะใช้ในสงคราม
 
การฝึกดังกล่าวจะรวบรวมศิลปินหญิงจากทั่วสหรัฐอเมริกาเพื่อมาทำการฝึกร่วมกับหน่วยรบพิเศษในนิวยอร์ก และหลังจากนั้นพวกเธอจะถูกส่งตัวเพื่อเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 1 สาเหตุที่ต้องเป็นเหล่าศิลปินหญิงนั้นก็เนื่องจากว่าทางการนั้นต้องการอาศัยความสามารถในการประดิษฐ์ การวาดภาพ การลงสีของพวกเธอเพื่อช่วยในการพัฒนารูปแบบของชุดสำหรับพรางตัว ให้มีความสมจริงมากที่สุดนั่นเอง
 
การฝึกในอุทยาน Van Cortlandt Park นั้นเป็นการทดสอบชุดพรางต่างๆ และให้พวกเธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะของภูมิประเทศเพื่อใช้ในการวาดลายพรางบนชุดในคล้ายกับลักษณะภูมิประเทศต่างๆ อย่างเช่น ก้อนหิน หรือสนามหญ้า เพื่อใช้ในสนามรบ

ภาพถ่ายการฝึกชุดนี้ถูกเปิดเผยโดยสำนักงานหอจดหมายเหตุแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ซึ่งบางภาพนั้นคุณจะเห็นภาพของพวกเธออยู่ใกล้ๆ กับโขดหินหรือต้นไม้ และหลังจากนั้นในภาพต่อมาพวกเธอกลับพรางตัวได้แนบเนียนสุดๆ

 

จิตรกรชาวฝรั่งเศสและทหารฝ่ายสื่อสาร Lucien-Victor Guirand de Scévola เป็นคนแรกที่เสนอให้มีการพิมพ์ลายต่างๆ ที่คล้ายกับลักษณะของภูมิประเทศเพื่อพรางตัวจากศัตรู
ในช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 1914 กองทัพฝรั่งเศสได้ตั้งหน่วยสนับสนุนการพรางตัวและพัฒนาเทคนิคต่างๆ ให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น โดยการรับปฏิมากร สถาปนิก นักวาดภาพและศิลปินในแขนงต่างๆ เข้ามาในกองทัพ การพรางตัวนั้นมีการพัฒาไปอย่างรวดเร็วทั้งการพรางหลังคาของอาคาร และเรือรบต่างๆ
โดยในแนวหน้านั้นจะเป็นหน้าที่ของเหล่าทหารผู้ชาย แต่จะคอยได้รับการสนับสนุนจากเหล่าทหารหญิงในแนวหลัง ทางด้านสหรัฐอเมริกานั้นได้เริ่มการ

ในเดือนเมษายน ปี 1918 เริ่มการฝึกเหล่าผู้หญิงทั้งสิ้น 40 คนโดยใช้ชื่อว่า Women’s Reserve Camouflage Corps เหล่าศิลปินหญิงได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยรบพิเศษ โดยพวกเธอจะได้ฝึกการทำงานปฏิมากรรม การถ่ายรูป หรืองานไม้ต่าง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อก่องทัพ และนอกจากนี้ยังได้ฝึกฝนความแข็งแรงของร่างกายอีกด้วย

ตอนนี้ภาพของการฝึก Women’s Reserve Camouflage Corps ทั้ง 42 ภาพกำลังอยู่ในขั้นตอนการบรรจุเข้าสู่คลังเก็บข้อมูลในหอจดหมายเหตุแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา
ที่มา http://www.thisisinsider.com/women-studied-camouflage-during-wwi-hid-in-nyc-parks-2016-10?utm_content=buffer15587&;utm_medium=social&utm_source=facebook.com&utm_campaign=buffer
        http://www.catdumb.com/ww1-female-reserve-camouflage-007/
Cr.https://www.clipmass.com/story/126969


ขอขอบคุณข้อมูลทั้งหมด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่