พระอรหันต์ก็ยังมีการคิดต่างไม่เหมือนกัน แต่ก็เป็นสัมมาทิฏฐิ
ขณะที่ว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานไม่ถึง ๑๐๐ ปี ยังมีความคิดแตกแยกกันเพราะอะไร?
ไม่ต้องว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานเลย ขณะที่พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ก็ยังมีการแตกแยกความคิดแล้ว เพราะเป็นธรรมชาติ ธรรมชาติไม่มีอะไรที่เป็นหนึ่งเดียว ทั้งๆ ว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ก็มีความคิดไม่เหมือนกัน
แม้ว่าเป็นพระอรหันต์จะต้องมีสัมมาทิฏฐิแน่นอนใช่ไหม? ถ้าไม่เป็นสัมมาทิฏฐิก็ไม่เป็นพระอรหันต์?
แล้วทิฏฐิของพระอรหันต์ที่ออกมาก็ล้วนเป็นสัมมาทิฏฐิทั้งนั้น ไม่ได้เป็นมิจฉาทิฏฐิเลย ยกตัวอย่าง ลัทธิแต่ละลัทธิก็บอกว่าของตนเองดีทั้งนั้น ไม่มีใครบอกว่าของตนเองไม่ดีไม่มี และก็ดีถึงสืบทอดมาถึงจวบจนปัจจุบันนี้ แต่มันดีคนละด้านเท่านั้นเอง โลกยังต้องมี ๘ ทิศ ทำไมต้องมี ๘ ทิศ ก็เพราะว่าคนเราจะต้องมีทิฏฐิ ความคิดเป็นของตนเองต้องมี
สัมมาทิฏฐิของแต่ละคนก็มี แต่ละคนมีสัมมาทิฏฐิแต่แนวคิดอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ คำว่า "สัมมาทิฏฐิ" ไม่ใช่ว่าทุกอย่างเหมือนกันเป๊ะ ถ้าเหมือนกันเป๊ะ ก็ไม่มีกฎแห่งอนิจจัง ไม่มีพระไตรลักษณ์
ในธรรมนี้มีกันอย่างหลากหลาย หลายๆ อย่าง ไม่ใช่มีอยู่อย่างเดียว ถ้าไม่เช่นนั้น ปลาก็ต้องมีอยู่ชนิดเดียวนะสิ ทำไม ปลายังมีหลายชนิด เป็นธรรมชาติเช่นนี้ แม้แต่ต้นไม้ก็ยังมีหลายสี หลายขนาด นี่เป็นสิ่งยืนยันว่าธรรมชาติเป็นเช่นนี้
ฉะนั้น จะบอกว่า พระอรหันต์คิดเหมือนกัน บ้า!!! ติ๊งต๊องแล้ว แล้วยังมีคติว่า พระอริยศรีเมตตามาเกิด จะทำให้คนทั้งหลายอยู่ในระหว่างศิวิไลน์ อย่างนี้ไม่ถูกต้อง เพราะไม่เข้าใจธรรมชาติ ฝันลมๆ แล้งๆ ปลอบใจตนเองไปเรื่อย
แม้ว่าเป็นพระอรหันต์ ก็ไม่มีความคิดว่าจะตรงกันเป็นหนึ่งเดียว ถ้าเป็นเช่นนั้นพระอรหันต์ก็ต้องหน้าตาเหมือนกันหมดสิ ยกตัวอย่างง่ายๆ รูปเป็นยังไง? จิตก็ต้องเป็นอย่างนั้น? จิตเป็นยังไง รูปก็เป็นอย่างนั้น ทั้ง ๒ อย่างนี้เชื่อมโยงกันหมด ถ้าไม่อย่างนั้นหน้าตาก็เหมือนกันหมดสิ? ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อรูปธรรมไม่เหมือน นามธรรมจะเหมือนกันได้ยังไง ต่างคนต่างมีแนวทาง เช่น ถ้าเราอยู่บนดอย เราก็จะคิดแบบคนบนดอย ถ้าเราอยู่พื้นราบเราก็จะคิดแบบคนพื้นราบ เราอยู่ใกล้ทะเลก็คิดแบบทะเล อยู่ใกล้สายน้ำ ก็คิดแบบสายน้ำ จะเหมือนกันได้ยังไง ถ้าไม่อย่างนั้นในโลกนี้ก็ไม่มีดอย ภูเขานะสิ
เราอย่าคิดว่าพระอรหันต์ฝืนธรรมได้ ไม่มีทาง แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังฝืนธรรมไม่ได้เลย แม้แต่มหาเทพก็ฝืนธรรมไม่ได้ เช่น ทำไมพ่อวิษณุนารายณ์จะต้องแต่งตัวแบบกษัตริย์ พ่อพรหมจะต้องมี ๔ หน้า องค์พ่อศิวะจะต้องแต่งชุดหนังเสือ ฯลฯ ก็ไม่เหมือนกัน ก็มีหลากหลายกับธรรมชาติ ถ้าหากว่าขัดขืนกับธรรมมหาเทพก็อยู่กันไม่ได้นะสิ
ธรรมข้างในมีความหลากหลาย เราไม่รู้เรื่องกับธรรมก็เลยคิดว่าเป็นหนึ่งเดียว มีแบบเดียว บ้าจี้ไปเรื่อยๆ แม้แต่สัมมาทิกฐิ ก็มีเป็นร้อยแปดพันเก้า ไม่ใช่มีอย่างเดียว
^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต
พระอรหันต์ก็ยังมีการคิดต่างไม่เหมือนกัน แต่ก็เป็นสัมมาทิฏฐิ
ขณะที่ว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานไม่ถึง ๑๐๐ ปี ยังมีความคิดแตกแยกกันเพราะอะไร?
ไม่ต้องว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานเลย ขณะที่พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ก็ยังมีการแตกแยกความคิดแล้ว เพราะเป็นธรรมชาติ ธรรมชาติไม่มีอะไรที่เป็นหนึ่งเดียว ทั้งๆ ว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ก็มีความคิดไม่เหมือนกัน
แม้ว่าเป็นพระอรหันต์จะต้องมีสัมมาทิฏฐิแน่นอนใช่ไหม? ถ้าไม่เป็นสัมมาทิฏฐิก็ไม่เป็นพระอรหันต์?
แล้วทิฏฐิของพระอรหันต์ที่ออกมาก็ล้วนเป็นสัมมาทิฏฐิทั้งนั้น ไม่ได้เป็นมิจฉาทิฏฐิเลย ยกตัวอย่าง ลัทธิแต่ละลัทธิก็บอกว่าของตนเองดีทั้งนั้น ไม่มีใครบอกว่าของตนเองไม่ดีไม่มี และก็ดีถึงสืบทอดมาถึงจวบจนปัจจุบันนี้ แต่มันดีคนละด้านเท่านั้นเอง โลกยังต้องมี ๘ ทิศ ทำไมต้องมี ๘ ทิศ ก็เพราะว่าคนเราจะต้องมีทิฏฐิ ความคิดเป็นของตนเองต้องมี
สัมมาทิฏฐิของแต่ละคนก็มี แต่ละคนมีสัมมาทิฏฐิแต่แนวคิดอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ คำว่า "สัมมาทิฏฐิ" ไม่ใช่ว่าทุกอย่างเหมือนกันเป๊ะ ถ้าเหมือนกันเป๊ะ ก็ไม่มีกฎแห่งอนิจจัง ไม่มีพระไตรลักษณ์
ในธรรมนี้มีกันอย่างหลากหลาย หลายๆ อย่าง ไม่ใช่มีอยู่อย่างเดียว ถ้าไม่เช่นนั้น ปลาก็ต้องมีอยู่ชนิดเดียวนะสิ ทำไม ปลายังมีหลายชนิด เป็นธรรมชาติเช่นนี้ แม้แต่ต้นไม้ก็ยังมีหลายสี หลายขนาด นี่เป็นสิ่งยืนยันว่าธรรมชาติเป็นเช่นนี้
ฉะนั้น จะบอกว่า พระอรหันต์คิดเหมือนกัน บ้า!!! ติ๊งต๊องแล้ว แล้วยังมีคติว่า พระอริยศรีเมตตามาเกิด จะทำให้คนทั้งหลายอยู่ในระหว่างศิวิไลน์ อย่างนี้ไม่ถูกต้อง เพราะไม่เข้าใจธรรมชาติ ฝันลมๆ แล้งๆ ปลอบใจตนเองไปเรื่อย
แม้ว่าเป็นพระอรหันต์ ก็ไม่มีความคิดว่าจะตรงกันเป็นหนึ่งเดียว ถ้าเป็นเช่นนั้นพระอรหันต์ก็ต้องหน้าตาเหมือนกันหมดสิ ยกตัวอย่างง่ายๆ รูปเป็นยังไง? จิตก็ต้องเป็นอย่างนั้น? จิตเป็นยังไง รูปก็เป็นอย่างนั้น ทั้ง ๒ อย่างนี้เชื่อมโยงกันหมด ถ้าไม่อย่างนั้นหน้าตาก็เหมือนกันหมดสิ? ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อรูปธรรมไม่เหมือน นามธรรมจะเหมือนกันได้ยังไง ต่างคนต่างมีแนวทาง เช่น ถ้าเราอยู่บนดอย เราก็จะคิดแบบคนบนดอย ถ้าเราอยู่พื้นราบเราก็จะคิดแบบคนพื้นราบ เราอยู่ใกล้ทะเลก็คิดแบบทะเล อยู่ใกล้สายน้ำ ก็คิดแบบสายน้ำ จะเหมือนกันได้ยังไง ถ้าไม่อย่างนั้นในโลกนี้ก็ไม่มีดอย ภูเขานะสิ
เราอย่าคิดว่าพระอรหันต์ฝืนธรรมได้ ไม่มีทาง แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังฝืนธรรมไม่ได้เลย แม้แต่มหาเทพก็ฝืนธรรมไม่ได้ เช่น ทำไมพ่อวิษณุนารายณ์จะต้องแต่งตัวแบบกษัตริย์ พ่อพรหมจะต้องมี ๔ หน้า องค์พ่อศิวะจะต้องแต่งชุดหนังเสือ ฯลฯ ก็ไม่เหมือนกัน ก็มีหลากหลายกับธรรมชาติ ถ้าหากว่าขัดขืนกับธรรมมหาเทพก็อยู่กันไม่ได้นะสิ
ธรรมข้างในมีความหลากหลาย เราไม่รู้เรื่องกับธรรมก็เลยคิดว่าเป็นหนึ่งเดียว มีแบบเดียว บ้าจี้ไปเรื่อยๆ แม้แต่สัมมาทิกฐิ ก็มีเป็นร้อยแปดพันเก้า ไม่ใช่มีอย่างเดียว
^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต