สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
ถ้าซื้อของแบบอยากได้อะไรก็ซื้อๆๆตามที่หนูกล่าวมา แสดงว่าหนูยังไม่มีเป้าหมายให้กับชีวิตตัวเองอย่างจริงๆจังๆ
ปีใหม่นี้ ลองตั้งเป้าหมายให้กับชีวิตตัวเองดูนะคะ เช่น ปี2563นี้อยากเก็บเงินให้ได้...กี่บาท?
ถ้าทำได้ตามเป้าหมาย ค่อยให้รางวัลชีวิตตัวเอง แต่ถ้าทำไม่ได้ตามเป้าหมายก็พยายามต่อไป
ชาไข่มุกเราไม่ดื่ม สตาร์บัคนานๆจะไปดื่มสักที (แต่มีกระติกน้ำของสตาร์บัค ซื้อใช้งาน ชงชา-กาแฟจากที่บ้าน พกไปดื่ม)
ร้านอาหารดังๆก็ไม่ได้ตามไปกินทุกร้าน ทำกับข้าวกินเองที่บ้าน
ไม่พกเงินเยอะ อยากมีเงินเก็บเยอะก็ต้องพยายามออมเงินเยอะๆ ไม่สนใจสิ่งล่อตาล่อใจทั้งหลายที่มันโหมกระหน่ำเข้ามา
แบรนด์เนมทั้งหลายเคยซื้อ มีเยอะหลายใบเลยแหล่ะ แต่ชีวิตเคยเจอภัยพิบัติมาเคยเจอแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ญี่ปุ่นเมื่อ8ปีก่อน ทำให้รู้ว่ากระเป๋าแบรนด์เนมทั้งหลายมันช่วยชีวิตเราไม่ได้ สิ่งที่ช่วยได้คืออาหาร น้ำดื่ม และผ้าห่มอุ่นๆ ที่ซุกหัวนอน หลังจากวันนั้นตัดสินใจขายเกือบหมดตู้ ((ขายขาดทุนทุกใบด้วย เพราะถ้าขายแพงก็ไม่มีคนซื้อ อยากขายได้ไวๆ อยากได้เงินไวๆก็เลยตัดใจขายราคาถูกๆไป)) แล้วก็เลิกอยากได้กระเป๋าแบรนด์เนมไปโดยปริยาย ชอบดูอยู่นะแต่ไม่มีความอยากได้อยากมีเหมือนแต่ก่อนแล้ว
ไม่พกเงินเยอะ จำกัดจำนวนเงินในกระเป๋าสตางค์ ทำเหมือนตอนเด็กๆที่แม่ให้เงินไปโรงเรียน
ต้นเดือนเงินเข้ามือมาแบ่งเงินฝากธนาคารก่อนเลย ส่วนตัวเรา เราซื้อสลากออมสิน แล้วเงินรางวัลที่ได้จากสลากออมสินก็เอาไปซื้อทองคำแท่ง,ทองรูปพรรณเก็บสะสมค่ะ
ตั้งเป้าหมายให้ตัวเองทุกปี เราต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงๆ ไม่วอกแวก ซื่อสัตย์กับความคิดและความตั้งใจของตัวเอง พยายามทำให้ได้ตามเป้าหมายหลักที่เราตั้งใจไว้
การเก็บเงินมันยาก ยากเพราะเราต้องพยายามเอาชนะใจตัวเองให้ได้ หักห้ามใจตัวเองไม่ให้ซื้อของ กิน ใช้ ฟุ่มเฟือยนั่นเอง ถ้าคนใจแข็ง ฝึกฝนตัวเองให้เอาชนะกิเลสที่มันเข้ามา ก็จะเเก็บเงินได้ไม่ยากค่ะ
อะไรจำเป็น อะไรฟุ่มเฟือย แยกให้ออก ไม่มีเราก็อยู่ได้ ไม่ต้องตามกระแสแฟชั่น ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของการตลาด ใช้ชีวิตพอเพียง ไม่เป็นหนี้ และมีเงินเก็บออม เอาไว้ใช้จ่ายเมื่อยามจำเป็นจริงๆ
โทรศัพท์มือถือของไทย เราใช้แบบปุ่มกด ลาวา เครื่องแลกมาฟรีด้วยซ้ำ ไม่เน้นความหรูหรา แค่รับสายได้ โทรออกได้ แค่นั้นก็พอ เราไม่มีแอพธนาคาร เราไม่มีบัตรเอทีเอ็มธนาคารที่เมืองไทย ไม่สมัครเน็ตแบงค์เลย มีแต่สมุดบัญชีเงินฝากอย่างเดียว กับสลากออมสินแค่นั้น
จดบัญชีรายรับ-รายจ่าย จะได้เห็นพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินของตัวเองได้อย่างชัดเจน อันไหนฟุ่มเฟือยไม่จำเป็นกับการดำรงชีวิตก็พยายามลด ละ เลิก ตัดๆมันออกไปจากชีวิต แล้วเอามาคิดว่าส่วนที่มันฟุ่มเฟือยนี้ถ้าตัดๆมันออกไปได้นั่นก็คือเงินออมของเราเลยนะ
ปีใหม่นี้ ลองตั้งเป้าหมายให้กับชีวิตตัวเองดูนะคะ เช่น ปี2563นี้อยากเก็บเงินให้ได้...กี่บาท?
ถ้าทำได้ตามเป้าหมาย ค่อยให้รางวัลชีวิตตัวเอง แต่ถ้าทำไม่ได้ตามเป้าหมายก็พยายามต่อไป
ชาไข่มุกเราไม่ดื่ม สตาร์บัคนานๆจะไปดื่มสักที (แต่มีกระติกน้ำของสตาร์บัค ซื้อใช้งาน ชงชา-กาแฟจากที่บ้าน พกไปดื่ม)
ร้านอาหารดังๆก็ไม่ได้ตามไปกินทุกร้าน ทำกับข้าวกินเองที่บ้าน
ไม่พกเงินเยอะ อยากมีเงินเก็บเยอะก็ต้องพยายามออมเงินเยอะๆ ไม่สนใจสิ่งล่อตาล่อใจทั้งหลายที่มันโหมกระหน่ำเข้ามา
แบรนด์เนมทั้งหลายเคยซื้อ มีเยอะหลายใบเลยแหล่ะ แต่ชีวิตเคยเจอภัยพิบัติมาเคยเจอแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ญี่ปุ่นเมื่อ8ปีก่อน ทำให้รู้ว่ากระเป๋าแบรนด์เนมทั้งหลายมันช่วยชีวิตเราไม่ได้ สิ่งที่ช่วยได้คืออาหาร น้ำดื่ม และผ้าห่มอุ่นๆ ที่ซุกหัวนอน หลังจากวันนั้นตัดสินใจขายเกือบหมดตู้ ((ขายขาดทุนทุกใบด้วย เพราะถ้าขายแพงก็ไม่มีคนซื้อ อยากขายได้ไวๆ อยากได้เงินไวๆก็เลยตัดใจขายราคาถูกๆไป)) แล้วก็เลิกอยากได้กระเป๋าแบรนด์เนมไปโดยปริยาย ชอบดูอยู่นะแต่ไม่มีความอยากได้อยากมีเหมือนแต่ก่อนแล้ว
ไม่พกเงินเยอะ จำกัดจำนวนเงินในกระเป๋าสตางค์ ทำเหมือนตอนเด็กๆที่แม่ให้เงินไปโรงเรียน
ต้นเดือนเงินเข้ามือมาแบ่งเงินฝากธนาคารก่อนเลย ส่วนตัวเรา เราซื้อสลากออมสิน แล้วเงินรางวัลที่ได้จากสลากออมสินก็เอาไปซื้อทองคำแท่ง,ทองรูปพรรณเก็บสะสมค่ะ
ตั้งเป้าหมายให้ตัวเองทุกปี เราต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงๆ ไม่วอกแวก ซื่อสัตย์กับความคิดและความตั้งใจของตัวเอง พยายามทำให้ได้ตามเป้าหมายหลักที่เราตั้งใจไว้
การเก็บเงินมันยาก ยากเพราะเราต้องพยายามเอาชนะใจตัวเองให้ได้ หักห้ามใจตัวเองไม่ให้ซื้อของ กิน ใช้ ฟุ่มเฟือยนั่นเอง ถ้าคนใจแข็ง ฝึกฝนตัวเองให้เอาชนะกิเลสที่มันเข้ามา ก็จะเเก็บเงินได้ไม่ยากค่ะ
อะไรจำเป็น อะไรฟุ่มเฟือย แยกให้ออก ไม่มีเราก็อยู่ได้ ไม่ต้องตามกระแสแฟชั่น ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของการตลาด ใช้ชีวิตพอเพียง ไม่เป็นหนี้ และมีเงินเก็บออม เอาไว้ใช้จ่ายเมื่อยามจำเป็นจริงๆ
โทรศัพท์มือถือของไทย เราใช้แบบปุ่มกด ลาวา เครื่องแลกมาฟรีด้วยซ้ำ ไม่เน้นความหรูหรา แค่รับสายได้ โทรออกได้ แค่นั้นก็พอ เราไม่มีแอพธนาคาร เราไม่มีบัตรเอทีเอ็มธนาคารที่เมืองไทย ไม่สมัครเน็ตแบงค์เลย มีแต่สมุดบัญชีเงินฝากอย่างเดียว กับสลากออมสินแค่นั้น
จดบัญชีรายรับ-รายจ่าย จะได้เห็นพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินของตัวเองได้อย่างชัดเจน อันไหนฟุ่มเฟือยไม่จำเป็นกับการดำรงชีวิตก็พยายามลด ละ เลิก ตัดๆมันออกไปจากชีวิต แล้วเอามาคิดว่าส่วนที่มันฟุ่มเฟือยนี้ถ้าตัดๆมันออกไปได้นั่นก็คือเงินออมของเราเลยนะ
แสดงความคิดเห็น
มนุษย์เงินเดือนทำอย่างไรกันบ้างคะ ให้หลุดพ้นจากกิเลส ใช้จ่ายเกินตัว
ตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากบ้าน ก็ถูกโฆษณาถาโถมทุกแห่งหน ทั้งตามเสาไฟฟ้า รถประจำทาง
เปิดคอม เปิดมือถือ ก็อุดมไปด้วยโฆษณาที่ทรมานใจอย่างแรง
ยิ่งในยุคโซเชียล มันมีสินค้าใหม่ๆ ร้านอาหารระดับตำนานให้ว้าวอยู่ตลอด มีเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอ
ไหนจะชาไข่มุกแก้วละ 150 อาหารมิชลินจานละหลายร้อย
ไหนจะครีมหน้าใส กระเป๋าแบรนด์เนม ไหนจะสมาร์ทโฟน หูฟังไร้สาย
ใครเห็นสิ่งเหล่านี้ทุกเมื่อเชื่อวัน แล้วไม่หวั่นไหว ไม่เกิดกิเลส หนูว่าคุณคงตายด้านแล้วค่ะ
ตอนนี้หนูอายุ 27 แต่เงินเก็บไม่ถึงแสน
มันเป็นความสุขปนทุกข์ค่ะ อยากได้อะไรก็ซื้อๆๆ แต่สุดท้ายเหลือตังค์แค่หลักหมื่น
พวกเราทำกันอย่างไรบ้างคะ ระงับความอยากกันยังไงคะ
ใครมีคาถาดีๆ หรือวิธีดีๆ ที่ทำให้ใช้ชีวิตในยุค 4.0 ได้อย่างเป็นสุข
อยากซื้ออะไรก็ซื้อได้ อยากกินไรก็ได้กิน แถมมีเงินออมเป็นกอบเป็นกำ ช่วยแนะนำหนูด้วยค่ะ