ตอนเป็นเด็กเล็กๆช่วงก่อนเข้าโรงเรียนผมชอบไปนอนบ้านปู่ เพราะอาผู้หญิงสองคนยังไม่แต่งงานชอบมาอุ้มไปนอนด้วย บ้านปู่เป็นบ้านไม้สองชั้นใต้ถุนโล่งเหมือนบ้านชนบททั่วไป หลังคามุงด้วยหญ้าคา ฝาบ้านทำจากไม้ไผ่ บ้านปู่จะมีชานบ้านยาวตลอดความยาวของตัวบ้าน มีบันไดขึ้นสองฝั่ง ตัวชานบ้านที่ติดกับตัวบ้านจะมีหลังคาหญ้าคาลาดคลุมลงมา ส่วนอีกสองปลายเปิดโล่ง ด้านหนึ่งติดสวนเป็นพื้นที่ทำครัว อีกด้านเป็นที่โล่ง ไว้สำหรับเข็นฝ้าย ดีดฝ้าย ส่วนพื้นที่ที่นอนของปู่กับย่า และอาจะยกสูงขึ้นมาประมาณอกเด็ก ผมจำได้ว่าผมปีนขึ้นปีนลงได้ แต่ลำบากหน่อย ตรงมุ้งปู่กับย่าไม่มีฉากไม้ไผ่บัง ฝั่งมุ้งอากับผมที่นอนด้วยกันจะมีฉากกั้นไว้ จากขายบ้าน แต่ไม่มีฉากกั้นระหว่างมุ้งปู่ย่ากับอา ปู่กับย่าด้วยความที่อายุเยอะจะนอนเร็วตื่นเช้า เวลาตื่นจะมาเปิดวิทยุทรานซิสเตอร์คลื่นเอเอ็มบ้าง คุยกันบ้างเป็นปกติ (จำได้ว่าหัวค่ำจะมีข่าวไทยรบกับลาวออกมาทุกวัน แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน ด้วยความที่เป็นหมู่บ้านชายแดนติดแม่น้ำโขง ย่าจะกลัวมาก ชอบเกณฑ์ลูกๆหลานๆให้กินข้าวแต่หัววัน มีอะไรจะได้มีแรงหนี) บ้านคนอิสานในอดีตส่วนใหญ่กลางคืนจะชักบันไดบ้านขึ้น นัยว่า กันหมา กันสัตว์ร้าย กันโจรขึ้นบ้านอยู่มาคืนหนึ่ง ผมตื่นกลางดึกเพราะปวดฉี่มาก เลยมุดมุ้งอาออกมาจะออกไปฉี่ ปกติก็จะปลุกย่าให้เอาบันไดบ้านลงให้พาไปฉี่ด้านที่ติดกับสวน เพราะบันไดอีกด้าน ติดทางเดินไปสวนไปนา ย่าไม่ให้ฉี่ฝั่งนั้นกลัวคนเหม็น อีกอย่างคนอิสานถือเรื่องฉี่รดบันไดบ้านจึงห้ามยืนฉี่จากบนบ้านลงมาเด็ดขาด ขณะที่กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดมุ้งปลุกย่า ตาผมมองไปที่ชานบ้านเห็นผู้หญิงหัวฟูๆ (ย่าตัดผมสั้นและเป็นคนผมหยิกมาก) นั่งเอนตัวไปข้างหน้าลักษณะเหมือนเอาศอกรับน้ำหนักที่มีหมอนขิดรองอีกที เลยนึกว่าย่า ก็เลยปีนจากที่นอนลงไปจะบอกให้ย่าเอาบันไดลงให้ ขณะที่ขาแรกผมหย่อนลงไป ส่วนบนยังพาดอยู่กับพื้นที่นอน (หันหลังลง) กำลังจะเอาขาอีกข้างลงตามไป ก็มีมือโผล่ออกมาจากมุ้งย่าจับแขนผมไว้ ผมตกใจร้องลั่น จนย่าโผล่ออกมาจากมุ้งแล้วถามว่าจะไปไหน เลยบอกย่าว่าปวดฉี่ ย่าถามกลับว่าแล้วทำไมไม่บอกย่าก่อน ผมเลยงงๆ บอกย่าไปว่า เมื่อกี้ย่านั่งอยู่ชานบ้านกำลังจะลงไปบอก แล้วย่าก็จับแขนผมไว้ ค่อยๆ หย่อนผมลงมา พอเท้าแตะพื้นชานบ้าน เค้าก็ยังหันมามองผมแวบนึง แต่เห็นหน้าไม่ชัด เพราะมันมืดเป็นเงา ๆ แม้จะเป็นข้างขึ้นก็ตาม แล้วย่าก็ตามลงมา เอาบันไดบ้านลงให้ แล้วพาไปฉี่ พอฉี่เสร็จขึ้นบ้านล้างเท้าตรงชาน เดินผ่านมาก็ยังนั่งที่เดิม เลยถามย่าไปว่า ย่าอีกคนเป็นใคร ย่ากลับบอกว่าอย่าสนใจเขาเลย เขาอยู่ที่นี่มานานแล้ว นอนๆ แล้วย่าก็อุ้มผมขึ้น เข้ามุ้งนอน จนโตมามีบางครั้งที่สงสัยแล้วถามย่า ย่าบอกว่าไม่มีใครเห็นเลยนอกจากผม ที่บอกว่าเขาอยู่มานานแล้ว เพราะตั้งแต่ปมเริ่มพูดได้ เวลามาบ้านย่า เหมือนผมจะคุยกับใครตลอด จนเริ่มรู้ความ เวลาย่าถาม อาถาม ว่าคุยกับใคร ผมก็จะบอกลักษณะผู้หญิงคนนี้ตลอด พอโตขึ้นหลังๆผมมาบ้านย่าก็ไม่เจอแล้ว จนครั้งนี้ที่ผมบอกนั่นแหละย่าเลยบอกเขาอยู่มานาน แต่ก่อนหน้านั้นผมจำความไม่ได้ หลังจากจำความได้บ้างแล้ว ก็มีภาพย่าคนที่สองคนนั้นแหละที่ติดตาจนจำได้ถึงตอนนี้
ย่ามีสองคน