[ความเดิม] ในกาแล็คซี่อันไกลโพ้น สิ่งมีชีวิตมากมายสร้างสังคมอยู่ร่วมกันในลักษณะประชาธิปไตย
และมีเจได/ผู้คนจำนวนหนึ่ง ซึ่งสามารถสัมผัสถึงสิ่งที่เรียกว่า 'พลัง' พร้อมนำมันมาใช้ทำเรื่องเหลือเชื่อได้ คอยรักษาสันติ
อยู่มาวันนึงสงครามระหว่างกลุ่มดาวในระบบสาธารณรัฐ กับกลุ่มดาวที่ต้องการแยกตัวเป็นอิสระได้เกิดขึ้น
โดยผลลัพธ์การปะทะกันของสาธารณรัฐที่ใช้กองทัพมนุษย์โคลน กับฝ่ายแบ่งแยกที่ใช้กองทัพดรอยด์ (หุ่นยนต์)
คือฝ่ายสาธารณรัฐชนะสงคราม และเปลึ่ยนการปกครองของพวกเขาเป็นรูปแบบ 'จักรวรรดิ' เผด็จการ
จักรวรรดิเผด็จการครองอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือหมู่ดาวทั่วกาแล็คซี่ยาวนานหลายสิบปี
ระหว่างนั้นพวกเขาเคยส่งกองทัพบุกกวาดล้างเผ่าพันธุ์นักสู้อย่าง 'แมนดาโลเรี่ยน' ครั้งใหญ่ (Great Purge)
พร้อมกับช่วงชิง 'เบสคาร์' (Beskar) โลหะล้ำค่าของชาวแมนดาลอร์ ไปตีตราจักรวรรดิใส่เพื่ออวดอ้างความเป็นเจ้าของ
จนเหล่าแมนดาลอร์ที่เหลือรอดอยู่ไม่มากต้องใช้ชีวิตหลบซ่อน พร้อมกัดฟันดิ้นรนเพื่ออนุรักษ์วิถีของพวกเขาไว้
ต่อมาหลังจักรวรรดิโดนโค่นอำนาจไปประมาณ 5 ปี, นักล่าเงินรางวัลที่มีแต่คนเรียกชื่อเผ่าแทนนามเขาว่า 'แมนดาโลเรี่ยน'
รับงานนำตัวเด็กน้อยที่สปีชีส์เดียวกับโยดา/เจไดในตำนาน ไปส่งนายจ้างลึกลับผู้มีกลุ่มสตอร์มทรูเปอร์จากซากทัพของจักรวรรดิคอยคุ้มกัน
แมนดาโลเรี่ยนเยือนดาวอาร์วาลา 7 (Arvala-7) และได้ตัวเจ้าหนูอายุ 50 ปีมาไว้ข้างกาย แต่ระหว่างภารกิจกลับพบอุปสรรคเหนือความคาดหมายเข้า
นั่นคือยานอวกาศที่เขาจอดทิ้งไว้ ถูกพวกเซียงกงลักลอบรื้อชิ้นส่วนซะพังเละ
จนจำใจต้องบุกรังแรดขนตัวใหญ่ เพื่อนำไข่แรดสุดอร่อยไปแลกอะไหล่คืนจากพวกเซียงกง
แมนโดเกือบโดนฆ่า ทว่ารอดชีวิตมาเพราะไอ้หนูวัย 50 ใช้ 'พลัง' ช่วยไว้
[สปอยล์ตอน 3] แมนดาโลเรี่ยน พาเด็กขึ้นยานเหินข้ามดาว แล้วส่งตัวเจ้าหนูแก่นายจ้าง
นายจ้างกล่าวชื่นชมในฝีมือ พร้อมตบรางวัลให้อย่างดี ด้วยการมอบเบสคาร์ปริมาณมากขนาดใช้หลอมสร้างเกราะใหม่ได้ทั้งชุด
แต่หลังจากหมอคนหนึ่งซึ่งทำงานให้นายจ้างผู้นี้ นำตัวเด็กไปพ้นสายตา
แมนโดกลับเอ่ยปากถามว่าจะทำอะไรกับเด็ก ทั้งที่การถามเช่นนี้มันผิดธรรมเนียมของการทำงาน
แมนโดยอมรับรางวัลและเดินออกจากเคหสถานของนายจ้างออกมา แม้ไม่ได้รับคำตอบใดๆ
พระเอกนำโลหะไปสั่งทำเกราะใหม่กับช่างตีเหล็กเผ่าแมนดาลอร์ และก็โดนเพื่อนร่วมเผ่าคนหนึ่งวิจารณ์ว่าที่มาไม่เหมาะสม เพราะเบสคาร์เหล่านี้มีตราจักรวรรดิ
ระหว่างรอเกราะใหม่ผลิตเสร็จ พระเอกใช้เวลาว่างนั่งรำลึกความหลังครั้งเยาว์วัย สมัยนั้นเขาเคยต้องหนีตายจากการโจมตีของกองทัพดรอยด์
ดูเหมือนว่าพ่อแม่ของเขาเสียชีวิตในการโจมตี และภาพความทรงจำของเขาก็หยุดที่ตอนกำลังจะถูกดรอยด์ตัวนึงสังหาร
จากนั้นพระเอกก็สวมเกราะใหม่ไฉไลเดินเข้ากิลด์ เพื่อของานชิ้นถัดไปจากกรีฟ คาร์กา (Greef Karga) ผู้เป็นหัวหน้ากิลด์
โดยเรื่องของเด็กชายผู้ใช้พลังยังคาใจแมนโดไม่เลิก เขาจึงถามว่าเด็กจะโดนทำอะไร
กรีฟเลยบอกว่าถ้าสงสัยมาก ลองแจ้งเรื่องกับทางสาธารณรัฐที่ก่อตั้งใหม่ดู แต่ถ้าจะให้ดีจงลืมเรื่องนี้เสียดีกว่า
ทว่าแมนโดมิอาจปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป, เขาลอบสังเกตการณ์เคหสถานนายจ้าง
และเมื่อดักฟังการสนทนาของนายจ้างกับหมอ ก็พบว่านายจ้างอยากให้ชำแหละเด็กเอาส่วนที่จำเป็นออกมาแล้วจบๆ ไป
ในขณะที่หมอยืนกรานเรื่องชายคนหนึ่งสั่งไว้ชัดเจน ว่าต้องการเด็กคนนี้แบบเป็นๆ
แมนโดบุกเดี่ยวเข้าชิงตัวเด็กจากเคหสถาน เขาไว้ชีวิตหมอผู้พยายามปกป้องชีวิตเด็ก, จัดการสตอร์มทรูเปอร์หลายนายก่อนโดนล้อมไว้
และพลิกสถานการณ์ด้วยของเล่นติดเกราะใหม่สุดเจ๋ง (แต่ใช้ได้แบบจำนวนจำกัด) อย่าง 'วิหคกู่ร้อง' (Whistling bird)
ซึ่งเป็นจรวดจิ๋วที่ส่งเสียงเหมือนนกร้อง พร้อมกับวิ่งเข้าไประเบิดใส่เป้าหมายด้วยตัวเอง โดยคนใช้ไม่จำเป็นต้องเล็งเป้านำร่องให้เมื่อย
พระเอกเดินอุ้มเด็กไปขึ้นยานของเขา แต่ระหว่างทางเจอกรีฟ คาร์กาและพวกนักล่าเงินรางวัลจำนวนมากเข้าโอบล้อม (เพราะเวลานี้พระเอกโดนตั้งค่าหัว)
พระเอกพยายามใช้กำลังตีฝ่าออกไปแต่ไม่สำเร็จ และในขณะที่เหตุการณ์ชวนสิ้นหวัง, เหล่าพี่น้องแมนดาโลเรี่ยนก็ยกโขยงกันมาช่วยเหลือ
พระเอกจึงพาเด็กขึ้นยานเหินสู่อวกาศสำเร็จ และเริ่มต้นการเดินทางเพื่อสืบเสาะเบาะแส ตามหาความจริงเบื้องหลัง
ของเหตุการณ์อันไม่ชอบพามากล ซึ่งเกิดขึ้นรายล้อมเด็กน้อยผู้ใช้พลังได้คนนี้
[วิจารณ์] คาดไว้แล้วว่าถ้าผู้สร้างไม่นึกสนุกสร้างจุดหักมุมชนิดหัวทิ่มแรงๆ แมนโดจะยอมตกที่นั่งลำบากเพื่อช่วยเด็ก
ซึ่งที่เดาไว้คือผู้สร้างจะใช้เวลาสำรวจจิตใจพระเอกจนจบตอน 3 แล้วโยกเอาเหตุการณ์บุกตะลุยช่วยเด็กไปตอน 4
เพราะถึงตอน 2 จะปูทางเรื่องนี้มาดี แต่จะให้ตัวละครที่ภาพลักษณ์เมื่อคราวเปิดตัวคือคนแล้งน้ำใจ
หันมาเสียสละเพื่อผู้อื่นอย่างจริงใจภายใน 1 ตอน มันก็อาจเจอปัญหาด้านความน่าเชื่อถือ
อย่างไรก็ตาม, ซีรีส์กลับเลือกใช้วิธีสำรวจจิตใจพระเอกเท่าที่จำเป็น และเพิ่มเหตุผลเพื่อเสริมแรงจูงใจแทน
โดยการเผยประวัติบางส่วนของเผ่าแมนดาลอร์ พร้อมนำเสนอความเคร่งครัด+ภาคภูมิใจในวิถีของพวกเขา
เพื่อให้คนดูเข้าใจว่าแมนดาโลเรี่ยนเกลียดพวกจักรวรรดิ
ดังนั้นการช่วยเด็กและเปิดโปงความจริงในแผนลับบางอย่างของซากทัพจักรวรรดิ ย่อมไม่ขัดกับวิถีแมนดาลอร์ แถมเพื่อนพ้องยังสนับสนุนอีกต่างหาก
โดยส่วนตัวถือว่างานด้านบทของตอน 3 สอบผ่านระดับที่ขอให้คะแนนเต็ม (เช่นเดียวกับตอน 2)
เพราะมันตอบโจทย์ทั้งด้านการเล่าเรื่องและบอกแรงจูงใจของตัวละคร แบบใช้เวลาค่อนข้างสั้นสำหรับซีรีส์ (แค่ราว 20 นาที)
ถ้าจะมีอะไรติก็แค่บรรดาฉากแอ็คชั่นของตอนนี้ ที่ผู้สร้างพยายามสงวนงบอย่างเห็นชัด ด้วยการจัดให้เกิดตอนกลางคืนหรือพาเข้าที่มืดลูกเดียว
แต่ข้อเสียนี้สามารถมองข้ามได้ไม่ยาก เพราะดูรู้เรื่องหมดว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง
ทำเอาติดใจ จนอยากให้เดินเรื่องตอนมืดบ่อยๆ เลยดีกว่า ถ้าจะจัดเต็มฉากแอ็คชั่นได้ตลอดขนาดนี้
[ปล.] ช่วงสัปดาห์ก่อนเห็นเว็บต่างประเทศบางแห่ง วิเคราะห์ว่าผู้ผลิตอาจหั่นซีรีส์ตอนแรกแยกฉายเป็นสองตอน (ประมาณว่า 1A กับ 1B)
เพื่อให้ได้ฉาย 2 ตอนใน 1 สัปดาห์ ด้วยหวังสร้างกระแส เพราะแต่ละตอนมันยาวเพียงราวๆ 30 นาทีบวกลบนิดหน่อย
ซึ่งจะส่งผลให้รวมๆ แล้ว 8 ตอนของซีซั่นแรกนานประมาณ 4 - 4.5 ชั่วโมงเท่านั้น (ยาวกว่าหนังโรงยุคเก่าที่มีช่วงพักให้คนดูลุกเข้าห้องน้ำแค่นิดหน่อย)
ปรากฏว่าตอน 3 ออกมายังยาวราวๆ 30 นาทีเหมือนกัน ฉะนั้นค่อนข้างชัดแล้วมั้งว่าซีรีส์มันไม่ยาวเท่าไหร่
(แต่ผมชอบนะ ได้ดูซีรีส์ที่มันกระชับๆ หน่อยบ้าง ไม่ใช่ว่าตอนนึงต้องยาว 40-60 นาทีเหมือนชาวบ้านถึงจะดีสักหน่อย)
[Spoil+Review] The Mandalorian Ep.3 >>วิหคกู่ร้อง