เรื่องราวนี้ได้ผ่านมาปีกว่าแล้ว
เราได้เขียนบันทึกเก็บเอาไว้ในช่วงแรกๆตอนที่เกิดเหตุการณ์
เราใส่รายละเอียดไว้ในสปอยเผื่อใครอยากรู้เพิ่มเติมค่ะ
หวังว่าปสกเราจะเป็นประโยชน์กับทุกคนค่ะ
เราไปทำงานที่เมลเบิร์นหกเดือน และเช่าคอนโดที่มียิมและสระว่ายน้ำในตัวตึก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราไปรับคำปรึกษางานที่เมลเบิร์นเป็นเวลาหกเดือนค่ะ
อยู่นี่มาสามเดือนแล้วตอนเกิดเรื่อง เราเช่าคอนโดอยู่กลางใจเมือง สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย
และเคยคิดว่าคอนโดเราความปลอดภัยค่อนข้างสูง
การจะเข้าออกคอนโดได้นั้นต้องมีกุญแจที่ใช้ส่งสัญญาณให้เปิดประตูหลัก
หลังจากเข้ามาแล้ว ก็ต้องใช้กุญแจนั้นเพื่อกดปุ่มลิฟต์ไปชั้นที่เราอยู่
กุญแจของแต่ละห้องจะสามารถพาเจ้าของไปได้สี่ชั้น ชั้นที่เราอยู่ ชั้นcommon areaที่มี ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ ห้องนั่งเล่น ชั้นสำหรับเก็บจักรยานและชั้นสี่ซึ่งเราเดาว่าเป็นที่จอดรถ (เราไม่เคยไปชั้นนี้) โดยที่ลิฟต์ทุกตัวและทางเข้าลิฟต์ทุกชั้นมีกล้องอยู่
เช้าวันอาทิตย์วันนึง เราไปว่ายน้ำแล้วก็อาบน้ำต่อ
ขณะที่กำลังอาบน้ำ เห็นมือถือเหนือประตูกรีดร้อง
มองผ่านช่องประตูเห็นคนวิ่งหนีไป โทรปรึกษาเพื่อน และตำรวจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เช้าวันอาทิตย์
เราตื่นแต่เช้าเพื่อมาว่ายน้ำที่คอนโดหลังจากที่ยุ่ง ๆเรื่องงานไม่ได้ออกกำลังกายมาหนึ่งอาทิตย์
เราไปถึงสระว่ายน้ำที่อยู่ชั้นสิบประมาณเจ็ดโมงกว่า และสังเกตุว่าเป็นคนเดียวที่สระของคอนโด
โดยปกติสระว่ายน้ำที่นี่คนจะไม่ค่อยเยอะอยู่แล้วในตอนเช้า เรามักจะเจอคนมาใช้สระว่ายน้ำแค่คนสองคน
เราเองเริ่มว่ายน้ำไปได้เกือบสิบนาที (เราใส่นาฬิกาข้อมือเพื่อจับเวลาว่ายน้ำของตัวเอง)
ก็ต้องหยุดว่ายน้ำเพราะไฟดับ ระบบไฟของสระว่ายน้ำเป็นระบบเซ็นเซอร์
ซึ่งเราเข้าใจมันคงไม่จับเซ็นเซอร์จากในสระ เพราะเราพยายามโบกมือในสระไฟก็ไม่ติด
เราเองสายตาสั้นมาก ไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์ให้ว่ายน้ำในที่มืด ๆ ก็ไม่ไหว
เราเลยเดินขึ้นจากสระเพื่อให้ไฟติด แล้วเราก็ลงว่ายน้ำต่อ และแน่นอนพอว่ายไปได้อีกสิบนาทีไฟก็ดับอีก
เราก็เดินขึ้นจากสระรอบที่สองเพื่อทำให้ไฟติดอีก
และคิดว่าดีเหมือนกันงั้นเดี๋ยวถ้าไฟดับอีกรอบก็หมายความว่าเราว่ายครบสามสิบนาทีจะได้หยุดว่ายตามไฟ
ปรากฏว่าเราว่ายไปเรื่อย ๆ ไฟก็ไม่ดับซักที จนเราต้องหยุดว่ายเองและดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง และเห็นว่าเราว่ายติดต่อกันมาสิบแปดนาทีแล้ว
เรามองไปรอบ ๆ สระ ก็ไม่เห็นมีใคร ก็งง ๆ ว่าทำไมคราวนี้ไฟไม่ดับ แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรต่อ เราว่ายน้ำเสร็จประมาณแปดโมง
ก็ขึ้นจากสระแล้วเดินเข้าห้องอบไอน้ำต่อ และเริ่มใส่แว่นสายตา
เราอยู่ในนั้นสิบกว่านาที แล้วเดินออกมาหยิบของที่สระว่ายน้ำเพื่อไปอาบน้ำเวลาประมาณ 8:15
เนื่องจากเราเพิ่งออกจากห้องอบไอน้ำที่ค่อนข้างอุ่นออกมาข้างนอกก็หนาวเลยรีบวิ่งไปหยิบของเพื่อไปอาบน้ำเช็ดตัว
จังหวะนั้น เรามองทะลุห้องออกกำลังกายไปอีกฝั่งนึงก็เห็นคนคนนึงเดินอยู่อีกฝั่งนึง
เราไม่ได้สนใจอะไร เพราะว่าหนาวอยู่ก็รีบวิ่งเข้าห้องอาบน้ำไป มาก
เรา รู้แต่ว่าคน ๆ นั้นใส่ชุดสีมืด ๆ แบะดูท่าทางไม่ได้มาออกกำลังกาย เพราะไฟในห้องออกกำลังกายดับอยู่
ห้องอาบน้ำและห้องน้ำที่นี่ไม่ได้แบ่งชายหญิงค่ะ เรามักจะอาบน้ำตรงนี้ถ้าใช้พวกจากุซซี่หรือห้องอบไอน้ำ
เพราะไม่อยากไปยืนหนาวตัวชุ่มน้ำรอลิฟต์
เราอาบน้ำไปได้สักสิบกว่านาที กำลังจะหยิบผ้าขนหนูที่แขวนไว้ที่ประตู
จึงเห็นว่ากล้องโทรศัพท์มือถือที่เหนือประตูห้องน้ำ เรากรี๊ดทันที
และได้ยินเสียงคนขยับตัว เรามองลอดผ่านประตูไปเห็นแค่หลังคนแวบเดียววิ่งหนีออกไป
เราไม่สามารถบอกได้ว่าชายหรือหญิง บอกได้แค่ว่าเสื้อผ้าสีมืด
เรายังไม่ได้แต่งตัว ตกใจทำอะไรไม่ถูก แต่รีบดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือตัวเอง และท่องไว้ว่า 8:31
เรารีบแต่งตัวเดินออกจากห้องน้ำและมองไปรอบ ๆ สถานที่ เดินมาถึงลิฟต์ก็ไม่เห็นมีใคร รีบกลับขึ้นห้อง
และโทรหาเพื่อนเพื่อปรึกษาเรื่องนี้
เรามีนัดทานข้าวเที่ยงกับเพื่อน และตอนแรกตั้งใจจะไม่บอก คิดว่าไปสถานีตำรวจเองคนเดียวได้ล่ะ (ไม่แนะนำเลย)
เอาเข้าจริง เราทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก็ต้องบอกเพื่อน เพราะเราคิดว่าเราน่าจะไปสายแน่นอนถ้าไปสถานีตำรวจก่อน
เราโทรหาเพื่อน ก็ยังตัดสินใจกันไม่ถูก เราเลยโทรหาตำรวจ
แต่เบอร์ที่โทรไปเป็น Federal police ซึ่งไม่ได้รับจัดการเรื่องนี้
เขาแนะนำให้เราไปสถานีที่ใกล้เราที่สุด เราถามเขาก่อนวางสายว่า เราควรคุยกับตำรวจก่อน หรือผจกคอนโดก่อน
และอย่างที่เราคิด เขาแนะนำให้เราแจ้งความก่อน
เราคุยกับเพื่อนอีกที ด้วยความที่นัดกันหลายคน เราไม่อยากเบี้ยวนัดจึงตัดสินใจไปเจอเพื่อนก่อน
และไปสถานีตำรวจหลังจากทานข้าวเที่ยงแล้ว
เราไปแจ้งความที่สถานีตำรวจแถวบ้านเพื่อน แล้วกลับมาคอนโดยื่นเอกสารให้ผจกขอเบอร์โทรเพื่อให้คุยให้ความร่วมมือกับตำรวจ
ผจกเห็นภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ต้องใช้เวลาในการดึงข้อมูลกุญแจที่ใช้เข้าออกชั้นนั้นเวลานั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ก่อนไปสถานีตำรวจเราได้โทรสอบถามจนทอีกครั้ง เพราะเราสงสัยถึงเรื่องเขตการรับผิดชอบ ว่ามีผลต่อการแจ้งความหรือไม่
สำหรับที่ออสเตรเลียนี่ไม่มีผลค่ะ คุณสามารถแจ้งความที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปสถานีที่อยู่ในเขตความรับผิดชอบนั้น
เราไปถึงสถานีตำรวจบ่ายแก่ๆ สถานีค่อนข้างเงียบสงบค่ะ มีผช และผญหนึ่งคนรอคุยกับจนทอยู่
ลักษณะของสถานีเหมือนเคาน์เตอร์ธนาคารค่ะ ตำรวจนั่งอยู่ในช่องกระจกที่พอมีช่องลอดให้ส่งของได้ และพอยื่นมือเข้าไปได้
เราสังเกตุว่าระหว่างที่ตำรวจคุยกับผชและผญก่อนหน้าเรา เขาทำการจดบันทึกลงในสมุดเล่มขนาดเท่าฝ่ามือ
พอถึงตาเรา กลับกลายเป็นเราพูดเริ่มเรื่องไม่ถูก เพื่อนเราต้องเริ่มเรื่องให้ แล้วเราค่อยเล่าต่อ
เราเข้าใจว่าการได้ไปเจอเพื่อนมาแล้วมันจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นและไม่ร้องไห้ตอนเล่าเรื่อง แต่เราก็ยังร้องอยู่ดี
จนทเริ่มหยุดจดคำพูดเราและเชิญให้เราไปนั่งคุยในห้องส่วนตัว จนทถามว่าอยากดื่มน้ำมั้ย เราก็ตอบว่าอยาก
ไม่เกินห้านาที จนทก็เรียกเราเข้าไปคุยในห้องที่ปิดมิดชิดพร้อมกับเพื่อน
ภายในห้องมีโต๊ะทำงานและคอมพิวเตอร์ เก้าอี้ให้เรากับเพื่อนนั่งสามตัว
จนทเตรียมน้ำและเอกสารให้เรา
ก่อนจะเริ่มบันทึกคำให้การ จนทอธิบายให้เราฟังก่อนว่าหากเรารู้สึกไม่ดีและต้องการความช่วยเหลือ
เราสามารถติดต่อหน่วยงานตามเอกสารที่เขาวางไว้ตรงหน้าเราได้
หลังจากให้คำให้การแล้ว จนทก็พิมพ์เอกสารออกมาให้เราเซ็นยืนยัน และไปถ่ายเอกสารเพื่อให้เราเก็บไว้หนึ่งชุด
ขั้นตอนต่อมาที่จนทให้เราทำคือมาขอวิดีโอและข้อมูลการเข้าออกชั้นนั้นให้กับจนทค่ะ
โดยที่จนททิ้งเบอร์ติดต่อไว้ให้เรา ส่งข้อความเพื่อแจ้งความคืบหน้า หรือหากสงสัยอะไรก็ให้โทรถามได้
เรากลับมาถึงคอนโดก็ไปคุยกับผจกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยบอกเวลาที่เกิดเหตุไป
และยื่นเอกสารที่เราได้จากตำรวจให้เขาดู เขาค้นกล้องแป๊บนึง และบอกเวลานึงมาให้เราซึ่งไม่ตรงกับเวลาที่เราจำไว้
เขาเลยอธิบายว่าเวลากล้องนั้นคลาดเคลื่อนกับเวลาจริงประมาณห้านาที
ตอนแรกผจกไม่แน่ใจว่าใช่คน ๆ นั้นมั้ย แต่พอเราพูดว่าเรากรีดร้องเขาเลยร้องอ๋อว่าเข้าใจแล้วว่าทำไมคน ๆ นั้นถึงวิ่งมาที่ลิฟต์
เราไม่ได้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิด แค่ได้ยินคำบอกเล่าของผจกเท่านั้น
คืนนั้นเราได้รับสายจากตำรวจซึ่งจริง ๆ ต้องการโทรหาผจกคอนโด แต่กดผิดเบอร์
เลยทำให้เราใจชื้นขึ้นว่าตำรวจเร่งติดตามเคสอยู่นะ
โดยที่เราเองก็ได้รับข้อความทางโทรศัพท์แจ้งเรื่องหมายเลขคดีที่ขึ้นตรงกับเขตที่เราอยู่
นั่นทำให้เรารู้ว่า ไม่ว่าเราจะไปให้ปากคำที่สถานีไหนก็ตาม
ตำรวจก็จะสามารถส่งเรื่องต่อมาที่สถานที่รับผิดชอบได้อยู่ดี
วันจันทร์
ผจกค้นข้อมูลรู้ว่าเป็นกุญแจห้องไหนและส่งต่อข้อมูลให้ตำรวจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราไม่ได้ยินอะไรเพิ่มเติมจากทางตำรวจ และเข้าไปคุยกับผจกตอนเช้า ทางผจกบอกว่าไม่ต้องห่วงตอนนี้เขากำลังให้ความร่วมมือกับตำรวจอยู่
เขาเพียงแต่ขอเวลาในการค้นข้อมูลเพื่อให้รู้ว่าห้องไหนที่ไปยังชั้นนั้น ณเ วลานั้น
ตอนบ่ายแก่ๆเราเข้าไปถามผจกอีกที (เปลี่ยนคนตามกะ) เขารับรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
และแจ้งความคืบหน้าว่ารู้แล้วว่ากุญแจที่ใช้ ณ เวลานั้นมาจากห้องไหน (ความจริงเราไม่ควรรู้)
เราสบายใจขึ้นระดับนึงเพราะอยู่กันคนละชั้น เราไม่ต้องกลัวว่าจะเจอเขาหน้าห้องของเรา
แต่เราก็เป็นโรคจิตไปนิดหน่อยวันนั้น คือเราจ้องหน้าผชทุกคนที่เราเจอในคอนโด พร้อมกับความสงสัยในหัวว่าเป็นคนคนนี้รึเปล่า
วันอังคาร เงียบ
วันพุธ
นักสืบโทรหาแจ้งว่าเป็นผู้รับผิดชอบคดีและจะนัดมาคุยขอข้อมูลเพิ่มเติม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นักสืบ(คุณจี)โทรมาหาช่วงเย็นเพื่อแจ้งว่าตอนนี้เขารับทำคดีนี้อยู่ และขอสอบปากคำเพิ่มเติม
คุณจีคุยราบละเอียดคร่าว ๆ และแจ้งเราว่าจะเข้ามาดูสถานที่วันพน และจะแวะมาคุยกับเราที่คอนโด
คุณจีถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการว่ายน้ำของเราเพราะในคำให้การไม่ได้พูดถึงการว่ายน้ำ พูดถึงแต่การใช้ห้องอบไอน้ำ
คุณจีขอให้เราส่งข้อมูลให้เขาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติการว่ายน้ำของเราในวันเกิดเหตุ (นาฬิกาเราเก็บข้อมูลเวลาว่ายน้ำไว้)
เย็นนั้นเราก็อีเมล์ข้อมูลจากนาฬิกาเราให้คุณจี
คืนนั้นเบรกดาวน์ร้องไห้ไปช่วงนึง พอคิดถึงคดีว่าถ้าเกิดผู้ต้องสงสัยปฏิเสธ เราก็ทำอะไรเขาไม่ได้รึเปล่า
เพราะเขาสามารถพูดได้ว่าการที่เขาอยู่ชั้นเดียวกันกับเราสองคนในวันนั้นเวลานั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาถ่ายรูปหรือวิดีโอไว้
เราก็เลยโทรหาฮอตไลน์ที่จนทให้ไว้ตอนไปสถานีตำรวจ คุยกับจนทก็รู้สึกดีขึ้นหน่อย เขาให้เบอร์ให้โทรหาต่อ
แต่เราตัดสินใจคุยกับเพื่อนเราแทน เลยไม่ได้โทรหาเบอร์ที่เขาให้ไว้
แต่เขาก็ส่งเรื่องเราไว้ให้จนทด้านนี้คุยด้วยเผื่อเวลาคุยกับตำรวจแล้วเราจะรับไม่ไหว
วันพฤหัส นักสืบเข้ามาสอบถามเพิ่มเติม ดูจุดเกิดเหตุ เขารู้เบอร์ห้องแต่ยังไม่ได้ชื่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คุณจีเข้ามาหาตอนช่วงหัวค่ำ แนะนำตัวเองโดยการยื่นบัตรเจ้าหน้าที่แล้วก็จดคำให้การ
ก่อนมาเจอเรา คุณจีไปเดินดูสถานที่เกิดเหตุแล้ว เลยเข้าใจเหตุการณ์มากขึ้น
แต่ก็ยังต้องมีการวาดรูปสถานที่อีกหน่อย มือถือที่เห็น และ ระยะจุดเกิดเหตุ
คุณจีแจ้งอีกว่าตรวจสอบห้องแล้ว และไม่มีข้อมูลของผู้พักอาศัย
ทำให้ต้องรอติดต่อเจ้าของห้องเพื่อสอบถามว่าเขาอยู่เองหรือว่าปล่อยเช่าให้ใครยังไง
คุณจีอธิบายลักษณะของคดีและความหนักเบาของโทษให้เราฟังอย่างละเอียด
ซึ่งเราก็ฟังแล้วจำไม่หมดหรอก แต่มันทำให้เราเข้าใจคดีมากขึ้น
เท่าที่เราเข้าใจคือ เขามองเป็นสองแบบ
แบบแรก Up skirting พวกแอบถ่าย
พวกนี้เนี่ยคือถ้ามีโอกาสก็จะทำกับใครก็ได้ที่เห็นว่าทำได้ ไม่ได้เจาะจงคน เรียกว่าพวกฉวยโอกาส Opportunist
แบบสอง Stalking พวกติดตามและแอบถ่าย กลุ่มนี้คือเลือกเป้าหมายว่าคนนี้เท่านั้น คอยตามและแอบถ่าย
คดีเราตอนนี้เราเข้าใจว่าเป็นแบบแรก ถึงแม้เราจะชอบตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้า แต่เราก็ไม่ได้ไปยิมทุกวัน หรือไปเวลาเดิม
และเราไม่ได้รู้สึกว่าถูกตาม (หรือเอ๋อแล้วไม่รู้เรื่อง?)
ถ้าเป็นแบบแรกคดีจะเบา การบังคับคดีจะไม่จริงจังเท่าแบบที่สอง
ตอนนี้เราก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนคุยโทรศัพท์เขาถึงถามเราว่ารู้สึกปลอดภัยมั้ย รู้สึกเหมือนโดนตามมั้ย
จนทถามอายุเราเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่คดีอีกแบบนึง (เอเชียก็นะหน้าเด็กนิดนึง) ซึ่งถ้าเรื่องแบบนี้เกิดกับผู้เยาว์ โทษจะหนักขึ้น
คุณจีบอกว่าจะเร่งเขียนสรุปคำให้การแล้วให้เราเซ็นอีกที เพื่อจะได้ทำขั้นตอนต่อไปได้
บอกให้เราปล่อยให้ตำรวจจัดการ แต่ถ้ารู้สึกไม่ดีหรือสงสัยอะไรก็โทรหาเขาได้พร้อมทิ้งนามบัตรไว้ให้
พร้อมบอกเราว่าถ้ารู้สึกเหมือนมีใครตามหรือมารอมาคุกคามที่หน้าห้องให้โทร 000 ได้เลย
เราไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ทวนถามว่าสายด่วนหาตำรวจเหรอ เขาก็บอกว่าใช่
คือถ้าไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ยังคงคิดว่าที่นี่คงใช้ 911 เหมือนอเมริกา
เนื้อที่ไม่พอ ขอต่อข้างล่างค่ะ
เมื่อเราโดนแอบถ่าย และแจ้งความที่ออสเตรเลีย
เราได้เขียนบันทึกเก็บเอาไว้ในช่วงแรกๆตอนที่เกิดเหตุการณ์
เราใส่รายละเอียดไว้ในสปอยเผื่อใครอยากรู้เพิ่มเติมค่ะ
หวังว่าปสกเราจะเป็นประโยชน์กับทุกคนค่ะ
เราไปทำงานที่เมลเบิร์นหกเดือน และเช่าคอนโดที่มียิมและสระว่ายน้ำในตัวตึก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เช้าวันอาทิตย์วันนึง เราไปว่ายน้ำแล้วก็อาบน้ำต่อ
ขณะที่กำลังอาบน้ำ เห็นมือถือเหนือประตูกรีดร้อง
มองผ่านช่องประตูเห็นคนวิ่งหนีไป โทรปรึกษาเพื่อน และตำรวจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราไปแจ้งความที่สถานีตำรวจแถวบ้านเพื่อน แล้วกลับมาคอนโดยื่นเอกสารให้ผจกขอเบอร์โทรเพื่อให้คุยให้ความร่วมมือกับตำรวจ
ผจกเห็นภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ต้องใช้เวลาในการดึงข้อมูลกุญแจที่ใช้เข้าออกชั้นนั้นเวลานั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันจันทร์
ผจกค้นข้อมูลรู้ว่าเป็นกุญแจห้องไหนและส่งต่อข้อมูลให้ตำรวจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันพุธ
นักสืบโทรหาแจ้งว่าเป็นผู้รับผิดชอบคดีและจะนัดมาคุยขอข้อมูลเพิ่มเติม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันพฤหัส นักสืบเข้ามาสอบถามเพิ่มเติม ดูจุดเกิดเหตุ เขารู้เบอร์ห้องแต่ยังไม่ได้ชื่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนื้อที่ไม่พอ ขอต่อข้างล่างค่ะ