กำลังจะหยุดจ่ายบัตรเครดิต

รบกวนสอบถามเพื่อนสมาชิก  กรณีหยุดจ่ายบัตรเครดิต  

ปัจจุบันมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายจำเป็นต้องหยุดจ่ายและรอประนอมหนี้ใหม่  ไม่ต้องการจะหนีแต่ปัจจุบันไม่สามารถชำระได้อีกต่อไป

มีหนี้บัตร KTC, Kbank ,Tesco lotus และบัตร Central T1  รวมๆประมาณ 400000  แต่เงินเดือนผ่านธ.กรุงศรีฯ ซึ่งเป็นธนาคารเจ้าของบัตร lotus/ T1 จะโดนอายัดเงินเดือนหรือไม่ครับ  นานเท่าไหร่ถึงจะโดนเรียกประนอมหนี้ช่วงระหว่างหยุดจ่ายต้องตอบคนที่โทรมาทวงอย่างไร
จขกท. เงินเดือน+รายได้อื่น 58500 
- ผ่อนคอนโด 11000 (พยายามขายอยู่แต่ขายไม่ได้)
- ผ่อนรถ 12000 (เหลือประมาณ 40 งวด มีความจำเป็นในการใช้รถประกอบอาชีพ)
ยื่นกู้ยื่นขอสินเชื่อหมดทุกทางแล้วไม่ผ่าน ภาระหนี้เกินความสามารถการผ่อนชำระ 

ใครมีประสบการณ์ขอคำแนะนำด้วยครับถือว่าเป็นวิทยาทาน   วิกฤตชีวิตครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนอันใหญ่หลวงสำหรับชีวิต

กราบขอบพระคุณครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
เข้าใจความรู้สึกของเจ้าของกระทู้เลยครับ เพราะเคยเจอปัญหามาก่อนเช่นกัน ซึ่งสามารถแนะนำเจ้าของกระทู้ได้ดังนี้ครับ
1. สำหรับการจัดการปัญหาเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ไม่ไหวให้ปฏิบัติดังนี้ครับ
     1.1 สำหรับหนี้บัตรเครดิต จำนวน 400,000 บาท แน่นอนว่า ทุกสถาบันการเงิน ต้องจ่ายอย่างต่ำ 10 % ซึงในที่นี้ก้อ เป็นเงิน 40,000 บาทต่อเดือน ให้โทรคุยกับแต่ละบัตร ว่าตอนนี้ประสพปัญหาในการจ่าย ขอลดการจ่ายลงเหลือ 5 เปอร์เซนต์ ในช่วงระยะเวลาซักช่วง 3-4 เดือนนี้ ซึ่งจะทำให้เจ้าของกระทู้ลดค่าใช้จ่ายลง เหลือ 20,000 ต่อเดือน แลกกับการ โดนปรับ มีดอกเบี้ยเยอะขึ้น แต่แน่นอนย่อมดีกว่าการหยุดชำระแน่นอน และที่สำคัญให้ตัดบัตรเครดิตรทิ้งเลยครับ เพื่อรักษาระเบียบวินัยว่าจะไม่หวนกลับไปใช้มันอีก
     1.2 สำหรับ คอนโด ที่ผ่อนอยู่เดือนละหมื่นกว่าบาทแน่นอนว่า ต้องรีบจัดการขายออกให้เร็วที่สุดครับ ไม่ต้องหวังกำไร ขาดทุนก้อต้องขายครับ และยอมไปอยู่ห้องเช่าถูกๆ ราคาไม่เกิน สามพันมีถมเถไป ขอย้ำนะครับ ต้องขายให้ได้และเร็วด้วย ไม่ต้องเสียดายครับ ชีวิตดีขึ้นเมีอไหร่ ไม่สายที่จะหาใหม่ได้ ก้อจะสามาถลดค่าใช้จ่าบลงอีกประมาณ 8,000 บาทต่อเดือน
      1.3 สำหรับรถยนต์ ที่จริงเป็นสินทรัพย์ที่จะขายออกง่ายที่สุด ซึ่งค่าผ่อนชำระ หมื่นกว่าต่อเดือน ก้อถือว่าเยอะอยู่พอสมควร แต่ก้อเข้าใจว่าเป็นพาหนะสำคัญในการทำงาน ซึ่ง มี 2 ทางแนะนำสำหรับรถ
          1.3.1 เหลือ 40 งวดน่าจะ รีไฟแนนซ์ขอขยายงวดการส่ง จาก 40 เป็น 60 งวดใหม่ เพื่อลดค่าผ่อนให้เหลือซักประมาณ 8,000 บาท
           1.3.2 รถยนต์สามารถค่างค่างวดได้ 2 งวด โดยที่ยังไม่โดนยึด สามารถนำเงินส่วนนี้มาหมุนก่อนได้ แต่ไม่ค่อยแนะนำครับ
     ครับ ทั้งหมดจากข้างต้น เป็นคำแนะนำสำหรับ การลดค่าใช้จ่ายรายเดือน สำหรับใครที่บอกว่า เงินเดือนหกหมื่นกับหนี้บัตรสี่แสน ทำไมถึงจัดการไม่ได้ แน่นอนมากครับ จัดการไม่ได้แน่นอน เพราะ
     เงินเดือน 60,000 บาท สมมุตว่ารับเน๊ตๆนะครับ ลองดูค่าใช้จ่ายนะครับ
      - จ่ายหนี้บัตร. 40,000 บาท
      - คอนโดและรถ 20,000 บาท
     รวมสองอย่างนี้ก้อเกินเงินเดือนแล้วครับ นี่ยังไม่รวมรายจ่ายส่วนตัว ค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง ค่ากินประจำวัน จิปาถะ รายจ่ายสำหรับครอบครัวอีก โน่นนี่นั่น แล้วมันจะไปพอได้ยังไงครับ ถึงบอกว่า ขอลดการจ่ายบัตรจาก 10 % เหลือ 5% เพื่อให้เหลือเงิน เดือนละ 20,000 จากการลดการจ่ายบัตรเครดิต
     นั่นคือฝั่งของรายจ่าย ทีนี้กลับมาเรื่องฝั่งของรายได้ครับ ถ้ายังเป็นอย่างนี้ เจ้าของกระทู้ จะหนีจากความเครียดไปไม่พ้นครับไม่แนะนำให้หาอะไรมาขายครับ รับรองมีแต่จะจมไปเรื่อยๆครับ
    สิ่งที่จะแนะนำเพื่อให้หารายได้เพิ่ม คือการหางานใหม่ที่มีรายได้มากขึ้นกว่าเดิม 20 - 30% แน่นอนเราเป็นมนุษย์เงินเดือน มีความสามาถในการทำงาน ถ้าเราเก่งจริงและมีความสามาถ เราจะสามาถหางานที่ดี และมีเงินเดือนในอัตราที่สูงได้ไม่ยาก ลองดูครับ
    ก้อมีคำแนะนำให้ประมาณนี้ครับ และสำคัญคือ ต้องมองย้อนกลับไป ว่าชีวิตเรามันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง และนำไปเป็นบทเรียน อย่าให้เกิดซ้ำเดิมอีก เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย และแนะนำบทเรียนนี้ให้กับคนอื่นๆเพื่อเป็นวิทยาทานเพื่อไม่ให้คนอื่นเป็นอย่างเรา ก้อจะเป็นผลบุญแก่เรา และสำหรับเราเองก้อประพฤติปฏิบัติ เป็นคนดีแก่ครอบครัวและสังคม ผมรับรองว่าคุ๊จะผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างแน่นอนครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่