สวัสดีค่ะ งวดนี้หวยออกที่ จีน ค่ะ !!!
 
ขอเกริ่นสักนิดว่า จขกท. ไม่เคยได้ไปจีนมาก่อน และไม่เคยคิดว่าจะไปค่ะ 
อาจจะด้วย มารยาทของคนจีนที่เคยเจอมา
และประสบการณ์ที่มีคนเล่าให้ฟัง ทั้งเรื่องขี้โกง ห้องน้ำ แซงคิว 
หรือพฤติกรรมต่างๆ ที่แปลกไปจากสังคมไทย ไม่คุ้นชิน
"เมืองจีน" จึงไม่อยู่ในลิสต์ ที่อยากไปเที่ยวเลยค่ะ
(ไม่ได้เหยียดนะคะ แต่เป็นความรู้สึก/ความชอบส่วนบุคคล)
 
แต่ และแล้ววันนี้ก็มาถึง เมื่อ Schedule การประชุมครั้งนี้ออกมา เป็น ประเทศจีนค่ะ  !!!
ตอนที่ทราบสถานที่จัดประชุมแว๊บแรก... เราหวังใจว่า เอาวะ... อย่างน้อย ก็เซี่ยงไฮ้ หรือ ปักกิ่ง ก็ยังดี
"zhengzhou" เจิ้งโจว จ้าาาาาา
เมืองอะไร ถามใครก็ไม่รู้จัก 
ก็ไปมันเบลอๆ แบบนี้แหละค่ะ ไปถึงเดี๋ยวก็รู้จักกันเอง
 
อ่อ มีแอบ Google มาเล็กน้อย ว่า
เมือง zhengzhou อยู่ในมณฑล Henan (มณฑลเหอหนาน)
("เหอหนาน" นะคะ !! จขกท นี่ "หนาน หนาน" อย่างมั่นใจไปตั้งหลายรอบ น่าอายมาก 555)
เป็น เมืองเอกของจังหวัด และตอนนี้กำลังผลักดันการสร้างเมืองให้เจริญ
ให้เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญ ค่ะ .... ค่ะ !! Google มาแค่นี้แหละค่ะ !!
 
การรีวิวครั้งนี้ เป็นประสบการณ์ที่เจ้าของกระทู้ไปเจอมานะคะ
ไม่ได้มีที่ท่องเที่ยว ไม่ได้มีร้านอาหารแฟนซี
แต่เป็นรีวิว Real Life ของการไปอยู่ 10 วัน
อาจจะไม่ได้ประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการไปตามรอย ถือว่าเอาเพลินๆ แล้วกันนะคะ
 
1. การจัดกระเป๋า...แน่นอนค่ะ ... มาม่าทุกรส ทุกชาติ ไทย เกาหลี ญี่ปุ่น
ทิชชู่เปียกนิดหน่อย (เพราะการประชุมส่วนใหญ่อยู่ในโรงแรม ไม่น่ากลัวมาก)
ของอื่นๆ ก็ทั่วไปค่ะ เน้น อาหารแห้งเป็นหลัก ทำงานเหนื่อยได้ แต่ท้องหิวไม่ได้ค่ะ

ถึงสนามบินแวะเติมพลัง ที่ MIRACLE BC/FIRST CLASS LOUNGE
หากท่านใดมีสิทธิ แนะนำให้มาใช้ที่  concourse D นะคะ มีอาหารปรุงร้อน ที่นั่งสบายกว้างขวาง
จขกท จัดเต็มมากค่ะ ข้าวหน้าเป็ดอร่อยมาก
มีอาหาร เครื่องดื่ม ขนม บริการเยอะพอสมควร เดี๋ยววันหลังจะรีวิว Lounge ให้ชมนะคะ

 
2. โรงแรมที่พักชื่อ Noble International Hotel ก็ดูดีค่ะ
ไฟลท์ถึงรอบดึก รีบนอนเอาแรง 
ตื่นเช้ามา ตั้งใจว่าอาหารเช้าจะจัดเต็มค่ะ พนักงานแอบบอกว่า อาหารเช้าที่นี่เสริฟ Typical Zhengzhou-Chinese breakfast
มันต้องเก๋ไก๋แน่ๆ เรามันชอบของพื้นเมือง ท้องถิ่น Local อยู่แล้ว


อาหารเช้า ค่ะ ...
 
หากคุณเป็นคนรักสุขภาพ อาหารเช้าแห่งเมืองเจิ้งโจว คือตอบโจทย์ !!!
เพราะที่นี่ มี แต่ ผัก ผัก ผัก ผัก ผัก  หาอาหารที่ประกอบไปด้วยเนื้อ แทบไม่มีค่ะ  //จะร้องไห้แล้วนะ T T

 
เดินสำรวจไลน์อาหารไปเรื่อยๆ เห็น หม้อซุปใหญ่เบ้อเริ่ม
กลิ่นหอมน่ารับประทาน เคียงเครื่องด้วยปาท่องโก๋ จะต้องเป็นสูตรดั้งเดิมแน่ๆ อร่อยแน่ๆ
 
ความหวังได้พังทลายลงไป เมื่อ ซุป ข้น เมือก หนืด เย็น ดังกล่าว
มีรสชาติเค็ม และมี Texture ที่ทานแล้วเหมือนมีเสลดติดที่คอตลอดเวลา พระเจ้านี่คืออาหารเช้าหรือคะ 555
ในส่วนของ ปาท่องโก๋  เมื่อใช้อุ้งมืออ้วนๆ ของเราหยิบขึ้นมา ... แรกสัมผัสคือ น้ำมันที่โอบอุ้มน้องค่ะ
ทานไม่ไหวจริงๆค่ะ กัดทีน้ำมันไหลออกมาสามลิตร 555 เว่อร์ไปนิดค่ะ  ฮือออ หิว


สรุปของที่ตักมาได้ค่ะ
โจ๊กข้าวโพด
เส้นใหญ่ราดซอสถั่วลิสง
เต้าหู้ยี้
เต้าหู้นึ่งไข่เยี่วยวม้า
เห็ดหูหนูเย็น
และเห็ดผัดค่ะ
เก๋ๆ นึกว่านั่งทานข้าวต้มมื้อดึกอยู่

 
3. ในส่วนของการเดินทาง ในเมืองเจิ้งโจว มีทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน แท๊กซี่ รถเมล์
วันนี้ประชุมเลิกเร็ว เราจึงเลือกเดินทางด้วยรถแท๊กซี่ ไปช้อปปิ้งในห้างค่ะ
เรานั่งไปคนเดียว ตอนแรกก็เสียวๆ เหมือนกันนะคะ ว่าจะอันตรายมั้ย  แต่พนักงานโรงแรมบอกว่าที่นี่ไม่ค่อยมีอาชญากรรม
คิดในใจ  อยากช้อปก็ต้องเสี่ยง... ไปค่ะ!!  (เล่าให้แม่ฟัง แม่ด่าใหญ่เลย เป็นห่วงเหมือนลูกตัวเองสวยมาก ป่าว เป็นห่วงคนอื่น 555)
 
ในส่วนของแท๊กซี่นั้น....ไม่โกง ค่ะ แต่มองหน้ากรูตลอดเวลา
ตลอดดดดดดด เวลาาาาาาาาา
(สังเกตุ กระจกมองหลังนะคะ จะมีสายตาจ้องมอง)
และ ชวนคุยเก่งงงง ค่ะ
โอโห ดิชั้นพยายามเป็นทูตวัฒนธรรม เต็มที่แล้ว ไม่รอดค่ะ......เรานั่งเงียบกันเถิดจ่ะพ่อหนุ่ม
 
 
4. หิวมาก เดินผ่านร้านอาหาร เห็นป้ายหน้าร้านดูน่ารับประทาน
เลยถ่ายรูปนี้ไว้แล้วเอาไปสั่งที่ด้านในค่ะ

ไม่เข้าใจ ว่าตัวเองทำอะไรผิด โชร์รูปเมื่อกี้นะคะ
แต่ได้จานนี้มา (ถ้าให้เดาน่าจะ หมด) 
คนขายไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้  ส่วนเราก็ไม่มีความรู้ภาษาจีนเลย 
ก็ทำเท่าที่ทำได้ โดยการสื่อสารด้วยภาษามือค่ะ
บอกเลยว่า กว่าจะสั่งได้ เหมือนเห็นภาพตัวเองรำฉุยฉาย รอบเค้าท์เตอร์อาหารอยู่อ่ะค่ะ
 
และที่เห็นเป็นซุปเกี๊ยวนี้ ตอนแรกเสริฟมาแบบ น้ำใส นะคะ

จืดมาก เลยเดินไปใส่เครื่องปรุงค่ะ  ไม่รู้มันคืออะไรบ้าง ก็ใส่มันทุกอย่าง จนสีดูแซ่บ แต่แท้จริงแล้วนั้น 
แหลก ม่าย ล่าย กว่าเดิมอีกจ้า
แต่ตัวเกี๊ยวและไส้หมูสับอร่อยดีนะคะ แป้งก็ไม่เละ ดึ๋งๆ ถือว่าดีค่ะ

ภาพนี้คือเหลือบไปเห็นโต๊ะข้างๆ ซาลาเปาน่าทานมาก เลยขอเค้าถ่ายรูปไปสั่งค่ะ
เป็นไส้หมูสับกับข้าวโพด

และ นี่ คือ สิ่ง ที่ เรา ได้ ค่ะ !!!!!!!
โอเคคค ชั้นเป็นคนรักสุขภาพค่ะ 

5. มาในส่วนของการช้อปปิ้งกันบ้าง ที่เรียกว่าย่าน Erqi Memorial Tower 
จะมีทั้งห้างใหญ่ หรู เหมือนพารากอน
และ stand alone shop คล้ายๆ สยามแควร์ 
เป็นเหมือนแหล่งรวมวัยรุ่น ค่ะ คนเยอะมาก

เราประทับใจร้านกระเป๋าเก๋ๆ ร้านนี้ค่ะ  ชาร์ฟ แอนด์ เควฟ ค่ะ 5555
//สิงค์โปร์จะต้องร้องไห้


6. ถ้าพูดถึง เรื่องการต่อคิวในจีน 
เค้าก็จะมีพฤติกรรมการต่อคิวที่แตกต่างไปจากเมืองไทยค่ะ 
อย่างเช่น..... เหตุการณ์ระหว่างที่ จขกท. กำลังต่อแถวจ่ายเงินที่ ร้านขายเสื้อผ้า H & M ค่ะ
คืออย่างในร้านที่เมืองไทย เราก็จะเข้าแถวตามลูกศร สีแดง
ก็ทางร้านวางชั้นวางของเป็นล๊อคๆ ให้สะขนาดนี้
เราก็ต้องต้องเดินตามล๊อคนั้นอ่ะเนอะ

แต่ไม่จ่ะ .... ยืนหนึ่งคนจีน เข้าแถวจากทางออกจ่ะ !!!!
เข้าแถวจากทุกทิศทาง ทั้งจากลูกศร สีแดง และสีเขียวจ่ะ
แล้วเค้าเข้าแถวแบบ ตัวชิดติดกันจริงๆ
เรายืนอยู่ตรง เครื่องหมายดาวสีเหลืองค่ะ แล้วก็มีคนจีนต่อแถวจากทางด้านซ้าย และ จากทางด้านขวา ดาหน้ากันติดชิดเข้ามา
ยืนชิดมาก แบบ มากกกกกกกก เหมือนอยากจะสิงเรา
ชนิดลมหายใจเหม็นๆ ของนาย เราได้กลิ่นนะ 
น่ากลัวมากค่ะ

ไหนๆ ก็กล่าวถึงการแซงคิวแล้ว ขากลับที่สนามบิน เราก็เจอค่ะ
เราเข้าแถวรอ xray กระเป๋า ก่อนขึ้นเครื่อง
มนุษย์ป้าข้างหน้าเรา นางเรียกเพื่อนที่เพิ่งมาต่อท้ายแถว ให้มายืนด้วยกัน
เสียงดังประหนึ่งกระบังลมป้าจะหลุดออกมา ข้ามหัวคนที่ยืนเข้าคิวอยู่ประมาณ 20 คน
เพื่อนป้า กำลังเดินแทรกเข้ามาแล้ว คิดหรอคะว่าเราจะยอม...

เราแอบท่องศัพท์จีนมาแล้วค่ะ  เจอกันค่ะป้า !!! มาาาาาา
เราทำหน้าตาโกรธขั้นสุด
พร้อมตะโกนสุดเสียงงงงงงงง
“ผายตุ้ย !!! ผายตุ้ย !!!”
(ผายตุ้ย แปลว่า “ไปต่อแถว”)

แหนะ ยังจะพยายามแทรกมา
เรายืนกางแขนกัน เพื่อนป้า เลยจ่ะ
กางแขน 180 องศา พร้อมบอกอีกครั้ง
ว่า “ผายยยยยย ตุ้ยยยยยยยยย”
ป้า และ เพื่อนอิป้าชะงัก...
เอาสิ เอาสิ๊ ชั้นเอาจริง !!!
เพื่อนป้า ดูหงุดหงิด (หงุดหงิดทำไมแกแซงชั้น)
ทำท่าแบบ ไม่พอใจที่มีคนรู้ทัน แล้วก็ไปต่อแถว....
แต่การต่อแถวของเพื่อนป้านั้น ไม่ได้เดินไปต่อหลังสุด นาจาาาา
ต่อหลังเราเนี่ย !!!!!!!

เฮ้อออออ

7.  มีอีกเรื่องขำขำมาเล่าให้ฟังค่ะ........ อ่ะให้ดูรูปก่อน
ขอตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า "น้ำแข็งเย็นชื่นใจ ยินดีให้บริการ"

เราเป็นคนชอบกินน้ำใส่น้ำแข็ง คือแม้ว่าน้ำ จะเย็นมาอยู่แล้ว  ก็ยังชอบให้มีน้ำแข็งในแก้ว
ทีนี้มื้อเช้าโรงแรม มี น้ำเมลอน (ขวดสีส้ม) ดูท่าทางน่าอร่อย
เราเลยรินใส่แก้ว  รินเสร็จ ก็อยากจะขอน้ำแข็งสักแก้วนึง
เลยหันไปเจอ บ๋อยผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้ม หน้าตามั่นใจพร้อมให้บริการ

จขกท : Can I have a glass of ice ?
ด้วยความที่กลัวพนักงาน ฟังไม่รู้เรื่อง
มือก็พลางชี้แก้ว แล้วก็ชี้ไปที่น้ำแข็ง ที่อยู่ในกระบะในรูป
อยากจะสื่อให้น้องรู้ว่า น้ำแข็ง นะ .. หนึ่งแก้วนะ

น้องพนักงาน: Yes. Sure.
หน้าตานางคือ ภูมิใจอย่างถึงที่สุด ในความที่ ชั้นฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง ชั้นบริการคุณได้ ชั้นเต็มใจมาก
ตัดภาพมาที่....
น้องพนักงาน หยิบแก้วน้ำที่ว่างเปล่าหนึ่งใบ  เดินไปที่กระบะน้ำแข็ง ที่ใช้แช่ขวดน้ำต่างๆ ดังรูป
ใช้มือเปล่า !! เน้นย้ำ ..มือเปล่า
กวักน้ำแข็ง กร๊วก กร๊วก ใส่แก้ว ให้ เรา  ระหว่าง กร๊วก กร๊วก ก็หันมา มองแล้วยิ้มพิมพ์ใจให้เรา
พร้อมส่งแก้วน้ำให้ หน้าตามั่นใจยินดีให้บริการเช่นเคย

จขกท : Thank You // ยิ้มให้ (ในใจคือน้ำตาไหลพราก)
ทำไมน้องไม่เอาจาก cooler อ่ะคะ น้องงงง
ปลอบใจตัวเองด้วยการคิดว่า อาจจะเป็น culture ที่แบบกันเองๆ
แต่เราไม่ไหว  เราก็เลย ทำทีไปตักข้าวต้ม แล้วแกล้งทำเป็นลืมแก้วน้ำแข็ง นั้นไว้ที่มุมเค้าท์เตอร์
หนึ่งนาทีผ่านไป โอ้แม่เจ้า!!!
น้องพนักงานคนดีคนเดิม : You forgot your ice.
จขกท: รับมาแบบ เอ้ออออออ เอ้อออออ เอามา!
 

8. มาถึงอีกประสบการณ์นึง
ที่โรงแรมหรูก็ไม่รอดนะจ๊ะ วันนี้เรามีประชุมที่โรงแรมเชอราตัน ค่ะ
เข้าห้องน้ำ.... ตามภาพก็ดูเหมือนธรรมดา
ก้าวแรกไม่เป็นไร ก้าวต่อไปจะอ้วกแล้วค่ะ !!!!

เพื่อนๆ สังเกต เห็นปีก น้อยๆ ที่โผล่มาจากหลังฝาชักโครกมั้ยคะ
นั่นแหละค่ะ เราถ่ายมาให้เห็นแค่ปีก มันจะได้ไม่ดูน่าเกลียดเกินรับไหว
นั่นแหละค่ะ คุณผู้โชมมมมมม
สิ่งที่ดิฉันเห็น มันคือ เป็นวันมามากของเค้าแน่นอนค่ะ แน่นอนนนนน ค่ะ
ฮือออออ กลับเข้าประชุมต่อไม่รู้เรื่องค่ะ ภาพติดตามากแม่