จำได้ว่าตัวเองเคยลงเรือจากกรุงเทพฯ ไปขึ้นที่สงขลา ซึ่งน้านนานมากแล้ว จำบางช่วงได้ว่า ต้องกินอยู่หลับนอนบนเรือถึง 3 วัน 2 คืน เจอทั้งเรือเข้าเทียบท่า แล้วออกไม่ได้ ฝนตก ลมแรง คลื่นสูง จนเมาเรืออยู่อีกหลายวัน มีรูปที่ถ่ายเอาไว้อยู่ในอัลบั้ม หายไปเสียดายมาก เพราะการได้ดูรูปจะช่วยทำให้เราฟื้นความจำเรื่องนั้น ๆ ได้เพิ่มขึ้น แม้จะไม่ครบก็ตาม จนผมเกษียณมาได้ 3-4 ปี(คงจะคาดเดาอายุวันรุ่นของผมได้แล้วนะ) เริ่มมีเวลาว่างมาก ทำให้คิดถึงเรื่องเก่า ๆ ที่ผ่านมา ทั้งสนุกและไม่สนุก
จึงพยายามค้นหาอัลบั้มที่หายไป จนเจอเมื่อเร็ว ๆ นี้ ดีใจสุด ๆ เพราะมีภาพตอนเด็ก ๆ และที่เราได้เที่ยวผจญภัยในที่ต่าง ๆมานานราว 30-40 ปีมาแล้ว ทั้งตอนลงเรือไปสงขลา ขึ้นดอยไปอยู่กับชาวเขาหลายแห่ง ขึ้นภูกระดึง เดินขึ้นดอยอินทนนท์ เลยจะเล่าเรื่องของตนเองที่ได้พบเห็นมาและยังพอจำได้ พร้อมภาพประกอบ เพื่อเก็บไว้อ่านเองก่อนที่จะลืมหมดและให้คนที่อยากทราบเรื่องราวในตอนนั้น ได้ลองเปรียบเทียบกับในปัจจุบันดู ขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้เก่งอะไร แต่เป็นคนชอบท่องเที่ยวผจญภัยมาตั้งแต่เด็ก ๆ และขอขอบคุณครอบครัวที่เชื่อในตัวผม(แม้จะไปอยู่ในพื้นที่ที่มีการปลูกและสูบฝิ่นมาก) โดยเฉพาะแม่ที่เป็นห่วงแต่ก็ให้ไปเสมอ พร้อมแถมงบให้บางส่วน นอกเหนือจากที่เราเก็บได้เอง
ผมกับเพื่อนรวม 4 คนเดินทางโดย”เรือภาณุรังษี” ของบริษัท เดินเรือไทย เรือออกจากท่าแถวสี่พระยาน่าจะราว ๆ 4-5 โมงเย็น ล่องตามลำน้ำเจ้าพระยาผ่านสะพานกรุงเทพ ซึ่งต้องมีการเปิด(ยก)สะพานขึ้น เพื่อให้เรือเราผ่าน จนออกอ่าวไทย ผมกับเพื่อน ๆ ไปครั้งนี้แบบราคาถูก(จำไม่ได้ว่าเท่าไร)ร่วมกับนักเดินทางต่างชาติแบบแบ็คแพ็ค ดังนั้น การกิน ยืน นั่ง นอน ตลอด 24 ชม.ได้เฉพาะรอบเรือครึ่งลำด้านท้าย ด้านหน้าน่าจะเป็นแบบพิเศษหรือ วีไอพี ในสมัยนี้ มีรั้วกั้นห้ามเข้าเอาไว้ มีแจกเสื่อสำหรับไว้ใช้ปูนอน พร้อมอาหารทุกมื้อ(ใส่ถาดหลุม) ห้องน้ำต้องลงด้านล่างเสียงเครื่องยนต์จะดังมาก ค่ำลงก็นอนตากลมไปแบบนั้น(ฝรั่งเค้ามีถุงนอนใช้กันแล้ว เราไม่มีอะไรเลย แม้แต่เป้ก็เป็นผ้าใบของทหาร) จนอีกวันเรือแวะเข้าจอดท่าหน้าทอนของเกาะสมุย เพื่อขนสินค้าลงและรับมะพร้าวขึ้น(สินค้าหลักของเกาะสมุย) น่าจะใช้เวลามากพอควรทำให้เรือออกไม่ได้ เพราะน้ำลงต้องรอน้ำขึ้นอีก 6 ชม. จึงอนุญาติให้ผู้โดยสารลงเที่ยวได้จนกว่าเรือจะออก ผมยังจำได้ว่าเมื่อลงไปพบชาวบ้านแถวท่าเรือบอกว่า “เอาจักรยานนี่ไปขี่เที่ยวเล่นได้เลย ค่อยเอากลับมาคืนตอนกลับ” เป็นน้ำใจที่ได้รับ
เมื่อเรือออกจากเกาะสมุยได้เกือบเย็นแล้ว จนค่ำลมเริ่มแรง ทำให้เรือโครงเครงตามคลื่นมากขึ้น ฝนตกอีก เจ้าหน้าที่ต้องมาเอาผ้าใบด้านข้างลงกันฝนให้ นอนไม่หลับเลยทั้งคืน เช้ามาเห็นคลื่นแรงและสูง เดี๋ยวเรือก็แล่นอยู่บนยอดคลื่น แล้วก็ลงไปอยู่ในท้องคลื่นสลับกันไปมาตลอด ถามว่ากลัวมั้ย คงไม่กลัวเท่าไร ด้วยเป็นวัยรุ่นทั้งชอบเที่ยว อยากรู้อยากเห็นไปหมด จึงรู้สึกสนุกมากกว่า ชอบยืนทรงตัวให้สมดุลย์กับการโครงเครงของเรือ ทำให้เมื่อลงจากเรือขึ้นฝั่งที่สงขลาแล้ว ยังมีอาการเมาเรือต้องเดินหน้าถอยหลังตลอดต่ออีก 2-3 วันจึงหาย จนเพื่อนคนหนึ่งที่เมาเรือหนักและทานอาหารไม่ได้ เมื่อขึ้นฝั่งก็ขอแยกตัวกลับกรุงเทพฯ ก่อน ซึ่งผมกับเพื่อนที่เหลือยังอยู่เที่ยวสงขลา แล้วไปต่อตรังและภูเก็ตอีกหลายวันครับ
มาชมรูปกันดีกว่า มีไม่กี่รูปนะครับ(อยู่บนเรือวันที่ 9-11 เมษายน 2515)
เรือออกจากท่าสี่พระยา ที่กรุงเทพฯ (ผมกับเพื่อนและน้องสาวเพื่อนอีกคนที่ถ่ายรูปนี้)
เรือเริ่มออกจากท่า ล่องไปตามลำน้ำเจ้าพระยา
เห็นสะพานกรุงเทพ อยู่ข้างหน้า
เพื่อนอีกคน มองสะพานกรุงเทพเปิด(ยก)ให้เรือเราผ่าน
ออกอ่าวไทยมาแล้ว คิดว่าน่าจะปรึกษาเรื่องกิ๊กกันอยู่
พื้นที่ที่ใช้ชีวิตกินอยู่ หลับนอน 24 ชม.ตลอด 3 วัน 2 คืน บนเรือภาณุรังษี ร่วมกับ นทท.ต่างชาติ
อ่าวหน้าทอน ได้ลงเที่ยวเกาะสมุย 6 ชม. เพราะน้ำลง เรือออกจากท่าไม่ได้
หมดรูปช่วงไปถึงสงขลาเพียงเท่านี้ แต่ค้นข้อมูลของเรือภาณุรังษี มาเพิ่มต่ออีกนิด
ที่มาของชื่อเรือภาณุรังษี Cr.
https://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข
รูปเรือภาณุรังษี Cr.
https://www.facebook.com/CHANTistaandStories/photos
ประวัติและขนาดเรือภาณุรังษี Cr.
https://www.facebook.com/CHANTistaandStories/photos
ขอบคุณนะครับ......... ที่ติดตามเข้ามาอ่านเรื่องของผม
ตามตอนต่อได้แล้ว ที่
****** "เมื่อผมอยากนั่งเรือกลับกรุงเทพฯ จากเกาะสมุย"
https://ppantip.com/topic/39464834
[CR] เมื่อผมอยากนั่งเรือจากกรุงเทพฯ ไปสงขลา (เมื่อปี 2515)
จึงพยายามค้นหาอัลบั้มที่หายไป จนเจอเมื่อเร็ว ๆ นี้ ดีใจสุด ๆ เพราะมีภาพตอนเด็ก ๆ และที่เราได้เที่ยวผจญภัยในที่ต่าง ๆมานานราว 30-40 ปีมาแล้ว ทั้งตอนลงเรือไปสงขลา ขึ้นดอยไปอยู่กับชาวเขาหลายแห่ง ขึ้นภูกระดึง เดินขึ้นดอยอินทนนท์ เลยจะเล่าเรื่องของตนเองที่ได้พบเห็นมาและยังพอจำได้ พร้อมภาพประกอบ เพื่อเก็บไว้อ่านเองก่อนที่จะลืมหมดและให้คนที่อยากทราบเรื่องราวในตอนนั้น ได้ลองเปรียบเทียบกับในปัจจุบันดู ขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้เก่งอะไร แต่เป็นคนชอบท่องเที่ยวผจญภัยมาตั้งแต่เด็ก ๆ และขอขอบคุณครอบครัวที่เชื่อในตัวผม(แม้จะไปอยู่ในพื้นที่ที่มีการปลูกและสูบฝิ่นมาก) โดยเฉพาะแม่ที่เป็นห่วงแต่ก็ให้ไปเสมอ พร้อมแถมงบให้บางส่วน นอกเหนือจากที่เราเก็บได้เอง
ผมกับเพื่อนรวม 4 คนเดินทางโดย”เรือภาณุรังษี” ของบริษัท เดินเรือไทย เรือออกจากท่าแถวสี่พระยาน่าจะราว ๆ 4-5 โมงเย็น ล่องตามลำน้ำเจ้าพระยาผ่านสะพานกรุงเทพ ซึ่งต้องมีการเปิด(ยก)สะพานขึ้น เพื่อให้เรือเราผ่าน จนออกอ่าวไทย ผมกับเพื่อน ๆ ไปครั้งนี้แบบราคาถูก(จำไม่ได้ว่าเท่าไร)ร่วมกับนักเดินทางต่างชาติแบบแบ็คแพ็ค ดังนั้น การกิน ยืน นั่ง นอน ตลอด 24 ชม.ได้เฉพาะรอบเรือครึ่งลำด้านท้าย ด้านหน้าน่าจะเป็นแบบพิเศษหรือ วีไอพี ในสมัยนี้ มีรั้วกั้นห้ามเข้าเอาไว้ มีแจกเสื่อสำหรับไว้ใช้ปูนอน พร้อมอาหารทุกมื้อ(ใส่ถาดหลุม) ห้องน้ำต้องลงด้านล่างเสียงเครื่องยนต์จะดังมาก ค่ำลงก็นอนตากลมไปแบบนั้น(ฝรั่งเค้ามีถุงนอนใช้กันแล้ว เราไม่มีอะไรเลย แม้แต่เป้ก็เป็นผ้าใบของทหาร) จนอีกวันเรือแวะเข้าจอดท่าหน้าทอนของเกาะสมุย เพื่อขนสินค้าลงและรับมะพร้าวขึ้น(สินค้าหลักของเกาะสมุย) น่าจะใช้เวลามากพอควรทำให้เรือออกไม่ได้ เพราะน้ำลงต้องรอน้ำขึ้นอีก 6 ชม. จึงอนุญาติให้ผู้โดยสารลงเที่ยวได้จนกว่าเรือจะออก ผมยังจำได้ว่าเมื่อลงไปพบชาวบ้านแถวท่าเรือบอกว่า “เอาจักรยานนี่ไปขี่เที่ยวเล่นได้เลย ค่อยเอากลับมาคืนตอนกลับ” เป็นน้ำใจที่ได้รับ
เมื่อเรือออกจากเกาะสมุยได้เกือบเย็นแล้ว จนค่ำลมเริ่มแรง ทำให้เรือโครงเครงตามคลื่นมากขึ้น ฝนตกอีก เจ้าหน้าที่ต้องมาเอาผ้าใบด้านข้างลงกันฝนให้ นอนไม่หลับเลยทั้งคืน เช้ามาเห็นคลื่นแรงและสูง เดี๋ยวเรือก็แล่นอยู่บนยอดคลื่น แล้วก็ลงไปอยู่ในท้องคลื่นสลับกันไปมาตลอด ถามว่ากลัวมั้ย คงไม่กลัวเท่าไร ด้วยเป็นวัยรุ่นทั้งชอบเที่ยว อยากรู้อยากเห็นไปหมด จึงรู้สึกสนุกมากกว่า ชอบยืนทรงตัวให้สมดุลย์กับการโครงเครงของเรือ ทำให้เมื่อลงจากเรือขึ้นฝั่งที่สงขลาแล้ว ยังมีอาการเมาเรือต้องเดินหน้าถอยหลังตลอดต่ออีก 2-3 วันจึงหาย จนเพื่อนคนหนึ่งที่เมาเรือหนักและทานอาหารไม่ได้ เมื่อขึ้นฝั่งก็ขอแยกตัวกลับกรุงเทพฯ ก่อน ซึ่งผมกับเพื่อนที่เหลือยังอยู่เที่ยวสงขลา แล้วไปต่อตรังและภูเก็ตอีกหลายวันครับ
มาชมรูปกันดีกว่า มีไม่กี่รูปนะครับ(อยู่บนเรือวันที่ 9-11 เมษายน 2515)
เรือออกจากท่าสี่พระยา ที่กรุงเทพฯ (ผมกับเพื่อนและน้องสาวเพื่อนอีกคนที่ถ่ายรูปนี้)
เรือเริ่มออกจากท่า ล่องไปตามลำน้ำเจ้าพระยา
เห็นสะพานกรุงเทพ อยู่ข้างหน้า
เพื่อนอีกคน มองสะพานกรุงเทพเปิด(ยก)ให้เรือเราผ่าน
ออกอ่าวไทยมาแล้ว คิดว่าน่าจะปรึกษาเรื่องกิ๊กกันอยู่
พื้นที่ที่ใช้ชีวิตกินอยู่ หลับนอน 24 ชม.ตลอด 3 วัน 2 คืน บนเรือภาณุรังษี ร่วมกับ นทท.ต่างชาติ
อ่าวหน้าทอน ได้ลงเที่ยวเกาะสมุย 6 ชม. เพราะน้ำลง เรือออกจากท่าไม่ได้
หมดรูปช่วงไปถึงสงขลาเพียงเท่านี้ แต่ค้นข้อมูลของเรือภาณุรังษี มาเพิ่มต่ออีกนิด
ที่มาของชื่อเรือภาณุรังษี Cr. https://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข
รูปเรือภาณุรังษี Cr. https://www.facebook.com/CHANTistaandStories/photos
ประวัติและขนาดเรือภาณุรังษี Cr. https://www.facebook.com/CHANTistaandStories/photos
ขอบคุณนะครับ......... ที่ติดตามเข้ามาอ่านเรื่องของผม
ตามตอนต่อได้แล้ว ที่
****** "เมื่อผมอยากนั่งเรือกลับกรุงเทพฯ จากเกาะสมุย" https://ppantip.com/topic/39464834
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้