เริ่มพิมพ์แล้วน่าจะยาว ละนะ เอาวะ
กาลครั่งหนึ่ง ได้พบใครคนนึงทำให้ฉันสุขใจ ขอหยิบท่อนนึงของเพลงมา
การพานพบอันน่าจะเรียกได้ว่าเป็นอุบัติเหตุ กับใครคนนึงซึ่งไม่เคยได้พบ ท่ามกลางเรื่องราวอันไม่ปกติธรรมดานัก
คนคนนึงที่ทำให้รู้สึกว่า เฮ้ยคนนี้แหละน่าจะใช่
คนนี้แหละที่อยากได้ คนนี้แหละ
แต่ พอใจเรามันตั้งต้นไว้อย่างนี้ มันทำให้ทุกอย่างที่ควรจะเป็นอย่างที่หวังไม่เกิดขึ้น
ความรู้สึก เราปล่อยให้มันเกิดขึ้นมากเกินพอดี
ความคิด ก็คิดอะไรมากเกินพอดี
การแสดงออก ก็ปล่อยให้มันออกไปมากเกินพอดี
แต่สติและการไต่ตรอง กลับน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
ใช่แล้ว
สุดท้ายเราเองที่เป็นคนทำให้เธอต้องจากไป
เราไม่ได้เข้ามาในนี้มากนักหลังจากวันนั้นเพราะเข้ามาแล้วมันทำให้คืดถึงเธออยู่เสมอ
แต่หลังๆเข้ามาเจอคนกล่าวคำว่า Move on กันเยอะ
เราเข้าใจคำนี้ดี ไม่ใช่แค่เรื่องความรัก เพราะทุกความผิดพลาดหรือความเสียใจของทุกคนต้องการการมูฟออนทั้งนั้น
และเราก็มีชีวิตกับความผิดพลาดและมูฟออนมานับไม่ถ้วน
เรื่องของเธอเราสามารถลืมหรือไม่ใยดีก็ไม่ใช่เรื่องยากนัก
แต่เราก็เลือกที่จะเก็บเอาไว้ เลือกที่จะมีความหวังแม้จะเป็นความหวังลมๆแล้งๆ
เพราะคำพูดที่เราบอกเธอว่าให้เธอมีความหวังมันผูกมัดเราอยู่
ถ้าเราหมดหวังก็เหมือนกลืนน้ำลายตัวเอง
อีกครั้ง
การกระทำของเราที่ทำให้คำพูดของเรามันไร้ความหมายไปคำนึงแล้ว คือความไว้ใจ
เราไม่ต้องการให้คำว่า ความหวัง มันเสียไปจากใจของเธออีกคำนึงแม้ถึงเธอจะไม่รู้ก็ตาม
เราหวังว่าเธอจะไม่หมดหวังในอะไรก็ตามที่เธอต้องการและมีความสุขกับมัน
เรายังหวังว่าเธอจะมีความสุข ถึงแม้ความสุขนั่นจะไม่มีสักเสี้ยวนึงของเราเลยก็ได้
และเราก็ยังหวังว่าจะได้พบเธออีกครั้ง
หวังว่าจะพบเธอที่ Move on ได้แล้วเช่นกัน
การมีความหวังของเรา มันจึงไม่ใช่ว่าเราไม่มูฟออน
ความจริงเรามูฟออนจากความรู้สึกผิด หรือเสียใจจากการกระทำของตัวเองไปนานแล้ว
เราไม่สามารถแก้ไขอดีตได้
แต่เสี้ยวนึงในใจที่บอกว่า คนนี้แหละใช่
มันไม่หายไปสักที
เรามีชีวิตที่มีความสุขดี
แต่ในเสี้ยวนึงของความสุขทุกครั้งมันยังติดอยู่นิดนึงว่า
"เธอจะเป็นยังไงบ้างนะตอนนี้"
อยากรู้จริงๆ
กาลครั้งหนึ่งปีที่แล้ว
กาลครั่งหนึ่ง ได้พบใครคนนึงทำให้ฉันสุขใจ ขอหยิบท่อนนึงของเพลงมา
การพานพบอันน่าจะเรียกได้ว่าเป็นอุบัติเหตุ กับใครคนนึงซึ่งไม่เคยได้พบ ท่ามกลางเรื่องราวอันไม่ปกติธรรมดานัก
คนคนนึงที่ทำให้รู้สึกว่า เฮ้ยคนนี้แหละน่าจะใช่
คนนี้แหละที่อยากได้ คนนี้แหละ
แต่ พอใจเรามันตั้งต้นไว้อย่างนี้ มันทำให้ทุกอย่างที่ควรจะเป็นอย่างที่หวังไม่เกิดขึ้น
ความรู้สึก เราปล่อยให้มันเกิดขึ้นมากเกินพอดี
ความคิด ก็คิดอะไรมากเกินพอดี
การแสดงออก ก็ปล่อยให้มันออกไปมากเกินพอดี
แต่สติและการไต่ตรอง กลับน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
ใช่แล้ว
สุดท้ายเราเองที่เป็นคนทำให้เธอต้องจากไป
เราไม่ได้เข้ามาในนี้มากนักหลังจากวันนั้นเพราะเข้ามาแล้วมันทำให้คืดถึงเธออยู่เสมอ
แต่หลังๆเข้ามาเจอคนกล่าวคำว่า Move on กันเยอะ
เราเข้าใจคำนี้ดี ไม่ใช่แค่เรื่องความรัก เพราะทุกความผิดพลาดหรือความเสียใจของทุกคนต้องการการมูฟออนทั้งนั้น
และเราก็มีชีวิตกับความผิดพลาดและมูฟออนมานับไม่ถ้วน
เรื่องของเธอเราสามารถลืมหรือไม่ใยดีก็ไม่ใช่เรื่องยากนัก
แต่เราก็เลือกที่จะเก็บเอาไว้ เลือกที่จะมีความหวังแม้จะเป็นความหวังลมๆแล้งๆ
เพราะคำพูดที่เราบอกเธอว่าให้เธอมีความหวังมันผูกมัดเราอยู่
ถ้าเราหมดหวังก็เหมือนกลืนน้ำลายตัวเอง
อีกครั้ง
การกระทำของเราที่ทำให้คำพูดของเรามันไร้ความหมายไปคำนึงแล้ว คือความไว้ใจ
เราไม่ต้องการให้คำว่า ความหวัง มันเสียไปจากใจของเธออีกคำนึงแม้ถึงเธอจะไม่รู้ก็ตาม
เราหวังว่าเธอจะไม่หมดหวังในอะไรก็ตามที่เธอต้องการและมีความสุขกับมัน
เรายังหวังว่าเธอจะมีความสุข ถึงแม้ความสุขนั่นจะไม่มีสักเสี้ยวนึงของเราเลยก็ได้
และเราก็ยังหวังว่าจะได้พบเธออีกครั้ง
หวังว่าจะพบเธอที่ Move on ได้แล้วเช่นกัน
การมีความหวังของเรา มันจึงไม่ใช่ว่าเราไม่มูฟออน
ความจริงเรามูฟออนจากความรู้สึกผิด หรือเสียใจจากการกระทำของตัวเองไปนานแล้ว
เราไม่สามารถแก้ไขอดีตได้
แต่เสี้ยวนึงในใจที่บอกว่า คนนี้แหละใช่
มันไม่หายไปสักที
เรามีชีวิตที่มีความสุขดี
แต่ในเสี้ยวนึงของความสุขทุกครั้งมันยังติดอยู่นิดนึงว่า
"เธอจะเป็นยังไงบ้างนะตอนนี้"
อยากรู้จริงๆ