ผมคิดอยู่นานมากว่าควรเล่าเรื่องราวของลูกชายที่ไม่อยากเรียนพิเศษหนักมาก ๆ แบบเพื่อน ๆ ในเมืองไทย และอยากจะเล่าประสบการณ์ของลูกที่ได้ไปเรียนมาแล้ว 1 ปีดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดเพื่อให้เป็นแนวทางในการตัดสินใจของพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีเหตุผลที่แตกต่างกันสำหรับครอบครัวของแต่ละท่านและอนาคตของเด็ก ๆ เมื่อโตขึ้นมา โดยทุกสิ่งอย่างลูกน้อยต้องเป็นคนตัดสินใจและเต็มใจที่จะทำสิ่งนั้นด้วยความเต็มใจของตัวเขาเอง อนาคตเขาเลือกเอง และ Mind Set ที่ผมพยายามปลูกฝังลูกตั้งแต่เด็กคือ "โลกทั้งใบคือบ้านของลูก"
[ลีอองตอนถูกเลี้ยงแบบสปอยล์ตลอดมา]
ลีอองตอนเตรียมพร้อมออกสู้โลกภายนอก สอนซักกางเกงใน ถุงเท้า การทำอาหารเบื้อต้นเช่นเจียวไข่ ต้มมาม่าและการทำอาหารอย่างอื่นแบบง่าย ๆ
ลีอองตอนไปสมัครและเตรียมพร้อมจนถึงจ่ายค่าเทอมพร้อมที่จะไปเรียนในครั้งแรกที่เดินทางไปถึงโรงเรียน
สำหรับตัวผมผู้เป็นพ่อนั้นได้ติดกับดักรายได้ปานกลางมาตลอด 25 ปี เพราะเราหลงไหลในเทคโนโลยี ความรู้ และความชอบในการศึกษาเรื่องของเทคโนโลยีมาก ๆ ทำให้ผมเองไม่เคยหลุดพ้นจากวงจรของการเป็นลูกจ้างตลอดระยะเวลา 25 ปี แม้จะมีอาชีพเสริมก็ตามแต่ แต่สิ่งหนึ่งที่ตัวผมเองนั้นชอบมากและให้ความสำคัญกับมันมากคือการมีเพื่อนหลายสัญชาติ และชอบทำงานกับชาวต่างชาติ เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่าเราได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ หลายอย่างจากเพื่อน ๆ แต่ละชาติ ไม่ว่าจะเป็นภาษาหรือวัฒนธรรม ต่าง ๆ จนถึงเรื่องของ Mind Set และ การปรับตัวเข้ากับคนหลาย ๆ ประเทศด้วย
ลีออง เป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงด้วยความสปอยด์ และถูกประคบประหงมมาก ๆ เนื่องจากเป็นลูกคนแรกและเป็นหลานคนที่ 2 ของยาย ซึ่งในขณะนั้นผมก็ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ โดยทั้งยาย และแม่ เลี้ยงดูแบบลูกไม่เคยต้องลำบากแต่อย่างใด และประสบกับผมเองทำงานอยู่ไกล ได้กลับบ้านมาหาลูกเพียงเดือนละครั้งสองครั้ง กลับมาทุกครั้งจะต้องมีของเล่นราคาแพง ๆ ติดมือกลับมาเสมอ ด้วยความที่รู้สึกผิดว่าเรามีเวลาอยู่กับลูกน้อยมาก ลีอองไม่เคยต้องลำบากและไม่เคยต้องทำอะไรด้วยตัวเอง จนวันหนึ่งตัวผมเองเริ่มคิดถึงอนาคตของลูก ลูกจะโตไปในสภาพแบบนี้ไม่ได้ เพราะสุดท้ายแล้ว เราไม่อาจจะที่จะเลี้ยงดูและดูแลเขาได้ไปตลอดชีวิต จึงเป็นที่มาของการสร้างภูมิต้านทานให้ลูกในความคิดผมและแม่ของเขา เนื่องจากลูกเริ่มขึ้น ป.6 แต่ยังไม่สามารถที่จะดูแลตัวเองได้เลยในหลาย ๆ เรื่อง กลับจากโรงเรียนลูกเริ่มที่จะเข้าห้องนอนเปิดแอร์ดูการ์ตูนและเล่นเกมส์
สำหรับรูปล่างตอนลีอองสมัครใจไปเรียน ม.1 ที่มาเลเซียและถูกฝึกทุกอย่างตั้งแต่การซักถุงเท้า กางเกงใน การต้มมาม่า การเอาตัวรอดในทุกรูปแบบเท่าที่พ่อและแม่จะคิดออก
หากผู้ปกครองท่านใดสนใจและติดตามรายละเอียดในทุก ๆ มุมของการส่งลูกไปเรียนที่มาเลเซีย สามารถติดตามตอนต่อไปที่ผมจะเล่าออกมาทุกซอกทุกมุมทั้งดีและไม่ดีอย่างตรงไปตรงมานะครับ
#โปรดติดตามตอนต่อไป ==> ตอนที่ 2 :
https://ppantip.com/topic/39477606
#
https://www.blockdit.com/articles/5de4b6903efab075fe7746ee/#
การผจญภัยของเด็กน้อยวัย 12 ขวบ ในโรงเรียนที่มาเลเซีย ตอนที่ 1 : เมื่อลูกสมัครใจที่จะไปเรียนที่มาเลเซีย
[ลีอองตอนถูกเลี้ยงแบบสปอยล์ตลอดมา]
ลีอองตอนเตรียมพร้อมออกสู้โลกภายนอก สอนซักกางเกงใน ถุงเท้า การทำอาหารเบื้อต้นเช่นเจียวไข่ ต้มมาม่าและการทำอาหารอย่างอื่นแบบง่าย ๆ
ลีอองตอนไปสมัครและเตรียมพร้อมจนถึงจ่ายค่าเทอมพร้อมที่จะไปเรียนในครั้งแรกที่เดินทางไปถึงโรงเรียน
สำหรับตัวผมผู้เป็นพ่อนั้นได้ติดกับดักรายได้ปานกลางมาตลอด 25 ปี เพราะเราหลงไหลในเทคโนโลยี ความรู้ และความชอบในการศึกษาเรื่องของเทคโนโลยีมาก ๆ ทำให้ผมเองไม่เคยหลุดพ้นจากวงจรของการเป็นลูกจ้างตลอดระยะเวลา 25 ปี แม้จะมีอาชีพเสริมก็ตามแต่ แต่สิ่งหนึ่งที่ตัวผมเองนั้นชอบมากและให้ความสำคัญกับมันมากคือการมีเพื่อนหลายสัญชาติ และชอบทำงานกับชาวต่างชาติ เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่าเราได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ หลายอย่างจากเพื่อน ๆ แต่ละชาติ ไม่ว่าจะเป็นภาษาหรือวัฒนธรรม ต่าง ๆ จนถึงเรื่องของ Mind Set และ การปรับตัวเข้ากับคนหลาย ๆ ประเทศด้วย
ลีออง เป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงด้วยความสปอยด์ และถูกประคบประหงมมาก ๆ เนื่องจากเป็นลูกคนแรกและเป็นหลานคนที่ 2 ของยาย ซึ่งในขณะนั้นผมก็ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ โดยทั้งยาย และแม่ เลี้ยงดูแบบลูกไม่เคยต้องลำบากแต่อย่างใด และประสบกับผมเองทำงานอยู่ไกล ได้กลับบ้านมาหาลูกเพียงเดือนละครั้งสองครั้ง กลับมาทุกครั้งจะต้องมีของเล่นราคาแพง ๆ ติดมือกลับมาเสมอ ด้วยความที่รู้สึกผิดว่าเรามีเวลาอยู่กับลูกน้อยมาก ลีอองไม่เคยต้องลำบากและไม่เคยต้องทำอะไรด้วยตัวเอง จนวันหนึ่งตัวผมเองเริ่มคิดถึงอนาคตของลูก ลูกจะโตไปในสภาพแบบนี้ไม่ได้ เพราะสุดท้ายแล้ว เราไม่อาจจะที่จะเลี้ยงดูและดูแลเขาได้ไปตลอดชีวิต จึงเป็นที่มาของการสร้างภูมิต้านทานให้ลูกในความคิดผมและแม่ของเขา เนื่องจากลูกเริ่มขึ้น ป.6 แต่ยังไม่สามารถที่จะดูแลตัวเองได้เลยในหลาย ๆ เรื่อง กลับจากโรงเรียนลูกเริ่มที่จะเข้าห้องนอนเปิดแอร์ดูการ์ตูนและเล่นเกมส์
สำหรับรูปล่างตอนลีอองสมัครใจไปเรียน ม.1 ที่มาเลเซียและถูกฝึกทุกอย่างตั้งแต่การซักถุงเท้า กางเกงใน การต้มมาม่า การเอาตัวรอดในทุกรูปแบบเท่าที่พ่อและแม่จะคิดออก
หากผู้ปกครองท่านใดสนใจและติดตามรายละเอียดในทุก ๆ มุมของการส่งลูกไปเรียนที่มาเลเซีย สามารถติดตามตอนต่อไปที่ผมจะเล่าออกมาทุกซอกทุกมุมทั้งดีและไม่ดีอย่างตรงไปตรงมานะครับ
#โปรดติดตามตอนต่อไป ==> ตอนที่ 2 : https://ppantip.com/topic/39477606
# https://www.blockdit.com/articles/5de4b6903efab075fe7746ee/#