( ขอขอบคุณ ภาพ จาก internet )
(((( เสียงสะอื้น ))))
อรวรรณสาวออฟฟิศเช่าหอพักอยู่กับมาลัยพี่สาวคนละฝาต่างพ่อต่างแม่แต่
รักใคร่กันฉันท์พี่กับน้องท้องเดียวกันถูกโฉลกต้องตาตั้งแต่เธอเข้าทำงานที่บริษัทฯ นี้
เป็นครั้งแรก แต่แล้วไม่นาน มาลัยก็พลิกผันตัวเองออกมาจากพนักงานบริษัทฯ ไป
ทำงานแคชเชียร์ในผับบาร์ยามราตรี ส่วนอรวรรณก็ยังเป็นสาวออฟฟิศเกาะติดอยู่ที่
เดิมไม่ยอมออกไปไหน เหตุเพราะออฟฟิศกับหอพักอยู่ใกล้กันประหยัดค่ารถ เดินไป
ไม่กี่นาทีก็ถึง
อรวรรณทำงาน แปดโมงเช้าเลิกห้าโมงเย็นวันไหนมีงานด่วนต้องเคลียร์ก็เลิกสามทุ่ม
ถือว่าดึกสุดส่วนมาลัยเริ่มทำงานหนึ่งทุ่มเลิกตีสามตีสี่บางทีก็ตีห้าช้าสุดก็หกโมงเช้า
เจอกันก็แค่งัวเงียทักทายแล้วหลับต่อ ไม่ก็สลับที่กัน มาลัยทิ้งตัวลงนอน อรวรรณ
ลุกขึ้นมาอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงาน
หอพักสร้างขึ้นสองชั้นมีห้องให้เช่าชั้นละสี่ห้องตรงกลางเป็นทางเดินกว้างเมตรครึ่ง
อรวรรณกับมาลัยเช่าอยู่ชั้นสองห้องแรกสุดด้านซ้ายมือ ประมาณว่าเดินขึ้นบันไดเจอ
ระเบียงสำหรับชั้นวางรองเท้าเลี้ยวขวาอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงประตูห้อง
“พี่ลัยหนูออกไปทำงานแล้วนะ” อรวรรณส่งเสียงปลุกมาลัยให้รู้ว่าตัวเองจะไป
ทำงานแล้ว
“อือ” เสียงอู้อี้ตอบรับมาจากคนนอนมุดหน้าซุกอยู่กับหมอนข้างใบเก่าสีขาวล้วน
ซีดจางแต่ยังแลดูสะอาดตา
“พี่หมู นี่ชั้นไม้ของใครมาวางตรงนี้” อรวรรณสะดุดตาร้องถามคนชื่อหมูที่อยู่ห้องฝั่งตรงข้าม
เยื้องไปทางซ้ายเห็นประตูเปิดกว้าง หลุบสายตาหันไปมองด้านขวาจับจ้องอยู่
กับชั้นวางของสูงประมาณหนึ่งเมตรกว้างสองฟุตมีสามชั้นดูเหมือนเป็นไม้เก่าแก่
โบราณสีน้ำตาลเข้มเคลือบเงาวาววับ วางอยู่บนทางเดินติดผนังห้องของเธอ ซึ่งอยู่
ห่างกับหัวนอนราวสองเมตร
“ไม่รู้ของใคร พี่ก็เพิ่งเห็น” หมูตอบขณะเดินก้าวออกมาปิดประตูห้องล็อกกุญแจ
“อรว่าไม้มันดูเก่าโบราณมากเลยนะ น่าจะของห้องตรงข้ามเห็นเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่”
อรวรรณมองชั้นไม้เก่าแก่โบราณอย่างพินิจพิจารณา และสัมผัสได้ถึงพลังงาน
บางอย่างที่เธอเองไม่อยากคิด
“คงใช่มั้ง มีอะไรป่าวทำไมอรถึงสนใจจัง” หมูหันมาสบตาอรวรรณเชิงสงสัย
“ไม่รู้สิพี่ รู้สึกแปลกๆ บอกไม่ถูก” อรวรรณตอบกลับส่ายศีรษะ หันหลังไปมองชั้นไม้
เก่าแก่โบราณอีกครั้งก่อนเดินลงบันไดไปพร้อมกับหมูซึ่งทำงานอยู่ที่บริษัทฯ เดียวกัน
นาฬิกาเรือนจิ๋วของก๊อปตามตลาดนัดบนข้อมือซ้ายของอรวรรณบอกเวลา
สามทุ่มเศษ วันนี้เธอต้องเคลียร์งานเอกสารด่วนกว่าจะแล้วเสร็จก็สองทุ่มพากันเดินกลับ
หอพักแวะทานก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยกินเวลาไปร่วมชั่วโมง
“พี่หมูว่าชั้นไม้เก่าแก่โบราณเมื่อเช้ามันจะยังอยู่ไหม” จู่ๆ อรวรรณก็ถามอีกคนขณะกำลัง
ก้าวขาขึ้นบันได แสงไฟหลอดยาวตามทางเดินบนหอพักสว่างบ้างแต่ไม่จ้าเท่ากลางวัน
“คงมีคนเอาไปไว้ในห้องแล้วมั้ง”
“มันยังอยู่พี่ นั่นไง” อรวรรณทำปากยื่นสายตาสบกับชั้นไม้เข้าพอดีมันยังคงตั้งอยู่จุดเดิม
เฉกเช่นตอนเช้า แสงสลัวของหลอดไฟอาบคลุมชั้นไม้เก่าแก่โบราณกอปรกับเงาดำทมิฬ
ของมันทอดยาวออกมาคลับคล้ายคลับคลามีใครคนหนึ่งนั่งทับซ้อน
แล้วใครเล่าจะรู้สึกตะครั่นตะครอไม่สบายใจเมื่อได้พบเห็นเหมือนกับเธอบ้าง
มีอะไรบางอย่างทำให้เธอขนลุกขนชันขึ้นมาแบบไม่รู้สาเหตุ
“เขาคงจัดห้องไม่เสร็จเลยยังไม่เอาเข้าไปเก็บหรือเปล่า ทำไม อรอยากได้เหรอ
ขโมยเอาไปไว้ในห้องเลยไหม ฮ่า ฮ่า” อีกฝ่ายออกความคิดปนเสียงหัวเราะมอง
เป็นเรื่องไร้สาระ
“พี่หมู คืนนี้อรไปนอนที่ห้องพี่ด้วยได้ป่าว” อรวรรณเอ่ยถามขึ้นดื้อๆ โดยอัตโนมัติ
“กลัวอะไร อย่าบอกนะว่าอรกลัวชั้นไม้นั่น ฮ่า ฮ่า” อีกคนยังเห็นเป็นเรื่องตลก
ขบขันในขณะที่อีกคนรู้สึกกระวนกระวายหวาดหวั่นสิ่งนั้นขึ้นมาจนขนลุก
“จะมาก็มาแต่ว่าที่นอนพี่มันแคบนะ พี่กับนิ่ม ก็เต็มแล้ว อรมาอีกได้เบียดกันตกที่นอน”
หมูตอบรับเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายซีดจางและตื่นตระหนกจนน่าสงสาร
“งั้นไม่เป็นไรพี่ คงไม่มีอะไร อรคิดมากไปเอง” ปากบอกไปแบบนั้นแต่ร่างกายดัน
ส่ออาการตรงกันข้าม น้ำเสียงประหม่า หัวใจเต้นเร็วแรงผิดจังหวะกระสับกระส่าย
มือไม้สั่นเทา รีบล้วงกระเป๋าถือควานหากุญแจมาเปิดประตูห้อง ทำเหมือนว่ากลัวจะมี
บางสิ่งบางอย่างที่อาศัยอยู่กับชั้นไม้เก่าแก่โบราณย่องเงียบอยู่ทางด้านหลังขอเข้าไป
ในห้องด้วยยังไงยังงั้น
“ไม่มีอะไรหรอกอร คิดไปเอง” หมูสังเกตเห็นเพื่อนรุ่นน้องตกอยู่ในอาการหวาดกลัว
อย่างเห็นได้ชัดขณะกำลังยืนเปิดประตูห้อง
“คงงั้นมั้งพี่” เธอพูดปลอบใจตัวเองพยายามทำน้ำเสียงให้ปกติ แต่อากัปกิริยากลับดู
สวนทาง
เปิดประตูได้คลำหาสวิตช์ไฟข้างผนังเพื่อให้ภายในห้องสว่างไสว ดีกว่ามืดมิด แล้วรีบ
ก้าวเข้าห้องกดล็อกกลอนประตูลูกบิด เดินตรงไปเปิดพัดลมคอยาวสีเขียวอ่อนตั้งอยู่
อีกฝั่งของห้อง วางกระเป๋าและกุญแจบนโต๊ะญี่ปุ่นขนาดเล็กด้านข้างที่นอนของเธอมี
วิทยุตั้งวางอยู่ก่อนแล้ว
จากนั้นรุดเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำไม่ถึงห้านาทีก็ออกมาสวมใส่ชุดนอนเสื้อยืดกางเกง
ขาสั้น ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนหยิบหมอนข้างมากอดก่ายนอนตะแคงเอาหัวซุกหมอน
ข้างใบเก่าซึ่งเมื่อเช้าพี่มาลัยใช้งานไปแล้ว ปิดแสงจากหลอดไฟมาบังใบหน้า กลิ่น
ดอกไม้หอมอ่อนๆ จากน้ำยาปรับผ้านุ่ม แตะปลายจมูกแนบชิดสูดลมหายใจ
เข้าออกกับหมอนข้าง ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย บวกกับความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน
ล่วงเวลาจึงทำให้เธอข่มตาหลับได้ภายในไม่กี่นาที
(ต่อ)
เสียงสะอื้น
( ขอขอบคุณ ภาพ จาก internet )
(((( เสียงสะอื้น ))))
อรวรรณสาวออฟฟิศเช่าหอพักอยู่กับมาลัยพี่สาวคนละฝาต่างพ่อต่างแม่แต่
รักใคร่กันฉันท์พี่กับน้องท้องเดียวกันถูกโฉลกต้องตาตั้งแต่เธอเข้าทำงานที่บริษัทฯ นี้
เป็นครั้งแรก แต่แล้วไม่นาน มาลัยก็พลิกผันตัวเองออกมาจากพนักงานบริษัทฯ ไป
ทำงานแคชเชียร์ในผับบาร์ยามราตรี ส่วนอรวรรณก็ยังเป็นสาวออฟฟิศเกาะติดอยู่ที่
เดิมไม่ยอมออกไปไหน เหตุเพราะออฟฟิศกับหอพักอยู่ใกล้กันประหยัดค่ารถ เดินไป
ไม่กี่นาทีก็ถึง
อรวรรณทำงาน แปดโมงเช้าเลิกห้าโมงเย็นวันไหนมีงานด่วนต้องเคลียร์ก็เลิกสามทุ่ม
ถือว่าดึกสุดส่วนมาลัยเริ่มทำงานหนึ่งทุ่มเลิกตีสามตีสี่บางทีก็ตีห้าช้าสุดก็หกโมงเช้า
เจอกันก็แค่งัวเงียทักทายแล้วหลับต่อ ไม่ก็สลับที่กัน มาลัยทิ้งตัวลงนอน อรวรรณ
ลุกขึ้นมาอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงาน
หอพักสร้างขึ้นสองชั้นมีห้องให้เช่าชั้นละสี่ห้องตรงกลางเป็นทางเดินกว้างเมตรครึ่ง
อรวรรณกับมาลัยเช่าอยู่ชั้นสองห้องแรกสุดด้านซ้ายมือ ประมาณว่าเดินขึ้นบันไดเจอ
ระเบียงสำหรับชั้นวางรองเท้าเลี้ยวขวาอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงประตูห้อง
“พี่ลัยหนูออกไปทำงานแล้วนะ” อรวรรณส่งเสียงปลุกมาลัยให้รู้ว่าตัวเองจะไป
ทำงานแล้ว
“อือ” เสียงอู้อี้ตอบรับมาจากคนนอนมุดหน้าซุกอยู่กับหมอนข้างใบเก่าสีขาวล้วน
ซีดจางแต่ยังแลดูสะอาดตา
“พี่หมู นี่ชั้นไม้ของใครมาวางตรงนี้” อรวรรณสะดุดตาร้องถามคนชื่อหมูที่อยู่ห้องฝั่งตรงข้าม
เยื้องไปทางซ้ายเห็นประตูเปิดกว้าง หลุบสายตาหันไปมองด้านขวาจับจ้องอยู่
กับชั้นวางของสูงประมาณหนึ่งเมตรกว้างสองฟุตมีสามชั้นดูเหมือนเป็นไม้เก่าแก่
โบราณสีน้ำตาลเข้มเคลือบเงาวาววับ วางอยู่บนทางเดินติดผนังห้องของเธอ ซึ่งอยู่
ห่างกับหัวนอนราวสองเมตร
“ไม่รู้ของใคร พี่ก็เพิ่งเห็น” หมูตอบขณะเดินก้าวออกมาปิดประตูห้องล็อกกุญแจ
“อรว่าไม้มันดูเก่าโบราณมากเลยนะ น่าจะของห้องตรงข้ามเห็นเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่”
อรวรรณมองชั้นไม้เก่าแก่โบราณอย่างพินิจพิจารณา และสัมผัสได้ถึงพลังงาน
บางอย่างที่เธอเองไม่อยากคิด
“คงใช่มั้ง มีอะไรป่าวทำไมอรถึงสนใจจัง” หมูหันมาสบตาอรวรรณเชิงสงสัย
“ไม่รู้สิพี่ รู้สึกแปลกๆ บอกไม่ถูก” อรวรรณตอบกลับส่ายศีรษะ หันหลังไปมองชั้นไม้
เก่าแก่โบราณอีกครั้งก่อนเดินลงบันไดไปพร้อมกับหมูซึ่งทำงานอยู่ที่บริษัทฯ เดียวกัน
นาฬิกาเรือนจิ๋วของก๊อปตามตลาดนัดบนข้อมือซ้ายของอรวรรณบอกเวลา
สามทุ่มเศษ วันนี้เธอต้องเคลียร์งานเอกสารด่วนกว่าจะแล้วเสร็จก็สองทุ่มพากันเดินกลับ
หอพักแวะทานก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยกินเวลาไปร่วมชั่วโมง
“พี่หมูว่าชั้นไม้เก่าแก่โบราณเมื่อเช้ามันจะยังอยู่ไหม” จู่ๆ อรวรรณก็ถามอีกคนขณะกำลัง
ก้าวขาขึ้นบันได แสงไฟหลอดยาวตามทางเดินบนหอพักสว่างบ้างแต่ไม่จ้าเท่ากลางวัน
“คงมีคนเอาไปไว้ในห้องแล้วมั้ง”
“มันยังอยู่พี่ นั่นไง” อรวรรณทำปากยื่นสายตาสบกับชั้นไม้เข้าพอดีมันยังคงตั้งอยู่จุดเดิม
เฉกเช่นตอนเช้า แสงสลัวของหลอดไฟอาบคลุมชั้นไม้เก่าแก่โบราณกอปรกับเงาดำทมิฬ
ของมันทอดยาวออกมาคลับคล้ายคลับคลามีใครคนหนึ่งนั่งทับซ้อน
แล้วใครเล่าจะรู้สึกตะครั่นตะครอไม่สบายใจเมื่อได้พบเห็นเหมือนกับเธอบ้าง
มีอะไรบางอย่างทำให้เธอขนลุกขนชันขึ้นมาแบบไม่รู้สาเหตุ
“เขาคงจัดห้องไม่เสร็จเลยยังไม่เอาเข้าไปเก็บหรือเปล่า ทำไม อรอยากได้เหรอ
ขโมยเอาไปไว้ในห้องเลยไหม ฮ่า ฮ่า” อีกฝ่ายออกความคิดปนเสียงหัวเราะมอง
เป็นเรื่องไร้สาระ
“พี่หมู คืนนี้อรไปนอนที่ห้องพี่ด้วยได้ป่าว” อรวรรณเอ่ยถามขึ้นดื้อๆ โดยอัตโนมัติ
“กลัวอะไร อย่าบอกนะว่าอรกลัวชั้นไม้นั่น ฮ่า ฮ่า” อีกคนยังเห็นเป็นเรื่องตลก
ขบขันในขณะที่อีกคนรู้สึกกระวนกระวายหวาดหวั่นสิ่งนั้นขึ้นมาจนขนลุก
“จะมาก็มาแต่ว่าที่นอนพี่มันแคบนะ พี่กับนิ่ม ก็เต็มแล้ว อรมาอีกได้เบียดกันตกที่นอน”
หมูตอบรับเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายซีดจางและตื่นตระหนกจนน่าสงสาร
“งั้นไม่เป็นไรพี่ คงไม่มีอะไร อรคิดมากไปเอง” ปากบอกไปแบบนั้นแต่ร่างกายดัน
ส่ออาการตรงกันข้าม น้ำเสียงประหม่า หัวใจเต้นเร็วแรงผิดจังหวะกระสับกระส่าย
มือไม้สั่นเทา รีบล้วงกระเป๋าถือควานหากุญแจมาเปิดประตูห้อง ทำเหมือนว่ากลัวจะมี
บางสิ่งบางอย่างที่อาศัยอยู่กับชั้นไม้เก่าแก่โบราณย่องเงียบอยู่ทางด้านหลังขอเข้าไป
ในห้องด้วยยังไงยังงั้น
“ไม่มีอะไรหรอกอร คิดไปเอง” หมูสังเกตเห็นเพื่อนรุ่นน้องตกอยู่ในอาการหวาดกลัว
อย่างเห็นได้ชัดขณะกำลังยืนเปิดประตูห้อง
“คงงั้นมั้งพี่” เธอพูดปลอบใจตัวเองพยายามทำน้ำเสียงให้ปกติ แต่อากัปกิริยากลับดู
สวนทาง
เปิดประตูได้คลำหาสวิตช์ไฟข้างผนังเพื่อให้ภายในห้องสว่างไสว ดีกว่ามืดมิด แล้วรีบ
ก้าวเข้าห้องกดล็อกกลอนประตูลูกบิด เดินตรงไปเปิดพัดลมคอยาวสีเขียวอ่อนตั้งอยู่
อีกฝั่งของห้อง วางกระเป๋าและกุญแจบนโต๊ะญี่ปุ่นขนาดเล็กด้านข้างที่นอนของเธอมี
วิทยุตั้งวางอยู่ก่อนแล้ว
จากนั้นรุดเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำไม่ถึงห้านาทีก็ออกมาสวมใส่ชุดนอนเสื้อยืดกางเกง
ขาสั้น ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนหยิบหมอนข้างมากอดก่ายนอนตะแคงเอาหัวซุกหมอน
ข้างใบเก่าซึ่งเมื่อเช้าพี่มาลัยใช้งานไปแล้ว ปิดแสงจากหลอดไฟมาบังใบหน้า กลิ่น
ดอกไม้หอมอ่อนๆ จากน้ำยาปรับผ้านุ่ม แตะปลายจมูกแนบชิดสูดลมหายใจ
เข้าออกกับหมอนข้าง ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย บวกกับความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน
ล่วงเวลาจึงทำให้เธอข่มตาหลับได้ภายในไม่กี่นาที
(ต่อ)