สวัสดีครับ
วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ ท่องเที่ยวฮ่องกง แบบสุดซวยของผมให้ได้ฟังกัน
คือผมไปเที่ยวฮ่องกง แต่ดันไปประสบอุบัติเหตุ จนเดินไม่ได้ ไม่พอยังต้องไปติดอยู่กลางม็อบ ขณะตำรวจมาสลายการชุมนุมโดยบังเอิญอีก
และ ประสบการณ์นอนโรงพยาบาลครั้งแรกที่ฮ่องกง
และ จะพาทุกคนมาพิสูจน์กันว่า ประกันการเดินทาง เวลาเราเจ็บจริง ป่วยจริง ประกันจ่ายจริงไหม ?
ฉะนั้นอาจยาวหน่อย แต่คิดว่าคงเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆบ้าง
** เนื้อหาอาจมีคำไม่สุภาพบ้าง เพื่อเข้าถึงความรู้สึก ณ.ตอนนั้น ผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำ ฮ่าๆ **
เดินทางกันเล้ยยย !!
รอบนี้ผมเดินไปกับครอบครัวเราไปกัน 4 คน มีผม ภรรยา ลูกชายวัยขวบครึ่ง และ พี่สาวภรรยา
เราไปกัน 4วัน 3 คืน เป้าหมายการมาครั้งนี้ ผมตั้งใจจะพาลูกชายมาไหว้รายงานตัวกับเจ้าแม่กวนอิม เพราะเราเคยมาขอลูกชายจากที่นี่ (ตอนแรกกะรีวิวการขอลูก กับ ขอแฟน ดันต้องมารีวิวความซวยแทน ฮ่าๆ) และจะพาลูกเที่ยวดิสนี่แลนด์ด้วย ทริปนี้เราค่อนข้างตื่นเต้นเพราะเป็นการพาลูกเล็กไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกด้วย
ก่อนไปเราก็ค่อนข้างกังวล เพราะม็อบฮ่องกงกำลังเดือดเลย แต่เราดันจองทุกอย่างล่วงหน้าไว้หมดแล้ว ตั้งแต่ต้นปี ยกเลิกอะไรก็ไม่ได้ซักอย่าง เลยใช้ติดตามข่าวและวางแผนหลีกเลี่ยงจากตารางม๊อบเอา แต่ถ้าก่อนไปมันดูอันตราย ก็จะทิ้งตั๋วทิ้งโรงแรมเลย
แต่ก่อนไปผมตัดสินใจซื้อประกันการเดินทางไปด้วย เผื่อม็อบปิดสนามบิน (ซึ่งตามเงื่อนไขประกันไม่จ่ายนะ แต่ซื้อเอากันเหนียว) หรือ เผื่อลูกไม่สบายจะได้มีตัวช่วย ผมซื้อแบบคนละ 200กว่าบาท
พอถึงวันไปจริงก็ไม่มีอะไร ทุกอย่างราบรื่นดี
วันแรกไปถึงก็เที่ยวกันสนุกดีครับ กินเที่ยวตามปกติ
ฮ่องกงมีข้าวมันไก่ประตูน้ำด้วยว่ะ
เช้าวันต่อมา อากาศสดใส แต่กว่าจะออกเดินทางก็ปาไปบ่ายโมงแล้ว เพราะต้องรอเจ้าตัวเล็กของเรากินข้าว นอนหลับ แต่ไม่เป็นไร เพราะโปรแกรมวันนี้ของเรามีแค่ ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม และเดินเล่นตอนค่ำๆ เท่านั้น
แต่ขณะเดินทาง เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น รถบัสขับซิ่งมาก ทำให้ผมเซไปชนกับราวจับด้านข้าง เจ็บหลังจี๊ดเลย แต่ตอนแรกก็คิดว่าไม่เป็นไรมาก เดี๋ยวก็น่าจะดีขึ้น เลยเอาแผ่นปิดแก้ปวดแปะไปก่อน
แต่เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีแล้ว เลยค่อยๆเดินช้าๆ จนพาลูกไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมเสร็จตามภาระกิจ
ไหว้เสร็จก็เดินทางกลับเลย โดยเราตกลงกันว่า เดี๋ยวผมขอกลับห้องพักก่อน แล้วทุกคนไปเดินกันต่อนะ เพราะผมเดินไม่ไหวแล้ว
พอถึงที่พัก ทุกคนก็เก็บของ นั่งพัก เตรียมออกไปเดินเล่น
ส่วนผม พอถึงห้องผมนอนพักบนเตียง สักครู่ ปวดฉี่ เลยจะลุกไปฉี่ ก็ต้องร้องอ๊ากกก
หลังเจ็บมากก แบบแป๊บบเลย ร้องอ๊ากกก!! ลั่นห้อง ทุกคนตกใจเฮ้ยเป็นอะไร
คือโคตรเจ็บปวดหลังเลยครับ อธิบายไม่ถูก แค่งอขาเข้า หรือ เหยียดขาออก ก็เจ็บจนเด้งดึ๋งเลย
พยายามค่อยๆขยับก็เจ็บมาก สรุปยืนไม่ได้ เดินไม่ได้เลย ต้องให้พี่สาวภรรยากับภรรยา ช่วยกันหิ้วปีก ร้องจ๊ากๆ ไปเพื่อเข้าห้องน้ำอ่ะคิดดู อนาถตัวเองมาก ผมคิดในใจ ชิ_หายแล้วกู
ระหว่างนั้นเราก็กินยาแก้ปวด และโทร line กลับไทยหาพี่ที่ไทย พี่กับแฟน ก็โทรมาให้กำลังใจ บอกใจเย็นๆ น่าจะเป็นกล้ามเนื้ออักเสบเฉียบพลัน กินยาคลายกล้ามเนื้อ ก็คงดีขึ้น
หลายคนเคยเป็นแบบนี้ต้องนอนพักอย่างเดียวเท่านั้นถึงจะหาย
ประกอบกับลูกชายผม เค้าคงรับรู้ถึงท่าทีพ่อแม่ได้ เริ่มงอแง และ ง่วง ส่วนพ่อขยับทีก็จ๊ากๆเป็นนกเลย ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดเข้าไปอีก
ในช่วงนี้ผมสงสารลูกมาก สงสารภรรยา สงสารพี่ภรรยา ที่ต้องมาหอบหิ้วผม
ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นอน ความคิดฟุ้งซ่าน คือเราเป็นผู้นำการเดินทาง แต่ตอนนี้กลับเป็นภาระให้พวกเค้า สู้กันเองพอได้ดันเอาลูกมาลำบากอีก แล้วพรุ่งนี้จะทำยังไง ? แล้ววันกลับจะยังไง? แล้วจะเข้าห้องน้ำยังไง? ลูกอดไปดิสนี่แลนด์ทำไง? บลาๆ
ผ่านไปหลายชั่วโมง อาการก็เหมือนเดิม เวลาฉี่ผมต้องให้ภรรยาไปตัดขวดมาเพื่อนอนฉี่ใส่ขวดอ่ะ เฮ้อสภาพเลวร้ายมาก ผมเลยนึก ทำไมกูต้องทนอยู่ในสภาพนี้วะ ทำไงให้พ้นจากสภาพนี้ ก็นึกมาได้ว่า เรามีประกันการเดินทางนี่หว่า
ตอนอ่านกรรมธรรม์ เค้าบอกว่า มีขนส่งฉุกเฉิน เจ็บป่วยบลาๆ เวลาแบบนี้ ต้องมีรถพยาบาล หรือ เฮลิคอปเตอร์มารับกู ไปฉีดยา หรือทำอะไรซักอย่างแล้ว ทนไม่ไหวแล้วโว้ย (เริ่มคลั่ง ฮ่าๆ)
แต่ด้วยภาษาอังกฤษพวกเราห่วยทุกคน สื่อสารได้ไม่ดีเลย และ เบอร์ที่ประกันให้มามีแค่เบอร์ 02 (เบอร์ไทยเท่านั้น)
เลยโทรหาพี่สาวที่ไทย ให้ช่วยประสานงานที่ไทยให้หน่อย บอกไม่ไหวแล้วเรียกรถพยาบาลเลย ถึงประกันไม่จ่ายก็ยอมจ่ายเองล่ะโว้ย
เนื่องจากเบอร์ในเอกสารของหน่วยงานที่ต่างประเทศติดต่อไม่ได้เลย
ขนาด call center ก็ยังติดต่อไม่ได้เลย
พี่เลยบอกว่าอาจนอกเวลาทำการให้อดทนก่อน เช้าจะประสานงานให้
ผมเลยต้องอดทนรอจนเช้า คืนนั้นทรมานมากเลย ขยับตัวก็ไม่ได้ จ๊ากตลอด ลูกก็งอแง ภรรยา กับพี่ภรรยาก็ไม่ได้พัก ต้องคอยตื่นมาดูผม ผมนี่นอนสวดมนต์เลย ขอให้ผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนี้ไปซักทีเถิด
เมื่อประกันทำงาน รถพยาบาลก็มา
เช้าตรู่วันต่อมา ผมตื่นขึ้น ขยับตัวได้บ้างแล้ว เจ็บน้อยลงกว่าเดิมมาก แต่ยังจ๊ากอยู่
พี่สาวผมช่วยประสานงานต่อที่ไทย จนพบว่าเบอร์ที่แจ้งมาทางเอกสารประกันนั้นผิด (แจ้งประกันให้แก้ไขแล้ว)
ตอนนี้เราติดต่อคนดูแลที่ฮ่องกงได้แล้ว มีทีมคนไทยได้ด้วย รอดแล้วกรู
เค้าให้ add line และโทรมาที่ห้องโรงแรมเรา ผมเล่าอาการ บอกผมไม่ไหวแล้ว ขอรถพยาบาล เค้าบอกให้รอสักครู่จะประสานงานก่อน
จากนั้นแจ้งกลับมาว่า รถพยาบาลจะมารับเราในอีก 2 ชั่วโมง พวกเราเริ่มสบายใจ
ระหว่างรอภรรยาต้องคอยเอาลูกกินข้าว เอาไปเดินเล่นที่ล๊อบบี้ เพราะลูกเริ่มทนอยู่ในห้องไม่ไหว และต้องคอยแวะกลับมาดูผมตลอด (เรื่องซึ้งๆดราม่าไว้เล่าตอนท้าย) ส่วนผมได้แต่นอนรอ
นอนจนอืดเลยเรา ฮ่าๆ
ตั้งแต่ 8โมง จนเที่ยงรถก็ยังไม่มา จนบ่ายสองรถก็ยังไม่มา ทางโรงแรมเลยส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นมา บอกได้ข่าวว่ามีคนบาดเจ็บ เมื่อทราบถึงการรอคอยของเรา เค้าก็ เฮ้ยยูจะรอทำไม เราตามรถมาช่วยคุณได้ภายใน 15 นาทีนะ
เราโทรคุยกับประกัน ประกันก็บอกเราว่าเราประสานงานทุกอย่างแล้ว อย่าไปเองนะ ไม่งั้นที่เราประสานงานจะเสียทั้งหมดนะ
เราเลยติดสินใจรอ และแล้วทีมช่วยเหลือก็มา
เป็นชายสองคน มาถึงก็ถามอาการ ผมเลยบอกแล้วขยับให้ดูพอร้องอ๊าก เค้าบอกเคๆไม่ต้องขยับแล้วนะ ฮ่าๆ
แล้วบอกผมว่าเนื่องจากลิฟท์โรงแรมแคบ ต้องย้ายผมลงรถเข็นก่อน แล้วค่อยย้ายขึ้นเตียงไปขึ้นรถ
ผมโอเค เค้าก็จัดเลย
ระหว่างขนย้ายลูกชายผมเห็นผมร้องโอ้ยๆ นี่ร้องไห้เลย พยายามดิ้นลงมาหา เรียกป๊าๆ ผมงงเลย ทำไมฉลาดจัง ภรรยาถึงกับน้ำตาไหลสงสารลูก
ชมสถานการณ์การเคลื่อนย้าย ได้จากคลิปนี้เลยครับ
ออกมารถติดอีก เจอหลุมบ่อทีก็จ๊ากที
และแล้วก็มาถึง Hong Kong Adventist Hospital
ที่สภาพการนอนเป็นแบบนี้เพราะโดนมาหลายเด้ง ต้องเอามือยันไว้ ไม่งั้นมีร้อง ฮ่าๆ
รอซักพักเค้าให้ภรรยาผมไปทำประวัติ แล้วก็เข็นเข้าห้อง
หมอก็เข้ามาถามอาการ ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง โอ้ย ทักษะอังกฤษเราต่ำตมมากเลย
สรุปหมอบอกว่าจะฉีดยาให้สองเข็ม เป็นแก้ปวด คุณจะรู้ดีขึ้นใน 30นาที
ถ้าหาย คุณกลับได้ ถ้าไม่หายคุณ ต้องนอนโรงพยาบาล
ฉีดเสร็จนอนรอ ขอนอกเรื่องนิดนะ ถ้าคุณแพ้ยาอะไรควรบันทึกไว้นะ เพราะเจอเหตุจะได้บอกเค้าถูก พูดไม่ได้ก็ยื่นให้อ่านเลย
ระหว่างนอนรอ หมอและพยาบาลก็มาคุยเล่นกับลูกผมเป็นระยะ เลยช่วยลดความเครียดของเราไปได้บ้าง
นี่มาสร้างความเฮฮาให้ป๊า
จากนั้นก็ไปทำการ X-Ray พอลงมาหมอบอกว่า ดีขึ้นไหม ผมบอกดีขึ้นมากเลย
เค้าบอกงั้นลองลุกนั่งซิ ปรากฎว่าลุกไม่ได้ว่ะ เจ็บเด้งเลย
หมอเลยบอกงั้นคุณต้องนอนแล้ว 1 คืนจะดีขึ้น และ คุณจะกลับไทยได้ พรุ่งนี้ช่วงเย็น (ตามกำหนดการณ์)
ผมก็โอเคนอนละกัน จะได้ลดภาระภรรยา และ พี่สาวภรรยา
ซักพักมีเจ้าหน้าที่การเงินเข้ามา
ยื่นใบนี้ให้ บลาๆ แล้วชี้ๆในกรอบสีชมพู
วิญญาณนักคณิตศาสตร์ เข้าสิงเลยกรู เรา non hongkok residents 30,000 HK คูณๆ
ไอเฮียย คืนละ 1.2 แสน เหรอวะ
นี่พากรูมาบำรุงราษฎร์ของฮ่องกงรึไงวะ
เลยเลือกแบบถูกสุดก่อน ห้องรวมนอนห้าคน ไม่ต้องคิดเลย ฮ่าๆ
“มารู้ทีหลังว่า หลังจากออกรพ.แล้วว่ากรอบสีชมพูคือจริงๆคือเงินมัดจำนะ ไม่ใช่ค่าห้อง ค่าห้องมันสีฟ้าโว้ย จริงๆ ห้องที่ผมนอนต่อคืนแค่ สองพันกว่าบาท ฮ่าๆ แต่ตอนนั้นซีดเลย ในใจคิดว่าใครก็ได้ช่วยกรูที สมองสตั๊นชั่วขณะ”
แต่ไม่เป็นไร ประกันเดินทางเค้าบอกคุ้มครองเรา 1.5ล้าน แต่เค้าจะจ่ายไหมก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ที่แน่ๆมาเอาบัตรผมไปรูดแล้ว 30,000 HK
เมื่อขึ้นห้องมาแล้ว
ภรรยาโทรคุยกับเจ้าหน้าที่ บอกขอเปลี่ยนห้องเดี่ยวได้ไหม เจ้าหน้าที่บอกได้ แต่ประกันจะจ่ายให้คุณเหรอเพราะโรงพยาบาลเราไม่ได้โคกับเค้า
... จริงๆได้นะครับ แต่จะต้องรอคอนเฟิมกับประกันอีก แต่ผมสงสารลูก ข้าวก็ไม่ได้กินเป็นมื้อเลย และส่วนคนอื่น ไม่ได้หลับไม่ได้นอนต้องมาช่วยเหลือผม แถมเริ่มค่ำแล้ว เลยบอกไม่เป็นไรอยู่ได้ๆ ผมนอนได้สบายๆ บวกกับช๊อคค่าห้อง(ที่เข้าใจผิดว่าแพงอยู่) ที่เห็นสักครู่ เลยให้ทุกคนกลับไปพักก่อน
กลิ่นโรงพยาบาลฮ่องกง
ภรรยาพาลูกมาบอกลาผม และซื้อแซนวิสอโวคาโดมาให้กิน เป็นมื้อสุดท้ายของวัน ก่อนกลับไป
นี่เลยห้องนอนคืนนี้ของผม เป็นห้องรวมขนาด 5 เตียง ในห้องมีแค่ผม กับ คุณลุงข้างๆ ที่ไอตลอดเวลา
เซลฟี่ให้กำลังใจคนที่บ้านว่า ฉันโอเค แต่จริงๆไม่โอเค ฮ่าๆ
ผมก็รอ ว่าเค้าจะมาเปลี่ยนชุดให้ผมไหม สรุปไม่เปลี่ยนนะ เออรพ.ที่นี่ไม่มีชุดให้เปลี่ยนเหรอวะ
แต่ชุดที่ผมใส่มาก็สบายดี เลยไม่มีปัญหาอะไร ฟันก็ไม่มีมาให้แปรงเหรอวะ เออ..
คือพูดกับเค้าก็ไม่ค่อยเข้าใจ แถมเดินไม่ได้อีก เลยช่างมันเราคงนอนห้องรวมมั้ง เป็นห้องต่ำต้อยสุด ในราคา 1.2แสนบาทต่อคืน (ความเข้าใจในตอนนั้น)
และก็เริ่มมีพยาบาล หน้าตาน่ารักเข้ามาพูดคุย ซักถาม ชื่อน้องยุน ยุน นิสัยดีมาก พยายามซักถามอธิบาย ไม่ได้ขอวาร์ปมาให้ทุกคน เพราะกลัวภรรยาไม่พอใจ แล้วปล่อยนอนตายเป็นผักเน่าที่นี่ ต้องขออภัยชาวเน็ตด้วย ฮ่าๆ
แต่บอกเลย รพ.นี้บุคลากรทางการแพทย์หน้าตาดีทุกเลย ใครว่างๆลองมาป่วยกันดูได้
แชร์ประสบการณ์ โคตรซวย เจ็บหนักที่ฮ่องกง จนเดินไม่ได้ ติดอยู่กลางม็อบ แต่โชคดีที่มีประกันเดินทาง
สวัสดีครับ
วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ ท่องเที่ยวฮ่องกง แบบสุดซวยของผมให้ได้ฟังกัน
คือผมไปเที่ยวฮ่องกง แต่ดันไปประสบอุบัติเหตุ จนเดินไม่ได้ ไม่พอยังต้องไปติดอยู่กลางม็อบ ขณะตำรวจมาสลายการชุมนุมโดยบังเอิญอีก
และ ประสบการณ์นอนโรงพยาบาลครั้งแรกที่ฮ่องกง
และ จะพาทุกคนมาพิสูจน์กันว่า ประกันการเดินทาง เวลาเราเจ็บจริง ป่วยจริง ประกันจ่ายจริงไหม ?
ฉะนั้นอาจยาวหน่อย แต่คิดว่าคงเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆบ้าง
** เนื้อหาอาจมีคำไม่สุภาพบ้าง เพื่อเข้าถึงความรู้สึก ณ.ตอนนั้น ผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำ ฮ่าๆ **
เดินทางกันเล้ยยย !!
รอบนี้ผมเดินไปกับครอบครัวเราไปกัน 4 คน มีผม ภรรยา ลูกชายวัยขวบครึ่ง และ พี่สาวภรรยา
เราไปกัน 4วัน 3 คืน เป้าหมายการมาครั้งนี้ ผมตั้งใจจะพาลูกชายมาไหว้รายงานตัวกับเจ้าแม่กวนอิม เพราะเราเคยมาขอลูกชายจากที่นี่ (ตอนแรกกะรีวิวการขอลูก กับ ขอแฟน ดันต้องมารีวิวความซวยแทน ฮ่าๆ) และจะพาลูกเที่ยวดิสนี่แลนด์ด้วย ทริปนี้เราค่อนข้างตื่นเต้นเพราะเป็นการพาลูกเล็กไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกด้วย
ก่อนไปเราก็ค่อนข้างกังวล เพราะม็อบฮ่องกงกำลังเดือดเลย แต่เราดันจองทุกอย่างล่วงหน้าไว้หมดแล้ว ตั้งแต่ต้นปี ยกเลิกอะไรก็ไม่ได้ซักอย่าง เลยใช้ติดตามข่าวและวางแผนหลีกเลี่ยงจากตารางม๊อบเอา แต่ถ้าก่อนไปมันดูอันตราย ก็จะทิ้งตั๋วทิ้งโรงแรมเลย
แต่ก่อนไปผมตัดสินใจซื้อประกันการเดินทางไปด้วย เผื่อม็อบปิดสนามบิน (ซึ่งตามเงื่อนไขประกันไม่จ่ายนะ แต่ซื้อเอากันเหนียว) หรือ เผื่อลูกไม่สบายจะได้มีตัวช่วย ผมซื้อแบบคนละ 200กว่าบาท
พอถึงวันไปจริงก็ไม่มีอะไร ทุกอย่างราบรื่นดี
วันแรกไปถึงก็เที่ยวกันสนุกดีครับ กินเที่ยวตามปกติ
ฮ่องกงมีข้าวมันไก่ประตูน้ำด้วยว่ะ
เช้าวันต่อมา อากาศสดใส แต่กว่าจะออกเดินทางก็ปาไปบ่ายโมงแล้ว เพราะต้องรอเจ้าตัวเล็กของเรากินข้าว นอนหลับ แต่ไม่เป็นไร เพราะโปรแกรมวันนี้ของเรามีแค่ ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม และเดินเล่นตอนค่ำๆ เท่านั้น
แต่ขณะเดินทาง เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น รถบัสขับซิ่งมาก ทำให้ผมเซไปชนกับราวจับด้านข้าง เจ็บหลังจี๊ดเลย แต่ตอนแรกก็คิดว่าไม่เป็นไรมาก เดี๋ยวก็น่าจะดีขึ้น เลยเอาแผ่นปิดแก้ปวดแปะไปก่อน
แต่เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีแล้ว เลยค่อยๆเดินช้าๆ จนพาลูกไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมเสร็จตามภาระกิจ
ไหว้เสร็จก็เดินทางกลับเลย โดยเราตกลงกันว่า เดี๋ยวผมขอกลับห้องพักก่อน แล้วทุกคนไปเดินกันต่อนะ เพราะผมเดินไม่ไหวแล้ว
พอถึงที่พัก ทุกคนก็เก็บของ นั่งพัก เตรียมออกไปเดินเล่น
ส่วนผม พอถึงห้องผมนอนพักบนเตียง สักครู่ ปวดฉี่ เลยจะลุกไปฉี่ ก็ต้องร้องอ๊ากกก
หลังเจ็บมากก แบบแป๊บบเลย ร้องอ๊ากกก!! ลั่นห้อง ทุกคนตกใจเฮ้ยเป็นอะไร
คือโคตรเจ็บปวดหลังเลยครับ อธิบายไม่ถูก แค่งอขาเข้า หรือ เหยียดขาออก ก็เจ็บจนเด้งดึ๋งเลย
พยายามค่อยๆขยับก็เจ็บมาก สรุปยืนไม่ได้ เดินไม่ได้เลย ต้องให้พี่สาวภรรยากับภรรยา ช่วยกันหิ้วปีก ร้องจ๊ากๆ ไปเพื่อเข้าห้องน้ำอ่ะคิดดู อนาถตัวเองมาก ผมคิดในใจ ชิ_หายแล้วกู
ระหว่างนั้นเราก็กินยาแก้ปวด และโทร line กลับไทยหาพี่ที่ไทย พี่กับแฟน ก็โทรมาให้กำลังใจ บอกใจเย็นๆ น่าจะเป็นกล้ามเนื้ออักเสบเฉียบพลัน กินยาคลายกล้ามเนื้อ ก็คงดีขึ้น
หลายคนเคยเป็นแบบนี้ต้องนอนพักอย่างเดียวเท่านั้นถึงจะหาย
ประกอบกับลูกชายผม เค้าคงรับรู้ถึงท่าทีพ่อแม่ได้ เริ่มงอแง และ ง่วง ส่วนพ่อขยับทีก็จ๊ากๆเป็นนกเลย ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดเข้าไปอีก
ในช่วงนี้ผมสงสารลูกมาก สงสารภรรยา สงสารพี่ภรรยา ที่ต้องมาหอบหิ้วผม
ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นอน ความคิดฟุ้งซ่าน คือเราเป็นผู้นำการเดินทาง แต่ตอนนี้กลับเป็นภาระให้พวกเค้า สู้กันเองพอได้ดันเอาลูกมาลำบากอีก แล้วพรุ่งนี้จะทำยังไง ? แล้ววันกลับจะยังไง? แล้วจะเข้าห้องน้ำยังไง? ลูกอดไปดิสนี่แลนด์ทำไง? บลาๆ
ผ่านไปหลายชั่วโมง อาการก็เหมือนเดิม เวลาฉี่ผมต้องให้ภรรยาไปตัดขวดมาเพื่อนอนฉี่ใส่ขวดอ่ะ เฮ้อสภาพเลวร้ายมาก ผมเลยนึก ทำไมกูต้องทนอยู่ในสภาพนี้วะ ทำไงให้พ้นจากสภาพนี้ ก็นึกมาได้ว่า เรามีประกันการเดินทางนี่หว่า
ตอนอ่านกรรมธรรม์ เค้าบอกว่า มีขนส่งฉุกเฉิน เจ็บป่วยบลาๆ เวลาแบบนี้ ต้องมีรถพยาบาล หรือ เฮลิคอปเตอร์มารับกู ไปฉีดยา หรือทำอะไรซักอย่างแล้ว ทนไม่ไหวแล้วโว้ย (เริ่มคลั่ง ฮ่าๆ)
แต่ด้วยภาษาอังกฤษพวกเราห่วยทุกคน สื่อสารได้ไม่ดีเลย และ เบอร์ที่ประกันให้มามีแค่เบอร์ 02 (เบอร์ไทยเท่านั้น)
เลยโทรหาพี่สาวที่ไทย ให้ช่วยประสานงานที่ไทยให้หน่อย บอกไม่ไหวแล้วเรียกรถพยาบาลเลย ถึงประกันไม่จ่ายก็ยอมจ่ายเองล่ะโว้ย
เนื่องจากเบอร์ในเอกสารของหน่วยงานที่ต่างประเทศติดต่อไม่ได้เลย
ขนาด call center ก็ยังติดต่อไม่ได้เลย
พี่เลยบอกว่าอาจนอกเวลาทำการให้อดทนก่อน เช้าจะประสานงานให้
ผมเลยต้องอดทนรอจนเช้า คืนนั้นทรมานมากเลย ขยับตัวก็ไม่ได้ จ๊ากตลอด ลูกก็งอแง ภรรยา กับพี่ภรรยาก็ไม่ได้พัก ต้องคอยตื่นมาดูผม ผมนี่นอนสวดมนต์เลย ขอให้ผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนี้ไปซักทีเถิด
เมื่อประกันทำงาน รถพยาบาลก็มา
เช้าตรู่วันต่อมา ผมตื่นขึ้น ขยับตัวได้บ้างแล้ว เจ็บน้อยลงกว่าเดิมมาก แต่ยังจ๊ากอยู่
พี่สาวผมช่วยประสานงานต่อที่ไทย จนพบว่าเบอร์ที่แจ้งมาทางเอกสารประกันนั้นผิด (แจ้งประกันให้แก้ไขแล้ว)
ตอนนี้เราติดต่อคนดูแลที่ฮ่องกงได้แล้ว มีทีมคนไทยได้ด้วย รอดแล้วกรู
เค้าให้ add line และโทรมาที่ห้องโรงแรมเรา ผมเล่าอาการ บอกผมไม่ไหวแล้ว ขอรถพยาบาล เค้าบอกให้รอสักครู่จะประสานงานก่อน
จากนั้นแจ้งกลับมาว่า รถพยาบาลจะมารับเราในอีก 2 ชั่วโมง พวกเราเริ่มสบายใจ
ระหว่างรอภรรยาต้องคอยเอาลูกกินข้าว เอาไปเดินเล่นที่ล๊อบบี้ เพราะลูกเริ่มทนอยู่ในห้องไม่ไหว และต้องคอยแวะกลับมาดูผมตลอด (เรื่องซึ้งๆดราม่าไว้เล่าตอนท้าย) ส่วนผมได้แต่นอนรอ
นอนจนอืดเลยเรา ฮ่าๆ
ตั้งแต่ 8โมง จนเที่ยงรถก็ยังไม่มา จนบ่ายสองรถก็ยังไม่มา ทางโรงแรมเลยส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นมา บอกได้ข่าวว่ามีคนบาดเจ็บ เมื่อทราบถึงการรอคอยของเรา เค้าก็ เฮ้ยยูจะรอทำไม เราตามรถมาช่วยคุณได้ภายใน 15 นาทีนะ
เราโทรคุยกับประกัน ประกันก็บอกเราว่าเราประสานงานทุกอย่างแล้ว อย่าไปเองนะ ไม่งั้นที่เราประสานงานจะเสียทั้งหมดนะ
เราเลยติดสินใจรอ และแล้วทีมช่วยเหลือก็มา
เป็นชายสองคน มาถึงก็ถามอาการ ผมเลยบอกแล้วขยับให้ดูพอร้องอ๊าก เค้าบอกเคๆไม่ต้องขยับแล้วนะ ฮ่าๆ
แล้วบอกผมว่าเนื่องจากลิฟท์โรงแรมแคบ ต้องย้ายผมลงรถเข็นก่อน แล้วค่อยย้ายขึ้นเตียงไปขึ้นรถ
ผมโอเค เค้าก็จัดเลย
ระหว่างขนย้ายลูกชายผมเห็นผมร้องโอ้ยๆ นี่ร้องไห้เลย พยายามดิ้นลงมาหา เรียกป๊าๆ ผมงงเลย ทำไมฉลาดจัง ภรรยาถึงกับน้ำตาไหลสงสารลูก
ชมสถานการณ์การเคลื่อนย้าย ได้จากคลิปนี้เลยครับ
ออกมารถติดอีก เจอหลุมบ่อทีก็จ๊ากที
และแล้วก็มาถึง Hong Kong Adventist Hospital
ที่สภาพการนอนเป็นแบบนี้เพราะโดนมาหลายเด้ง ต้องเอามือยันไว้ ไม่งั้นมีร้อง ฮ่าๆ
รอซักพักเค้าให้ภรรยาผมไปทำประวัติ แล้วก็เข็นเข้าห้อง
หมอก็เข้ามาถามอาการ ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง โอ้ย ทักษะอังกฤษเราต่ำตมมากเลย
สรุปหมอบอกว่าจะฉีดยาให้สองเข็ม เป็นแก้ปวด คุณจะรู้ดีขึ้นใน 30นาที
ถ้าหาย คุณกลับได้ ถ้าไม่หายคุณ ต้องนอนโรงพยาบาล
ฉีดเสร็จนอนรอ ขอนอกเรื่องนิดนะ ถ้าคุณแพ้ยาอะไรควรบันทึกไว้นะ เพราะเจอเหตุจะได้บอกเค้าถูก พูดไม่ได้ก็ยื่นให้อ่านเลย
ระหว่างนอนรอ หมอและพยาบาลก็มาคุยเล่นกับลูกผมเป็นระยะ เลยช่วยลดความเครียดของเราไปได้บ้าง
นี่มาสร้างความเฮฮาให้ป๊า
จากนั้นก็ไปทำการ X-Ray พอลงมาหมอบอกว่า ดีขึ้นไหม ผมบอกดีขึ้นมากเลย
เค้าบอกงั้นลองลุกนั่งซิ ปรากฎว่าลุกไม่ได้ว่ะ เจ็บเด้งเลย
หมอเลยบอกงั้นคุณต้องนอนแล้ว 1 คืนจะดีขึ้น และ คุณจะกลับไทยได้ พรุ่งนี้ช่วงเย็น (ตามกำหนดการณ์)
ผมก็โอเคนอนละกัน จะได้ลดภาระภรรยา และ พี่สาวภรรยา
ซักพักมีเจ้าหน้าที่การเงินเข้ามา
ยื่นใบนี้ให้ บลาๆ แล้วชี้ๆในกรอบสีชมพู
วิญญาณนักคณิตศาสตร์ เข้าสิงเลยกรู เรา non hongkok residents 30,000 HK คูณๆ
ไอเฮียย คืนละ 1.2 แสน เหรอวะ
นี่พากรูมาบำรุงราษฎร์ของฮ่องกงรึไงวะ
เลยเลือกแบบถูกสุดก่อน ห้องรวมนอนห้าคน ไม่ต้องคิดเลย ฮ่าๆ
“มารู้ทีหลังว่า หลังจากออกรพ.แล้วว่ากรอบสีชมพูคือจริงๆคือเงินมัดจำนะ ไม่ใช่ค่าห้อง ค่าห้องมันสีฟ้าโว้ย จริงๆ ห้องที่ผมนอนต่อคืนแค่ สองพันกว่าบาท ฮ่าๆ แต่ตอนนั้นซีดเลย ในใจคิดว่าใครก็ได้ช่วยกรูที สมองสตั๊นชั่วขณะ”
แต่ไม่เป็นไร ประกันเดินทางเค้าบอกคุ้มครองเรา 1.5ล้าน แต่เค้าจะจ่ายไหมก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ที่แน่ๆมาเอาบัตรผมไปรูดแล้ว 30,000 HK
เมื่อขึ้นห้องมาแล้ว
ภรรยาโทรคุยกับเจ้าหน้าที่ บอกขอเปลี่ยนห้องเดี่ยวได้ไหม เจ้าหน้าที่บอกได้ แต่ประกันจะจ่ายให้คุณเหรอเพราะโรงพยาบาลเราไม่ได้โคกับเค้า
... จริงๆได้นะครับ แต่จะต้องรอคอนเฟิมกับประกันอีก แต่ผมสงสารลูก ข้าวก็ไม่ได้กินเป็นมื้อเลย และส่วนคนอื่น ไม่ได้หลับไม่ได้นอนต้องมาช่วยเหลือผม แถมเริ่มค่ำแล้ว เลยบอกไม่เป็นไรอยู่ได้ๆ ผมนอนได้สบายๆ บวกกับช๊อคค่าห้อง(ที่เข้าใจผิดว่าแพงอยู่) ที่เห็นสักครู่ เลยให้ทุกคนกลับไปพักก่อน
กลิ่นโรงพยาบาลฮ่องกง
ภรรยาพาลูกมาบอกลาผม และซื้อแซนวิสอโวคาโดมาให้กิน เป็นมื้อสุดท้ายของวัน ก่อนกลับไป
นี่เลยห้องนอนคืนนี้ของผม เป็นห้องรวมขนาด 5 เตียง ในห้องมีแค่ผม กับ คุณลุงข้างๆ ที่ไอตลอดเวลา
เซลฟี่ให้กำลังใจคนที่บ้านว่า ฉันโอเค แต่จริงๆไม่โอเค ฮ่าๆ
ผมก็รอ ว่าเค้าจะมาเปลี่ยนชุดให้ผมไหม สรุปไม่เปลี่ยนนะ เออรพ.ที่นี่ไม่มีชุดให้เปลี่ยนเหรอวะ
แต่ชุดที่ผมใส่มาก็สบายดี เลยไม่มีปัญหาอะไร ฟันก็ไม่มีมาให้แปรงเหรอวะ เออ..
คือพูดกับเค้าก็ไม่ค่อยเข้าใจ แถมเดินไม่ได้อีก เลยช่างมันเราคงนอนห้องรวมมั้ง เป็นห้องต่ำต้อยสุด ในราคา 1.2แสนบาทต่อคืน (ความเข้าใจในตอนนั้น)
และก็เริ่มมีพยาบาล หน้าตาน่ารักเข้ามาพูดคุย ซักถาม ชื่อน้องยุน ยุน นิสัยดีมาก พยายามซักถามอธิบาย ไม่ได้ขอวาร์ปมาให้ทุกคน เพราะกลัวภรรยาไม่พอใจ แล้วปล่อยนอนตายเป็นผักเน่าที่นี่ ต้องขออภัยชาวเน็ตด้วย ฮ่าๆ
แต่บอกเลย รพ.นี้บุคลากรทางการแพทย์หน้าตาดีทุกเลย ใครว่างๆลองมาป่วยกันดูได้