ปืนกลมือ Kalashnikov (รัสเซีย: Пистолет-пулемётКалашникова pistolet-Pulemyot Kalashnikova) เป็นอาวุธปืนรุ่นต้นแบบและเป็นการออกแบบอาวุธปืนอย่างเป็นทางการครั้งแรกของมิคาอิล คาลาชนิคอฟ ปืนกลมือกระบอกนี้คือจุดเริ่มต้นของเส้นทางการเป็นนักออกแบบอาวุธปืนของเขาในช่วงต้นเดือนตุลาคม 1941 ระหว่างการสู้รบใน Bryansk คาลาชนิคอฟ ปฎิบัติหน้าที่เป็นผู้บังคับการรถถังที-34 ได้รับบาดเจ็บจากปืนใหญ่ของข้าศึกและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในช่วงหกเดือนของเขาที่โรงพยาบาลคาลาชนิคอฟมีความคิดของการพัฒนาปืนกลมือให้แก่กองทัพแดงเนื่องจากทหารส่วนใหญ่ใช้ปืนไรเฟิลลูกเลื่อน Mosin Nagant เป็นอาวุธหลักในเดือนมกราคม 1942 คาลาชนิคอฟฟื้นตัวและถูกส่งกลับบ้านเขากลับไปยังสถานี Matai ของทางรถไฟสาย Turkestan-Siberian ในเขตโซเวียตคาซัค (ปัจจุบันคือประเทศคาซัคสถาน) ซึ่งเขาทำงานเป็นนักบัญชีก่อนสงครามโลกครั้งที่สองด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนและคนรู้จักคาลาชนิคอฟพัฒนาปืนกลมือรุ่นแรกใน Workshops ที่สถานี Matai เมื่อสร้างปืนรุ่นต้นแบบเสร็จเรียบร้อยคาลาชนิคอฟเดินทางไปที่อัลมาตีและแสดงอาวุธของเขาต่อคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตคาซัคคณะกรรมการกลางส่งคาลาชนิคอฟไปยัง Moscow Aviation Institute ซึ่งย้ายที่ตั้งมาอยุ่ที่อัลมาตีในช่วงสงครามจากที่นั่นคาลาชนิคอฟได้พัฒนาปืนกลมือให้ดียิ่งขึ้นก่อนจะย้ายไปทำการทดสอบที่ Dzerzhinsky Artillery Academy ในซามาร์คันด์ เขตโซเวียตอุซเบก (ปัจจุบันคือประเทศอุซเบกิสถาน) , (Dzerzhinsky Artillery Academy ย้ายที่ตั้งจากกรุงมอสโกมาอยู่ที่ซามาร์คันด์ระหว่างสงคราม) ในที่นี่เองที่ปืนกลมือของคาลาชนิคอฟได้รับการทดสอบอย่างละเอียดโดย Anatoly Blagonravov ( Anatoly Blagonravov ต่อมาภายหลังจะเป็นตัวแทนของสหภาพโซเวียตในคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยการใช้ประโยชน์อย่างสันติในอวกาศ (COPUOS) ) นักวิชาการโซเวียตที่ทำงานเกี่ยวกับการออกแบบอาวุธปืนแม้ว่าบทวิจารณ์ของ Blagonravov โดยทั่วไปจะเป็นเชิงลบแต่เขาก็สังเกตเห็นความมุ่งมั่นและพรสวรรค์ของคาลาชนิคอฟและเขียนจดหมายแนะนำให้แก่เขาด้วยทำให้คาลาชนิคอฟถูกส่งไปทำงานต่อที่ Main Artillery Directorate (Главное артиллерийское управление (ГАУ – GAU) , (ปัจจุบันคือ Main Missile and Artillery Directorate of the Ministry of Defense of the Russian Federation (GRAU) (รัสเซีย: Главное ракетно-артиллерийское управление МО РФ (ГРАУ)
อันเป็นก้าวแรกของคาลาชนิคอฟในฐานะนักออกแบบอาวุธปืนมืออาชีพที่จะสร้างหนึ่งในปืนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก AK-47
ส่วนปืนกลมือของคาลาชนิคอฟที่ได้รับการทดสอบโดย GAU ไม่ได้รับเข้าประจำการในกองทัพแดงเพราะจากผลการทดสอบพบว่ามันไม่ได้มีอะไรที่ดีไปกว่าปืนกลมือแบบอื่นๆที่ประจำการอยู่แล้วเลยคาลาชนิคอฟได้ออกแบบปืนกลมือของเขาไว้สองรุ่นโดยรุ่นแรกที่ปัจจุบันหายสาบสูญใช้ระบบปฎิบัติการแบบ blowback รุ่นที่สองในภาพใช้ระบบปฎิบัติการแบบ delayed blowback ด้วยเกลียวเพลา
ข้อมูลทางเทคนิค
ระบบปฎิบัติการ delayed blowback ด้วยเกลียวเพลา
โหมดการยิงกึ่งอัตโนมัติ-อัตโนมัติเต็มรูปแบบ
ขนาดกระสุน 7.62×25 mm. Tokarev
ซองกระสุนบรรจุ 30 นัด
ความยาวโดยรวม 750 มม. (กางพานท้าย) / 535 มม. (พับพานท้าย)
ความยาวลำกล้อง 250 มม.
น้ำหนัก 3.2 กก
น้ำหนักปืนเปล่า 2.9 กก
แหล่งอ้างอิง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://guns.fandom.com/wiki/Kalashnikov_submachine_gun
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 299 ปืนกลมือของคาลาชนิคอฟ
ปืนกลมือ Kalashnikov (รัสเซีย: Пистолет-пулемётКалашникова pistolet-Pulemyot Kalashnikova) เป็นอาวุธปืนรุ่นต้นแบบและเป็นการออกแบบอาวุธปืนอย่างเป็นทางการครั้งแรกของมิคาอิล คาลาชนิคอฟ ปืนกลมือกระบอกนี้คือจุดเริ่มต้นของเส้นทางการเป็นนักออกแบบอาวุธปืนของเขาในช่วงต้นเดือนตุลาคม 1941 ระหว่างการสู้รบใน Bryansk คาลาชนิคอฟ ปฎิบัติหน้าที่เป็นผู้บังคับการรถถังที-34 ได้รับบาดเจ็บจากปืนใหญ่ของข้าศึกและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในช่วงหกเดือนของเขาที่โรงพยาบาลคาลาชนิคอฟมีความคิดของการพัฒนาปืนกลมือให้แก่กองทัพแดงเนื่องจากทหารส่วนใหญ่ใช้ปืนไรเฟิลลูกเลื่อน Mosin Nagant เป็นอาวุธหลักในเดือนมกราคม 1942 คาลาชนิคอฟฟื้นตัวและถูกส่งกลับบ้านเขากลับไปยังสถานี Matai ของทางรถไฟสาย Turkestan-Siberian ในเขตโซเวียตคาซัค (ปัจจุบันคือประเทศคาซัคสถาน) ซึ่งเขาทำงานเป็นนักบัญชีก่อนสงครามโลกครั้งที่สองด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนและคนรู้จักคาลาชนิคอฟพัฒนาปืนกลมือรุ่นแรกใน Workshops ที่สถานี Matai เมื่อสร้างปืนรุ่นต้นแบบเสร็จเรียบร้อยคาลาชนิคอฟเดินทางไปที่อัลมาตีและแสดงอาวุธของเขาต่อคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตคาซัคคณะกรรมการกลางส่งคาลาชนิคอฟไปยัง Moscow Aviation Institute ซึ่งย้ายที่ตั้งมาอยุ่ที่อัลมาตีในช่วงสงครามจากที่นั่นคาลาชนิคอฟได้พัฒนาปืนกลมือให้ดียิ่งขึ้นก่อนจะย้ายไปทำการทดสอบที่ Dzerzhinsky Artillery Academy ในซามาร์คันด์ เขตโซเวียตอุซเบก (ปัจจุบันคือประเทศอุซเบกิสถาน) , (Dzerzhinsky Artillery Academy ย้ายที่ตั้งจากกรุงมอสโกมาอยู่ที่ซามาร์คันด์ระหว่างสงคราม) ในที่นี่เองที่ปืนกลมือของคาลาชนิคอฟได้รับการทดสอบอย่างละเอียดโดย Anatoly Blagonravov ( Anatoly Blagonravov ต่อมาภายหลังจะเป็นตัวแทนของสหภาพโซเวียตในคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยการใช้ประโยชน์อย่างสันติในอวกาศ (COPUOS) ) นักวิชาการโซเวียตที่ทำงานเกี่ยวกับการออกแบบอาวุธปืนแม้ว่าบทวิจารณ์ของ Blagonravov โดยทั่วไปจะเป็นเชิงลบแต่เขาก็สังเกตเห็นความมุ่งมั่นและพรสวรรค์ของคาลาชนิคอฟและเขียนจดหมายแนะนำให้แก่เขาด้วยทำให้คาลาชนิคอฟถูกส่งไปทำงานต่อที่ Main Artillery Directorate (Главное артиллерийское управление (ГАУ – GAU) , (ปัจจุบันคือ Main Missile and Artillery Directorate of the Ministry of Defense of the Russian Federation (GRAU) (รัสเซีย: Главное ракетно-артиллерийское управление МО РФ (ГРАУ) อันเป็นก้าวแรกของคาลาชนิคอฟในฐานะนักออกแบบอาวุธปืนมืออาชีพที่จะสร้างหนึ่งในปืนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก AK-47
ส่วนปืนกลมือของคาลาชนิคอฟที่ได้รับการทดสอบโดย GAU ไม่ได้รับเข้าประจำการในกองทัพแดงเพราะจากผลการทดสอบพบว่ามันไม่ได้มีอะไรที่ดีไปกว่าปืนกลมือแบบอื่นๆที่ประจำการอยู่แล้วเลยคาลาชนิคอฟได้ออกแบบปืนกลมือของเขาไว้สองรุ่นโดยรุ่นแรกที่ปัจจุบันหายสาบสูญใช้ระบบปฎิบัติการแบบ blowback รุ่นที่สองในภาพใช้ระบบปฎิบัติการแบบ delayed blowback ด้วยเกลียวเพลา
ข้อมูลทางเทคนิค
ระบบปฎิบัติการ delayed blowback ด้วยเกลียวเพลา
โหมดการยิงกึ่งอัตโนมัติ-อัตโนมัติเต็มรูปแบบ
ขนาดกระสุน 7.62×25 mm. Tokarev
ซองกระสุนบรรจุ 30 นัด
ความยาวโดยรวม 750 มม. (กางพานท้าย) / 535 มม. (พับพานท้าย)
ความยาวลำกล้อง 250 มม.
น้ำหนัก 3.2 กก
น้ำหนักปืนเปล่า 2.9 กก
แหล่งอ้างอิง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้